บทที่ 130 การรวมตัวของเหล่าอัจฉริยะ
ด้านนอกประตูเรือนกลิ่นกำจรมีผู้คนมากมาย เสียงดังคึกคัก
ในลานเรือนก็มีชีวิตชีวาพอๆ กัน อัจฉริยะชายหญิงจากตระกูลต่างๆ มารวมตัวกันที่นี่ วุ่นวายนัก
นี่คือลานขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง มีเงาต้นไม้ไหว ทิวทัศน์เงียบสงบ ข้างๆ มีทะเลสาบกว้างใหญ่ที่เรียบนิ่งราวกับกระจก เหมือนผลึกใสอันประณีตที่สะท้อนสีท้องฟ้า
แม้ว่าจะมีคนไม่มากนัก แต่ทั้งชายและหญิงต่างก็มีพลังที่น่าทึ่ง อย่างน้อยพวกเขาก็เป็ผู้ฝึกฝนพลังยุทธ์ขั้นมหาสมุทร รวมตัวเป็กลุ่มเล็กๆ เพื่อพูดคุยกัน
การรวมตัวครั้งนี้ดึงดูดผู้คนที่โดดเด่นมามากมาย ชายหญิงเหล่านี้อาจเป็ทายาทของตระกูลมากอำนาจหรือศิษย์คนสำคัญของสำนักใหญ่ พวกเขาต่างก็สามารถเรียกได้ว่าเป็หงส์ัในหมู่คน
“พี่หม่า ไม่พบกันนานเสียจริง!”
“โอ้? ที่แท้ก็เป็คุณชายน้อยแห่งหุบเขารำพัน เ้าเองก็มาที่นี่เพราะชื่อเสียงของนางหรือ?”
“ฮ่าๆ คนงามไร้ผู้ใดเทียบได้นั้นหายาก หากได้ยลโฉมงามในวันนี้ แม้ว่าจะไม่ได้พาคนงามกลับบ้าน แต่การเดินทางครั้งนี้ก็นับว่าคุ้มค่า”
สองคนคุยกันอย่างอารมณ์ดี ทั้งคู่เป็นักรบหนุ่มที่แข็งแกร่ง พวกเขาหยิบเหล้าที่สาวใช้เตรียมไว้ ชนแก้วกัน และดื่มหมดในอึกเดียว
สุราอาหารที่เตรียมไว้ในงานนี้ล้วนแต่ทำมาจากยาบำรุงอันล้ำค่า มีประสิทธิภาพต่อผู้ฝึกตนอย่างมาก เห็นได้ว่า ผู้จัดงานคิดอ่านรอบคอบและจัดเตรียมงานอย่างดี
“เมื่อไรคนงามตระกูลฉู่จะออกมาเล่า? ข้ารอไม่ไหวแล้วนะ เอิ้ก~”
นักพรตหนุ่มคนหนึ่งดื่มเหล้าิญญาไปสองสามแก้วและเรอออกมา ใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อย มีอาการเริ่มมึนเมา
“รีบอันใด? กังวลไปก็ไม่อาจได้กินเต้าหู้ร้อน”
มีคนเตือนด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าพวกเขาจะตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่อัจฉริยะมารวมตัวกันในงานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทุกคนย่อมสามารถใช้โอกาสนี้สานสัมพันธ์กับกองกำลังอื่นๆ ได้
แน่นอนว่าที่นี่ยังมีนักรบรูปงามวัยเยาว์อีกหลายคนที่ล้วนมีภูมิหลังที่ดี เป็ที่สนใจของผู้คนมากมาย เสียงพูดคุยหัวเราะดังมาไม่ขาดสาย
“คนงามทั้งสองเอ๋ย เหตุใดจึงสวยเช่นนี้?!” ชายหนุ่มผู้ทรงพลังที่มีใบหน้าดุดันกอดหญิงหน้าตาดีสองคนไว้ด้วยความรู้สึกเป็สุขอย่างยิ่ง
“คุณชายตงฟางช่างมีเสน่ห์สมคำร่ำลือ ฮิๆ ในที่สุดสาวน้อยเช่นพวกข้าวันนี้ก็ได้ยลด้วยตนเอง…”
ภูมิหลังของผู้หญิงสองคนนี้ธรรมดามาก ครั้งนี้เพราะใช้เงินจำนวนมากเพื่อลักลอบเข้ามาหาผู้ที่มีความสามารถ
พวกนางแสร้งโถมตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของชายหนุ่มที่แข็งแกร่งคนนี้ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าชายคนนี้มีภูมิหลังที่ดี ไม่ควรมองข้าม พวกนางย่อมได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน
“นี่ ถ้ารับใช้ข้าอย่างดีล่ะก็ จะหินิญญาหรือโอสถวิเศษก็มีให้พวกเ้าเลือก!” คุณชายตงฟางหัวเราะ
ตงฟางสยงผู้นี้เป็อัจฉริยะรุ่นเยาว์จากเผ่าปีศาจวัว แม้ว่าเขาจะเ้าชู้ประตูดิน แต่พละกำลังของเขาก็น่ากลัวอย่างยิ่ง โดดเด่นไม่น้อยในหมู่คนรุ่นเดียวกัน
“หึ ขยะ”
ริมทะเลสาบ ชายหนุ่มที่มีใบหน้าเ็าพูดเยาะเย้ยและจ้องมองตงฟางสยงด้วยความรังเกียจอย่างยิ่ง
ชายคนนี้คือนายน้อยแห่งเคหาสน์เขากระบี่ มีภูมิหลังไม่ธรรมดา ด้วยสถานะนี้จึงดึงดูดความสนใจของหญิงสาวได้หลายคน แต่ในท้ายที่สุด พวกนางก็หวาดกลัวสายตาที่เ็าของเขา
“เ้าหนุ่มนั่นต้องเ็าขนาดนั้นเลยหรือ? ไม่ยอมพูดสักคำ คนในเขากระบี่ไร้จิตไร้ใจ หยิ่งผยองจริงๆ”
หญิงสาวที่คิดว่าตนงามพริ้มแต่ถูกละเลยก็รู้สึกเสียใจและกระซิบกระซาบ
“ฮ่าๆ พูดตามจริงแล้วเพราะเ้างามไม่พอไม่ใช่หรอกหรือ? ถ้าโม่ซิวนั่นไร้ใจจริงๆ จะถูกเทพธิดาตระกูลฉู่ดึงดูดมาได้อย่างไร?” ชายคนหนึ่งที่ร่วมเดินทางมาด้วยพูดขำๆ
เมื่อโม่ซิวได้ยินคำพูดเหล่านี้จากไกลๆ ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็เ็าและจ้องมองพวกเขาด้วยรังสีอำมหิต
ทันใดนั้น ขนของทั้งคู่ก็ลุกชัน ราวกับมีกระบี่เล่มคมมาจ่อคอ พวกเขาใมากจนเหงื่อเย็นไหลอาบ หันหลังวิ่งหนี ไม่กล้าต่อกร
“ทำไมที่นี่ถึงมีขยะเยอะเช่นนี้? มีขยะคิดจะแย่งผู้หญิงกับข้าด้วย หึ น่าขันเสียจริง”
โม่ซิวเยาะเย้ยและมองดูด้วยท่าทางโอ้อวด เขาแค่อยากให้คนงามอันดับหนึ่งปรากฏตัวออกมา เขาจะได้แสดงตัวเสียที
หลังจากนั้นไม่นาน ลานเรือนก็เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างก็หันความสนใจไปที่ทางเข้า
"ดูสิ พี่น้องตระกูเสวี่ยมาแล้ว!"
“ผู้พี่งามสง่าสูงส่ง ผู้น้องงามล้ำหวานหยด อัจฉริยะแห่งเมืองชุยเสวี่ยสมคำร่ำลือจริงๆ”
ในระยะไกล เสวี่ยหานเฟยและเสวี่ยหรูเยียนเดินเคียงข้างกันด้วยรอยยิ้มประดับหน้า ทั้งคู่สวมชุดสีขาวราวหิมะ มีรัศมีที่โดดเด่นแตกต่างกัน ปรากฏหมอกมัวทั่วร่างกายซึ่งสะดุดตามาก
ทันทีที่พวกเขาทั้งคู่ปรากฏตัว ชายหนุ่มหญิงสาวต่างก็เข้ามาพูดคุยด้วยทันที กระตือรือร้นกันอย่างมาก
คนที่ริเริ่มทำความรู้จักกับเสวี่ยหานเฟยย่อมเป็กลุ่มนักพรตหญิง พวกนางล้วนรีบเร่งแสดงด้านที่งดงามที่สุดออกมาเต็มที่
คุณชายชุยเสวี่ยผู้นี้รูปงามและแข็งแกร่ง ทั้งยังมีนิสัยสุภาพอ่อนโยน เป็อันตรายต่อแม่นางทั้งหลายจริงๆ
“คุณหนูเสวี่ย เสน่ห์ท่านพร่างพราวกว่าบุปผานัก ความงามเปล่งประกายกว่าเก่าก่อน เป็เกียรติดื่มกับข้าสักแก้วได้หรือไม่?”
“ได้ยินมาว่าคุณหนูเสวี่ย มีแรงบันดาลใจอันสูงส่ง ไม่สู้ให้ข้าท่องบทกวีให้ท่านฟังสักบทดีหรือไม่?”
ในขณะเดียวกัน ผู้ชายหลายคนล้อมเข้าหาเสวี่ยหรูเยียน นางโดดเด่นและเป็คนงามที่หาได้ยากจริงๆ
แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นว่าด้านหลังพี่น้องตระกูลเสวี่ย มีชายหนุ่มสวมหน้ากากคริสตัลสีดำอยู่
หรืออาจพูดได้ว่า ทุกคนเมินฉู่อวิ๋นเพราะคิดว่าเขาเป็คนรับใช้ของตระกูลเสวี่ย มาที่นี่ก็เพื่อรับใช้พี่น้องตระกูลเสวี่ย
แต่ฉู่อวิ๋นไม่สนใจเื่นี้ ทั้งนี่ยังเป็การเปิดโอกาสให้เขาเดินไปรอบๆ ตรวจสอบเรือนกลิ่นกำจรหลังนี้
“แม่นางเสวี่ย ข้าจะไปเดินดูรอบๆ”
ฉู่อวิ๋นเข้าไปกระซิบข้างเสวี่ยหรูเยียน แล้วหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ? คุณชายอวิ๋น! อย่าเดินเร็วนักสิ!”
เสวี่ยหรูเยียนที่หันกลับมาและพบว่าฉู่อวิ๋นเดินออกไปแล้ว ก็รีบพละตัวจากกลุ่มคนทันทีจนทุกคนแปลกใจ
“ข้าเคยเห็นคนรับใช้ติดตามนายไปทุกที่อยู่นะ แต่ไม่เคยเห็นนายของพวกเขาไล่ตามคนรับใช้เลย”
“เด็กป่าคนนี้มาจากไหนกัน? เขาเป็คนรับใช้ไม่ใช่หรือ?”
ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งค่อนข้างไม่พอใจ คนป่าคนนั้นเพียงพูดอะไรสักคำก็ทำให้ผู้หญิงสูงศักดิ์อย่างเสวี่ยหรูเยียนติดตามไปได้ น่าอับอายจริงๆ หรือนี่จะเป็ตัวปัญหาคนใหม่?
คิดว่าพวกเขาเป็ิญญาหรือ? ที่คิดจะไปก็ไป
หลังจากผ่านพ้นคลื่นมนุษย์มาแล้ว ฉู่อวิ๋นก็มาถึงด้านในสุดของลานเรือนที่อยู่ไกลออกไป มีหออาคารต่างๆ สูงตระหง่าน เขากำลังจะเดินลึกเข้าไปอีก
แต่ก่อนที่จะก้าวเข้าไป ก็มีเสียงขององครักษ์ดังขึ้น “ที่นี่คือศูนย์กลางของลานเรือน อาคันตุกะ โปรดยั้งฝีเท้า”
“ข้าหลงทาง อยากจะเดินเล่นสักหน่อย นี่รับแขกยังไงกัน?” ฉู่อวิ๋นเปลี่ยนเสียงและแสร้งทำเป็ไร้เดียงสา
“เชิญกลับเถอะ”
เสียงดังขึ้นอีกครั้ง ไม่ทราบแหล่งกำเนิดเสียง น้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ไหวติง
แต่ฉู่อวิ๋นรู้สึกได้ว่ารอบตัวของเขาในยามนี้มีรัศมีอันทรงพลังมากมายล้อมรอบ เป็พลังปราณของผู้แข็งแกร่ง ราวกับว่าหากก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวเขาจะถูกลงโทษทันที
“ขี้งก!”
ฉู่อวิ๋นด่าเสียงดัง ทำได้เพียงหันหลังกลับเท่านั้น ตอนนี้ไม่ใช่เวลาดีที่จะบุกรุกเข้าไป
จากนั้น เขาก็กลับไปที่ลานเรือนด้วยใบหน้าบึ้งตึง อึดอัดใจด้วยความโมโห ทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่ซินเหยาอยู่ที่นี่ แต่กลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง!
น่าโมโหเกินไปแล้ว!
“ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะทำลายลานที่เน่าๆ นี้เสีย!” ฉู่อวิ๋นปรามาสในใจ รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก และ้าระบายโทสะออกมา
เขาเดินไปที่พื้นที่จัดเตรียมอาหาร กัดผลเซียงกั่ว[1]ทีละลูก น้ำก็กระเซ็นไปทุกที่ จากนั้นเขาก็ยกแก้วเหล้าิญญาขึ้นดื่มจนหมด แล้วหายใจเข้ายาวๆ รู้สึกสบายตัวขึ้นมาไม่น้อย
“เหอะๆ คนนอกคอกนี่มาจากไหนกัน? ยกเหล้าิญญาขึ้นดื่มเป็น้ำเช่นนั้น ไม่แม้จะชิมรสชาติ ไม่มีใครที่ไม่รู้ความเช่นนี้อีกแล้ว”
ถัดจากเขา เมื่อมองดูการกระทำของฉู่อวิ๋น ชายหนุ่มผมสีฟ้าก็ส่งเสียงประชดประชัน
“ฮ่าๆ จะไปว่าเขาไม่ได้นะ เขาคนนี้ดูเหมือนจะเป็คนป่า อาศัยอยู่ในที่โล่งแจ้งมานาน ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน จะกินมากหน่อยก็เป็เื่ปกติ ยิ่งเป็ผลไม้แปลกตา เครื่องดื่มิญญาเช่นนี้ด้วยแล้ว?”
ชายหนุ่มอีกคนที่มีดวงตาตี่ยกยิ้มเล็กน้อย ดวงตาฉายแววดูถูกเหยียดหยาม
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ฉู่อวิ๋นก็หรี่ตา เหลือบมองไปที่ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ทั้งสองคน
เดิมทีเขาก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว แถมตอนนี้ยังมีคนมายั่วยุอีก ทำให้เขาโกรธขึ้นมาจริงๆ
“มองอะไร? เ้าคนบ้านนอก กินผลไม้ดื่มเหล้าของเ้าต่อไปสิ!” หนุ่มผมสีฟ้าใจโหดชี้ไปที่ฉู่อวิ๋นแล้วตะคอก
“มีคนแบบนี้มาปรากฏตัวในงานเลี้ยงนี้ได้อย่างไร? นี่ทาสสุนัขของใครกัน? เ้านายไม่มารับผิดชอบหน่อยหรือ?” ชายหนุ่มตาตี่ยกมือกอดอกแล้วเยาะเย้ย
เมื่อเผชิญกับการเย้ยหยันของคนทั้งคู่ ฉู่อวิ่นก็เช็ดปากและพูดอย่างเฉยเมย “ที่นี่มีอาหารมากมาย ข้ากินคนเดียวก็คงกินไม่หมด เดี๋ยวข้าป้อนพวกเ้าเอง!"
ทันทีที่พูดจบ ฉู่อวิ๋นก็รีบหยิบตะกร้าผลไม้ิญญาขึ้นมาและวิ่งตรงไปราวกับภูตผี เร็วมากจนเด็กหนุ่มทั้งสองไม่อาจตอบโต้ได้ทัน!
เขาโจมตีราวกับสัตว์ปีศาจที่ดุร้าย ทรงพลังยิ่งนัก เริ่มแรกเขาเอาชนะชายหนุ่มตาตี่ก่อนแล้วนั่งทับตัวเขา จากนั้นก็ยัดผลไม้ิญญาเข้าไปในปากทีละลูก
“อื้ออื้อ...” ชายหนุ่มตาตี่สำลักทั้งน้ำตา เ็ปอย่างยิ่ง จนอยากจะชกหมัดสวนออกไป
แต่กลับต้องพบว่าเขาไม่อาจทำอะไรฉู่อวิ๋นได้เลย ได้แต่ถูกทับไว้เช่นนี้ ขยับตัวไม่ได้ น่าหงุดหงิดยิ่งนัก
“เ้าคนป่า! เ้ากล้าหรือ!?” เมื่อเห็นเช่นนั้น เด็กหนุ่มผมสีฟ้าก็ตะคอกด้วยความโกรธ ปล่อยหมัดออกไปหมายจะสั่งสอนฉู่อวิ๋น
แต่ก่อนที่จะปล่อยออกไป หมัดนั้นก็ถูกฉู่อวิ๋นสกัดไว้ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ชายหนุ่มผมสีฟ้าใ เกิดอะไรขึ้น? นักรบในขอบเขตควบแน่นพลังปราณสกัดกั้นหมัดของเขาได้ด้วยมือเดียว?
“ถึงตาเ้าแล้ว!"
ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ฉู่อวิ๋นเตะชายหนุ่มตาตี่ที่กำลังอาเจียนออกไป จากนั้นจึงยืนขึ้นและเดินเข้าไปหาช้าๆ
“เ้า... เ้าจะทำอะไร?!”
ชายหนุ่มผมสีฟ้าตื่นตระหนกและถอยหลังไปครึ่งก้าวอย่างลืมตัว ความแข็งแกร่งของคนป่านี้ดูจะไม่ธรรมดา! ถึงกับสามารถเตะนักรบขั้นมหาสมุทรให้ปลิวไปได้?!
“เหล้าิญญาล้ำค่า อย่าสิ้นเปลือง!”
ฉู่อวิ๋นหัวเราะคล้ายภูตผีปีศาจ รีบวิ่งออกไปในทันที จากนั้นก็จับตัวชายหนุ่มผมสีฟ้าด้วยมือเดียว ยกกาเหล้าขึ้นด้วยมือขวาแล้วกรอกปากอีกคนจนสำลัก น้ำหูน้ำตาน้ำลายไหลเพรื่อ เ็ปอย่างยิ่ง
“หยุด... หยุดกรอก... แค่กๆๆ... ข้ารับไม่ไหวแล้ว!” ชายหนุ่มผมสีฟ้าทนไม่ไหวจนต้องร้องขอความเมตตา ขืนยังคงถูกกรอกปากเช่นนี้ ถ้าเขาสำลักตายคงไม่ยุติธรรมต่อตนเองเท่าใดนัก
ในที่สุด เมื่อเหล้าหมดกา ฉู่อวิ๋นก็ยกยิ้มแล้วเอ่ยว่า “พอใจกับเหล้ากานี้หรือไม่? ยังอยากได้อีกสักกาไหม?”
“แค่กๆๆ... ไม่! ไม่แล้ว!”
หนุ่มผมสีฟ้าไอค่อกแค่กพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธด้วยเสียงสั่นๆ เขากลัวแล้วจริงๆ ดูท่าพวกเขาจะหาเื่ผิดคนแล้ว
“ไสหัวไป!”
ฉู่อวิ๋นะโอย่างเกรี้ยวกราดและเตะชายคนนั้นลอยละลิ่วไปเหมือนลูกตะกร้อ และบังเอิญตกลงไปที่หนุ่มตาตี่ที่นอนอยู่
ด้วยเสียง “พลั่ก” ทั้งสองก็นอนทับกัน สายตาวิงเวียน เืไหลออกจากมุมปาก
“ฮู่ว... ไม่มีใครรับมือได้เลยสักคน” ฉู่อวิ๋นถอนหายใจ หลังจากการทุบตีรอบนี้ ในที่สุดเขาก็อารมณ์เย็นลงมาหน่อย
ในยามนี้ มีการเคลื่อนไหวใหญ่ในลานกว้างอย่างกะทันหัน ผู้คนที่กระจัดกระจายเริ่มกลับมารวมตัวกันและมองไปยังด้านในสุดของลานเรือน สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ตรงนั้นดูเหมือนจะมีคนปรากฏตัวแล้ว
------------
[1] ผลเบอร์รี่