“ไอ้น้องโต้วเทียน ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีใช่ไหม” ณ ห้องใต้หลังคาชั้นสูงสุดของเมืองเซวียนหยวนหลังจากที่ได้ฟังเซวียนหยวนเถิงเฟยเล่าสถานการณ์ในวันนี้เสร็จเซวียนหยวนซยงเฟิงผู้เป็ผู้นำตระกูลเซวียนหยวน ก็ต่อสายโทรหาหลี่โต้วเทียน
“พี่ซยงเฟิง มีอะไรก็บอกมาตรงๆ เถอะ จะมัวมาเกรงใจฉันทำไมกัน” หลี่โต้วเทียนพูดยิ้มๆดูทรงกัวไฮว่ตามตระกูลเซวียนหยวนไปถึงบ้านตระกูลเซวียนหยวนแล้ว เ้าหมาป่านี่ไม่ว่าจะเื่ไหนๆ ก็คำนวณเอาไว้ก่อนแล้ว
“ฮ่าๆ น้องโต้วเทียนยังเป็เหมือนเดิมเลยนะ งั้นฉันจะพูดตรงๆ แล้วกันบอกเื่เกี่ยวกับเด็กนี่ให้หน่อยสิ” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ
“พี่ซยงเฟิงผมว่าตอนนี้ข้างมือพี่ก็น่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับกัวไฮว่อยู่ครบหมดแล้วนะยังต้องให้ผมบอกอีกเหรอ” หลี่โต้วเทียนพูดยิ้มๆ “หลานของกัวหลิวอี้ ลูกชายของกัวเทียน สี่ตัวอันตราย ตัวอสรพิษตอนนี้กลับมาอยู่ในร่องในรอยแล้ว เปิดคลินิกแห่งหนึ่งไม่ทราบว่าพี่ซยงเฟิงยังอยากรู้อะไรอีกเหรอ”
“น้องโต้วเทียน พูดแบบนี้ก็ไม่สนุกน่ะสิ บอกอันที่มีประโยชน์หน่อยสิอีกไม่กี่วันกองทัพจะมีประชุม แกมาร่วมด้วยสิ ฉันมีเหล้าหมักเป็ร้อยปีด้วยนะถึงจะสู้เหล้ารสเลิศที่วันนี้แกให้คนเอามาให้ฉันไม่ได้แต่ก็อร่อยกว่าที่แกกินปกติแน่นอน” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ
“ฮ่าๆ บอกพี่ตามตรงเลยแล้วกันนะ เมื่อก่อนผมตามเช็ดก้นให้เด็กนี่มาตลอดเกิดอะไรขึ้นกับเขาผมไม่รู้หรอก หลานผมที่เป็พี่น้องต่างสายเืมันก็ไม่รู้เหมือนกันมีข่าวลือมากมายแต่มีข่าวเดียวที่น่าเชื่อได้คือหลายปีมานี้เขาน่าจะถูกสำนักลึกลับสำนักหนึ่งรับเอาไว้เป็ศิษย์ไม่งั้นจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนั้นได้ยังไง” หลี่โต้วเทียนพูดเบาๆ “ถ้าพี่อยากกินเหล้าที่วันนั้นผมให้พี่ละก็ พี่ก็ไปประจบกัวไฮว่เด็กนั่นสิเขาเป็คนให้เหล้าผมมาเอง ฮ่าๆ” พูดเสร็จหลี่โต้วเทียนก็วางสายไป
“สำนักลึกลับ? น่าสนใจนี่ถึงว่าเถิงเฟยพูดว่าดูหยิ่งๆ ฮ่าๆ ไปเจอหน่อยดีกว่า ไม่ได้เจอเด็กที่น่าสนใจแบบนี้มานานแล้ว” ในขณะที่พูดเซวียนหยวนซยงเฟิงผู้เป็หัวหน้าตระกูลเซวียนหยวนก็เดินออกจากห้องใต้หลังคาไป
“เม่ยเอ๋อร์ เชี่ยนเชี่ยน คุยอะไรกันอยู่น่ะ ดูดีใจขนาดนั้น” เซวียนหยวนเถิงเฟยเดินมาหาทั้งสามคนพร้อมกับพูดยิ้มๆ “น้องไฮว่ เตรียมข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้พวกเธอเหนื่อยมามาก ไปเถอะไปกินข้าวด้วยกัน ให้พวกเธอได้ผ่อนคลายกัน”
กัวไฮว่ผงกศีรษะเบาๆจากนั้นทั้งสี่ก็ไปที่ห้องรับแขกบ้านตระกูลเซวียนหยวนด้วยกัน เซวียนตั่วเจอเหตุการณ์โจรจี้เครื่องบินทำเอาทุกคนในตระกูลเซวียนหยวนวุ่นวายกันทั้งวัน เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารพวกเขาเห็นเซวียนหยวนซยงเฟิงที่ห้องรับแขก ทำเอาทุกคนรู้สึกประหลาดใจถึงแม้ว่านายท่านจะรักเถิงเฟยมาก ทว่าก็ไม่น่าจะถึงขั้นลงมากินข้าวกับพวกเด็กๆ หรอกมั้งยิ่งไปกว่านั้นน้อยมากที่นายท่านมารับประทานอาหารเย็น
“ทำไม มัวอึ้งอะไรกันอยู่ ฉันจะมากินข้าวที่ห้องอาหารไม่ได้หรือไง” ในขณะที่เซวียนหยวนเดินเข้ามาในห้องรับแขกก็ััได้ว่าทุกคนต่างก็หยุดงานที่ทำมามองที่ตนเอง
“พ่อ ดูพ่อพูดเข้า แต่เด็กพวกนี้กลับบ้านมาก็ไม่ได้อยากจะรบกวนพ่ออยู่แล้วเถิงเฟยนี่ก็จริงๆ เลย จัดการปัญหาเรียบร้อยแล้วยังทำให้พ่อวุ่นวายได้” เซวียนหยวนหัว ลูกชายคนที่สองของเซวียนหยวนซยงเฟิงอาสองของเถิงเฟยพูดยิ้มๆ
“พวกเธอไปกินข้าวที่ห้องอาหารเล็กเถอะ วันนี้มีแขกคนสำคัญ พวกเธออย่าไปร่วมเลยเถิงเฟยอยู่นี่ก่อน ตั่วเอ๋อร์เองถ้าไม่มีอะไรก็อยู่นี่ก่อน เ้าสามอยู่นี่หู่จื่อ เสี่ยวเวย ซือซือ พวกเธอสามคนก็อยู่นี่ ส่วนคนอื่นไปเถอะ” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดด้วยเสียงดัง คนอื่นๆจึงเดินออกไปจากห้องรับแขกด้วยความจนใจ โดยปกติแล้วนายท่ายไม่มายุ่งเกี่ยวกับเื่รางภายในบ้านทว่าอย่างไรก็ต้องเชื่อฟังคำพูดของนายท่าน
“พี่เถิงเฟยแขกคนสำคัญที่คุณปู่พูดถึงคือคนที่พี่บอกพวกเราเมื่อกี้ว่าช่วยชีวิตพี่สะใภ้งั้นเหรอ” เด็กชายหน้าตาน่ารักอายุสิบสามสิบสี่ปีคนหนึ่งถามขึ้นเบาๆ
“หู่จื่อ เดี๋ยวเขามาแล้วแกก็จะรู้เอง แกจะตื่นเต้นไปทำไมกัน” เซวียนหยวนเวยพูดยิ้มๆทั้งสองอายุไล่เลี่ยกันจึงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานคึกคัก
“อาสอง กินข้าวเสร็จแล้วออกมาทำไมเหรอคะ” เซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนเดินมาถึงด้านหน้าของห้องรับแขกก็เห็นเซวียนหยวนหัวและคนอื่นๆเดินออกมาจากห้องรับแขกก็ถามยิ้มๆ
“ยายหนู มัวเอ้อระเหยอยู่นั่น รีบไปเร็ว วันนี้ปู่เธออยู่ที่ห้องรับแขกถ้าเธอไม่อยากถูกด่าก็รีบเข้าไป เสี่ยวเม่ยเอ๋อร์ก็อีกคนเธอพาเชี่ยนเชี่ยนไปเตร็ดเตร่ล่ะสิ” เซวียนหยวนหัวพูดเสียงดังทว่าสายตาก็ตกมาอยู่บนร่างของกัวไฮว่ หรือว่าเด็กนี่จะเป็แขกคนสำคัญที่นายท่านบอก
เมื่อเซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนได้ยินคำว่าคุณปู่ก็อดที่จะแข็งสะท้านขึ้นมาไม่ได้ณ หมู่บ้านอวิ๋นหัวซานเจอใครพบเธอก็เป็ต้องหัวหด ยกเว้นกับคุณปู่ของตนคนเดียวไม่งั้นนายท่านจะเล่นงาน คิดๆ ไปเซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนก็จูงมือหูเม่ยเอ๋อร์แล้วรีบก้าวเข้าไปในห้องรับแขกกัวไฮว่ยกยิ้มตรงมุมปาก วันนี้เกิดเื่มากมายเลยทีเดียว
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องรับแขกเซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนจูงมือหูเม่ยเอ๋อร์เดินไปนั่งยังที่ที่อยู่ไกลจากเซวียนหยวนซยงเฟิงที่สุดจากนั้นก็ชี้ไปตรงข้างๆ ส่งสายตาให้กัวไฮว่
“ผมนั่งนี่ดีกว่า ตรงนั้นหวงจุ้ยไม่ดี” กัวไฮว่พูดพลางนั่งลงที่สูงก่อนจะเงยหน้ามองเซวียนหยวนซยงเฟิงพร้อมกับยกยิ้มตรงมุมปาก
“ฮ่าๆ ได้ยินตั่วเอ๋อร์บอกว่าเจอหมอเทพบนเครื่องบินเลยโทรไปถามหลี่โต้วเทียน เห็นบอกว่าเป็หลานของน้องหลิวอี้ หลายปีมานี้ได้ยินเื่ของเธอมานิดหน่อยวันนี้ได้เจอกัน เธอดูไม่เลวเลยนะ” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ
“ฮ่าๆ นายท่าน ที่คุณบอกว่าไม่เลวนี่หมายถึงทักษะจีบสาวผมไม่เลวหรือว่าทักษะซิ่งรถผมไม่เลว หรือว่าทำคลินิกออกมาได้ไม่เลวเหรอ” กัวไฮว่พูดหยอกล้อ ดูทรงแล้วชายชราตระกูลเซวียนหยวนนี่จะตรวจสอบเื้ัของตนมาแล้วเตรียมตัวมาแล้ว
“เฮอะๆ น่าสนใจนี่ ฉันก็พูดไปงั้นแหละ เรามากินข้าวไปคุยไปกัน” เมื่อเซวียนหยวนซยงเฟิงพูดเสร็จลูกชายทั้งสามของเขาก็ลุกขึ้นมาแล้วเดินออกไปแล้วให้คนที่อยู่ตรงประตูเตรียมเสิร์ฟอาหาร
กัวไฮว่เห็นผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะก็ยื่นมือออกไปหยิบแอปเปิลอย่างไม่ได้สนใจใครในมือเขาปรากฏกระบี่เฟยเจี้ยนด้ามเล็กขึ้นมาอีกครั้งจากนั้นก็ปอกเปลือกแอปเปิลราวกับแกะสลักดอกไม้
“พวกคุณมองผมทำไม อยากกินก็ปลอกเอาเองสิ นี่บ้านพวกคุณนะ ผมเป็แขกคงจะไม่ให้แขกอย่างผมปอกแอปเปิลให้พวกคุณใช่ไหม” กัวไฮว่มองคนทั้งโต๊ะก็เห็นว่าทุกคนไม่ว่าจะหญิงชายแก่เด็กต่างก็มองมาที่ตนจึงอดพูดขึ้นมาไม่ได้ “ผมรู้ว่าผมหล่อ แค่วันนี้แต่งตัวไม่ค่อยดีแต่ก็ระยิบระยับเหมือนหิ่งห้อยในยามราตรี แต่พวกคุณเองก็ไม่ต้องมองผมแบบนั้นก็ได้ผมชอบแค่ผู้หญิง อย่างน้อยก็ต้องแบบพี่เม่ยเอ๋อร์ผมถึงจะชอบ”
“พี่ใหญ่ ผมชื่อเซวียนหยวนเวย สุดยอดไปเลย พี่หน้าหนากว่าผมอีกผมได้ยินเื่พี่มาจากพี่สะใภ้แล้วล่ะ กินข้าวเสร็จพี่ช่วยผมดูอาการหน่อยได้ไหมผมเพิ่งจะสิบสามปีแต่เจ็บเข่ามากเลย พี่ช่วยดูหน่อยว่าเป็อะไร ถ้าไม่ไหวก็ฝังเข็มให้ผมด้วย” เซวียนหยวนเวยพูดยิ้มๆ
เซวียนหยวนเถิงเฟยเองก็ไม่ได้พูดไม่ได้จา เขามองหลานๆพูดคุยเฮฮาอยู่กับกัวไฮว่
“สิบสามปี ไม่มีปัญหาสารอาหาร แต่ระวังชีวิตส่วนตัวหน่อยยังเด็กอยู่แต่ความ้ามีมาก ไม่ช้าไม่นานร่างกายก็จะปลอดโปร่งเดี๋ยวฉันสั่งยาบำรุงไตให้นายหน่อยนึง ไปรักษาเองเถอะไปการเจ็บเข่าเกิดจากในร่างกาย อีกอย่างนะแฟนนายที่คบอยู่นี่น่าจะเกิดวันที่เก้าเดือนเก้า เต็มไปด้วยพลังหยินเหมาะกับร่างกายที่เต็มไปด้วยพลังหยางบริสุทธิ์มากเลยถ้าพวกเธออยากอยู่ด้วยกันไว้วันไหนค่อยพาเธอมาหาฉันด้วยกันสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ทำเอาเซวียนหยวนเวยหน้าแดงเถือกขึ้นมาเซวียนหยวนซยงเฟิงมองไปยังหลานคนเล็กของตนอายุแค่สิบสามปีก็มีความ้ามากเกินแล้วดูทรงตัวเองต้องจัดการเื่ตระกูลเซวียนหยวนให้ดีหน่อยแล้ว
“เสี่ยวเวย ดูไม่ออกเหรอ ความ้ามากเกิน ฮ่าๆ” หู่จื่อพูดยิ้มๆ
“นายยังดีกว่าเขาหน่อยนึง แต่ถ้ายังกินยาพวกนั้นต่อนะ ไม่เกินสามสิบปีหรอกเทพเซียนก็ยากจะช่วยนายแล้ว” กัวไฮว่มองหู่จื่อพร้อมกับพูดขึ้น
“มีใครอยากจะถามอีกไหมครับ ถ้าไม่ถามอาหารก็เสิร์ฟแล้วงั้นก็มากินข้าวกันดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆสายตาของเขาเห็นแล้วว่าเซวียนหยวนซยงเฟิงหน้าถอดสีไปแล้ว