การเริ่มต้นของแบบสอบถามชุดใหม่มาได้ตรงเวลา แบบสอบถามในชุดนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ยังคงเป็ 2 รายการและต้องเลือก 1 รายการ แต่ทว่า 2 รายการต่อไปนี้ กลับทำให้ทุกคนต้องใ
ข้อ1 หวางอู่จะต้องทุบรถหรูที่พ่อเขาเพิ่งซื้อให้
ข้อ2 หลี่โม่ฟ๋านจักต้องะโตึกฆ่าตัวตาย
“นี่มันอะไรกัน?” ฉันมองรายการที่ต้องเลือกในกลุ่มพลางพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้ รายการที่ต้องเลือก 2 ข้อนี้คาดคิดไม่ถึงจริงๆ แต่ทว่าไม่มีข้อสงสัยแม้แต่น้อย ข้อ2 นั้นยิ่งโหดร้าย นี่หมายความว่าหลี่โม่ฟ๋านจักต้องฆ่าตัวตาย แต่ข้อ1 แค่ต้องทำให้รถคันหนึ่งพังเท่านั้น
“นี่มันยังไงกัน” หลี่โม่ฟ๋านมองรายการที่ต้องเลือกที่อยู่เบื้องหน้าพลางพูดด้วยสีหน้าที่ขาวซีด แบบสอบถามกลุ่มครั้งนี้ไม่เหมือนกับคราวก่อน เป็ครั้งแรกของรายการที่ต้องเลือกได้ปรากฏรายการที่โหดร้ายทารุณและจักต้องตาย
คนอื่นๆ ก็กระซิบกระซาบกัน ทุกๆ สายตาต่างก็แอบมองหลี่โม่ฟ๋าน หลี่โม่ฟ๋านรีบร้อนยืนขึ้นพูดว่า “ทุกคนอย่าเลือกฉันนะ ไม่เช่นนั้นฉันก็จะตาย”
“วางใจเถอะ พวกเราไม่เลือกนายแน่นอน”
“ใช่ นี่คือการฆ่าคน”
คนกลุ่มหนึ่งค่อยๆ ถกปัญหากัน และกวานเหยาก็ได้เดินขึ้นไปบนแท่นพูด เธอพูดอย่างจริงจังว่า “การโหวตครั้งนี้ ดูแล้วคงจะต้องเลือกหวางอู่ ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว”
เพื่อนๆ ที่อยู่ด้านล่างก็พยักหน้ากัน รายที่ต้องเลือกครั้งนี้เลือกไม่ยากเลย คนส่วนใหญ่ ล้วนเอนไปทางหวางอู่ หากเขาทำลงไปจริงๆ ก็แค่เป็การทำให้รถคันหนึ่งพังเท่านั้น ครอบครัวเขามีเงินตั้งขนาดนั้น น่าจะไม่ใส่ใจรถแค่คันเดียว
แต่ในเวลานี้ หวางอู่พูดด้วยสีหน้าที่หม่นหมองว่า “ฉันไม่ยินยอม”
“หวางอู่ ถึงทุกคนจะเลือกนาย ก็แค่เป็การทำให้รถคันหนึ่งพังเท่านั้น หากเลือกข้อ2 หลี่โม่ฟ๋านต้องตายเลยน่ะ” กวานเหยาพูดอย่างโกรธเคือง
“งั้นจะทำไมล่ะ?” หวางอู่แสยะยิ้มพูด และมองหลังห้องเรียนอย่างบ้าระห่ำ “จะช้าหรือเร็วยังไงก็ต้องตาย หลี่โม่ฟ๋านตายแล้วก็ตายไป”
“ทำไมนายถึงพูดแบบนี้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็เพื่อนร่วมห้องของนายนะ” กวานเหยาพูดอย่างโกรธเคือง
“เธอหยุด ฉันจะบอกให้ ่นี้พ่อฉันซื้อรถเบนท์ลี่ย์หนึ่งคัน นั่นมันรถหรูราคาสิบกว่าล้านหยวนเลยนะ ถ้าฉันทุบมัน พ่อฉันคงจะต้องตีฉันให้ตาย” หวางอู่พูดตะคอก
“ถึงจะเป็อย่างนั้น ชีวิตคนคนหนึ่งเทียบไม่ได้กับรถคันหนึ่งเลยเหรอ?” กวานเหยาโต้ตอบด้วยความโกรธเคือง
“ไม่ผิด เทียบไม่ได้เลย!” หวางอู่พูดคำพูดที่ทำให้ทุกคนใ สีหน้าเขาหม่นหมอง มองหลี่โม่ฟ๋านพลางพูดว่า “ฉันรู้สถานการณ์ของครอบครัวนาย พ่อนายทำงานต่างเมือง แม่ก็ตายนานแล้ว ตอนนี้มีแค่ย่ากับนายที่อยู่ด้วยกัน อย่างนายนี่ ถึงจะตาย ก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร”
“ไม่ว่าจะยังไง นายพูดอย่างนี้มันเกินไปแล้ว” ฉันยืนขึ้นพูดตะคอก
“เหอะๆ เกินไป จริงๆ ทุกคนก็ชัดเจนว่าแบบสอบถามนี้จะต้องมีคนตายแน่นอน ถึงจะไม่ตายวันนี้ ก็ต้องตายพรุ่งนี้ ในเมื่อเป็เช่นนี้ ทำไมไม่ขายเสียงในราคาที่ดีล่ะ” หวางอู่แสยะยิ้มพูด ใบหน้าที่บิดเบี้ยวนั้น
ทันใดนั้นเพื่อนโดยรอบถึงกับชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าหวางอู่จะพูดเช่นนี้
“ฉันไม่ได้ยิ่งใหญ่ หลี่โม่ฟ๋านก็ไม่ใช่เพื่อนฉัน และไม่ได้สนิทกับฉัน ทำไมฉันต้องพังรถที่พ่อฉันเพิ่งซื้อมาใหม่ด้วย สำหรับเพื่อนร่วมห้องแล้ว ความสัมพันธ์เช่นนี้จะได้อะไร” หวางอู่หัวเราะอย่างไม่หยุดพลางพูด
และเพื่อนๆ ด้านล่างเริ่มคิดใคร่ครวญ ทุกคนจากความโกรธแค้นใน่เริ่มต้น จนกระทั่งพิจารณาครุ่นคิดอย่างลุ่มลึกในลำดับต่อมา สิ่งที่หวางอู่พูดก็ไม่ผิด หลี่โม่ฟ๋านไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย ทำไมต้องเสี่ยงที่จะถูกพ่อเขาตี สู้ทำเื่ที่ทำลายผู้อื่นแต่ไม่เกิดประโยชน์ต่อตน
“หวางอู่ นายไม่ควรทำเช่นนี้ มันจะแค่ไหน หลังจากนี้ฉันจะคืนให้นายเอง” หลี่โม่ฟ๋านยืนขึ้นพูดด้วยความกลัว
หวางอู่ได้ยินคำพูดของเขา คล้ายกับว่าได้ยินเื่ตลกขบขัน เขาแสยะยิ้มพูดว่า “คืน นายจะเอาอะไรมาคืน? แค่ค่าข้าวไม่กี่หยวนต่อวันเนี่ยนะ จะซื้อรถเบนท์ลี่ย์คันสิบล้านหยวนคืนฉันเหรอ?”
หลี่โม่ฟ๋านเงียบกริบอยู่ครู่หนึ่ง หากเป็ดังที่หวางอู่พูด ครอบครัวก็ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ต้องพูดถึงรถเบนท์ลี่ย์ แม้แต่แบบจำลองรถยนต์ยังไม่มีปัญญาซื้อเลย
ฉันมองหวางอู่ ั์ตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ด้านที่โหดร้ายทารุณของเกมนี้ ได้ปรากฏอยู่เบื้องหน้าฉันซึ่งแค่มองก็ทะลุปรุโปร่ง จริงๆ แล้วหวางอู่ไม่ได้ใส่ใจชีวิตของหลี่โม่ฟ๋านเลย สิ่งที่เขายิ่งให้ใส่ใจคือรถหรูของพ่อเขา สำหรับหวางอู่แล้ว ชีวิตของหลี่โม่ฟ๋านนั้นไม่มีค่าแม้แต่แดงเดียว
และเพื่อนๆ คนอื่นๆ ถึงแม้จะเห็นอกเห็นใจหลี่โม่ฟ๋าน แต่กลับไม่คิดที่จะช่วยเขา
“ตอนนี้ ทุกคนจักต้องเลือกหลี่โม่ฟ๋าน มิฉะนั้นจะถือว่าเป็ศัตรูกับฉัน ถึงตอนนั้นฉันจะลงมืออย่างไม่คิดแม้แต่น้อย” หวางอู่พูดอย่างเยือกเย็น บ้านเขามีเงิน รวมทั้งยังมีความสัมพันธ์กับพวกอิทธิพลมืดไม่น้อย ในชั้นเรียนนี้ เขาเกือบจะเป็ดั่งดรรชนีเดียวขวางฟ้า
ใครอยากจะกล้าล่วงเกินเขา เกรงว่าจะถูกตี ด้วยภูมิหลังของเขา ทำได้แน่นอน
“แน่นอนว่า ฉันก็จะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และฉันจะให้คนละ 2 พัน” หวางอู่ได้พูดอีกประโยค ครั้งนี้ดวงตาของนักเรียนที่อยู่โดยรอบได้ลุกเป็ประกาย
นี่ตั้ง 2 พัน ทุกคนล้วนเป็นักเรียนม.ปลาย นอกจากพวกสูงหล่อรวยส่วนหนึ่งแล้ว ที่เหลือก็ไม่ได้มีเงินอะไรกันนัก 2 พันนี้สำหรับเรียนม.ปลายแล้วก็คือเงินก้อนใหญ่
“หวางอู่ ฉันสู้ตายล่ะ!” หลี่โม่ฟ๋านมองหวางอู่ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ หลังจากนั้นตะคอกแล้วกระโจนเข้าใส่เขา แน่นอนว่าไม่มีประโยชน์อะไร
ร่างกายของเขาก็ผอมและอ่อนแอเหมือนกับฉัน แต่เขากลับหน้าอกกว้างไหล่ผึ่งผายเอวกลม ผู้ชายกระจอกๆ ที่กินมันฝรั่ง จะเป็คู่ต่อสู้กับพวกสูงหล่อรวยที่กินสเต๊กได้อย่างไร เพียงแค่เท้าเดียว เขาก็ถูกเตะกลับมา
ครั้งนี้หลี่โม่ฟ๋านก็ได้สำนึกถึงความต่างแล้ว และก็ไม่ไปยั่วยุหวางอู่อีก แต่กลับร้องไห้อย่างฟูมฟายแล้วพูดกับเพื่อนๆ ว่า “ทุกคนอย่าทำอย่างนี้ ฉันรู้ปกติฉันก็ไม่ได้น่ารัก แต่ฉันก็เป็เพื่อนร่วมห้องของพวกเธอ หากพวกเธอโหวตฉัน นั่นก็แปลว่าจะให้ฉันตาย”
พอคำพูดเช่นนี้ออกมา เพื่อนๆ ที่อยู่โดยรอบล้วนลังเลขึ้นมา ถึงแม้หลี่โม่ฟ๋านอยู่ในห้องเรียนจะซุ่มเงียบ แต่ก็ไม่ได้ไปแส่หาเื่ใคร หากโหวตเขาอย่างนี้แล้ว เช่นนั้นคนเหล่านี้ก็จะอยู่ไม่สุขเพราะรู้สึกผิด
“พอเถอะ แกล้งทำเป็น่าสงสารอยู่ได้ ทุกคนรีบโหวตเถอะ ใครเลือกหลี่โม่ฟ๋านแล้วฉันก็จะให้ 2 พัน พูดจริงทำจริง” หวางอู่หยิบบัตรเครดิตออกมาหนึ่งใบแล้วพูด
คราวนี้เพื่อนๆ โดยรอบยิ่งลังเลกันเพิ่มขึ้นอีก ถึงแม้หวางอู่คุณสมบัติจะแย่ไปหน่อย แต่ก็พูดจริงทำจริงแน่นอน แต่ไหนแต่ไรมาเขาพนันเงินกับคนอื่นก็ไม่เคยขาดแม้แต่สลึงเดียว
นี่ตั้ง 2 พัน สำหรับนักเรียนม.ปลายธรรมดาทั่วไปแล้วแน่นอนว่าคือจำนวนที่คาดไม่ถึง และทุกๆ อย่าง้าแค่เพียงการโหวต 1 เสียงแค่นั้นก็ได้แล้ว ยังไงก็ไม่ใช่พวกเขาเป็คนฆ่าด้วยมือของตัวเอง ้าแค่เสียงเดียวก็ 2 พัน
มองเพื่อนๆ ที่อยู่โดยรอบเต็มไปด้วยความลังเล หวางอู่ะโว่า “พวกเธอรอฉันก่อน ฉันจะไปกดเงินตอนเลย”
พูดจบเขาก็หยิบกระเป๋าถือเปล่าหนึ่งใบ หันหลังเดินออกไป ตรงข้ามโรงเรียนของพวกเราก็คือธนาคาร หวางอู่้ากดเงิน ซึ่งก็เป็เื่ง่ายมาก
หลังจากที่หวางอู่เดินออกไป กวานเหยารีบะโว่า “ทุกคนรีบโหวตให้หวางอู่สิ”
“ใช่ รีบโหวตให้หวางอู่” ฉันรีบลุกขึ้นยืนแล้วพูด เพื่อนๆ โดยรอบค่อยๆ มีการตอบสนอง ไม่นานหวางอู่ก็มีผลโหวตมากถึง 13 เสียง แต่ทว่าหลังจากจำนวนผลโหวตนี้แล้วก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอีก
“เสียงของฉันก็ได้โหวตให้นายแล้ว” ฉันมองดูโทรศัพท์มือถือแล้วยื่นให้หลี่โม่ฟ๋นดูอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลี่โม่ฟ๋านดูแวบหนึ่ง พูดด้วยสีหน้าขาวซีดว่า “นี่มันยังไงกัน ทำไมทุกคนถึงไม่ยอมโหวต”
“รีบโหวตสิ เดี๋ยวหวางอู่ก็กลับมาแล้ว” กวานเหยาะโพูด แต่ทว่าเพื่อนๆ ที่อยู่โดยรอบกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ มีบางคนพูดว่า “เธอรอฉันเดี๋ยวสิ ฉันเข้าสู่ระบบก่อน”
คนอื่นๆ ก็พูดว่า “พวกเธออย่ามองฉันสิ ฉันโหวตแล้ว”
มองเพื่อนๆ ที่อยู่รอบๆ ฉันแสยะยิ้มมุมปาก มองหลี่โม่ฟ๋านแล้วตอบว่า “ง่ายมาก เพราะว่าพวกเขารอขายเสียงในราคาที่ดี”
“รอขายเสียงในราคาที่ดีเหรอ?” หลี่โม่ฟ๋านพูดอย่างงงงัน
“ไม่ผิด ตอนที่นายรู้ว่าราคาเสียงของนาย 2 พันหยวน เกรงว่านายก็คงไม่โหวตตามอำเภอใจล่ะ” ฉันพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้
“หรือว่าพวกเขาไม่รู้ หากโหวตต่อไป ฉันคงต้องตาย” หลี่โม่ฟ๋านพูดแก้ต่าง
“พวกเขารู้แน่นอน แต่นายควรจะเข้าใจ หากด้วยเสียงคนคนหนึ่ง ทำให้นายตาย ถ้าเช่นนั้นเขาก็คือฆาตกร แต่ถ้าเป็ 10 คน 20 คนโหวตพร้อมกัน ฉะนั้นผลลัพธ์ก็ไม่เหมือนกันแล้ว” ฉันแสยะยิ้ม
“ทำไม?” หลี่โม่ฟ๋านถาม
“ง่ายมาก คนเราล้วนมีลักษณะที่ตามเสียงส่วนใหญ่ ความรู้สึกชั่วร้ายนี้ ได้ลดลงตามจำนวนของคนที่มากขึ้น นี่ก็คือความคิดที่ว่ากฎหมายทำอะไรคนส่วนมากไม่ได้ คนหนึ่งคนฆ่าคน ฉะนั้นเขาก็คือฆาตกร แต่ถ้าคนหนึ่งกลุ่มฆ่าคน พวกเขาก็จะรู้สึกว่าตนไม่ใช่ฆาตกร แต่ว่ายังมีคนอื่นอีก นี่ก็เพราะว่าทำไมเวลาตีกัน คนยิ่งมาก ความกล้าก็ยิ่งมาก” ฉันพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้