ไม่ผิด ในที่สุดพวกเราก็มาถึงชั้น 1 แล้ว บันไดชั้น 1 ก็คือประตูใหญ่ ในที่สุดพวกเราก็เดินออกมาจากสถานการณ์ที่ต้องตายแล้ว การอนุมานของฉันนั้นถูกต้อง
“ในที่สุดพวกเราก็มีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว” ฉันจูงมือเย่รั่วเซวียด้วยสีหน้าที่ขาวซีด ในเวลานี้เย่รั่วเซวี่ยก็พยักหน้าด้วยความตื่นเต้น หลังจากนั้นก็จูงฉันหันหลังเดินออกจากหอหญิง
“พวกเรารีบออกจากที่นี่กันเถอะ หอพักหญิงหลังนี้แปลกประหลาดเกินไปแล้ว” ฉันพยักหน้าพลางพูด เย่รั่วเซวี่ยก็พยักหน้า พวกเราทั้งสองออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว ไม่นานหอหญิงก็หายไปจากเบื้องหน้าของพวกเราแล้ว
และฟ้าก็ได้มืดลงแล้ว ฉันดูโทรศัพท์มือถือแวบหนึ่ง น่าจะเป็ 6 โมงเย็นแล้ว เวลานี้ควรจะเป็เวลาทานอาหาร เวลานี้ฉันเพิ่งสังเกตว่าหน้าของฉันบวมไปหมดแล้ว
“นายไม่เป็ไรใช่ไหม” เย่รั่วเซวียเพิ่งเห็นใบหน้าฉัน เธอดึงมือน้อยๆ ของเธอจากมือฉัน ใจฉันรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง ส่ายหน้าพลางพูดว่า “ไม่เป็ไร ฉันไม่เป็ไรหรอก”
“นายยังพูดว่าไม่เป็ไรอีกเหรอ บนหน้านายเต็มไปด้วยแผล” เย่รั่วเซวี่ยมองฉันแล้วพูด หลังจากนั้นก็รีบพูดว่า “ตอนนนี้ห้องปฐมพยาบาลก็ปิดแล้ว นายรอเดี๋ยว”
พูดจบเธอก็ให้ฉันรอที่ในหอหญิง หลังจากนั้นเธอหันหลังเดินเข้าหอหญิงไป เพราะผู้ชายไม่สามารถเข้าหอหญิงได้ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงไม่มีทางที่จะเข้าไปได้
ไม่นานเย่รั่วเซวี่ยก็เดินออกมา ในมือเธอถือพลาสเตอร์ปิดแผลและทิงเจอร์ไอโอดิน หลังจากนั้นเธอจูงมือฉันมาถึงห้องเรียน คนส่วนใหญ่ในห้องเรียนไปโรงอาหารกันหมด มีเพียงแค่คนส่วนน้อยที่ยังคงอยู่ในห้องเรียน
ซึ่งมองดูพวกเรากลับมา มีเพื่อนหยอกล้อว่า “พวกเธอหนีไปด้วยกันแล้วเหรอ? จางเว่ย หน้านายไปทำอะไรมา”
“ไม่เป็ไร” ฉันพูดอย่างระวัง เย่รั่วเซวี่ยกลับกลอกตาใส่ฉัน มาถึงที่นั่งของฉัน ให้ฉันนั่งด้วยกัน หลังจากนั้นหยิบก้อนสำลีออกมา เช็ดที่มุมปากของฉันอย่างระมัดระวัง
เมื่อทิงเจอร์ไอโอดินเช็ดเข้าที่ปากแผลก็รู้สึกแสบเล็กน้อย แต่มองหน้าที่สงบเงียบของเย่รั่วเซวี่ยแล้ว ใจฉันกลับตื่นเต้นเป็ที่สุด ั้แ่เล็กจนโต ฉันไม่เคยมีความรักใคร่จากผู้หญิงเลย
ชีวิตฉันระเกะระกะ บวกกับฐานะของครอบครัวที่ไม่ดี เสื้อผ้าที่ใส่ก็คร่ำครึ ด้วยเหตุนี้ั้แ่ประถมจนถึงม.ตัน ถูกผู้หญิงดูถูกมาไม่น้อย ตอนนี้ เย่รั่วเซวี่ยคือผู้หญิงคนแรกที่ดีกับฉันเช่นนี้
“อะไรเหรอ เจ็บเหรอ?” เย่รั่วเซวี่ยใช้ก้อนสำลีถูที่หน้าอย่างระมัดระวัง ในขณะเดียวกันดวงตาที่อ่อนโยนคู่นั้นมองฉันอยู่ เธอใส่ใจความรู้สึกฉันมาก พอหน้าฉันเผยความรู้สึกเ็ป เธอก็รีบก็ถูช้าลง การเคลื่อนไหวที่เบาและนุ่มนวลของเธอ ทำให้ฉันรู้สึกซาบซึ้งมาก
ฉันสาบานว่า ณ เวลานี้ฉันชอบเย่รั่วเซวี่ยอย่างจริงจังแล้ว ผู้หญิงที่อ่อนโยนดั่งสายน้ำในขณะเดียวกันก็มีความทะเล้นคนนี้
เย่รั่วเซวี่ยมองฉันที่กำลังจ้องมองเธออยู่ บนใบหน้าเล็กๆ ที่งดงามนั้นปรากฏความเขินอาย เธอพูดด้วยความโกรธว่า “นายมองฉันอย่างนี้ทำไม”
“อ่อ ขอโทษที” ฉันพยักหน้าพลางพูด
“เสร็จแล้ว ตอนนี้ดูนายไม่น่าเป็ไรแล้ว” เย่รั่วเซวี่ยมองหน้าฉันแล้วทอดถอนหายใจ และเก็บทิงเจอร์ไอโอดินกลับไป หลังจากนั้นหันหลังออกจากที่นั่งของฉันไป
เวลานี้เธอหันหน้ามาอย่างฉับพลันพลางพูดว่า “ใช่แล้ว นายยังไม่ได้ทานข้าวสินะ งั้นฉันเลี้ยงข้าวนายเอง ยังไงวันนี้นายก็ได้ช่วยฉันไว้แล้ว”
“ไม่เป็ไร ถ้าต้องเจอสถานการณ์อย่างนี้อีก ฉันก็ต้องช่วยเธออยู่แล้ว ไม่ต้องเลี้ยงข้าวฉันหรอก” ฉันรีบพูด ถึงแม้นิสัยฉันจะอ่อนแอ แต่กลับมีการคิดแบบชายชาตรีที่เต็มร้อย ซึ่งแต่ไหนแต่ไรเข้าใจว่าการใช้เงินผู้หญิงคือการกระทำที่น่าอาย ถึงแม้ว่าเป็เย่รั่วเซวี่ยที่จะเลี้ยงข้าวฉันก็ตาม ฉันก็รู้สึกว่าขายหน้ามากอยู่ดี
เย่รั่วเซวี่ยยิ้มเล็กน้อย หลังจากนั้นหันหลังเดินออกไป เหลือแค่ฉันที่นั่งยิ้มโง่อยู่ตรงนั้น ฉันยิ้มอยู่สักพักหนึ่ง แล้วก็ไปซื้อขนมปังสองสามชิ้นที่ร้านค้าเล็กๆ ในโรงเรียน ใครทำให้ฉันเป็นักเรียนที่ไม่ได้พักอยู่ที่หอพักของโรงเรียนล่ะ เงินซื้อข้าวกินวันหนึ่งแค่ 5 หยวน
แทะขนมปัง ฉันนั่งครุ่นคิดอยู่ที่โต๊ะ หอพักหญิงวันนี้เกือบจะทำให้พวกเราไม่มีทางออกมาได้ แต่นี่ก็ยืนยันว่าหอพักหญิงต้องเกิดอะไรขึ้นแน่นอน
ไม่งั้นก็คงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะหาเบาะแสบางอย่างได้จากหอพักหญิง แต่นึกถึงวันนี้ที่เกือบจะตายแล้ว ฉันส่ายหน้า และยังยกเลิกความคิดที่น่ากลัวนี้ ฉันก็ไม่อยากที่จะเดินเข้าไปที่บันไดอีกครั้งแล้ว
ตอนที่ฉันศึกษาบทเรียนด้วยตนเองใน่เย็น หลี่โม่ฟ๋านมองฉันด้วยความงงงวย พูดด้วยสีหน้าแปลกประหลาดว่า “ฉันพูดเื่อะไรทำไมถึงดีใจขนาดนี้ ดูนายหน้าแดงไปหมด”
“เฮ้อๆ ไม่มีอะไร” ฉันพูดอย่างชื่นอกชื่นใจ ถึงแม้ว่าบนใบหน้ายังคงเจ็บมาก แต่ทว่าจิตใจฉันกลับมีความสุขเหลือเกิน ฉันยังได้ช่วยเย่รั่วเซวี่ยไว้ด้วย
ตอนนี้เธอต้องมีความรู้สึกดีต่อฉันแน่นอน ไม่แน่ว่าเธออาจจะชอบฉันเข้าแล้ว อย่างฉันก็จะเอาคืนผู้หญิงที่ขาวสวยรวยคนนั้นได้ แล้วก้าวไปยังจุดที่สูงที่สุดของชีวิต เื่อย่างนี้ทำไมฉันถึงพูดออกมาได้
ในความไม่รู้เนื้อรู้ตัว ฉันได้แสดงข้อบกพร่องของผู้ชายกระจอกๆ คนหนึ่งออกมา นั่นก็คือการคิดไปเองฝ่ายเดียว
ตอนเย็น ฉันกลับมาถึงบ้าน ทานอาหารเย็นเสร็จ ก็เริ่มเอนตัวนอนเปิดโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง ในกลุ่ม QQ ของชั้นเรียน หลังจากที่เริ่มเกิดคำสาป ก็ไม่มีใครกล้าคุยกันในกลุ่มอีก ด้วยเหตุนี้ในกลุ่มจึงมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีคนพูดคุยกัน
“วันนี้ต้องขอบคุณนายจริงๆ ถ้าหากไม่มีนาย ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้ทำยังไงแล้ว” ทันใดนั้นเย่รั่วเซวี่ยก็พูดใน QQ
“ไม่เป็ไร นี่คือสิ่งที่ฉันควรจะทำ” ฉันพูดใน QQ อย่างภาคภูมิใจ
“การกระทำของนายวันนี้ทำให้ฉันใจริงๆ แต่นายก็เก่งจริงๆ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นก็ยังคงหาทางออกได้ ฉันไม่มีประโยชน์ที่สุด ตอนนั้นคิดแต่จะร้องไห้” เย่รั่วเซวี่ยพูดใน QQ
“ไม่มีอะไรหรอก ตอนนั้นฉันก็กลัวเหมือนกัน แต่ฉันได้พูดไว้แล้วว่าจะปกป้องเธอ ยังไงก็ต้องทำให้ได้” ฉันพูดใน QQ ตอนที่พิมพ์อักษรเหล่านี้ แขนฉันก็สั่นเทา
“ฮือ ซาบซึ้งเหลือเกิน วันนี้นายหล่อลากไส้จริงๆ ” เย่รั่วเซวี่ยพูดใน QQ
“เฮ้ยๆ นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว” ฉันเขียนอย่างภาคภูมิใจ
“ฝันไปเถอะ พอแล้วไม่คุยแล้ว ต้องออกแล้ว” QQ ของเย่รั่วเซวี่ยพูดจบแล้ว และส่งอิโมจิคอนยิ้มมาให้ฉันอีก และเพิ่งออกจากระบบไป
และฉันก็วางโทรศัพท์มือถือ ด้วยใบหน้าที่ชื่นอกชื่นใจ ดูรูปจบการศึกษาที่ติดอยู่ตรงผนัง ฉันกลับไม่รู้สึกกลัวแล้ว ฉันรู้สึกว่าเื่ราวไม่ได้แย่อย่างที่ฉันคิด
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้จะต้องยิ่งดีขึ้นอีกแน่นอน ฉันคิดเพ้อเจ้อไปด้วยและนอนหลับไป
วันที่ 2 ฉันมาถึงโรงเรียนด้วยเท้าที่เบาและเร็ว ในห้องเรียนยังคงมีนักเรียนเต็มห้อง สีหน้าของทุกคนล้วนเ็ปรวดร้าว เพราะว่าการโหวตในรอบต่อไปจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
เพื่อนหลายคนล้วนกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ และนักเรียนบางคนก็กำลังหาแนวร่วมกันอยู่
“หากว่าในรายการที่ต้องเลือกมีฉัน เธออย่าเลือกฉันเด็ดขาด”
“วางใจได้ พวกเราเป็อะไรกัน เป็ถึงเพื่อนสาวที่สนิทกันเลยเชียวนะ”
“สหาย ถ้าครั้งนี้มีฉัน นายก็น่าจะเข้าใจอยู่ ถึงตอนนั้นมีอะไรดีๆ จะไม่ขาดพวกนายเลย”
การสนทนาอย่างนี้ ในห้องเรียนได้เกิดขึ้นอย่างไม่หยุด เพื่อนๆ ทุกคนก็รู้ ถ้าไม่หาวิธีหาเสียง หากถึงคราวตนแล้ว เช่นนั้นผลลัพธ์อาจจะร้ายแรงพอสมควร
ด้วยเหตุนี้หากมีเงินสำรอง หรือมีเพื่อนที่เป็ที่นิยม ล้วนเริ่มแอบหาเสียงกันแล้ว แม้แต่เพื่อนที่นั่งโต๊ะติดกับฉันอย่างหลี่โม่ฟ๋านก็ยังไม่โชคดีรอดพ้น ฉันเพิ่งกลับมาที่โต๊ะ เขาก็กระซิบกับฉันอย่างลับๆ ว่า
“สหาย ถ้าหากในรายที่ต้องเลือกมีฉัน อย่าเลือกเด็ดขาด”
“แน่นอนอยู่แล้ว นายจะกังวลอะไร” ฉันชำเลืองมองเขาพลางพูด
เขาพูดอย่างเกรงใจว่า “”นายก็รู้ คนอย่างพวกเราไม่มีฐานะอะไรในชั้นเรียน หากรายการที่ต้องเลือกในกลุ่มเกิดมีพวกเราขึ้น งั้นพวกเราก็ดวงซวยแล้ว”
ฉันพยักหน้าด้วยความเ็ป หากเป็ดั่งที่หลี่โม่ฟ๋านพูด ฉากที่วุ่นวายเมื่อวานได้พิสูจน์แล้วว่าการโหวตนี้ไม่มีความยุติธรรม เหมือนกับพวกสูงหล่อรวยอย่างจ้าวเฉินเห้อ สามารถที่จะยกเลิกการโหวตในข้อที่ไม่เลวได้อย่างง่ายดาย
เล่ากันว่าเมื่อวานตอนเย็น จ้าวเฉินเห้อพาซูหย่า กับเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ในชั้นเรียนไปภัตร คารอาหารชั้นดีแห่งหนึ่ง รวมทั้งได้สั่งอาหารหลายโต๊ะ จ่ายไปทั้งหมดหลายหมื่นหยวน ถึงจะทำให้เพื่อนๆ พอใจได้
ถึงแม้จะเป็ตอนนี้ แต่ก็มีนักเรียนพูดกันถึงความโอ่อ่าและความน่าเกรงขามของจ้าวเฉินเห้อเมื่อวาน
หลายหมื่นเลยนะ นั่นคือตัวเลขที่ทำให้ฉันได้แต่คิดแต่แตะไม่ถึง เงินเหล่านี้ถึงจะเป็เงินสะสมของทั้งครอบครัวฉันยังมีไม่มากขนาดนี้เลย แค่เพื่อให้ฉันได้เรียน พ่อของฉันก็ใช้เงินเก็บสะสมส่วนใหญ่ไปหมดแล้ว
ซึ่งพูดได้ว่าในเกมนี้จ้าวเฉินเห้อได้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีวันแพ้แล้ว เพียงแค่ยังคงรักษาความโอ่อ่าของตนอยู่ต่อเนื่อง เช่นนั้นแน่นอนว่าเขาจะไม่เป็ไร แต่คนไม่มีเงินอย่างพวกเรา และก็เป็คนกระจอกๆ ที่ไม่มีอิทธิพลอะไร แน่นอนว่าเป็แค่เป้าะุที่อยู่ชั้นล่างสุดในเกมนี้เท่านั้น
การโหวตน่าจะใกล้เริ่มขึ้นแล้ว มีนักเรียนที่นั่งไม่ติดอยู่ตลอดเวลา เริ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอย่างไม่หยุด กลัวว่ารายการที่ต้องเลือกในกลุ่มจะมีชื่อของตน
แต่ทว่าแบบสอบถามในกลุ่มยังไม่มา จนกระทั่งถึงหลังจากคาบแรก ทันใดนั้นก็มีนักเรียนคนหนึ่งะโว่า “ทุกคนรีบดูสิ ในกลุ่มได้มีแบบสอบถามชุดใหม่ขึ้นแล้ว!”