ทุกคนที่นี่ก็เหมือนกับมนุษย์บนโลกนั่นแหละที่มักจะถูกพูดจาชักจูงได้ง่าย อย่างเช่นทุกคนต่างพูดว่าเขาและเธอคือคู่กันซึ่งแต่ก่อนสองคนนี้ก็ไม่ได้เป็อะไรกัน แต่พอโดนทุกคนล้อเลียนบ่อยๆเข้าก็กลายมาเป็คู่รักกันจริงๆ ซะงั้นตอนที่ฉันเรียนมัธยมปลายก็เจอเื่ทำนองนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
และในวันนี้ฉันกับโม่ิก็โดนทุกคนบอกว่ากำลังคบกันอยู่...
ทุกคนต่างก็พูดกันว่าโม่ิจริงจังกับฉันจริงๆถ้าอย่างนั้นฉัน...ก็ควรจะเชื่อว่าเขาจริงจังสินะ
อย่าเข้าใจผิดนะที่เขาจริงจังกับฉันไม่ใช่เพราะว่าเขาจะจีบฉันหรอกนะแต่คือ้าให้ฉันเป็เ้านายของเขา...หรือน่าจะ้าให้ฉันเป็ลูกศิษย์ของเขาอะไรทำนองนั้นแล้วอีกอย่างฉันก็เห็นว่าทุกคนต่างก็คาดหวังในพลังของเขา
ฉันยืนจ้องโม่ิอยู่นานนานจนทุกคนเครียดจนแทบไม่กล้าจะหายใจออกมา หลังจากนั้นฉันจึงพูดขึ้น "ก็ได้"
"ดีเลย~~~~~~"
เหมาเหมาเป็คนแรกที่แสดงอาการดีใจออกมาในตอนที่โม่ิกำลังจะอ้าปากพูด ฉันก็รีบชิงพูดขึ้นก่อนทันที "แต่ฉันมีเื่ที่จะต้องขอเตือนนายเอาไว้ก่อนก็คือนายไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของฉัน นายทำได้ไหม"
โม่ิขมุบขมิบปากดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นจ้องมองฉันนิ่งๆ อยู่สักพัก"ฉันจะพยายาม แต่ฉันก็จะไม่ให้เธอคลาดสายตาจากฉันไปไหนไกลๆเหมือนกัน"
รู้สึกแปลกๆ แฮะคำพูดของชายหนุ่มในนิยายโรแมนติกแต่ทำไมพอมันออกมาจากปากเขาถึงได้ดูเหมือนกับกำลังถูกติดตามมากกว่าจะโรแมนติกนะ
ฉันมองค้อนใส่เขาเล็กน้อย "ตามใจนายแต่จะดีที่สุดก็อย่าโผล่มาให้ฉันเห็นหน้าบ่อยๆ ก็แล้วกัน"
"แบบนั้นเป็ไปไม่..."
"เป็ไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ!" ฉันชิงพูดขัดขึ้นมาก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคเขาชะงักไปราวกับโดนฉันแย่งคำพูดนั้นไปจนเขาพูดต่อไปไม่ได้
เหมาเหมาเห็นท่าทางไม่ค่อยดีจึงรีบเข้ามาดึงโม่ิออกทันทีแต่ฉันก็ยังได้ยินสียงเล็กๆ ที่กระซิบกระซาบกันอยู่"พี่คะ เอาแค่พอเหมาะพอควรนะคะ เอาแค่พอเหมาะพอควรค่ะการจีบผู้หญิงต้องค่อยเป็ค่อยไป"
"ฉันไม่ได้จะจีบเธอนะ" โม่ิมองเหมาเหมาด้วยสายตาจริงจัง เหมาเหมาพยักหน้าอย่างยอมจำนนดูเหมือนว่าเธอเองก็ยอมแพ้กับความเถรตรงของพี่ชายตัวเองเหมือนกัน "ค่า~~ ค่า~~ ฉันก็แค่เปรียบเทียบเองค่ะพี่ให้พี่เสี่ยวหลันอยู่เงียบๆ สักพักเถอะ วันนี้เธอเจออะไรมาเยอะมากพอแล้ว"
โม่ิมองหน้าฉันพร้อมกับพยักหน้า "ได้ งั้นฉันจะอยู่ข้างนอกละกัน" พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไปอยู่ข้างนอกตรงประตูและนั่งลงที่พื้นหน้าประตูจริงๆ ด้วย
เจียงเหยี่ยนมองดูเขาที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องของฉันพร้อมสายตาที่ฉายแววความสบายใจออกมาชิงิและซืออีนั่วก็เช่นกัน ทุกคนต่างพากันเดินออกไปซืออีนั่วยังคงหลบอยู่ด้านหลังเสี่ยวไป๋เขาเดินออกไปโดยเว้นระยะห่างจากโม่ิไว้มากโขราวกับหวาดกลัวพลังอันแข็งแกร่งของโม่ิ
ฉันมองไปที่โม่ิที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องด้วยอาการนิ่งอึ้งหมุนตัวแข็งทื่อมามองหน้าเหมาเหมา"เขาจะไม่..."
"มันคือความเคยชินของเผ่าหมาป่าอย่างเรา" เหมาเหมาอธิบายแทนโม่ิ "ครั้งแรกที่เรายอมรับใครเป็เ้านายเราจะต้องทำความคุ้นเคยกับทุกๆ อย่างของเ้านาย ดีใจจังเลยที่พี่เสี่ยวหลันมาเป็เ้านายของพี่ชายฉันหลังจากนี้พวกเราคือครอบครัวเดียวกันแล้วนะ" เหมาเหมาเข้ามากอดฉันด้วยความดีใจฉันยืนแข็งทื่อไปเลย พูดอย่างกับว่าฉันเป็พี่สะใภ้ของเธอยังงั้นแหละครอบครัวเดียวกันเนี่ยนะ
มีใครเคยเห็นคนในครอบครัวเดียวกันถูกสนับสนุนให้โดนพ่นไฟใส่บ้างไหม
ครอบครัวเดียวกัน
เชอะ
ดูจากสีหน้าฉันแล้วเนี่ยเหมือนฉันซื้อของได้ในราคาถูกแล้วยังจะอวดฉลาดเลยเนอะฉันได้มนุษย์หมาป่าที่แข็งแกร่งที่สุดมาแต่กลับมาบ่นจู้จี้จุกจิกอยู่แบบนี้ หน้าไม่อายเลยจริงๆแต่ก่อนอื่นฉันก็ต้องรู้สึกว่าฉันชอบมันก่อนไหมล่ะ!
ฉันไม่ชอบเลยจริงๆกับการที่จะทำหรือไม่ทำอะไรก็ต้องมาถูกห้ามถูกปฏิเสธ จะทำอะไรนิดหน่อยก็ถูกสั่งสอนเอะอะอะไรเ้าหมานั่นก็เอาแต่ขู่ฉันอยู่ได้
โม่ิเข้ามาอยู่ในบ้านพักของเราแล้วจริงๆแล้วยังนั่งอยู่หน้าประตูห้องของฉันอีกด้วย!
ฉันเปิดประตูออกไปดูทีไรเขาก็ยังอยู่นั่งตรงนั้น
เขาเงยหน้าขึ้นมองฉัน "ถ้าเธอไม่สะดวกฉันเข้าไปนั่งอยู่ข้างเตียงนอนเธอก็ได้นะ"
ตรรกะบ้าบออะไรเนี่ย
นั่งอยู่หน้าประตูห้องฉันมันไม่สะดวกแล้วเข้ามานั่งอยู่ข้างเตียงฉันมันจะสะดวกรึไง
ฉันแง้มบานประตูไว้แล้วถามเขา "นาย...ถ้าเข้ามานั่งข้างเตียงนอนฉันแล้วหลังจากนั้นจะทำอะไร"
"ก็คอยเฝ้ามองเธอไง" เขาใช้สายตาคู่นั้นจ้องหน้าฉันจริงจังจนผิดปกติคำพูดชวนน่าขนลุกที่ออกมาจากปากของเขานั้นมันทำให้ฉันรู้สึกสะพรึงกลัวยังไงก็ไม่รู้
การที่ฉันนอนหลับ ปิดไฟมืดหมดหลังจากนั้นเขาก็จะคอยนั่งอยู่ข้างเตียงฉันใช้ดวงตาสีเขียวเข้มคู่นั้นคอยจ้องมองฉันอยู่อย่างนั้นทั้งคืน...
คิดๆ ดูแล้วมันก็น่ากลัวเกินไปนะ
ฉันมองไปทางห้องของเหมาเหมาที่อยู่ตรงกันข้าม "ที่จริง......นายไปอยู่ห้องตรงข้ามฉันก็ได้นะ"
เขามีท่าทางลังเลมองไปทางห้องของเหมาเหมา นิ่งคิดอยู่สักพัก"ความคิดนี้ไม่เลวเลย"
"เยี่ยมเลย! เป็การตัดสินใจที่น่ายินดีอะไรอย่างนี้" และในขณะที่เขากำลังคิดหาคำที่จะพูดฉันก็ปิดประตูทันที ฮู่การที่เขานั่งอยู่ข้างนอกนั้นทำให้ฉันเดินเข้าออกไม่สะดวกเลย อย่างกับผู้คุม
แต่ว่าพอโม่ิเข้าไปอยู่ในห้องของเหมาเหมา กลับทำให้เหมาเหมาต้องรีบเผ่นออกมาเธอต้องทำการขยับขยายห้องให้กว้างขึ้นอีก ด้วยสาเหตุนี้ทำให้เหมาเหมากลุ้มใจอยู่หลายวัน
และพวกผู้ชายที่เหลือก็มองโม่ิด้วยสายตาที่แปลกไปเพียงเพราะโม่ิเป็ผู้ชายคนเดียวที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ของผู้หญิง ทุกคนลงความเห็นว่าหลังจากที่โม่ิคุ้นเคยกับฉันแล้วก็จำเป็ที่จะต้องย้ายไปอยู่ในส่วนพื้นที่ของพวกผู้ชาย
เื่ที่โม่ิเข้ามาอยู่ในบ้านพักหลังเดียวกันกับกลุ่มคนไร้ความสามารถอย่างพวกเราได้กลายเป็ข่าวดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ฉันหัดใช้โทรศัพท์ของดินแดนเทพนี้เป็แล้วฉันก็ค้นเจอเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยนี้เื่ที่โม่ิเข้ามาอยู่ในบ้านพักร่วมกับพวกเราตกเป็กระทู้ข่าวใหญ่อยู่หลายวันทุกวันจะต้องมีคนมากมายมาดูที่บ้านพักของพวกเราทำให้พวกเราต้องปิดประตูบ้านและหน้าต่างอย่างแ่า เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรบกวน
แต่เพียงแค่แปบเดียวมันก็กลายเป็เหมือนกับข่าวดังในอินเทอร์เน็ตนั่นแหละข่าวที่ฉันเป็จอมทำลายล้างและข่าวที่โม่ิเข้ามาอยู่ในบ้านพักของพวกเราก็ค่อยๆเงียบหายไปจากความสนใจของผู้คนในแดนเทพแห่งนี้ ฉันไม่ต้องโดนติดตามอีกแล้วนี่เป็สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจอย่างมากไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบกลายเป็คนที่โดนพาดหัวข่าวในที่สุดบ้านพักของคนที่ไร้ความสามารถอย่างเราก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
วันที่เงียบสงบ ก็คือ...กลับมาเงียบสงบเหมือนตอนก่อนที่ข่าวจะกระจายไปทั่วแล้วนั่นแหละ
"เซี่ยเสี่ยวหลันเธอเอาแต่กินมาม่าทุกวันแบบนี้ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ" นี่เป็คำพูดที่โม่ิพูดกับฉันบ่อยที่สุดตลอดระยะเวลาหลายวันมานี้เอาแต่พูดกรอกหูฉันทุกวันอย่างกับนักโภชนาการ
ฉันต้มมาม่าไปพลางพร้อมกับหันไปค้อนใส่เขา "ก็ไม่ใช่เพราะนายรึไงเทพหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่เข้ามาอยู่ในบ้านพักหลังเล็กๆ ของกลุ่มคนที่ไร้ความสามารถพวกคนอื่นๆ เข้ามามุงดูที่นี่อยู่ตั้งไม่รู้กี่วัน เพิ่งจะน้อยลงเมื่อสองวันมานี้รู้อย่างนี้ฉันเก็บค่าเข้าชมไปตั้งนานแล้ว"
"ฉันอยากให้เธอมีสุขภาพที่ดีสุขภาพดีถึงจะสามารถฝึกฝนได้เต็มที่" เขายังคงพูดอย่างจริงจังอีกครั้ง
ฉันยืนเท้าเอวมองเขา "ทำไมทุกครั้งที่เราคุยกันมันถึงไม่อยู่ในเื่เดียวกันตลอดเลยฮะ"
เขาใช้สายตาคู่นั้นจ้องมองฉันอย่างจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม "เธอจำเป็ต้องแข็งแรง"
ฉันยกยิ้มร้าย "ก็ถ้าฉันไม่แข็งแรงนายก็จะไม่ตามฉันงั้นสิ"
"แบบนั้นยิ่งเป็ไปไม่ได้เด็ดขาด!" น้ำเสียงเขาหนักแน่นขึ้นเหมาเหมาเดินออกมาทางด้านหลังเขาพร้อมกับเปิดตู้เย็น "พี่เสี่ยวหลันยอมแพ้เถอะค่ะ เผ่ามนุษย์หมาป่าอย่างพวกเราจงรักภักดีต่อเ้านายมากต่อให้เ้านายจะตายไปแล้ว พวกเราก็จะไม่ยอมมีเ้านายคนใหม่เด็ดขาด"
"..." หน้าฉันเปลี่ยนสีในทันทีฉันไม่รู้จะรู้สึกซาบซึ้งยังไงเลย
โม่ิเดินมาปิดฝาถ้วยมาม่าของฉันสีหน้านั้นยังคงความเข้มงวดเอาไว้ แม้แต่มีดก็ยังฟันหน้าเขาไม่เข้าเลยมั้ง "พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วเธอต้องกินอะไรที่มีประโยชน์หน่อย"
สมองฉันตื่นขึ้นมาทันทีพลางยกยิ้มขึ้น "จริงด้วย พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วนี่นาฉันเป็เด็กใหม่ นายเป็เด็กเก่า แล้วนายจะมาตามฉันยังไง"
ดวงตาสีเขียวมรกตนั่นชะงักนิ่งไปฉายให้เห็นถึงแววตาที่ดูลังเลเพียงครู่เดียว
ฉันยังคงยกยิ้มต่อไป "แล้วอีกอย่างมหาลัยนี้ก็สนับสนุนให้พวกเรามีความรักกันไม่ใช่เหรอ นี่เหมาเหมา พี่ชายเธอมีแฟน แต่มาตามติดฉันต้อยๆอยู่แบบนี้ แล้วแฟนเขาจะไม่หึงเอาเหรอ" ฉันหันไปมองหน้าเหมาเหมา
เหมาเหมาหยิบโค้กขึ้นมาและปิดตู้เย็นจากนั้นก็เข้ามาผสมโรงกับฉันด้วย "เื่นี้ พี่ต้องถามพี่ชายเองแล้วล่ะ" เหมาเหมากระตุกยิ้มร้ายกาจมองหน้าโม่ิ
และจู่ๆ ฉันก็เห็นว่าใบหน้าของโม่ิขึ้นสีแดงจางๆดวงตาคู่นั้นหลบมองไปทางอื่น สีหน้าใสซื่อเรียบร้อย"มีอันตราย" พูดจบเขาก็หายออกไปจากห้องครัวทันที
"อันตราย?" ฉันเกิดความเครียดขึ้นมา มีเพียงเหมาเหมาที่ยังคงยืนยิ้มอยู่อย่างนั้น"มีอันตรายที่ไหนกันล่ะ พี่ชายฉันทำตัวไม่ถูกต่างหากล่ะถ้าเขารู้สึกประหม่าขึ้นมาเขาจะชอบหายตัวไปแบบนี้แหละ"
อื้มรู้สึกว่าฉันจะได้ยินวิธีที่มันสุดยอดเข้าซะแล้วสิ
ฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าวันนั้นหลังจากที่โม่ิให้ฉันกินซาลาเปาแล้วจากนั้นเขาก็หายตัวไปเลย แต่ตอนที่ฉันโดนเ้าไก่ตัวนั้นพ่นไฟใส่เขากลับโผล่ออกมาช่วยฉันไว้ แสดงว่าเขาก็อยู่ใกล้ๆ ฉันนี่เอง
เอ๊ะดูเหมือนว่าฉันจะพอรู้วิธีที่ฉันจะไม่ต้องเจอหน้าเขาได้แล้ว~~~
ในที่สุดก็ถึงวันเปิดเทอมสักทีไม่กี่วันมานี้ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าฉันลำบากและกระวนกระวายใจมากแค่ไหนโดยเฉพาะการที่จะต้องมาโดนสายตาสีเขียวมรกตนั่นจับตามองอยู่ตลอดเวลาแม้แต่เจียงเหยี่ยนก็ยังััได้ถึงความกดดันที่ออกมาจากตัวของโม่ิซืออีนั่วก็ไม่ยอมออกมาจากห้อง เอาแต่ขลุกอยู่ในห้องกับเสี่ยวไป๋ทั้งวันทั้งคืน
แม้แต่ชิงิก็แทบจะไม่ออกมาจากห้องเหมือนกันมีเพียงเจียงเหยี่ยนที่เคว้งคว้างอยู่ในบ้านคนเดียว
กลับกันเลยกับเหมาเหมาเธอดูสดชื่นแจ่มใสมากกว่าฉันอีก ร่าเริงมากกว่าเดิม เห็นเธอมีความสุขแบบนั้นแล้วฉันก็รู้สึกว่ามันก็คุ้มดีเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าเด็กใหม่คนอื่นๆจะเป็ยังไงบ้าง แต่ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ยังคงตื่นเต้นอยู่ดีฉันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน พอเช้าวันรุ่งขึ้นฉันก็ตื่นเต้นจนต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่เช้ายืนมองดูตัวเองอยู่หน้ากระจก กระจกบานนั้นเอ่ยขึ้น"วันนี้เธอก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ"
ฉันยืนสูดลมหายใจเข้าลึกๆอยู่หน้ากระจก "พ่อคะในที่สุดหนูก็ได้เข้าเรียนมหาลัยแล้วนะคะ หนูจะสู้ๆ ค่ะ!"
"สู้ๆ"
ฉันยืนให้กำลังใจตัวเองอยู่หน้ากระจกจากนั้นจึงก้าวเท้าเดินออกจากห้องไป
และทันทีที่ฉันก้าวเท้าออกมาจากห้องก็เจอกับใบหน้าที่จริงจังของโม่ิ เจอหน้าได้ทุกวันเลยจริงๆ ให้ตายสิวันนี้เขาก็อยู่ในชุดเครื่องแบบนักศึกษาเช่นเดียวกัน แล้วยัง ดูหล่อมากกกกกกก
เสื้อสีเดียวกันดูไปแล้วก็คล้ายกับชุดของผู้หญิง แต่ชายเสื้อกลับลาดลงมองไปแล้วทำให้ดูหล่อมากเป็พิเศษที่แท้ชุดจีนโบราณของผู้ชายสามารถออกแบบมาทำให้คนใส่ดูหล่อได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยขอบชายเสื้อที่ลาดลงทำให้เข้ารูปกับเอวและขาดูเรียวยาวทำให้รู้สึกว่าผู้ชายที่สวมใส่ชุดนี้มีกลิ่นอายของการต่อสู้ที่ชัดเจนและยังััได้ถึงความพลิ้วไหวอีกด้วย
"ฉันชอบชุดนี้นะ" ฉันอดใจไม่ไหวจึงพูดออกมา
โม่ิชะงักค้างไปนิด "งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ"
เอ๊ะ สติฉันกลับมาแล้วทำให้โม่ิเขินได้นี่ใช้ได้เลยนะเนี่ย
ในขณะที่ฉันแอบดีใจอยู่นั้น จู่ๆเขาก็หยิบเอาจี้ตุ๊กตาหน้ากลมตัวหนึ่งออกมา ตุ๊กตาตัวนั้นมีผมสีเทาบนหูนุ่มฟูนั้นมีต่างหูแบบเดียวกันกับที่ติดอยู่บนหูของเขาและดวงตาสีเขียวมรกตนั้นก็ติดอยู่บนใบหน้ากลมๆ นั้นเช่นกัน
"นี่เป็ตัวแทนของฉัน" เขาบอก
ฉันรู้สึกถึงความน่ารักขึ้นมาทันทีเลย "น่ารักจังเลย" ฉันยื่นสองมือออกไปรับสิ่งที่เป็ตัวแทนของเขา
"ใช่ไหมล่ะ งั้นงั้นไปจริงๆ แล้วนะ ฟู่" เขาเป่าลมออกมาจากปากจากนั้นก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาฉันเลย พอฉันรู้สึกตัวอีกทีก็ไม่เห็นเขาแล้ว
"เอ๊ะ แล้วเขาล่ะช่างเถอะ ฉันไม่้าเขาสักหน่อย ขอแค่ตัวแทนของเขาก็พอแล้วล่ะ" ฉันชอบตุ๊กตาตัวนี้ จึงติดมันห้อยไว้กับโทรศัพท์จี้ตุ๊กตาตัวนั้นแกว่งไปมา น่ารักมาก
ฉันดูเวลา ใกล้จะถึงเวลาแล้วฉันยังต้องกินข้าวเช้าอีกนะ
มหาลัยจ๋า
ฉันมาแล้วววววว