ลวี่ผิงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลาั้แ่ต้นจนจบ คนของเรือนโฉวงจี๋นั้นต่างเห็นอย่างชัดเจนว่าเสี่ยวโหวเหฺยเป็ผู้ที่มีความคิดเป็ของตนเอง แล้วยังเป็เ้าของจวนโหวแห่งนี้ เื่ที่ทำเพื่อคุณหนูใหญ่ในวันนี้ช่างจัดการได้งดงามยิ่ง บ่าวรับใช้เหล่านี้รับใช้อยู่ในจวนโหวมาหลายปี มีผู้ใดบ้างเล่าที่ไม่รู้พฤติกรรมของหยวนข่าย เพียงแต่เมื่อก่อนมีเหล่าฮูหยินอยู่ หยวนข่ายจึงไม่กล้าแสดงออกนอกหน้านัก บัดนี้เหล่าฮูหยินถูกให้ร้ายจนต้องไปอยู่สำนักแม่ชี คนเ่าั้จึงกำเริบเสิบสานขึ้นมา
ยังดีที่มีเสี่ยวโหวเหฺย
ลวี่ผิงไปเรือนว่านโซ่วกับสาวใช้ผู้นั้น หลี่เหล่าไท่ไท่และหยวนเฉิงต่างอยู่กันพร้อมหน้า บรรยากาศภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยความกดดัน หากเป็สาวใช้ธรรมดาทั่วไปคงจะหวาดกลัวจนแข้งขาสั่น แม้ลวี่ผิงจะมีความหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่นางมาในนามตัวแทนของเสี่ยวโหวเหฺย นางจำเป็ต้องเผชิญหน้าด้วยรอยยิ้ม ลวี่ผิงหันไปค้อมกายคำนับหลี่เหล่าไท่ไท่ จากนั้นยืนขึ้นพูด “คารวะเหล่าไท่ไท่เ้าค่ะ เสี่ยวโหวเหฺยได้รับพระราชทานของว่างจากฉีอ๋อง จึงนำมาให้เหล่าไท่ไท่ลองชิมดูเ้าค่ะ”
หลี่เหล่าไท่ไท่มีสีหน้าดำทะมึน ชัดเจนยิ่งนักว่าไม่ยินดี “ลั่วเกอเอ๋อร์กับฉีอ๋องนั้นเข้ากันได้ดีมากหรืออย่างไร?” ต่อให้เป็โหวเหฺยที่ฝ่าาพระราชทานบรรดาศักดิ์ แต่ก็ยังเป็เพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง พูดให้ไม่น่าฟังอีกนิดคือแม้แต่ขุนเขาที่จะให้พึ่งพิงก็ไม่มี ยังสามารถไปเข้าตาของฉีอ๋องได้อีกหรือ?
“เสี่ยวโหวเหฺยฉลาดเฉลียวน่ารัก ฉีอ๋องชมชอบเขามากเ้าค่ะ” ลวี่ผิงตอบ
“อ้อ?” หลี่เหล่าไท่ไท่เลิกคิ้ว “เป็เสียเช่นนี้ ท่านย่าเช่นข้า้าพบเขา เขาก็สามารถวางท่าไม่มาได้กระนั้นรึ? ยามเช้าไม่มาคารวะ ข้าก็เห็นว่าอายุยังน้อยแล้วยังถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างนอก ไม่รู้กฎระเบียบก็ช่างเถิด กลับจวนมาเป็ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ไฉนจึงยังไม่รู้จักแบ่งสำคัญหนักเบาอีก นี่หยางซื่อสั่งสอนเขาอย่างไรกัน?”
“เสี่ยวโหวเหฺยบอกว่าหากทำธุระเื่ที่ฉีอ๋องบัญชามาเรียบร้อยแล้ว จะมาเยี่ยมท่านเ้าค่ะ” ลวี่ผิงตอบ
“ฉีอ๋องให้เขาทำเื่อันใดรึ?” หลี่เหล่าไท่ไท่ฟังแล้วก็รู้ทันทีว่านี่คือคำพูดผัดผ่อนของหลี่ลั่ว
“เื่ของเ้านาย บ่าวไฉนเลยจะกล้าไปถามเล่าเ้าคะ” ลวี่ผิงตอบ
“ฮึ” แต่ไหนแต่ไรมาหลี่เหล่าไท่ไท่นั้นวางท่าจนเคยชิน ด้วยเหตุที่ฐานะของครอบครัวฝั่งมารดานางสูงส่ง หลี่เหล่าไท่เหฺยจึงไม่เคยว่ากล่าวนาง คิดไม่ถึงว่ามีชีวิตอยู่มาจนถึงวัยนี้ นางจัดการหลี่หยางซื่อได้ หากกลับถูกเด็กน้อยอายุเพียงห้าขวบตบหน้า เดิมนางคิดจะเลี้ยงเด็กคนนี้ให้เติบโต ให้เขาสนิทชิดเชื้อกับตน แต่บัดนี้ดูท่าแล้วคงไม่จำเป็อีกต่อไป ในเมื่อเป็เช่นนี้... สายตาของหลี่เหล่าไท่ไท่ปรากฏแววโเี้พาดผ่านเพียงครู่หนึ่ง “ในเมื่อเขาไม่ว่าง ก็ให้หญิงชราอย่างข้าไปเยี่ยมเขา ไป”
“เหล่าไท่ไท่ค่อยๆ เดินนะเ้าคะ บ่าวยังต้องไปส่งของว่างให้เรือนใหญ่และเรือนสาม ขอตัวก่อนเ้าค่ะ”
“อืม” เสียงตอบรับนี้เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
ภรรยาหลี่ฮุยได้รับของว่างที่ลวี่ผิงส่งมา ทำให้นางคิดไม่ถึงยิ่งนัก
“ต้าหน่ายนาย ลวี่ผิงบอกว่านี่เป็ของว่างที่ฉีอ๋องประทานมา นี่หมายความว่าเช่นใดกันหรือเ้าคะ”
ภรรยาหลี่ฮุยใคร่ครวญ “ลวี่ผิงคงไม่มีความกล้าที่จะมาส่งเอง ดังนั้นเื่นี้ย่อมเป็ความคิดของลั่วเกอเอ๋อร์แน่นอน และลั่วเกอเอ๋อร์ย่อมไม่ได้ส่งของว่างมาที่เรือนข้าเท่านั้น เช่นนั้นเหล่าไท่ไท่และเรือนสามก็ต้องได้รับด้วยเป็แน่ ทั้งยังจงใจส่งมาในเวลาเช่นนี้ ของว่างที่ฉีอ๋องประทานให้ย่อมมีความหมายไม่ธรรมดา”
“แต่เสี่ยวโหวเหฺยอายุเพียงห้าขวบนะเ้าคะ จะมีความคิดหนักแน่นถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“เขายังกล้าที่จะโยนข่ายเกอเอ๋อร์ออกนอกจวนโหวเลย” ภรรยาหลี่ฮุยกล่าว “ไป ไปเรือนโฉวงจี๋”
เช่นเดียวกับภรรยาหลี่ฮุย ภรรยาของหลี่ฮ่าวก็มาเยือนเรือนโฉวงจี๋เช่นเดียวกัน คนทั้งสองพบกันที่ปากทาง ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน จากนั้นจึงเดินเข้าไปพร้อมกัน
ณ จวนจงกั๋วกง
“เหล่าฮูหยิน ไฉนท่านจึงให้ซินหมัวมัวนำป้ายิญญาทั้งสองไปเล่าเ้าคะ?” หมัวมัวข้างกายไม่เข้าใจนายของตน