ในตอนที่สองแม่ลูกจากตระกูลหลิงเข้ามาด้วยท่าทีดุดัน ซูอินกำลังต้อนรับครอบครัวของคุณลุงผู้เป็พี่ชายของมารดา
ตระกูลเมิ่งไม่ต่างอะไรกับตระกูลซู พวกเขาเป็ครอบครัวคนชนบทที่ติดดิน ทั้งชีวิตของเมิ่งเถียนเฟินมีกันสองคนพี่น้อง นอกจากเธอ ยังมีพี่ชายหนึ่งคนชื่อ เมิ่งเถียนเหลียง ข้าวที่ปลูกเริ่มออกผลผลิต ทำให้งานในทุ่งนาค่อนข้างยุ่ง พวกเขาปลูกข้าวหลายสิบไร่ จึงยุ่งอยู่แต่ในนาจนไม่มีเวลามาหา
กว่างานจะเสร็จไม่ใช่เื่ง่าย พวกเขารีบเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อมาดูหลานสาวแท้ๆ ของตนเอง
ซูอินได้ยินเมิ่งเถียนเฟินเล่าถึงครอบครัวคุณลุงตระกูลเมิ่งมาไม่น้อย
น้องชายตัวน้อยของเธอคลอดก่อนกำหนด หลังคลอดต้องอยู่ในตู้อบเด็กแรกเกิด ใครที่เคยใช้ตู้อบต่างก็รู้ดีว่ามันคือตู้ผลาญเงินดีๆ นี่เอง ใช้ชีวิตอยู่ในตู้อบสองเดือน เงินทองที่สองสามีภรรยาตระกูลหลิงสะสมมาจากการทำไร่ทำนาหมดไปกับค่าใช้จ่ายครั้งนี้ อีกทั้งยังเป็หนี้เพิ่ม
การคลอดก่อนกำหนดส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ ก่อนอายุสามขวบเด็กชายตัวน้อยมักจะเป็ไข้จนต้องนอนโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง เงินก็ไหลออกไปกับค่าใช้จ่ายดังสายน้ำ สองสามีภรรยาตระกูลซูตรากตรำหาเงิน แต่เมื่อเจอค่ารักษาพยาบาลราคาแพงก็เหมือนน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ
คนรวยกู้เงินเป็เื่ง่าย คนไม่มีเงินจะกู้เงินสักหน่อยกลับเป็เื่ยาก คนในหมู่บ้านรู้เข้า ก็กลัวว่าพวกเขาจะไม่มีเงินคืน จึงพากันคอยหลบหลีก
ค่ารักษาพยาบาลของเ้าตัวน้อยในตอนนั้นต้องขอบคุณครอบครัวของคุณลุงตระกูลซูและคุณลุงตระกูลเมิ่ง
หลังจากรู้เื่นี้ ซูอินรู้สึกประทับใจคุณลุงตระกูลเมิ่งที่ไม่เคยพบหน้าคนนี้มาก
แต่คุณลุงเมิ่งกลับมีความทรงจำที่ไม่ดีต่อเธอ
สาเหตุมาจากบุตรสาวของเขา เมิ่งเวย
เหมือนกับลูกพี่ลูกน้องของเธออีกคน ซูเล่อ พวกเธอได้ฟังหลิงเมิ่งพูดถึงซูอินมาไม่น้อย แต่สิ่งที่แตกต่างคือ เมิ่งเวยได้รับผลประโยชน์หลายอย่างจากหลิงเมิ่ง
เมื่อกลับไปที่บ้านตระกูลหลิง เงินในกระเป๋าของหลิงเมิ่งก็เพิ่มพูนขึ้นมาทันที ร่ำรวยถึงขั้นอยากใช้เท่าไรก็ได้ หลายครั้งที่เธอนำเงินมาซื้อขนม เครื่องเขียน และแบ่งให้เพื่อนร่วมห้อง ก็เพื่อซื้อใจคนอื่น เมื่อมั่นใจแล้วว่าซูอินจะกลับมาที่บ้านตระกูลซู หลิงเมิ่งก็คิดจะจัดการเด็กบ้านนอกที่ใช้ชีวิตร่ำรวยมาถึงสิบหกปี
ลูกพี่ลูกน้องที่ร่วมชั้นเรียนอย่างเมิ่งเวยจึงกลายเป็เป้าหมายสำคัญในครั้งนี้ของเธอ
เมิ่งเวยถูกนำมาใช้เป็เครื่องมืออย่างรวดเร็ว สร้างความรู้สึกที่ไม่สู้ดีต่อลูกพี่ลูกน้องคนนี้ที่เธอไม่เคยได้เจอหน้ากันมาก่อน ต่อมาเมื่อตามหลิงเมิ่งไปที่ร้านชานมที่ซูอินทำงาน เธอก็ถูกซูอินสาดน้ำเย็นใส่หน้า ซึ่งเื่นี้ทำให้เธอเกลียดซูอินมากกว่าเดิม
แน่นอนว่ากับบิดามารดา เธอได้พูดใส่ร้ายซูอินไปไม่น้อย
เมื่อมีอคติ ทำให้สองสามีภรรยาตระกูลซูหอบเอาความรู้สึกที่สับสนในใจมาด้วย แต่ครั้งแรกที่เห็น พวกเขาก็เริ่มสงสัยในคำพูดของบุตรสาว
เด็กสาวผิวขาวผุดผ่องเบื้องหน้ามีมารยาทมาก ใครเห็นก็ต้องรู้สึกว่าเธอเป็เด็กดี จะเป็คนสร้างภาพ มองคนที่ภายนอก และเป็อันธพาลชอบรังแกคนอื่นอย่างที่เมิ่งเวยพูดจริงหรือ
“คุณลุง คุณป้า หนูเคยได้ยินแม่พูดถึงพวกคุณบ่อยๆ แม่บอกว่าหลายปีก่อนที่ต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลของอันอัน ไม่มีใครให้ยืมเงินเลย แต่พวกคุณให้เงินมาทำให้เขาไม่ต้องขาดการรักษา กลับมาครั้งนี้หนูซื้อของมาให้พวกคุณด้วยค่ะ ลองดูสิคะว่าชอบไหม”
ซูอินเอ่ยอย่างมีมารยาทพร้อมรอยยิ้ม ก่อนยื่นถุงใส่ของที่เตรียมไว้ให้
คุณลุงเมิ่งแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วยเหมือนกับสองสามีภรรยาตระกูลซูไม่มีผิด แต่คุณป้าเมิ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับแสดงสีหน้าสับสน
อันที่จริงเื่ที่หลายปีมานี้ให้น้องสาวยืมเงิน ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกไม่พอใจ แม้น้องสาวจะเคยทำสัญญากู้เงิน และคืนตามเวลาที่กำหนด แต่เงินนี้หากให้คนอื่นยืมคงได้กำไรไม่น้อย ทว่าเธอก็ไม่สามารถเอาชนะเมิ่งเถียนเหลียง อีกทั้งพวกเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิด หากไม่ช่วยเหลือเกรงว่าเพื่อนบ้านจะนินทาเอาได้
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าน้องสาวจะประทับใจกับการช่วยเหลือของพวกเขา และพูดกับบุตรสาวลับหลังเช่นนี้ หลานสาวที่เพิ่งจะกลับมาอยู่บ้าน ยังเตรียมของขวัญไว้ให้พวกเขาอีกด้วย
เมื่อรับมาก็เห็นของด้านในที่ใส่หีบห่อมาอย่างประณีตบรรจง เธอรู้จักสินค้ายี่ห้อนี้ ต่อให้เป็ชิ้นที่ถูกที่สุด ราคาก็สูงถึงหลักร้อยหยวน
เมื่อได้เห็นของขวัญที่มาจากใจชิ้นนี้ ในใจของคุณป้าเมิ่งก็รู้สึกสับสน
คุณลุงที่อยู่ด้านข้างจึงเอ่ยปากปฏิเสธ “ซื้อของแพงแบบนี้มาทำไม เอาคืนไปเถอะ”
“คุณลุงให้พวกเรายืมเงินตั้งมาก เก็บดอกเบี้ยสักนิดก็ไม่เคย ของพวกนี้เทียบไม่ได้หรอกค่ะ”
เมิ่งเถียนเฟินที่มองอยู่ข้างๆ คอยโน้มน้าว เมื่อปฏิเสธอยู่หลายครั้ง ในที่สุดสองสามีภรรยาตระกูลเมิ่งก็ยอมรับไว้ ในเวลาเดียวกันความประทับใจที่มีต่อบุตรสาวของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
หากเป็เด็กที่ดูถูกความจน รักความร่ำรวย มองคนที่ภายนอกจริงๆ ทำไมเด็กคนนี้จะต้องซื้อของขวัญราคาแพงขนาดนี้มาให้คนชนบทที่มีดินโคลนตามแข้งขาแบบนี้เล่า
เป็เด็กหน้าตาสะสวยและว่านอนสอนง่าย
เมื่อความทรงจำแย่ๆ ที่มีก่อนหน้านี้หายไป สองสามีตระกูลเมิ่งก็ได้พบข้อดีต่างๆ ของหลานสาวคนนี้ สองครอบครัวนั่งพักผ่อนอยู่ในบ้าน และไม่อาจเลี่ยงได้ที่จะพูดถึงเื่การสอบของปีนี้ ในตอนที่รู้ว่าเด็กสาวคนนี้สอบได้คะแนนสูงเป็อันดับหนึ่ง ความประทับใจก็พุ่งสูงไปถึงขีดสุด
“ฉันบอกแล้ว อินอินเป็เด็กดี ผลการเรียนจึงออกมาดี เถียนเฟินดีใจด้วยนะที่ลูกสาวกลับมาอยู่บ้านแล้ว”
ความคับข้องใจของป้าเมิ่งที่สะสมมาหลายปีหายไปแล้ว ตอนนี้เธอมองตระกูลซูด้วยความรู้สึกไม่ขัดใจเลยสักนิด แม้แต่บ้านดินที่คับแคบนี้ ก็ยังทำให้เธอรู้สึกว่ามันกว้างขวาง
เธอจับมือซูอินไม่ยอมปล่อย ท่าทีที่แสดงออกนั้นอบอุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ
เมิ่งเวยที่นั่งดูอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะทำปากยื่น เสแสร้งละสิ
ซูอินสังเกตเห็นท่าทีของลูกพี่ลูกน้อง เธอรู้สึกมาตลอดว่าคุ้นหน้ามาก เหมือนกับว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่นึกไม่ออก
ในเมื่อคิดไม่ออกก็ไม่ต้องฝืน เธอจึงไม่นึกถึงมันอีก หันไปสนใจสนทนากับคุณลุงและคุณป้าแทนเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์
ตระกูลซูและตระกูลเมิ่งล้วนแต่เป็คนอ่อนโยน ไม่ชอบการพูดจาเหน็บแนม สองครอบครัวนั่งพูดคุยกัน บรรยากาศมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างรวดเร็ว ยกเว้นเพียงเมิ่งเวยที่ยังเต็มไปด้วยความกังวล คนอื่นๆ ต่างก็มีความสุข
ในขณะนั้นเองสองแม่ลูกตระกูลหลิงก็บุกเข้ามา
ครั้งก่อนตอนที่หลิงเมิ่งถูกตระกูลซูส่งตัวกลับ สองสามีภรรยาตระกูลหลิงไม่เคยมาที่หมู่บ้านตงผิงเลย นับว่านี่เป็ครั้งแรกที่อู๋อู๋มาที่นี่
รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับผ่านถนนที่เป็หลุมบ่อในชนบท ต่อให้มีระบบโช้คอัพที่ดีเพียงใด เมื่อเจอถนนเช่นนี้ แค่นั่งอยู่ในรถก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยโดยไม่อาจเลี่ยงได้ ถนนสองข้างทางเป็ทุ่งนา ชาวนาที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นเงยหน้ามองรถยนต์หรู พวกเขาพากันมองตามๆ กัน และคิดว่าคงจะเป็คนที่มาหาบุตรสาวตระกูลซูผู้สอบได้คะแนนเป็อันดับหนึ่ง ถึงแม้จะเคยเห็นหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังมีการพูดถึงกันอย่างกระตือรือร้น และพากันอิจฉาซูเจี้ยนจวินกับภรรยาที่มีวาสนาดี
แม้ว่าอู๋อู๋จะเป็คนที่มาจากชนบท แต่หลังจากสอบติดโรงเรียนด้านสาธารณสุข เธอก็กลับไปยังหมู่บ้านน้อยมาก โดยเฉพาะ่สิบปีมานี้เธอไม่ได้กลับไปเลยสักครั้ง ถนนหนทางที่มีหลุมบ่อ ชาวบ้านที่ไม่มีหน้ามีตาในสังคม ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
แค่คิดว่าบุตรสาวอันเป็ดั่งไข่มุกล้ำค่าของตนเองต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ความเกลียดชังในใจของเธอก็เพิ่มสูงขึ้น
“ที่นี่แหละค่ะคุณแม่ ถึงแล้วค่ะ”
เมื่อเห็นบ้านดินเตี้ยสามห้อง ที่มีบ้านปูนปูกระเบื้องสว่างและกว้างขวางอยู่ด้านข้าง ยิ่งทำให้บ้านหลังนั้นดูซอมซ่อมากกว่าเดิม อู๋อู๋แสดงสีหน้าตกตะลึง ความโกรธที่มีต่อซูอินเพิ่มมากขึ้น
เธอปิดปากด้วยท่าทีรังเกียจ ยกรองเท้าส้นสูงก่อนจะตรงเข้าไปด้วยความโกรธ
ด้านในบ้านดิน ซูอินกำลังฟังคุณป้าเล่าเื่น่าขันของน้องชาย เด็กชายตัวน้อยที่นั่งพิงเธออยู่เอามือปิดหน้า ก้อนเมฆสีแดงสองก้อนผุดขึ้นบนแก้มของเ้าตัวน้อย จากนั้นเขาก็ไปหลบอยู่ด้านหลังของเธอด้วยความเขินอาย
ท่าทีน่ารักเช่นนั้นทำให้คนในบ้านหัวเราะด้วยความชอบใจ
ในตอนที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุข ด้วยความที่ไม่ทันระวัง ประตูบ้านก็ถูกเปิดออก