“คัดเสร็จเร็วนัก?” ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปยังคัมภีร์ที่วางซ้อนกันอย่างสงสัย นางยื่นมือออกไปสุ่มหยิบออกมาหนึ่งเล่ม พบว่าภายในเป็ลายมือของคนคนเดียว
“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ คุณหนูสี่ยังยืนอยู่ข้างนอกเ้าค่ะ” แม่นมย้อนคิดไปถึงท่าทางของหลิ่วอวิ๋นหลี่เมื่อครู่ ก็เกิดความลังเลขึ้นมา
ฮูหยินผู้เฒ่ามองนาง แม่นมลังเลครู่หนึ่ง แล้วจึงเปิดปากกล่าว “เมื่อครู่บ่าวเห็นคุณหนูสี่ รู้สึกราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคนเลยเ้าค่ะ”
“หือ?” เพียงแค่คืนเดียว ก็สามารถเปลี่ยนเป็คนละคนได้หรือ? “ให้นางเข้ามาเถิด”
สตรีผู้สวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีเขียวอ่อนเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า ช่างดูแตกต่างกับเมื่อวาน นางหลุบตาต่ำอย่างว่านอนสอนง่าย บนใบหน้าปรากฏความเสียใจเล็กน้อย ท่าทางสงบเงียบทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกสบายตาขึ้นมาก
หลิ่วอวิ๋นหลี่คุกเข่าลง ท่าทางจริงจัง “ท่านย่าเ้าคะ อวิ๋นหลี่สำนึกผิดแล้วเ้าค่ะ”
“หือ?”
“อวิ๋นหลี่ควรจะเข้าใจความปรารถนาดีของท่านย่า เป็อวิ๋นหลี่ที่หุนหันพลันแล่น กระทำไปโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ หลังจากนี้อวิ๋นหลี่จะเพิ่มพูนความสามารถของตน หวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถแบ่งเบาภาระท่านย่าได้เ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางจริงใจ ท่าทางทั้งสงบและเศร้าโศกทำให้ผู้คนเกิดความเห็นอกเห็นใจไม่น้อย
ดูเหมือนการให้นางคัดคัมภีร์จะมีประโยชน์อยู่ไม่น้อย อี๋เหนียงเพิ่งจะจากโลกนี้ไป นางก็สามารถปรับอารมณ์ของตนได้เร็วขนาดนี้ ช่างหาได้ยากจริงๆ
“เมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนหรือ?”
“จิตใจร้อนรนยากสงบ จึงอยู่คัดทั้งคืน ได้รับคติข้อคิดมาไม่น้อยเ้าค่ะ” มือของหลิ่วอวิ๋นหลี่ในยามนี้ยังคงสั่นเทาอยู่บ้าง นางคัดคัมภีร์ให้จบอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อจะได้ออกมาเร็วๆ และดำเนินตามแผนการของตนเร็วขึ้นอีกนิด
“อืม ดีแล้ว ลุกขึ้นเถิด”
“ท่านย่าเ้าคะ อวิ๋นหลี่ยังมีอีกเื่หนึ่งอยากจะขอร้องเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเลิกขึ้นขึ้นเล็กน้อย รอให้นางพูดออกมาอย่างสงบ
“ท่านแม่นอนป่วยติดเตียง อวิ๋นหลี่อยากจะไปปรนนิบัติใกล้ชิดเพื่อแสดงความกตัญญูเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าประหลาดใจ นางถึงกับขอไปปรนนิบัติเหลยซื่อในห้องด้วยตัวเองเชียวหรือ? แต่เมื่อคิดอีกที ฮูหยินผู้เฒ่าก็เข้าใจ “หายากที่เ้าจะมีใจคิดกตัญญู ไปเถิด ปรนนิบัติมารดาของเ้าร่วมกับพี่ใหญ่พี่รองให้ดี”
“เ้าค่ะ ท่านย่า”
เมื่อหลิ่วอวิ๋นฮว๋าเห็นสตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าพลันเย็นเยียบลง ทว่าไม่ได้กล่าวอะไร
นางมาทำอะไร? หรือจะมีแผนการอะไรซ่อนอยู่
อย่างไรก็ตามหลิ่วอวิ๋นหลี่ราวกับไม่เห็นสายตาระแวงระวังและไม่พอใจของอีกฝ่าย “พี่รอง” นางกล่าวเสียงอ่อน ราวกับมีความเสียใจเจืออยู่
เมื่อนำนางเข้าไปในห้องแล้ว หลิ่วอวิ๋นฮว๋าก็มองตรงไปยังน้องสี่ที่ราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคนอย่างพิจารณา ท่าทางของอีกฝ่ายมีความเศร้าเสียใจปกคลุมอยู่จางๆ “พี่รองเ้าคะ น้องสี่พิจารณาตนเองมาหนึ่งคืนแล้ว จึงคิดตกไปหลายเื่เ้าค่ะ”
น้ำตาของนางไหลออกมาในพริบตา เพียงแต่หลิ่วอวิ๋นฮว๋าไม่ใช่คนที่เห็นใจใครง่ายๆ
“ตลอดมาข้าก็ทำเื่ผิดพลาดไปมาก เื่ของอี๋เหนียง เป็ข้าจัดการไม่ได้เอง วันหน้าจะไม่กระด้างกระเดื่องต่อท่านพี่อีก วันนี้หลิ่วอวิ๋นซูกำลังได้รับความโปรดปราน ไม่เห็นพวกเราพี่น้องอยู่ในสายตาเลยสักนิด ข้าคิดใคร่ครวญดูแล้ว คิดว่ายังมีท่านพี่ที่จะให้อภัยข้าได้ สถานการณ์ตรงหน้านี้ พวกเราควรจะสามัคคีกัน ร่วมกันรับมือนังงูพิษหลิ่วอวิ๋นซู นอกจากนี้ อนาคตในวันหน้าของข้า ก็ต้องอาศัยท่านดูคอยดูแลแล้วเ้าค่ะ”
หลิ่วอวิ๋นฮว๋ายิ้มเย็นอยู่ในใจ ดูเหมือนนางจะคิดได้แล้ว เมื่ออนุรองตายไป นางก็ไม่มีอะไรเป็หลักประกัน อีกทั้งการแต่งงานในอนาคตของนางก็อยู่ในกำมือของมารดาตน ดังนั้นตอนนี้จึงได้มาขอโทษตนเอง
หลิ่วอวิ๋นหลี่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบอะไร ก็รีบเช็ดน้ำตาแล้วคุกเข่าลง “ท่านพี่จะให้อภัยความไร้มารยาทของข้าเมื่อก่อนได้หรือไม่เ้าคะ หากท่านพี่ไม่เต็มใจจะช่วยข้า เช่นนั้นสู้ข้าตายไปเลยยังจะดีเสียกว่า จะได้ไม่ต้องทนเห็นนังอวิ๋นซูที่ทำร้ายอี๋เหนียงของข้าอยู่อย่างสบายเช่นนี้”
เมื่อพูดถึงอวิ๋นซู น้ำเสียงของนางก็กลายเป็โเี้ หลิ่วอวิ๋นฮว๋าปล่อยให้นางคุกเข่าบนพื้นไปสักพักหนึ่ง สุดท้ายจึงเปลี่ยนท่าที “เ้าไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้ ระหว่างเ้ากับข้ายังจะต้องพูดเื่ช่วยไม่ช่วยอีกหรือ เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็หลิ่วอวิ๋นซูหาเื่เอง เพียงแต่ต้องลำบากเ้าแล้ว วันหน้าพวกเราพี่น้องรวมใจเป็หนึ่ง จะต้องตัดหางสุนัขจิ้งจอกของนังเด็กนั่นได้แน่!”
“ท่านพี่ ท่านให้อภัยข้าจริงๆ หรือ?”
“ให้อภัยไม่ให้อภัยอะไรกันเล่า อย่างไรเ้าก็เป็น้องสี่ของข้า เฮ้อ ลำบากเ้าแล้ว ข้าจะไปพูดกับท่านแม่เสียหน่อย วันหน้าหากมีของอร่อย ข้าจะแบ่งให้เ้าครึ่งหนึ่ง มีเสื้อผ้าและเครื่องประดับสวยๆ ก็จะแบ่งให้เ้าครึ่งหนึ่ง!”
เดิมทีหลิ่วอวิ๋นฮว๋าไม่คิดจะสนใจนาง แต่ว่าในเวลาชั่วพริบตานางก็เปลี่ยนใจ เื่ของอนุรองนางเองก็ครุ่นคิดอยู่นาน สาเหตุสำคัญที่อนุรองพ่ายแพ้ก็คือนางตัวคนเดียว หลิ่วอวิ่นซูสามารถร่วมมือกับอนุห้าได้ เช่นนั้นหากนางสามารถมีพันธมิตร นางไม่เชื่อว่าจะสู้ไม่ได้!
ส่วนหลิ่วอวิ๋นหลี่นั้นจะอย่างไรนางก็เป็เพียงแค่ลูกอนุ โชคชะตาล้วนอยู่ในกำมือท่านแม่ วันหน้านางไม่กล้าไม่ทำตามคำสั่งตนเองแน่ ยิ่งไปกว่านั้น หากเกิดเื่อะไรขึ้น นางก็สามารถมอบให้อวิ๋นหลี่ไปทำทั้งหมดได้ เกิดปัญหาก็ยังสามารถนำมาเป็แพะรับบาปได้ มีอะไรไม่ดีกัน
“ขอบคุณท่านพี่เ้าค่ะ สุขภาพท่านแม่ดีขึ้นหรือยังเ้าคะ? ข้า้ารินน้ำชาให้ท่านแม่สักถ้วย ที่ผ่านมาไม่ได้มาแสดงความกตัญญู ข้ารู้สึกละอายใจยิ่ง”
หลิ่วอวิ๋นซูยิ้ม “เ้ารอเดี๋ยว ตอนนี้ท่านแม่คงกำลังดื่มยาอยู่ ข้าจะไปพูดกับนาง”
...
ภายในห้อง เมื่อเหลยซื่อได้ฟังคำของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าก็พลันหัวเราะออกมาทันที “ฮ่าๆ ลูกอนุผู้นั้นฉลาดไม่น้อย รู้จักมาพึ่งพวกเรา เป็เช่นนี้ก็ดี มีคนมากขึ้นหนึ่งคนก็มีความสามารถเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น เ้าให้นางเข้ามาเถิด”
ยามเมื่อสตรีผู้รู้จักโอนอ่อนผ่อนตามยืนอยู่เบื้องหน้าเหลยซื่อ สายตาของเหลยซื่อก็เต็มไปด้วยความเมตตาและความเห็นใจ
“เด็กดี ได้รับความลำบากมาไม่น้อยเลยสินะ มาหาแม่เสียหน่อยเถิด”
“ท่านแม่ ท่านแม่...” น้ำตาของหลิ่วอวิ๋นหลี่ไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ นางรีบคุกเข่าลงข้างเตียง กุมมือเหลยซื่อแน่น “อวิ๋นหลี่อกตัญญูนัก หลายวันมานี้ไม่สามารถมายกน้ำชาให้ท่านแม่ได้”
“ไม่ตำหนิเ้าหรอก เื่อนุรองทำให้เ้าต้องลำบากมาก วางใจเถิด วันหน้าแม่จะดูแลเ้าให้ดี จะไม่ปล่อยให้คนพวกนั้นรังแกเ้าอีก!”
“ขอบคุณท่านแม่เ้าค่ะ”
...
เดิมทีหลิ่วอวิ๋นชิงคิดว่าจะไม่ได้พบหลิ่วอวิ๋นหลี่ที่ถูกปิดห้องสำนึกตนหลายวัน ไม่คิดว่าขณะที่กำลังเล่นกับน้องเก้าบนสนามหญ้า จะเห็นคนสองคนเดินพูดคุยหัวเราะคู่กันมา
ไม่จริงน่า นางไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่? นางเห็นหลิ่วอวิ๋นหลี่กับหลิ่วอวิ๋นฮว๋ากำลังพูดคุยกัน? ไม่ใช่ว่านางถูกลงโทษให้อยู่ในห้องสำนึกตนหรอกหรือ เหตุใดวันเดียวก็ออกมาแล้ว
หลิ่วอวิ๋นฮว๋าพูดอะไรบางอย่างแล้วเดินจากไป อวิ๋นหลี่เดินมุ่งไปยังเขตเรือนของอนุรองเพียงผู้เดียว
“ดูเหมือนพี่สี่จะดีใจนะเ้าคะ บอกออกมาให้น้องสาวอย่างข้าดีใจด้วยได้หรือไม่?” หลิ่วอวิ๋นชิงออกมาจากมุมยืนขวางหน้าอวิ๋นหลี่เอาไว้
อีกฝ่ายยิ้มน้อยๆ “ไม่มีอะไรหรอก น้องห้ากำลังเล่นกับน้องเก้าหรือ?”
“ท่านพี่อารมณ์ดีเช่นนี้ ดูแล้วท่านย่าคงใส่ใจไม่น้อย พี่สี่ถึงได้อยู่ในห้องพิจารณาความผิดเพียงหนึ่งวันก็เปลี่ยนไปเป็คนละคน ทำให้น้องสาวอย่างข้าอิจฉานัก”
แปลกจริง นางยิ้มเสแสร้งขนาดนั้น ทีเมื่อวานยังมีท่าทีราวกับได้รับความอยุติธรรมอยู่เลย หลิ่วอวิ๋นชิงไม่ชอบความรู้สึกในตอนนี้นัก
“น้องห้า เ้าพูดอะไรของเ้า?!”
ทันใดนั้น เสียงแข็งกร้าวเสียงหนึ่งดังขึ้น หลิ่วอวิ๋นชิงเห็นคุณหนูรองมีท่าทางตำหนินาง
“ในเมื่อน้องห้าอิจฉาขนาดนี้ ไม่สู้ให้พี่สาวอย่างข้าช่วยไปพูดกับท่านย่าให้เ้าเสียหน่อย ไปอยู่ในห้องพิจารณาความผิดสักหลายวันดีหรือไม่?”
“...ข้า ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” นี่มันอะไรกัน พี่รองถึงกับช่วยนางพูดเชียวหรือ
หลิ่วอวิ๋นหลี่ยื่นมือออกไปขวางหลิ่วอวิ๋นฮว๋า “ท่านพี่เ้าคะ เชื่อว่าน้องห้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ท่านพี่อย่าได้ตำหนินางเลย”
“...” หลิ่วอวิ๋นชิงรู้สึกยากที่จะรับความจริงนี้ได้ ทั้งสองถึงกับแสดงละครพี่สาวน้องสาวผูกพันลึกล้ำต่อหน้าตนเลยหรือ
“น้องห้า ยังไม่ขอโทษพี่สี่ของเ้าอีก!”
ตอนนี้หลิ่วอวิ๋นฮว๋าวางมาดในฐานะที่เป็บุตรีภรรยาเอก อวิ๋นชิงลอบด่าตนเองว่าซวยแล้ว ต้องขอโทษนางด้วยหรือ? แต่ดูท่าทางอีกฝ่ายแล้ว หากตนไม่ขอโทษ นางก็จะต้องวางท่าไปฟ้องท่านย่าแน่
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกไม่พอใจอยู่เต็มอก “พี่สี่ ข้าปากไวไปเอง หวังว่า...หวังว่าพี่สี่จะให้อภัย!”
เมื่อเห็นท่าทางถูกบีบบังคับของหลิ่วอวิ๋นชิง อารมณ์ของอวิ๋นหลี่ก็ดีขึ้นมาก ดูแล้วการตัดสินใจของตนจะไม่ผิดพลาด ความอัปยศอดสูใน่เวลาหนึ่งสามารถแลกพันธมิตรมาได้ วันหน้านางก็ไม่ต้องสู้รบตบมือด้วยตัวคนเดียวแล้ว
“เ้าอย่าได้ใส่ใจไปเลย ท่านพี่ พวกเราไปนั่งที่ศาลากันดีหรือไม่?”
หลิ่วอวิ๋นหลี่จูงแขนเสื้อของอวิ๋นฮว๋าเดินมุ่งไปทางสวนดอกไม้อย่างเบิกบานใจ “พี่ห้า เป็อะไรไปขอรับ?”
คุณชายเก้าเห็นหลิ่วอวิ๋นชิงไม่สนใจเขานานแล้ว จึงเดินเข้าไปดึงแขนเสื้อของนางอย่างสงสัย
มองเงาร่างทั้งสองห่างไกลออกไป อวิ๋นชิงกัดฟัน สะบัดแขนตนเอง “ออกไป! วุ่นวายจริง!”
“...แง” พริบตาที่คุณชายเก้าถูกทำให้ใ เสียงร้องอย่างรู้สึกไม่ได้รับความเป็ธรรมก็ดังตามมา ก้องไปทั่วทั้งระเบียงทางเดิน
ภายในเรือนไผ่
“คุณหนูหก วันนี้คุณหนูสี่ไปที่เรือนฮูหยินเ้าค่ะ”
ชุนเซียงนำทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ยินกลับมาบอกอวิ๋นซู สตรีที่ยามนี้แต่งกายเป็บุรุษแสดงท่าทางราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง ดูเหมือนการตายของอนุรองจะทำให้หลิ่วอวิ๋นหลี่เติบโตขึ้นไม่น้อย ทั้งยังรู้จักหาที่พึ่งให้ตนเองอีกด้วย
“ข้าจะออกไปสักครู่ หากแม่นมมาก็นำถุงหอมที่ข้าผึ่งแดดไว้ดีแล้วให้นางไป”
“เ้าค่ะ คุณหนู”
แม่นมข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าตอนนี้กลายเป็คนของอวิ๋นซูไปแล้ว ทุกครั้งที่นางมาส่งข่าวก็มักจะได้รับของเล่นที่อวิ๋นซูทำขึ้นมาเอง ล้วนเป็ของแปลกที่ไม่สามารถหาซื้อได้ในท้องตลาด สิ่งนี้ทำให้แม่นมกลายเป็คนขยันมากคนหนึ่ง
ม้าผอมแห้งกำลังวิ่งอย่างมั่นคงในป่า ณ สนามฝึกม้าของราชวงศ์ บุรุษทั้งสี่รออยู่ที่นั่นแล้ว
“ท่านอาจารย์อวิ๋น”
เป็เพราะนางไม่้าให้หลิ่วอวิ๋นเฟิงสังเกตถึงฐานะของตน พวกตงฟางซวี่จึงคิดการเรียกแบบนี้ขึ้นมา
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ทั้งสามประหลาดใจก็คือ อวิ๋นซูที่เปลี่ยนเป็ชุดบุรุษนั้น ั้แ่ที่ได้รู้ว่าจะต้องแข่งม้ากับแคว้นอี้ นางก็เข้มงวดขึ้นไม่น้อย ท่าทางจริงจังเช่นนี้ทำให้อดรู้สึกหวั่นๆ ในใจไม่ได้
“ฝีมือการขี่ม้าของคุณชายทั้งหลาย ผู้น้อยเชื่อว่าจะต้องโดดเด่นอย่างแน่นอน แต่การแข่งม้าไม่ได้อาศัยเพียงฝีมือ ยังต้องอาศัยทักษะด้วย”
เซียวอี้เชินเป็คนที่รักหน้าตาอย่างยิ่งยวด เขาอาจไม่ลงมือ หรืออาจโจมตีจุดตาย อย่างไรก็ตามหากเขา้าชนะ ก็ต้องชนะให้ถึงที่สุด หากการแข่งม้าในครั้งนี้แคว้นเฉินพ่ายแพ้ เซียวอี้เชินจะต้องทำให้พวกเขาลิ้มรสชาติของความล้มเหลวอย่างแน่นอน
ภายในป่าไม่ไกล สายตาครุ่นคิดจ้องมองไปยังสตรีตัวน้อยที่แต่งกายด้วยชุดบุรุษ มุมปากของเฟิ่งหลิงแย้มยิ้ม มองท่าทางถูกต้องตามมาตรฐานของนาง ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ไปเรียนรู้ความสามารถเหล่านี้มาจากที่ไหนกันแน่
่เวลาที่ทั้งสองได้คบค้าสมาคมกันนั้นไม่นาน แต่นางกลับเป็ดุจดั่งเหล้ากลิ่นหอมเข้มข้น ทุกครั้งที่กลับมาลิ้มรสล้วนไม่อาจลืมเลือนกลิ่นหอมอันเป็เอกลักษณ์ไปได้ คอยวนเวียนอยู่ในหัวเนิ่นนาน