หาก้าตรวจสอบคะแนนจำเป็ต้องใช้เลขประจำตัวนักเรียนและเลขในสนามสอบ ซูอินจำคะแนนของหลิงเมิ่งได้ไม่แน่ชัด
เมื่อชาติก่อนหลิงเมิ่งทำคะแนนออกมาดี เพราะตอนนั้นซูอินปวดท้องมาก จนไม่มีกะจิตกะใจเข้าสอบและทำคะแนนให้ออกมาดี ทำให้เธอเข้าเรียนได้แค่โรงเรียนมัธยมลำดับที่แปด ในชาตินี้หลิงเมิ่งส่งกระดาษคำตอบก่อนเวลาหลายครั้ง โดยไม่ตั้งใจสอบเลยสักนิด ดังนั้นคะแนนที่ออกมาย่อมไม่ดีอยู่แล้ว
“ต่อให้โรงเรียนมัธยมลำดับที่หนึ่งเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเรียน แต่เขาก็รับเฉพาะนักเรียนที่มีคะแนนต่ำ แต่ยังอยู่ในขอบเขต ไม่รับนักเรียนที่คะแนนแย่จนเกินไป หากคะแนนของเธอสูงพอ ต่อให้พวกคุณพยายามจะเข้าที่นี่ ฉันก็คงห้ามไม่ได้”
ซูอินเน้นย้ำอีกครั้ง
คำพูดสองประโยคนั้นเพียงพอที่จะแทงเข้าจุดอ่อนของอู๋อู๋ ถึงแม้จะพยายามหาเหตุผลมากมาย ไม่ว่าจะเป็การเรียนการสอนในชนบทที่ไร้ประสิทธิภาพ ซูอินสร้างผลกระทบกับบุตรสาวของเธอ แต่ลึกๆ ในใจเธอไม่สามารถยอมรับว่าบุตรสาวทำคะแนนได้เพียงหนึ่งร้อยกว่าๆ
นั่นคือคะแนนรวมห้าวิชา แต่ได้เพียงหนึ่งร้อยกว่าๆ เฉลี่ยแล้วได้เพียงวิชาละยี่สิบกว่าคะแนน
เธอพยายามอย่างมากในการส่งเมิ่งเมิ่งเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมลำดับที่หนึ่ง ส่วนหนึ่งเป็เพราะ้าปกปิดเื่นี้ อย่างไรเสียนอกจากนักเรียนที่ได้ลำดับหนึ่งถึงหนึ่งพันแล้ว ลำดับอื่นๆ จะไม่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณชน เมื่อถึงเวลานั้นคนนอกก็จะมองแค่ว่าบุตรสาวของเธอสามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมลำดับที่หนึ่ง
ทว่าในตอนนี้คำพูดประโยคนี้ของซูอินกลับทำให้ศักดิ์ศรีของเธอถูกเหยียบย่ำ
ความโกรธแค้นคุกรุ่นในใจของอู๋อู๋
เืขึ้นหน้าจนเธอลืมว่าซูอินเป็บุตรสาวของตระกูลอื่นไปแล้ว จากประสบการณ์สิบหกปีที่ผ่านมา ภายใต้จิตใต้สำนึกของเธอ เด็กคนนี้ยังคงเป็หลิงอินที่ทำทุกอย่างให้เธอพอใจ และไม่กล้าขัดคำสั่ง
“ผู้ใหญ่พูด แต่เธอกล้าเถียงงั้นหรือ”
อู๋อู๋ร้องลั่นก่อนจะยื่นฝ่ามือออกไป
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วมาก จนตระกูลซูและตระกูลเมิ่งตั้งรับไม่ทัน
มีเพียงซูอินที่ยังคงมีสติั้แ่แรกจนถึงตอนนี้ ใช่ว่าเธอไม่เคยถูกอู๋อู๋ตี เมื่อเห็นอู๋อู๋โกรธจนเืขึ้นหน้า เธอก็พอจะเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าเธอในตอนนี้ไม่มีทางยอมยืนอยู่เฉยๆ ให้อู๋อู๋ตบตี
เธอถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อหลบ ในตอนที่ตั้งใจว่าจะยกมือโต้กลับ พลันนั้นเธอเกิดความคิดบางอย่าง
เธอเหลือบไปเห็นหลิงเมิ่งที่อยู่ด้านข้าง ดวงตาของอีกฝ่ายยังคงเต็มไปด้วยน้ำตา แต่สีหน้ามีความสุขที่ได้เห็นคนอื่นตกที่นั่งลำบาก แววตาของหลิงเมิ่งไม่อาจปกปิดความรู้สึกนั้นได้มิด
คิดว่ามีแค่เธอร้องไห้ได้คนเดียวหรือ
เมื่อนึกถึงวันวานในชาติก่อนก็อดเศร้าไม่ได้ พลันรู้สึกอุ่นที่จมูกและรอบดวงตา
“เธอตบหนู!”
“พ่อคะ ลุงคะ เธอตบหนู พวกคุณเห็นแล้วใช่ไหม เธอตบหนู”
เมื่อเทียบกันแล้ว อู๋อู๋และหลิงเมิ่งที่มีผิวดำมาแต่กำเนิด กับคนผิวขาวผ่องที่ภายนอกดูอ่อนแอราวกับดอกบัวขาวอย่างซูอิน เหมาะที่จะเล่นละครตบตาเสียมากกว่า
ในเวลานั้นดวงตาของเธอเอ่อไปด้วยน้ำตา ใบหน้าของซูอินเต็มไปด้วยความเสียใจ ใครเห็นเป็ต้องสงสารทั้งนั้น
ที่นี่คือบ้านตระกูลซูนะ!
นี่มันคือบ้านของน้องสาวของพวกเขา!
กล้าดีอย่างไรมาตบตีลูกหลานตระกูลซู!
มือของอู๋อู๋ที่โบกออกไปยังไม่ถูกดึงกลับมา ภาพเหตุการณ์นั้นทำให้ซูเจี้ยนจวินและเมิ่งเถียนเหลียงโกรธในทันที
โดยเฉพาะซูเจี้ยนจวิน เมื่อครู่ตอนที่อู๋อู๋ใช้น้ำเสียงดูถูกพูดถึงบ้านอันซอมซ่อของพวกเขา ถึงจะรู้ดีว่ามันเป็ความจริง แต่ในใจเขาก็รู้สึกไม่ดีเท่าไร
“เธอกล้าตบตีลูกสาวของพวกเราหรือ”
ซูเจี้ยนจวินไม่เคยตบตีผู้หญิง แต่เพื่อซูอิน เขาตัดสินใจผิดศีลธรรม
เขาพับแขนเสื้อ ไม่พูดให้มากความ หมัดของเขายื่นไปทักทายใบหน้าของอู๋อู๋โดยตรงทันที
ในเวลานั้นอู๋อู๋หุนหันพลันแล่นเกินไป หลังจากที่ซูอินะโ และเธอได้สติก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศมันแปลกไป หมัดทมิฬล้อมด้วยสายลมพุ่งตรงเข้ามา โดยไม่รู้ตัวเธอพยายามหลบ ชายหนุ่มที่ทำงานในท้องนาเต็มไปด้วยพละกำลัง หมัดพุ่งเข้าปะทะหน้าจนรู้สึกปวดแสบปวดร้อน
เมิ่งเมิ่งที่หลบอยู่ด้านหลังอู๋อู๋ยืนมองด้วยความตกตะลึง ก่อนจะลืมตัววิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเมิ่งเถียนเฟิน เมื่อเห็นสีหน้าโกรธเคืองของอีกฝ่าย เธอได้แต่ถอนหายใจ วิ่งออกไปขอความช่วยเหลือด้านนอก
“มีคนถูกต่อย รีบมาช่วยคุณแม่ฉันเร็ว”
หลิงเมิ่งใช้ชีวิตอยู่ในชนบทมาสิบหกปี คนที่นี่รู้จักเธอดี จึงรีบวิ่งออกมา และเรียกบ้านที่ติดๆ กันออกมาด้วย
ตอนนี้เป็่ฤดูทำนาที่วุ่นวาย ผู้คนส่วนมากจึงอยู่ที่ทุ่งนา แต่ก็มีส่วนน้อยที่ยังอยู่บ้าน หลิงเมิ่งรู้จักถนนหนทางดี ผ่านไปไม่นานเธอก็เรียกคนออกมาได้ไม่น้อย
แต่อย่างไรก็ตาม…
ระยะนี้มีหลายคนที่ชอบมานั่งสนทนากันที่บ้านตระกูลซู และประทับใจในตัวซูอิน
นอกจากนั้น คนในชุมชนมีความสามัคคีกัน หากฝ่ายหนึ่งเป็คนในหมู่บ้าน อีกฝ่ายหนึ่งเป็คนนอก เห็นชัดเจนว่าพวกเขาจะเข้าข้างฝ่ายไหน
หลังจากที่ได้ยินซูอินอธิบายเหตุการณ์อย่างชัดเจน ก็มีคนเริ่มพูดโน้มน้าว
“เจี้ยนจวินอา ใจเย็นๆ หากทำร้ายคนจนาเ็จะต้องจ่ายค่ารักษานะ”
“ใช่ เดิมทีบ้านของพวกเธอก็ไม่ค่อยมีเงิน ใจเย็นๆ อย่าไปต่อยตีเขาเลย ให้พวกเราด่าก็พอ!”
อู๋อู๋ หลิงเมิ่ง และคนขับรถที่เข้ามาช่วย : …
คนที่อยู่บ้านส่วนใหญ่เป็ผู้สูงอายุ ทำงานไม่ค่อยสะดวก จะต่อยตีกับใครคงไม่ไหว แต่การหาเื่คนละก็ ไม่มีใครด่าสู้พวกเขาได้จริงๆ
วันนี้ท่ามกลางคำด่าทอมากมายของเหล่าผู้สูงอายุในหมู่บ้านตงผิง ทำให้สองแม่ลูกตระกูลหลิงที่ตั้งใจจะมาเอาผิดซูอินถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านในทันที
ซูอินที่เป็ศูนย์กลางของความขัดแย้งในครั้งนี้กลายเป็คนที่ได้ผลประโยชน์ เธอจูงมือเด็กชายตัวน้อยอยู่ท่ามกลางผู้คน ดูรถเมอร์เซเดสเบนซ์ที่ถูกขับไล่ไปจากหมู่บ้าน
มือเล็กๆ ถูกมือใหญ่อบอุ่นของพี่สาวกุมไว้ เด็กชายตัวน้อยมองเงาที่นั่งอยู่บริเวณเบาะหลังของรถเมอร์เซเดสเบนซ์
ปีศาจถูกขับไล่ไปแล้วจริงๆ
ริมฝีปากเล็กยกขึ้น ดวงตาโตเหมือนผลองุ่นภายใต้ขนตายาวเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
เมื่อเกิดเื่แบบนี้ขึ้น ถึงแม้บรรยากาศแห่งความสุขจะหายไป แต่เมื่อ “ส่ง” สองแม่ลูกตระกูลหลิงที่ตั้งใจมาหาเื่กลับไปแล้ว ครอบครัวตระกูลเมิ่งของคุณลุงก็ลุกขึ้นเพื่อขอตัวกลับ
ในขณะที่ผู้ใหญ่คุยกันอยู่ในห้อง ซูอินหาโอกาสเดินตามเมิ่งเวยที่กำลังจะไปเข้าห้องน้ำ
“เป็เธอเองหรือ”
ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกคุ้นหน้าลูกพี่ลูกน้องคนนี้มาก เมื่อครู่ตอนที่พูดถึงเื่น่าอับอายของหลิงเมิ่งเธอก็นึกขึ้นได้ ผู้หญิงคนนี้คือคนที่พาพรรคพวกมาหาเื่และจะสาดชานมใส่เธอไม่ใช่หรือ ในตอนนั้นเธอคิดว่าอีกฝ่ายหน้าตาคล้ายตนเองมาก คิดไม่ถึงว่าจะเป็ญาติทางฝ่ายของเมิ่งเถียนเฟินจริงๆ
ซูอินไม่อ้อมค้อมก่อนจะเอ่ยถามไปตรงๆ “เธอ…เข้าใจอะไรฉันผิดหรือเปล่า”
เมิ่งเวยชะงัก
เธอไม่ใช่คนโง่ เธอเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่อย่างชัดเจน ซึ่งมันมากพอที่จะทำให้เธอรู้ว่าใครพูดความจริง
แต่ซูอินมาพูดตรงๆ แบบนี้ เธอก็เสียหน้าสิ
เวลานั้นในใจของเมิ่งเวยรู้สึกสับสนวุ่นวาย
ทั้งสองคนที่ยืนอยู่เงียบๆ ในสนามดึงดูดความสนใจจากซูเล่อได้เป็อย่างดี อันที่จริงเธอกำลังดูละครไต้หวัน แต่ถูกหลิงเมิ่งเรียก เธอจึงออกมาดูเื่น่าสนุก
“พวกเธอทำอะไรกันอยู่ อยากไปดูละครที่บ้านฉันไหม”
ซูอินเห็นคนที่เข้ามาพร้อมดวงตาเป็ประกาย “พี่เล่อเล่อ วันนี้พวกเราเพิ่งจะเจอกันวันแรก แต่ดูเหมือนพี่เมิ่งเวยจะเข้าใจฉันผิด”
“เข้าใจอะไรผิดหรือ”
เพิ่งจะถามออกไป แต่ซูเล่อที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็พอจะคาดเดาได้ ในระยะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซูอินดีขึ้นมาก ถึงแม้จะชอบต่อปากต่อคำกัน แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกหน้าให้ช่วย เธอก็ไม่เคยปฏิเสธ
“อ้อ เธอฟังมาจากซูเมิ่งสินะ ไม่ใช่สิ หลิงเมิ่งพูดอะไรบ้างล่ะ ฉันจะบอกให้นะ หลิงเมิ่งคือคนที่น่ารังเกียจที่สุด สิ่งที่พูดออกมาไม่มีความจริงเลย เธออย่าเห็นแก่ขนมที่ร้านค้าของโรงเรียนแล้วยอมเชื่อคำพูดของหลิงเมิ่งเชียวนะ”
เมิ่งเวย : ตอนนี้อับอายขายขี้หน้ามากกว่าเดิมเสียอีก
ยังไม่ทันที่จะมีใครได้เอ่ยปากอีก สองสามีภรรยาตระกูลเมิ่งก็ออกมาจากบ้าน และพาบุตรสาวที่ห่วงหน้าของตนเองกลับบ้าน
ข้างรั้ว ซูอินหันไปขอบคุณซูเล่อ “พี่เล่อเล่อ ขอบคุณที่ช่วยอธิบายนะ”
ซูเล่อแสดงสีหน้าเย่อหยิ่ง “ฉันไม่ได้โง่นะ เธอว่ามาสิ จะขอบคุณยังไงดี”
เธอเห็นแล้วว่าซูอินซื้อปากกาลูกลื่นที่น่าใช้งานกลับมาตั้งเยอะ อย่างไรก็ควรแบ่งให้เธอสักสองสามแท่ง
จะขอบคุณอย่างไรนั้น ซูอินครุ่นคิดก่อนจะเสนอ “เข้าไปในเมืองครั้งนี้ฉันซื้อหนังสือของหวังโฮ่วสยง[1]มาทั้งชุดเลย อธิบายไว้อย่างชัดเจน ในหนึ่งชุดมีหลายเล่มมาก เป็หนังสือใหม่ทั้งหมด ฉันให้ยืมอ่านสองเล่มเอาไหม”
ซูเล่อ : …
นี่คือการขอบคุณเธอหรือ เธอรู้อยู่แล้วว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของเธอน่ารำคาญชะมัด!
-----------------------------------------------------------------------
[1] หวังโฮ่วสยง คือผู้เขียนตำราคณิตศาสตร์ของจีน ส่วนใหญ่เป็หนังสืออธิบายเนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์อย่างละเอียด เป็ที่นิยมในหมู่นักเรียนที่ซื้อมาเพื่ออ่านเตรียมสอบหรือเสริมความรู้