เฉียวเยว่ยืดพุงน้อยๆ เดินไปตรวจตราอย่างละเอียดทีละคน
นางเดินวนอยู่แถวบ่าวชายสองรอบ ก็ไม่พบบุรุษที่ลงมือ
แต่นางรู้ว่าคนผู้นี้ต้องเป็คนในบ้านของพวกเขาแน่นอน เพราะนางมีความทรงจำต่อดวงหน้านี้ เพียงแค่นึกไม่ออกว่าเป็ผู้ใด
เฉียวเยว่นึกโทษตัวเองอยู่บ้าง เนื้อแท้ข้างในเป็ผู้ใหญ่แท้ๆ แต่เหตุใดความจำถึงย่ำแย่นัก หากนึกออกว่าคนผู้นั้นเป็ใคร ก็ไม่จำเป็ต้องมาหาคนแบบนี้
ริมฝีปากเล็กจ้อยเม้มเข้าหากัน เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก ถามอย่างลังเล "ท่านพ่อ ไม่ขาดสักคนแน่หรือเ้าคะ?
หมายความว่าที่นี่ไม่มี
ซูซานหลางเรียกพ่อบ้านมา บ่าวชายในจวนทั้งหมดล้วนมารวมอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ขาดแม้แต่คนเดียว
เฉียวเยว่รู้สึกท้อแท้ นางไปดูทางฝ่ายหญิงต่อ ดูเหมือนว่าสตรีคนนั้นจะชื่ออาอวี้
แม้ตอนนั้นจะได้ยินไม่ชัดเจนนัก แต่ก็ยังพอจับใจความได้อยู่
นางจึงพูดออกไปตรงๆ "คนในสามเรือนของเรา ใครชื่ออาอวี้?"
สาวใช้สองสามคนที่รู้จักอาอวี้ต่างเอี้ยวศีรษะหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง เฉียวเยว่จึงเห็นนางโดยไม่ต้องค้นหา
อาอวี้หน้าซีดเผือดในบัดดล
นิ้วมือเล็กจ้อยอวบอ้วนของเฉียวเยว่ชี้ไปที่อาอวี้ พลางร้องเสียงดัง "เป็นาง!"
สิ้นคำกล่าว ก็เห็นซูซานหลางให้คนคุมตัวอาอวี้ไป แต่ไม่รู้ว่านางถูกจับไปที่ใด เพียงพริบตาเดียวอาอวี้ก็เป็ลมหมดสติ คนถูกลากตัวไป ซูซานหลางอุ้มบุตรสาวขึ้น "ไป พ่อจะพาเ้ากลับห้อง"
ซูซานหลางมักอ่อนโยนอยู่เป็นิจ หากไม่เกี่ยวพันถึงภรรยาและบุตร เขาก็ไม่ชอบเ้ากี้เ้าการมากมาย เพียงแต่หลายปีมานี้ ความหวาดวิตกก็ยังคงอยู่
นึกถึงเหตุการณ์ลอบสังหารที่น่ากลัวในปีนั้น แรงมือเขาก็หนักขึ้นหลายส่วน
เฉียวเยว่รู้สึกได้ว่ากำลังของบิดาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดวงหน้าเล็กจ้อยก็เงยขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงแ่เบา "ท่านพ่อ ท่านมือหนักเกินไปแล้ว"
ซูซานหลางได้สติกลับมา ก็รีบตบๆ ปลอบโยน แม้ว่านางจะห้าขวบแล้ว แต่ในสายตาของซูซานหลาง ก็เป็เพียงเด็กน้อยน่ารักที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้
"ครานี้พ่อดูแลเฉียวเฉียวไม่ดี เื่อันตรายเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นเป็ครั้งที่สองอย่างเด็ดขาด"
เฉียวเยว่เอ่ยเสียงเบา "ข้าทราบ ทุกคนล้วนปกป้องข้า"
เกิดเื่ราวใหญ่โตที่เรือนของซูซานหลาง ทางเรือนหลักไหนเลยจะไม่ทราบสถานการณ์ทางนี้ นายท่านผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าต่างมาด้วยตนเอง
ซูซานหลางอุ้มบุตรเดินเข้าประตูไปก็เห็นทุกคนอยู่พร้อมหน้า
เฉียวเยว่ไม่เห็นหน้าท่านปู่มาหลายวัน ก็ชูมือน้อยๆ ด้วยความดีใจ "ท่านปู่!"
ั้แ่นางแล่นไปนอนที่เรือนหลักก็ยึดครองท่านย่าไว้คนเดียว แม้ท่านปู่ดูท่าจะดีใจแต่ก็กลับกลอกตาปะหลับปะเหลือกใส่นาง
"อ๋า... ท่านปู่ ในที่สุดท่านก็ให้อภัยข้าที่ชิงตัวท่านย่าไปแล้วใช่หรือไม่?" นางเริงร่าสดใสอย่างยิ่ง "อุ้มๆ"
ในบรรดาหลานชายหลานสาวทั้งหมด นายท่านผู้เฒ่าโปรดปรานหลานสาวผู้ร่าเริงซุกซนคนนี้ที่สุด คนชราแล้ว มักชอบความครึกครื้นสนุกสนาน
เขาแสร้งทำสีหน้าบึ้งตึง เอ่ยว่า "ใครจะอุ้มยายหนูจอมซนอย่างเ้ากัน"
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่กลับยื่นมือรับเฉียวเยว่ ซูซานหลางไม่ยอมปล่อยมือ ทั้งยังถอยหลังไปหนึ่งก้าว "เฉียวเยว่ตกน้ำ ร่างกายมีไอความชื้น ท่านพ่อเลี่ยงไว้ดีกว่าขอรับ"
เสื้อผ้าเปลี่ยนเป็ชุดสะอาดสะอ้านนานแล้ว
เสื้ออ่าวแบบผ่าหน้ากลัดกระดุมปักลายดอกโบตั๋นสีแดง กระโปรงจีบม้า [1] สีเงิน เสื้อคลุมกันลมสีแดงตัวใหญ่คลุมทับทั้งตัว
นายท่านผู้เฒ่ากลอกตาใส่บุตรชาย ค่อนขอดในใจ เ้าเด็กบ้าชอบขัดขวางไม่ให้พวกเขาสองปู่หลานได้สานสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน
"ภรรยาซานหลางเป็อย่างไรบ้าง?" ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นเฉียวเยว่ไม่เป็อันใด ก็ถามถึงบุตรสะใภ้ สะใภ้คนนี้เป็คนเงียบขรึม อ่อนโยน รักใคร่ปรองดองกับบุตรชายอย่างล้ำลึก ฮูหยินผู้เฒ่าจึงไม่ปรารถนาให้เกิดสิ่งใดกับนาง
ท่านหมอยังตรวจชีพจรให้ไท่ไท่สามในห้อง ยังไม่ออกมา ซูซานหลางก็ยังไม่รู้ว่าเป็เช่นไรเหมือนกัน รีบสั่งคนให้ไปดู
ไม่ช้าท่านหมอก็เดินออกมา เขาค้อมกายโค้งคำนับ กล่าวคารวะ
เฉียวเยว่รอไม่ไหวรีบถามทันควัน "มารดาข้าเป็อย่างไรบ้าง"
ท่านหมอมองซูซานหลางเงียบๆ คิดว่าบางคำพูดไม่ควรกล่าวออกไปโดยตรง
"ต้องพิษบางอย่าง แต่ก็ยังต้องดูอาการต่อว่าเป็เช่นไร" คำกล่าวของเขาค่อนข้างกำกวม ซูซานหลายได้รับสัญญาณขยิบตาจากเขา ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจโดยไม่ต้องบอกกล่าว
นายท่านผู้เฒ่าเอ่ย "เมื่อเป็เช่นนี้ ก็รักษาอย่างดีเถอะ" หลังจากนั้นก็หันไปมองไท่ไท่ใหญ่ "มารดาพวกเ้าอายุมากแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาก็ให้เ้าดูแลจัดการเื่ราวในจวนทั้งหมด เพียงแต่การดูแลจวนหาใช่เพียงแค่การดูแลเื่หุงหาอาหาร แต่เื่ราวใหญ่น้อยทั้งในและนอก เื่คนต้องรู้จักกะเกณฑ์ เหตุการณ์ครานี้ ข้าไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้นเป็ครั้งที่สอง"
ไท่ไท่ใหญ่งดงามเป็กุลสตรีแฝงไปด้วยกลิ่นอายของสตรีสกุลใหญ่ นางตอบอย่างจริงจัง "ท่านพ่อโปรดวางใจ ต่อไปข้าจะเข้มงวดเื่บ่าวในจวนมากขึ้นเ้าค่ะ"
เื่ครานี้เดิมทีไม่ใช่ความผิดของนาง หากมีใครคิดจะสังหารคนจริง ย่อมเสาะหาโอกาส แต่หากไท่ไท่ใหญ่ปัดภาระให้พ้นตัว รังแต่จะทำให้ผู้อื่นชิงชัง อย่างไรเสียสิ่งที่เกิดกับเด็กก็เป็เื่จริง
ท่าทีของไท่ไท่ใหญ่ทำให้นายท่านและฮูหยินผู้เฒ่าพึงพอใจมาก
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เหมือนนายท่านผู้เฒ่ายังต้องสงวนท่าที นางเอ่ยขึ้นมา "เฉียวเฉียว มาให้ย่ากอด"
เฉียวเยว่บิดร่างอ้วนๆ ไปมาอย่างแรง
ซูซานหลางจนปัญญา ต้องวางบุตรลง
เฉียวเยว่วิ่งตื๋อเข้าสู่อ้อมแขนของฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่ารีบตรวจสอบด้วยความเป็ห่วงแทบตาย "แม่เสือน้อยอย่างเ้าถึงกับะโลงน้ำไปเอง เ้าจะทำให้พวกเราใตายใช่หรือไม่ วันหลังอย่าไปสถานที่ปลอดผู้คนเยี่ยงนั้นอีก ไม่ว่าเวลาไหนก็ต้องมีผู้ติดตามข้างกาย"
นางยกมือขึ้นโบก เรียกสาวใช้ด้านหลังออกมา "ต่อไปอวิ๋นเอ๋อร์จะติดตามเ้า แล้วก็ให้มารดาเ้าจัดคนมาให้เ้าเพิ่มอีกคน มีเหตุอันใดจะได้ช่วยดูแลซึ่งกันและกัน"
อวิ๋นเอ๋อร์เป็คนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่า และเป็บุตรสาวของหมัวมัวประจำตัวของนาง
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างเฉลียวฉลาด "เ้าค่ะ"
น้ำเสียงใสกังวานเปี่ยมไปด้วยพลัง
ฮูหยินผู้เฒ่าค่อยสบายใจขึ้นหลายส่วน
ทุกคนล้วนอยู่เรือนสาม มีเสียงรายงานจากหน้าประตู "เรียนนายท่านสาม คุณชายน้อยจวนแม่ทัพิ่มาขอพบขอรับ
เป็ิ่จื้อรุ่ย
เฉียวเยว่ร้องซี้ดพลางทำท่าปวดฟัน
ซูซานหลางทำตาขวางใส่บุตรสาว "รีบไปเชิญเข้ามา"
"เอาล่ะ เอาล่ะ ทุกคนก็กลับไปเถอะ เฉียวเยว่ไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว ผู้าุโอย่างพวกเราต้องอยู่เล่นกับเด็กๆ ที่นี่หรืออย่างไร" ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือ "ฟ้ามืดแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ"
ใช่ ฟ้ามืดแล้ว เลยเวลาห้ามออกจากเคหสถานแล้วด้วย ิ่จื้อรุ่ยจะมาทำไม?
เื่เมื่อกลางวันย่อมแพร่งพรายออกไป แต่บัดนี้ก็ค่ำมืดแล้ว ย่อมจะมีความหมายลึกซึ้งให้คนต้องขบคิด
ทุกคนต่างออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นคนไปกันหมดแล้ว เฉียวเยว่ก็ถามอย่างร้อนใจ "ท่านแม่ข้าเป็อย่างไรบ้าง?"
ซูซานหลางไม่คิดจะบอกนาง "มารดาเ้าไม่เป็อันใด เ้าอยู่เฉยๆ เถอะ ข้าว่าที่จื้อรุ่ยมา แปดส่วนเพราะมาเยี่ยมเ้า"
บางคราบุพเพสันนิวาสระหว่างผู้คนก็ยากเอื้อนเอ่ย ซูซานหลางไม่เข้าใจ เฉียวเยว่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบจื้อรุ่ย เพราะเหตุใดเขากลับชอบเฉียวเยว่เป็พิเศษ แม้ว่าเขาเองจะไม่เคยยอมรับ แต่การแสดงออกของเขากลับเต็มที่เสมอ
เฉียวเยว่ยู่ปาก รำพึงรำพัน "ศัตรูคู่แค้นผู้นั้นจะมาทำไม ข้าไม่อยากพบ"
ซูซานหลางถลึงตาใส่นาง "หากได้ยินเ้าพูดเหลวไหลอีก เ้าจะต้องถูกลงโทษ"
เด็กน้อยไม่เข้าใจความหมายแฝงอันคลุมเครือของคำว่าศัตรูคู่แค้น เขาผู้เป็บิดามิอาจละเลย
เฉียวเยว่ขยับริมฝีปากทันควัน
ขณะที่สองพ่อลูกกำลังคุยกัน ก็ได้ยินเสียงวิ่งตึงตังมาจากด้านนอก ได้ยินเสียงนี้ก็บ่งบอกได้ว่าพละกำลังของเขามากมายเพียงใด
เป็ดังคาด คนที่วิ่งมาหาใช่ใครอื่นแต่เป็ิ่จื้อรุ่ย ดูเหมือนว่าเขาจะวิ่งมาตลอดทาง เหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก
ดวงตาทั้งคู่สว่างเจิดจ้า จดจ้องเฉียวเยว่เขม็ง พลางหอบแฮ่กๆ "เฉียวเฉียว เ้าเป็อะไรมากหรือเปล่า"
คนนอกล้วนเรียกนางว่าเฉียวเยว่ ในจวนนี้มีเพียงซูซานหลางที่เรียกเฉียวเฉียวบ้างเป็ครั้งคราว ิ่จื้อรุ่ยเป็ศิษย์ของซูซานหลาง จึงมักเรียกเฉียวเฉียว เฉียวเฉียวอยู่เสมอ
เขาอยู่ในจวนได้ยินว่าเกิดเื่ที่จวนซู่เฉิงโหว และคนที่เกิดเื่ดูเหมือนจะเป็คุณหนูเจ็ดเฉียวเยว่ ก็รู้สึกนั่งไม่ติด แม้ว่าท่านย่าจะไม่อนุญาตให้เขาออกมา แต่เขายังคงลอบหนีออกมาจนได้
เฉียวเยว่วางตัวมีมารยาทอย่างยิ่ง "ขอบคุณพี่ชายิ่ที่ห่วงใย ข้าไม่เป็ไรเ้าค่ะ"
ิ่จื้อรุ่ยเห็นนางก็วิ่งเข้ามาถึงข้างกาย แล้วกอดเฉียวเยว่ไว้แน่น "เ้าไม่เป็อะไร ช่างดียิ่ง"
ิ่จื้อรุ่ยโตกว่าเฉียวเยว่ห้าปี ฝึกวรยุทธ์มาั้แ่เด็ก พอถูกกอดเช่นนี้ เฉียวเยว่ก็ไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว นางรู้สึกว่าตนเองถูกคนผู้นี้รัดจนแทบตายแล้ว
เฉียวเยว่ขัดขืนอย่างแรง ราวกับลูกเจี๊ยบตกน้ำ
เ้าเด็กเหลือขอน่าชังที่สุด!
ิ่จื้อรุ่ยเม้มปาก ยังไม่ปล่อยคน
ซูซานหลางเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นะเื "จื้อรุ่ย ปรกติอาจารย์เคยสอนเ้าเยี่ยงนี้หรือ?"
ิ่จื้อรุ่ยไม่ตอบ ยังคงกอดเฉียวเยว่ไม่ปล่อยมือ
"ปล่อยเฉียวเยว่"
พอได้ยินความโกรธจากถ้อยคำของอาจารย์ ในที่สุดิ่จื้อรุ่ยก็ยอมปล่อยมือ ทันทีที่ได้รับอิสระ เฉียวเยว่ก็วิ่งไปหลบด้านหลังของซูซานหลางทันที ปากก็ค่อนแคะ "เด็กเวรแท้ๆ เลย"
น้ำเสียงราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย
"ค่ำมืดดึกดื่น จื้อรุ่ยมาด้วยเหตุใด?" ซูซานหลางจงใจถาม
เฉียวเยว่ชะโงกศีรษะออกมาจากหลังของบิดาพูดแทรกขึ้นว่า "ต้องหนีออกจากจวนมาแน่ๆ ข้ารู้ ต้องใช่แน่นอน"
พลางแสดงท่าทางว่าข้ารู้ทุกอย่าง
ิ่จื้อรุ่ยเห็นนางทำเช่นนี้ก็หัวเราะเยาะ เอ่ยว่า "ข้าไม่ได้หนีออกมาเสียหน่อย"
แต่ไม่กล้าพูดว่ามาเยี่ยมเฉียวเยว่ ิ่จื้อรุ่ยเป็เด็กน้อยหยิ่งยโสเอาแต่ใจเช่นนี้เอง
เฉียวเยว่แค่นเสียงฮึดฮัด
ซูซานหลางกล่าวอย่างเคร่งขรึม "จื้อรุ่ย อาจารย์ขอบใจที่เ้าห่วงใยเฉียวเยว่ ค่ำมืดแล้วยังอุตส่าห์มาเยี่ยมนาง แต่คนที่จวนของเ้าทราบหรือไม่ อีกอย่างนี่ก็เป็เวลาห้ามออกจากเรือนแล้ว เ้าจะกลับอย่างไร?"
ิ่จื้อรุ่ยก้มหน้าไม่ตอบ
มองปราดเดียวก็รู้ว่าลอบหนีออกมา
เฉียวเยว่มองความมืดด้านนอก รู้สึกอย่างล้ำลึกว่าเด็กคนนี้ขวัญกล้ามากจริงๆ
"เอาล่ะ ข้าจะส่งคนไปแจ้งข่าวที่จวนของเ้าเอง เ้ารั้งอยู่ก่อนชั่วคราว พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับเถิด" ซูซานหลางเห็นิ่จื้อรุ่ยก้มหน้าไม่พูดไม่จา ก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง "เ้าเป็เด็กโตแล้ว"
แต่ไหนแต่ไรมาเฉียวเยว่ไม่เคยนอนดึกเช่นนี้มาก่อน นางอ้าปากหาว ขยี้ตา ซูซานหลางจึงรีบกล่าวทันที "เอาล่ะ ลู่เจี้ยน สั่งคนให้จัดห้องพักแขกให้จื้อรุ่ย"
เขาอุ้มบุตรสาวขึ้นมา "ข้าจะส่งเฉียวเฉียวกลับห้อง"
ิ่จื้อรุ่ยซึ่งก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นทันควัน "ข้าอยากนอนกับเฉียวเฉียว"
...
[1] กระโปรงจีบม้า คือกระโปรงผ้าไหมแบบพับจีบรอบตัว สวมโดยการพันรอบเอว มักมีการปักลายงดงาม กระโปรงจีบม้ามักสวมคู่กับเสื้ออ่าว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้