“ซูอิน ฝีมือเธอใช่ไหม!”
บรรยากาศแห่งความสุขหยุดลง ทุกคนในบ้านมองไปยังต้นเสียง
หน้าประตูบ้านดิน อู๋อู๋ที่แต่งหน้าอย่างประณีต ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับนิ้วของอู๋อู๋ที่ชี้มาที่ซูอิน
ซูอินไม่คิดสงสัยเลย หากแววตาคู่นั้นทำร้ายคนได้ หัวของเธอคงถูกเจาะเป็รูแน่
สองสามีภรรยาตระกูลเมิ่งมีสีหน้าสงสัย คุณลุงเมิ่งลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปใกล้ประตูคล้ายกับเพื่อป้องกันความปลอดภัย
“นี่ใครกัน” ป้าเมิ่งถาม
เมิ่งเถียนเฟินอธิบายให้ฟังเบาๆ พลันป้าเมิ่งก็นึกขึ้นได้ “อ้อ ที่แท้ก็พวกเขาเอง นี่…มาหาแบบนี้มีอะไรหรือ”
ไม่ใช่แค่ป้าเมิ่ง ผู้คนที่อยู่ในห้องเต็มไปด้วยความสงสัย มีเพียงซูอินที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จากนั้นคำพูดของหลิงเมิ่งก็เป็เครื่องยืนยันในข้อสงสัยของเธอ
หลิงเมิ่งที่เดินตามหลังอู๋อู๋คุ้นเคยดีกับคนที่อยู่ในนี้ น้ำตาคลอที่ดวงตาของเธออย่างรวดเร็ว
สามนาทีถัดมาเธออธิบายได้อย่างสมบูรณ์แบบว่าดอกบัวขาวผุดผ่องคืออะไร เธอกล่าวอย่างเศร้าใจว่าเกิดเื่อะไรบ้าง แม้ไม่ได้พูดชัดเจนว่าซูอินเป็คนไม่ดี แต่ก็ผลักความน่าสงสัยทั้งหมดไปที่ซูอิน
หากเทียบกับหลิงเมิ่ง อู๋อู๋แสดงออกชัดเจนยิ่งกว่า “เป็ฝีมือเธอใช่ไหม”
คนในบ้านมองมา ซูอินจึงพยักหน้าด้วยความเต็มใจ “ใช่ค่ะ หนูทำเอง”
ความลับไม่มีในโลก สองสามีภรรยาตระกูลหลิงไม่ใช่คนไร้อำนาจ ตอนที่เธอคุยเื่นี้กับคุณครูหวังที่โรงเรียนทดลอง ซูอินไม่คิดอยู่แล้วว่าจะสามารถปิดบังคนของตระกูลหลิง
แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วจะทำไม
ดังนั้น บัดนี้เมื่อเผชิญหน้ากับสองแม่ลูกตระกูลหลิงที่พยายามทำให้เธอรู้สึกผิด เธอกลับมีท่าทีสงบนิ่ง
“อินอิน ลูก…”
ในความเป็จริงระยะนี้บรรยากาศในบ้านเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะตอนที่ซูอินออกจากบ้านไปกรอกเอกสารยินยอมเข้าศึกษาต่อ สองสามวันนั้นทำให้เมิ่งเถียนเฟินตระหนักอะไรๆ ได้หลายอย่าง
เมิ่งเมิ่งไม่ได้ดีเหมือนที่เธอคิด
ทว่าท่าทีน่าสงสารที่หลิงเมิ่งแสดงออก ได้กระตุ้นความรักของมารดาจากก้นบึ้งหัวใจอีกครั้ง แววตาเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ ก่อนที่จะถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
คำตอบนั้นมีเพียงคำพูดเ็าสี่คำ “แล้วยังไงคะ”
คำพูดสั้นๆ แค่สี่คำกลับสร้างความใให้กับตระกูลซูและตระกูลเมิ่ง
ทว่าสำหรับสองแม่ลูกตระกูลหลิง แม้จะมั่นใจอยู่แล้วว่าเป็ฝีมือของซูอิน แต่เมื่อได้ยินคำยอมรับจากปากของเธอ อู๋อู๋ก็อดไม่ได้ที่จะโกรธจนเืขึ้นหน้า
“แล้วยังไงหรือ ยังกล้าพูดอีกนะ ครอบครัวของเราทำไม่ดีต่อเธอหรือ ดูบ้านโทรมๆ ของเธอสิ เธอใช้ชีวิตอยู่กับตระกูลหลิงมาสิบหกปีอย่างสุขสบาย สิบหกปีนั้นเมิ่งเมิ่งต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานแทนเธอ แต่เธอกลับไม่รู้จักบุญคุณ ตอนนี้ยังคิดจะมาทำร้ายเมิ่งเมิ่งอีก!”
คำพูดนั้นทำให้สองสามีภรรยาตระกูลซูอดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะ สองสามีภรรยาตระกูลเมิ่งได้แต่มองหน้ากัน ส่วนเมิ่งเวยมีความสุขที่ได้เห็นคนอื่นตกที่นั่งลำบาก แต่เด็กชายตัวน้อยที่เห็นปีศาจชั่วร้ายก็รีบไปหลบอยู่ด้านหลังบิดามารดา เพราะกลัวจะถูกรังแกอีก
มีเพียงซูอินที่ยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับ
“เื่นี้ฉันพูดไปหลายรอบมากแล้วนะคะ พูดซ้ำซากจนเหนื่อยที่จะพูด แต่คุณก็ยังไม่เข้าใจสักที”
เธอถอนหายใจก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีจนใจ “ถ้าอย่างนั้นฉันคงทำได้เพียงพูดซ้ำอีกครั้ง ฟังให้ดีนะคะ ตอนนั้นมันเป็เพราะความเลินเล่อของผู้ใหญ่อย่างพวกคุณ ฉัน ไม่ ใช่ คน ที่ อยาก ถูก อุ้ม ผิด ตัว!”
เธอเน้นทีละคำ จากนั้นปล่อยคำพูดออกมาราวกับเมล็ดถั่วที่ไหลไปตามรางไม้ไผ่ “คุณคิดว่าหลิงเมิ่งมีชีวิตที่แย่หรือคะ อันที่จริงคนที่เป็ผู้ร้ายคือคุณต่างหาก คลอดลูกในโรงพยาบาลที่ตัวเองทำงานอยู่แท้ๆ กลับสลับตัวลูกของตนเองได้ 0tเลินเล่ออะไรขนาดนั้น หรือควรพูดดีว่าความเป็คนของคุณมันล้มเหลวแค่ไหน ทำไมเพื่อนร่วมงานไม่สนใจเื่ของคุณเลยล่ะคะ”
เมื่อเหลือบไปเห็นสองสามีภรรยาตระกูลซู ซูอินอดไม่ได้ที่จะพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่ฉันอยู่กับตระกูลหลิง ชีวิตสุขสบายมากหรือคะ ก่อนเข้าเรียนชั้นประถม ฉันก็ต้องไปใช้ชีวิตอยู่กับคุณปู่คุณย่าในชนบท ฐานะไม่ต่างอะไรกับตระกูลซู พอเข้าเรียนคุณก็รับไปอยู่ด้วย ฉันต้องอดทนต่อคำพูดแย่ๆ มากมายจากคุณ พ่อแม่แท้ๆ ของฉันมีเมตตา รักลูกมาก ฉันกลับมาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวัน แม้แต่กวาดพื้นพวกเขาก็ยังไม่เคยให้ฉันทำ เพราะกลัวฉันจะลำบาก แล้วคุณล่ะ ตอนที่เรียนอยู่ชั้นประถม ฉันเพิ่งจะอายุแค่แปดขวบ คุณก็ใช้ให้ฉันซักถุงเท้ากับกางเกงในให้ ตระกูลหลิงเพิ่งจะมาร่ำรวยแค่ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง เมื่อปีที่แล้วก็เพิ่งย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์ เมื่อก่อนก็อาศัยอยู่ในตึกเก่าๆ ไม่ได้ดีอะไรเลย สู้บ้านในชนบทที่มีลานกว้างไม่ได้ด้วยซ้ำ อาศัยอยู่ที่นี่กว้างขวางสุขสบาย พูดตามตรงฉันไม่คิดเลยว่าตัวเองมีชีวิตที่ดีในตระกูลหลิง ถ้าเป็ไปได้ ฉันอยากขอให้ตัวเองไม่ต้องถูกสลับตัวยังจะดีกว่า! อยากขอให้ตัวเองถูกตระกูลซูเลี้ยงดูมาั้แ่เล็กจนโต”
่เวลานั้นยังคงผุดขึ้นมาในหัวของเธอ คำพูดประโยคสุดท้าย ซูอินแทบจะะโ
น้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวทำให้สองสามีภรรยาตระกูลซูใจนเงยหน้าขึ้นมอง
โดยเฉพาะเมิ่งเถียนเฟิน ดวงตาของเธอเอ่อไปด้วยน้ำตาอย่างไม่อาจห้ามได้ หลายวันมานี้ที่อินอินกลับมา ถึงแม้ไม่เคยแสดงออกว่ารังเกียจที่นี่ แต่เมิ่งเถียนเฟินก็คอยระมัดระวังอยู่ตลอด แค่ที่บ้านฐานะไม่ดีก็คงทำให้เธอรู้สึกแย่พอแล้ว เธอจะทำให้ลูกๆ รู้สึกแบบนั้นด้วยไม่ได้
ไม่เคยคิดเลยว่าซูอินจะมีความคิดเช่นนี้
สองสามีภรรยาตระกูลเมิ่งใเช่นกัน พวกเขาเหมือนกับคนอื่นๆ ซึ่งต่างคิดว่าหลานสาวของตนเองใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในเมือง ไม่เคยคิดเลยว่าความจริงมันกลับเป็เช่นนี้
เมื่อมองไปยังบุคคลที่สวมเสื้อผ้าหรูหราเบื้องหน้า แต่ใบหน้าของอู๋อู๋ไม่อาจปกปิดความขมขื่นเอาไว้ได้ เหมือนว่า…คำพูดของซูอินจะมีความเป็ไปได้ค่อนข้างสูง
ในเวลานี้เมิ่งเวยไม่รู้สึกดีใจกับการได้เห็นคนอื่นเผชิญหายนะอีกต่อไป เมื่อครู่เธอได้รับรู้ข้อมูลใหม่ที่ต่างไปจากที่เมิ่งเมิ่งเคยเล่าให้ฟังโดยสิ้นเชิง ข้อขัดแย้งทั้งสองนี้ อันไหนคือความจริงกันแน่
เด็กชายตัวน้อยได้แต่เบิกตากว้าง เขาไม่สามารถทำความเข้าใจกับข้อมูลมากมายที่ได้รับ ทำได้แค่มองดู พี่สาวกำลังทะเลาะกับพี่สาวปีศาจ อีกทั้งปีศาจก็ยังพาผู้หญิงน่ากลัวมาด้วย
ในหัวของเขายังคงจำได้ถึงคำมั่นสัญญาที่พี่สาวให้ไว้ตอนที่เจอกันครั้งแรก ต่อไปหากพี่สาวปีศาจกลับมา ก็จะไล่เธอกลับไป
พี่สาวกำลังปกป้องเขาอยู่นั่นเอง
พี่สาวเก่งที่สุด
เด็กสาวตัวน้อยหลงใหลพี่สาวคนสวยของตนเองมาก
ทุกคนล้วนใกับคำพูดของซูอิน เว้นแต่หลิงเมิ่ง
มีน้ำตาเอ่อล้นที่แววตาของเธออีกครั้ง เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากเชื่อ “อินอิน…นี่เธอกำลังโทษคุณแม่หรือ คุณแม่ดีขนาดนี้ ทำไมเธอยังมาโทษคุณแม่อีก!”
คำพูดประโยคนี้ดึงสติของอู๋อู๋กลับมาได้สำเร็จ เธอนึกถึงคำพูดของซูอินก่อนจะรู้สึกโมโหมากกว่าเดิม
“ให้เธอทำงานบ้านสักหน่อยแล้วมันจะเป็อะไรไป ลูกบ้านไหนก็ทำทั้งนั้นแหละ เมิ่งเมิ่งก็เคยทำงานบ้านั้แ่เล็กใช่ไหม”
คำพูดประโยคนี้ปลุกให้มีคนโมโหเพิ่มขึ้นอีกคน เมิ่งเถียนเฟินพูดแย้งทันที “คุณหมออู๋ ถึงแม้ครอบครัวของเราจะฐานะไม่ดี เทียบกับคฤหาสน์ของตระกูลคุณไม่ได้ เื่นั้นฉันยอมรับ แต่ั้แ่เล็กฉันไม่เคยใช้ให้เมิ่งเมิ่งไปหยิบตะเกียบเลยด้วยซ้ำ ที่คุณพูดแบบนั้น ฉันยอมรับไม่ได้”
อู๋อู๋ : …
เธอหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ซูอินอีกครั้ง “เธอก็เคยเลี้ยงดูเมิ่งเมิ่ง ก็คงปรารถนาให้เธอได้รับสิ่งดีๆ เราข้ามเื่นี้ไปพูดถึงเื่เลื่อนชั้นเรียนของเมิ่งเมิ่งก่อนดีกว่า ครอบครัวของเราใช้ความสัมพันธ์อันดีที่มีอยู่ร้องขอให้เมิ่งเมิ่งได้เข้าเรียนโรงเรียนมัธยมปลายที่ดีที่สุด แต่อินอินกลับวิ่งโร่ไปข่มขู่ว่าถ้าเมิ่งเมิ่งได้เข้าเรียน เธอก็จะไม่เรียนที่นั่น เธอคิดว่าคำพูดแบบนี้มันเหมาะสมแล้วหรือ”
คนที่พูดอะไรไม่ออกในตอนนี้กลับเป็เมิ่งเถียนเฟิน
บรรยากาศในตอนนี้เงียบสนิท มีเพียงอู๋อู๋ที่หน้าอกสั่นกระเพื่อมขึ้นลง
เมื่อถูกแววตาโกรธแค้นของเธอมองมา ซูอินค่อยๆ เผยรอยยิ้มที่มุมปาก “ไม่เหมาะสมยังไงหรือคะ คุณพูดออกมาเต็มปากว่าฉันทำร้ายหลิงเมิ่ง แต่วันแรกที่เธอกลับไปอยู่บ้าน คนที่ทำชุดนักเรียนขาดจนต้องอับอายขายหน้าคือใครคะ ฉันทำงานที่ร้านชานม ใครคะที่พาลูกสมุนไปหาเื่สาดเครื่องดื่มใส่ฉัน วันสอบใครคะที่จ้างอันธพาลมาขวางฉัน จะทำร้ายฉันเพื่อไม่ให้ไปสอบ ใครทำร้ายใครกันแน่ หลิงเมิ่งมีประวัติอาชญากรรมมากขนาดนี้ หากให้เธอเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมลำดับที่หนึ่ง ชีวิตม.ปลายทั้งสามปีของฉัน ฉันจะสามารถเรียนอย่างสงบสุขได้หรือคะ ตระกูลหลิงของพวกคุณมีฐานะดี เรียนไม่ดีก็ยังทำธุรกิจของครอบครัวต่อได้ ฉันเป็แค่เด็กชนบทคนหนึ่ง หากไม่ตั้งใจเรียนก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ”
เมื่อถามออกไปแล้ว เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้ง “อันที่จริง ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ คะแนนรวมการสอบขึ้นม.ปลายของหลิงเมิ่งน้อยขนาดนั้น เธอไม่ควรคิดจะเข้าโรงเรียนมัธยมลำดับที่หนึ่งั้แ่แรกแล้วด้วยซ้ำ”
