เย่ชิงหานถอดแหวนออกจากนิ้วที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีดำของปีศาจงูออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นนำไปแตะัักับแหวนบนมือของตนเอง แสงสีเหลืองสว่างวูบขึ้นครั้งหนึ่งตัวเลขจากเดิมสามร้อยหกสิบห้าคะแนนเปลี่ยนเป็สี่ร้อยหกสิบห้าคะแนนในทันที
หากมีนักรบต่างเผ่าที่มีพลังฝีมือเทียบเท่าระดับขอบเขตจ้าวนักรบถูกเคลื่อนย้ายมาสักหลายสิบคนก็คงจะดี...แต่เขารู้ดีว่าความคิดนี้ไม่อาจเป็จริงขึ้นมาได้ โดยปกติทั่วไปแล้วนักรบต่างเผ่าที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจและราชันย์คนเถื่อนล้วนมีอยู่ไม่มาก ผู้ที่เข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองที่มีพลังฝีมือในระดับนี้มีอยู่เพียงไม่กี่สิบคนและยังน้อยมากที่จะเดินทางคนเดียวเดี่ยวๆ
โดยมากจะทำหน้าที่เป็หัวหน้าผู้นำกองกำลังเสียมากกว่า นักรบปีศาจงูที่เพิ่งถูกสังหารไปคาดว่าคงเป็จำพวกส่วนน้อยที่ชอบไปไหนมาไหนเพียงคนเดียว มันคงคิดว่าอาศัยระดับความเร็วของตนเองนักรบต่างเผ่าที่มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตเดียวกันคนสองคนคงทำอะไรมันไม่ได้ แต่คงไม่คาดคิดว่าจะต้องมาเจอกับผู้มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตเดียวกันจากสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิของทั้งสี่ตระกูลเช่นนี้ ก็เลยต้องจบชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย...
“ต่อไปถ้าเจอกองกำลังของข้าศึกเ้ามายืนอยู่กับข้า ข้ามีวิธีรับมือปีศาจงูที่มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตนักรบ”
หลังจากเสร็จเื่ราวทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง เหลือเพียงแค่เหล่านายน้อยและคุณหนูไม่กี่คนที่ยังอยู่ ในตอนนี้เองมีกระแสเสียงหนึ่งส่งมายังเย่ชิงหาน ในตระกูลใหญ่ทั้งหลายวิชาส่งกระแสเสียงความจริงไม่ได้มีค่าหายากอะไรเท่าไร ทุกคนที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ล้วนทำได้กันทุกคน เย่ชิงหานเองก็เรียนมาจากเย่สือซาน่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่เสียงที่ส่งมาหาเขาในตอนนี้กลับเป็เสียงที่อ่อนหวานน่าฟังเสียงหนึ่ง
เย่ชิงหานหันไปมองยังทิศทางที่ดวงตาราวกับไข่มุกดำนั้นอยู่ ไม่คิดว่าเยว่ชิงเฉิงที่มีพลังฝีมือระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์จะมีวิธีรับมือกับปีศาจงูที่อยู่ในระดับขอบเขตจอมพลปีศาจได้ เขาพยักหน้ายิ้มออกมาให้นางจากนั้นส่งกระแสเสียงตอบกลับไป “ตกลง!”
แม้ว่าหลังจากที่รวมร่างกับเสี่ยวเฮยเขาจะมีวิชาต่อสู้ร่างอสูรที่สามารถสังหารปีศาจงูที่อยู่ในระดับขอบเขตจอมพลปีศาจได้ แต่ก็ไม่มีความจำเป็ต้องบอกหรืออธิบายให้ใครฟัง แม้ที่ผ่านมาจะเคยใช้วิชาต่อสู้ร่างอสูรต่อหน้าผู้คนส่วนน้อยไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครสังเกตเห็น ยังคงคิดว่าเป็เพราะพลังอานุภาพจากสัตว์อสูรคุณภาพระดับแปดเสียมากกว่าที่ทำให้เขามีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งเช่นนั้น ในเมื่อทุกคนคิดเช่นนั้นย่อมเป็ผลดีต่อตนเอง ไพ่ตายที่ได้ชื่อว่าไพ่ตายเพราะไม่มีคนอื่นรู้ถึงได้เก็บไว้เป็ไพ่ตายได้
รอยยิ้มอย่างอ่อนโยนของเย่ชิงหานทำให้เยว่ชิงเฉิงมีความสุขเป็อย่างมาก สีหน้าปรากฏแววของความปีติยินดีระคนน่ารักอ่อนหวานออกมา ยิ้มขึ้นที่มุมปากแล้วก็ทะยานจากไป
เย่ชิงหานยิ้มขึ้นที่มุมปากเช่นเดียวกัน เดิมทีเขาคิดว่าเยว่ชิงเฉิงตามมาที่งานประลองาระหว่างเขตปกครองด้วยจะตามตื๊อเขาไม่ปล่อย เขาได้คิดหาเหตุผลต่างๆ นานาไว้ปฏิเสธนาง แต่คิดไม่ถึงว่าสาวงามของตระกูลเยว่จะสมกับคำเล่าลือเช่นนี้ที่มีทั้งความงามและการรู้จักวางตัว
เยว่ชิงเฉิงหลังจากที่ตามมาถึงงานประลองก็ไม่ได้หาโอกาสพิเศษเพื่อที่จะมาพบเจอตนเองอะไรแต่อย่างใด และยิ่งไม่ได้คลานขึ้นมาหาเขาบนเตียงเพื่อแสดงบทรักเร่าร้อน แต่ในทางตรงกันข้ามกลับปรากฏตัวเฉพาะเวลาที่จำเป็ต้องปรากฏตัวเพียงเท่านั้น เวลาอื่นๆ นอกเหนือจากนั้นแทบจะไม่ได้พบเห็นนางเลย ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขา มีแต่คิดสิ่งต่างๆ แทนเขาทำเพื่อเขาอย่างเงียบๆ ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ภรรยาที่ประเสริฐเป็แบบไหน? คำจำกัดความสำหรับผู้ชายส่วนใหญ่ลำดับแรกก็ต้อง...เข้าอกเข้าใจผู้อื่น รู้ว่าผู้ชาย้าอะไร ไม่้าอะไร ควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร และชัดเจนว่าเยว่ชิงเฉิงแสดงออกในข้อนี้ได้เป็อย่างดี...
.................................
วันต่อๆ มาสถานการณ์ต่างๆ กลับมาเป็ปกติ เย่ชิงหานยังคงทำการฝึกฝนต่อ เฟิงจื่อและฮวาเฉ่ายังคงวางแผนล่อลวงสาวงามของตระกูลเยว่ต่อ เยว่ชิงเฉิงและเย่ชิงอู่หมกตัวอยู่ด้วยกันต่อ นักรบระดับขอบเขตจ้าวนักรบที่ฝึกยุทธ์ก็ฝึกต่อ ที่เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำก็ชี้แนะคนของตระกูลตนเองให้ฝึกฝน
ยิ่งนานวันนักรบต่างเผ่ายิ่งถูกส่งเคลื่อนย้ายมาน้อยลงไปทุกที แต่ถ้าปรากฏขึ้นมาก็กลายเป็ลูกแกะเนื้อในฝูงหมาป่าที่จะถูกห้อมล้อมไว้ในทันที ก่อนอื่นให้พวกนายน้อยทั้งหลายเข้าต่อสู้ประมือก่อนเพื่อฝึกปรือฝีมือ จากนั้นค่อยถึงคิวของนักรบลูกหลานของตระกูลต่างๆ จนในที่สุดนักรบต่างเผ่าอ่อนแอและถูกซ้อมฝีมือจนตายไป...
กระทำอยู่เช่นนี้เรื่อยๆ ทุกคนล้วนได้รับประโยชน์ในทางประสบการณ์การต่อสู้กับนักรบต่างเผ่าอย่างมากมาย และยังได้รวบรวมวิชาต่อสู้และรูปแบบการต่อสู้ของนักรบต่างเผ่าทั้งสองเขตปกครอง ต่อไปหากเกิดการสู้รบขนาดใหญ่ขึ้นจะได้ทำการต่อสู้และป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพลดการสูญเสียให้น้อยลงได้ จะมีก็แต่เพียงเย่ชิงหานที่ต่อสู้กับนักรบต่างเผ่าอย่างแปลกประหลาดที่สุด เขาไม่เคยลงมือโจมตีพวกมันเลยสักครั้ง ทำเพียงฝึกท่าเท้าและพลังป้องกันเพียงเท่านั้น ราวกับว่าเป็พวกที่ชื่นชอบการให้ผู้อื่นทุบตีตนเองฉันนั้น...
ฮวาเฉ่าก็เบื่อไม่มีอะไรทำเช่นกัน ดักซุ่มรออยู่ที่นี่เป็เวลาสองเดือนแล้วระยะหลังนักรบต่างเผ่าที่ถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายเคลื่อนย้ายมายิ่งน้อยลงทุกที เขารู้ดีว่ายิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใดนักรบทั้งสามเผ่าพันธุ์ก็ยิ่งจะรู้หลักการทำงานของค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนดีขึ้น นอกเสียจากว่าพวกที่โง่เขลาจริงๆ ที่เดินเหยียบอย่างไม่ตั้งใจ หรือว่าถูกตามไล่ล่าไม่มีทางเลือกจึงจำเป็ต้องเหยียบ ส่วนพวกนักรบพเนจรระดับสูงที่ชอบฉายเดี่ยวก็ไม่เลือกที่จะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายในการเคลื่อนย้ายไล่เก็บสะสมแต้ม ถ้าหากถูกเคลื่อนย้ายมาตกยังสระสังหารมารสถานที่อย่างที่พวกเขาดักซุ่มอยู่คงได้ไม่คุ้มเสียอย่างแน่นอน
เดิมทีวางแผนกับเฟิงจื่อว่าจะไปตามล่อลวงหญิงสาวของตระกูลเยว่ ไม่คิดว่าเยว่ชิงเฉิงที่บอกว่าจะไม่เข้ามาก้าวก่ายเื่ความรักของผู้ใต้บังคับบัญชากลับนำประวัติของพวกเขาที่เคยล่อลวงหญิงสาวเหมือนของเล่นมาพูดให้พวกนางฟังจนหมด นักรบสาวระดับหัวกะทิของตระกูลเยว่เหล่านี้ไม่เหมือนกับหญิงสาวที่อยู่ทะเลสาบแห่งความเงียบสงบซึ่งมีไว้สำหรับมอบให้ผู้คนและผูกสัมพันธ์กับผู้ที่มียศฐาบรรดาศักดิ์ทั้งหลาย
นักรบสาวระดับหัวกะทิเหล่านี้ล้วนเป็ศิษย์สายในที่ตระกูลเยว่ฝึกฝนบ่มเพาะมาอย่างดี ไม่เพียงแต่รูปร่างหน้าตาที่สวยงดงาม พลังฝีมือก็จัดอยู่ในระดับยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง หลังจากที่ฮวาเฉ่าและเฟิงจื่อไม่สามารถรับปากที่จะให้พวกนางเป็ภรรยาอย่างถูกต้องเป็ทางการได้ พวกนางจึงไม่ได้สนใจฮวาเฉ่าและเฟิงจื่อที่มาตามจีบอีกต่อไป สำหรับข้อเรียกร้องเื่ความรักของศิษย์สายในตระกูลเยว่นั้นไม่มีอะไรมาก มีเพียงอย่างเดียวคือจำเป็จะต้องเป็ภรรยาที่ถูกต้องเป็ทางการก็พอ ดังนั้น แผนการล่อลวงสาวงามของฮวาเฉ่าและเฟิงจื่อจึงต้องเลิกล้มไปกลางทาง
“น่าเบื่อจริงๆ...”
ฮวาเฉ่าก้มหน้าลงเอามือลูบใบหน้าที่สวยงามของตนเองพร้อมกับพูดออกมา ห้าวันมานี้นอกจากฝึกยุทธ์แล้วร่างกายแทบจะไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย นักรบต่างเผ่าก็ถูกเคลื่อนย้ายมาแค่คนเดียว ตัวเขาเองก็ไม่ได้ชื่นชอบการฝึกยุทธ์เท่าใดนัก แถมยังต้องอยู่ในป่าที่การใช้ชีวิตลำบากเช่นนี้อีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอารมณ์คิดอยากที่จะฝึกยุทธ์เลย
“เบื่อใช่ไหม ข้ามีความคิดดีๆ จะเสนอ!” ในขณะที่ฮวาเฉ่ากำลังเบื่อหน่ายอย่างที่สุดและคิดว่าควรจะเรียกเปิดประชุมเพื่อสิ้นสุดการดักซุ่มรอที่น่าเบื่อนี้ก่อนกำหนดดีหรือไม่นั้น ไม่ห่างออกไปมีเงาร่างสีดำของคนผู้หนึ่งพูดตอบรับกับคำพูดของเขาขึ้น
“เอ่อ...!” ฮวาเฉ่าเมื่อได้ยินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ดวงตาคู่ดอกท้อสวยงามมองไปยังเงาร่างสีดำของผู้ที่กำลังเดินตรงเข้ามา เขามองด้วยสายตาแปลกประหลาดพร้อมกับพูดหยอกล้อขึ้น “เย่ชิงหาน ข้าว่าวันนี้พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกเป็แน่ เ้าคนงานยุ่งตลอดอย่างเ้ามีเวลามานั่งเล่นเป็เพื่อนพี่น้องด้วย? โอกาสเช่นนี้หาได้ยากยิ่งจริงๆ!”
“เหอะๆ! ให้คุณชายเ้าสำราญอย่างเ้าหมกตัวอยู่แต่ในที่ที่น่าเบื่อเช่นนี้เป็เวลาสองเดือนคงลำบากเ้ามากเลยล่ะสิ” เยชิงหานหลังจากผ่านการฝึกยุทธ์มาตลอดหลายเดือนรูปร่างพัฒนาสูงใหญ่ขึ้น บวกกับดวงตาที่ราบเรียบราวกับสายน้ำที่สงบ ใบหน้าที่ดำคล้ำเล็กน้อยเนื่องจากการเดินทางและตรากตรำฝึกฝน เดิมทีจากเด็กหนุ่มอ่อนเยาว์เริ่มค่อยๆ เติบโตกลายเป็ผู้ใหญ่ที่สุขุมมากขึ้นทีละน้อย
ฮวาเฉ่าเกาหัวแกรกๆ ถ่มน้ำลายออกมาคำหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “เ้ายังจะมาพูดอีก ข้าเบื่อจะตายอยู่แล้วตอนนี้ เ้าบอกว่ามีความคิดดีๆ แล้วมันคืออะไร? หรือว่าเ้ารับปากจะไปแอบถ้ำมองกับข้าแล้ว?”
“ไปตายซะเถอะ!” เย่ชิงหานมองกลอกตาขาวไปที่เขา อายุก็ปูนนี้แล้วยังทำตัวยังกับเด็กไม่รู้จักโตวันๆ คิดแต่เื่ไม่เป็เื่ คิดถึงลูกหลานคนอื่นๆ ของตระกูลฮวา จากนั้นมองดูฮวาเฉ่าที่อยู่ตรงหน้า เขาเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “ฮวาเฉ่า เ้าบอกว่านักฆ่าตระกูลเ้าเน้นหนักในเื่ความอดทนใช่ไหม? ข้าเคยได้ยินมาว่านักฆ่าตระกูลเ้าเพื่อสังหารเป้าหมายแล้วสามารถนั่งอยู่ใต้ถังขี้ห้าหกวันโดยไม่ขยับตัว จนสุดท้ายสามารถลอบสังหารเป้าหมายได้ ข้าว่าหากเป็เ้าที่นั่งรออยู่ที่นั่นไม่เกินครึ่งชั่วโมงคงได้ะโออกมาก่อนเป็แน่...”
“เฮ้อ!” ฮวาเฉ่าคล้ายกับว่าถูกเย่ชิงหานพูดแทงใจดำ เกาหัวไปมาแล้วพูดออกมาอย่างอายๆ ว่า “ั้แ่เด็กข้าก็ไม่ได้มีความอดทนอะไร ข้าตั้งปณิธานว่าจะเป็นักฆ่าที่ไม่แอบซุ่มซ่อน จะเดินไปบอกกับเป้าหมายว่าอย่างเปิดเผยว่า ข้ามาเอาชีวิตเ้า! จากนั้นก็จะบุกฝ่าฟันหมื่นถ้ำเสือพันแดนัเพื่อเข้าไปเด็ดหัวของเป้าหมายแล้วก็จากไปอย่างองอาจ เ้าว่าแบบนี้ดูสง่างามหรือไม่?”
“สง่างามน่ะสง่างาม!” เย่ชิงหานแค่ได้ฟังก็หมดคำจะพูด นิ่งเงียบไปชั่วครู่จึงพูดต่อ “เพียงแต่...กลัวว่าเป้าหมายที่เ้าจะสังหารเ้ายังไม่ทันที่จะได้พบเจอ ตัวเ้าเองก็จะกลายเป็เนื้อบดไปเสียก่อน! ไม่พูดไร้สาระกับเ้าแล้ว ไม่ใช่ว่าเ้ารู้สึกเบื่อหรอกรึ? ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาเล่นเดิมพันกัน ถ้าหากแพ้ข้าจะจัดให้เ้าไปเที่ยวเล่นถนนหมายเลขสิบสามของเมืองชางหนึ่งเดือนเลยตกลงไหม?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้