นับั้แ่ิอวี่หนีจากกรงเล็บของจี้เฟิงอวินกับซ่งเหยามาได้ จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว
แต่เมื่อหลายวันก่อน เขากลับรู้สึกว่าการบังคับอสูรสัตว์ปีกสองตัวมันวุ่นวายเกินไป ก็เลยทิ้งเ้านกกระเรียนเซียนเมฆาแล้วขี่เ้าวิหคัปีกมืดเพียงตัวเดียว
ิอวี่คำนวณแล้วว่า ต่อให้เ้านกกระเรียนเซียนเมฆาจะย้อนกลับไปทางเดิมแล้วเจอจี้เฟิงอวินกับซ่งเหยาอีก สองคนนั้นก็ไม่มีทางตามมาได้ทันแน่ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเลยว่าเ้านกกระเรียนเซียนเมฆาจะไปทางไหน
ตอนนี้การตั้งใจศึกษาหมัดคชสารัน้อยเป็เื่สำคัญที่สุด
เช้าวันนี้ ิอวี่บังคับเ้าวิหคัปีกมืดจากบนท้องฟ้าให้บินต่ำลงมา จากนั้นเขาก็ะโลงจากหลังของมัน และใช้เท้าแตะเมฆาเพิ่มความเร็วให้พุ่งลงมาด้านล่าง ขณะที่กำลังใกล้จะถึงพื้นเขาก็ซัดมือขวาออกไป และเพิ่มพลังเทียบเท่าราชสีห์สองหมื่นตัวไปด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ หมัดนั้นยังมีเสียงคำรามของอสูร ซึ่งเหมือนเป็อสูรั์ที่เสียงก้องกังวาน และแฝงไปด้วยความอันตราย!
ิอวี่ซัดหมัดลงไปที่พื้น ทำให้พื้นดินแตกเป็รอยแยกจนเกิดเป็หลุมขนาดใหญ่ แรงพลังฟุ้งกระจายออกไปรอบรัศมีห้าสิบเมตร!
“พลังน่ากลัวมากเลย” ิอวี่เก็บหมัดกลับมาแล้วพูดกับตัวเอง
เมื่อครึ่งเดือนก่อน ิอวี่ฝึกพื้นฐานทุกอย่างของหมัดคชสารัน้อยหมดแล้ว หมัดนี้เดิมก็มีพลังที่มากมายอยู่แล้ว เมื่อมารวมกับตัวของิอวี่ที่มีพลังเทียบเท่าราชสีห์สองหมื่นตัวแล้ว หมัดที่ปล่อยออกไปจึงมีพลังที่รุนแรงอย่างมาก แต่เขามีความรู้สึกเหมือนไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด!
เขารู้ว่าตอนนี้มันเป็เพียงแค่จุดเริ่มต้น หมัดคชสารัน้อยปล่อยพลังของโลหิตัคชสารออกมาแค่หนึ่งส่วนสิบเท่านั้น หากฝึกโลหิตัคชสารจนสำเร็จเมื่อไหร่ นั่นแหละถึงจะเป็เครื่องมือสังหารที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!
ตอนนี้พลังของิอวี่นั้นถือว่าสูงสุดในราชวงศ์ต้าิแล้ว แต่ว่าในราชวงศ์ปิงเฟิง ความสามารถของต้วนอู๋ซวงและกว่างหานอ๋องยังเหนือกว่าเขามาก ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้ถือว่าแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
พอคิดได้แบบนี้ ิอวี่ก็เก็บความเชื่อมั่นของตนเองกลับมา เพราะเขามองเห็นความจริงที่เป็อยู่
หากสามารถเรียนรู้วิชาที่าาอสูรถ่ายทอดมาให้ทั้งหมด เขาก็คงจะสามารถแข็งแกร่งได้อย่างแท้จริง แต่พูดเื่นี้ในตอนนี้ดูเหมือนจะเร็วเกินไป
ไม่นาน ิอวี่ก็ซัดหมัดไปบนพื้นอีกครั้งเพื่อที่จะเข้าใจและเข้าถึงหมัดคชสารัน้อยให้ได้ทั้งหมดในตอนนี้ และเขาก็จะฉวยโอกาสเริ่มลองฝึกหมัดคชสารัใหญ่ต่อทันที!
หมัดคชสารัใหญ่สามารถปล่อยพลังอานุภาพของโลหิตัคชสารได้เจ็ดส่วน นั่นก็หมายความว่า เมื่อิอวี่สามารถเรียนรู้เข้าถึงหมัดคชสารัใหญ่ได้ อานุภาพหมัดที่เขาปล่อยออกไปก็จะมีกำลังเต็มๆ ทั้งเจ็ดส่วน!
นั่นแหละถึงเรียกได้ว่าเป็กระบวนท่าสังหารที่แท้จริง!
คิดอยากจะฝึกหมัดคชสารัใหญ่ จุดที่สำคัญที่สุดคือการเข้าถึงจิตสำนึกของัคชสาร ขอแค่นำเอาจิตสำนึกเหล่านี้หลอมรวมเข้าไปในหมัด ถึงจะสามารถปล่อยอานุภาพที่แท้จริงออกมา!
ปล่อยหมัด ทบทวน เข้าใจ เข้าถึงอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วหนึ่งวันเต็ม
ิอวี่กลับขึ้นไปนั่งบนตัวเ้าวิหคัปีกมืดอีกครั้งแล้วบินออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นอีกครึ่งเดือน ิอวี่เริ่มเข้าใจจิตสำนึกของัคชสารบ้างแล้ว เขาพบว่า หมัดคชสารัใหญ่นั้นลึกซึ้งมาก มันยากกว่าหมัดคชสารัน้อยหลายเท่า
เพราะหมัดคชสารัใหญ่คือทักษะการต่อสู้เสวียนระดับต้นที่แข็งแกร่งอย่างมาก ต่อให้เป็ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งก็ยากที่จะฝึกได้ ดังนั้น ิอวี่คิดอยากจะฝึกมันจึงยากยิ่งกว่ายากอีก
ิอวี่รู้สึกว่าตนเองนั้นจับจุดได้ และพอจะเข้าใจหลักการที่แท้จริงของัคชสาร แต่เขากลับไม่สามารถััถึงจิตสำนึกจริงๆ ได้เลย เปรียบดั่งมีของบางอย่างอยู่ในหัว เขารับรู้ แต่แตะต้องมันไม่ได้
ิอวี่ยิ้มแล้วส่ายหัว ในเมื่อตอนนี้ไม่อาจเข้าถึงหมัดคชสารัใหญ่ได้เขาก็ไม่อยากฝืน เพราะเร่งรีบเกินไปก็ไม่ใช่เื่ดี
ตอนนี้เขาฝึกหมัดคชสารัน้อยจนชำนาญแล้ว พูดได้ว่าอานุภาพของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากระบี่ยมโลกสังหารแม้แต่น้อย
เพราะกระบี่ยมโลกสังหารต้องสะสมกำลังเป็เวลานาน ส่วนหมัดคชสารัน้อยไม่จำเป็ต้องใช้ลมปราณมากมายอะไร เมื่อทั้งสองมีอานุภาพสูงที่ไม่ต่างกันในระดับการใช้งาน หมัดคชสารัน้อยจึงใช้งานได้ดีมากกว่า
และก็เป็อยู่แบบนี้จนกระทั่งผ่านไปอีกสามวัน ิอวี่ก็เดินทางผ่านราชวงศ์เทียนชาง ซึ่งเป็ราชวงศ์สุดท้ายที่ิเฉินเหยียนกำชับเอาไว้ และตอนนี้เขาก็บินผ่านเทือกเขาเ่าั้มาแล้ว
ตามข้อมูลที่ระบุอยู่ในแผนที่ เมื่อผ่านเทือกเขามาแล้วก็จะสามารถเข้าสู่พื้นที่รกร้างและเริ่มค้นหาค่ายกลเครื่องขนส่ง
ใกล้เป้าหมายเข้าไปทุกทีแล้ว ในใจของิอวี่ก็เริ่มตื่นเต้น
และในเวลานี้เอง เขาก็รู้สึกได้ว่าด้านหลังของเขาเหมือนมีลมปราณหลายสายกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว
ิอวี่ตรวจเจอลมปราณของคนด้านหลัง ส่วนคนพวกนั้นก็จับเจอลมปราณของิอวี่เช่นกัน พวกเขาเหมือนเร่งความเร็วขึ้นเพื่อตามิอวี่ให้ทัน
ิอวี่ก็จึงสั่งให้วิหคัปีกมืดหันหลังกลับและบินลอยอยู่ที่เดิม
ผ่านไปครู่หนึ่งก็พบว่าในระยะสายตาของเขามีจุดดำๆ หลายจุด เงาของคนเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้น ิอวี่เองก็เริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้น
เงาที่มามีด้วยกันทั้งหมดหกคน ด้านซ้ายเป็วัยรุ่นสองคนที่ขี่สัตว์ปีกคนละตัว พวกเขาสวมเสื้อผ้าสีน้ำเงินขาว ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากเหมือนว่าพวกเขาเชื่อมั่นในกันและกัน
ดูจากลมปราณของทั้งสองคนแล้วิอวี่ก็มั่นใจว่า ความสามารถของพวกเขานั้นไม่ธรรมดา น่าจะมีพลังเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัว
ส่วนทางด้านขวา มีวัยรุ่นคนหนึ่งขี่เหยี่ยวหัวล้านขนาดใหญ่ ด้านข้างเขาไม่มีใครเลย จากท่าทางนิ่งๆ ก็มองออกว่าเขาน่าจะเป็คนที่เ็ามากคนหนึ่งเลยทีเดียว
สายตาที่เขามองคนอื่นนั้นค่อนข้างเฉยเมยอย่างมาก มีลมปราณที่ค่อนข้างเฉียบคม ท่าทางดูเข้าหายากพอสมควร
คนที่ดูโดดเด่นมากที่สุด น่าจะเป็ผู้หญิงที่อยู่ตรงกลางสามคน
ทั้งสามคนสวมชุดกระโปรงสีแดง ฟันขาวเรียงสวย รูปร่างงดงาม หญิงสาวที่อยู่ตรงกลางมีความสง่างามน่าหลงใหลมากที่สุด เดิมนางก็หน้าตางดงามมากอยู่แล้ว ดูเกิดมาก็เป็ที่ชื่นชอบของทุกคน รอยยิ้มตราตรึงใจ ใครที่ได้เห็นไม่มีทางลืมได้ลง รูปร่างภายนอกงดงามเหนือบรรยาย แต่ก็ยังมีความสง่างามด้วย มันเป็ความงดงามที่ละเอียดอ่อน แค่มองอย่างเดียวก็ทำให้รู้สึกว่ามองอย่างไรก็ยังไม่พอ
ตอนที่ิอวี่เห็นผู้หญิงคนนี้เขารู้สึกตะลึงมาก ไม่ใช่เป็เพราะหน้าตาของนาง แต่เป็เพราะพลังฝีมือของนางต่างหาก!
เพราะิอวี่สามารถมองผ่านััแห่งิญญาว่าในหัวใจของผู้หญิงคนนี้มีลมปราณเทวะอยู่ ซึ่งในลมปราณเทวะนั้นมีพลังงานหมุนเวียนและแผ่กระจายออกไปทั่วร่างกายของนาง
ลมปราณเทวะนั่นคือดวงจิตเทวะ พลังงานที่แผ่กระจายไปทั่วชีพจรในร่างกาย มันคือลมปราณที่หนาแน่นอย่างมาก!
ิอวี่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งที่นี่ มันเหนือความคาดหมายอย่างมาก!
ในระหว่างที่ิอวี่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้น ทั้งหกคนก็กำลังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขานั่งสัตว์ปีกคนละตัวแล้วบินมาหยุดตรงหน้าของิอวี่
ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่ิอวี่แล้วยิ้มหวานให้ นางพูดอย่างมีมารยาทว่า “ข้าชื่อเิหยูเยียนมาจากราชวงศ์หย่งเิ สองคนนี้คือพี่สาวของข้า เิฮวา เิเยวี่ย เ้าก็ไปเข้าร่วมการทดสอบของสำนักเทพอัคคีเหมือนกับเราใช่ไหม?”
ราชวงศ์หย่งเิ?
ิอวี่เริ่มคิดในใจ เขาเหมือนจะนึกออกว่าเขาเคยได้ยินมาว่า ราชวงศ์หย่งเิเป็ราชวงศ์ที่มีพื้นที่ขนาดเล็กๆ ที่อยู่ทางตอนใต้
ตำแหน่งที่ตั้งของราชวงศ์ดังกล่าวค่อนข้างห่างไกล แต่ก็มีชื่อเสียงอย่างมาก เพราะในราชวงศ์หย่งเิมีจำนวนผู้หญิงมากถึงเก้าส่วน มีผู้ชายอยู่ในแคว้นไม่ถึงหนึ่งส่วน พูดได้เลยว่า ราชวงศ์หย่งเินั้นเป็แคว้นของอิสตรี และเป็สถานที่ที่มีสาวงามรวมตัวกันเป็จำนวนมาก
และสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของราชวงศ์หย่งเิไม่ใช่ทักษะการต่อสู้ แต่เป็สายเวท!
เมื่อใช้สายเวท คนที่ถูกมนต์สะกดนั้นสติจะล่องลอยเหมือนกับอยู่ในความฝัน และถลำลึกลงอย่างต่อเนื่อง ชาตินี้ทั้งชาติอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาเลย ต้องอยู่ในความฝันนั้นตลอดไป!
เวทมนตร์สะกดพวกนั้นน่ากลัวกว่าการฆ่าคนเสียอีก เพราะมันเป็การทำลายสติ บางครั้ง มันทรมานมากกว่าการเ็ปทางร่างกายด้วยซ้ำ
พอคิดได้แบบนี้ิอวี่ก็เริ่มระวังตัว พลังความสามารถของเิหยูเยียนประมาทไม่ได้เลย นางมีความสามารถมากพอที่จะฆ่าเขาได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว
แต่ิอวี่ก็คิดอีกอย่างว่า หากเิหยูเยียนคิดจะฆ่าเขาจริงๆ ก็คงหนีไม่พ้น อีกอย่าง ตอนนี้นางก็แสดงท่าทางมีมารยาท แปลว่านางไม่ได้คิดร้ายอะไร
ิอวี่จึงตอบกลับไปอย่างมีมารยาทเช่นกันว่า “ข้าชื่อิอวี่ มาจากราชวงศ์ต้าิ ครั้งนี้ข้าก็กำลังจะไปเข้าร่วมการทดสอบของสำนักเทพอัคคีเหมือนกัน เพียงแต่ข้าขอเสียมารยาทถามสักคำจะได้ไหมว่า ... แม่นางหยูเยียนอายุสิบแปด ก็มีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ในเมื่อมั่นใจว่าเิหยูเยียนไม่ได้คิดร้ายกับเขา ิอวี่ก็เลยถามความคิดจริงๆ ของเขาออกมา
“อือ”
เิหยูเยียนยิ้มแล้วก็พยักหน้า นางประหยัดคำพูดมาก เหมือนว่าไม่ค่อยชอบพูดเท่าไร
เิฮวาที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาว่า “ข้าขอแก้ไขคำพูดของเ้าเมื่อครู่หน่อยนะ หยูเยียนของเราไม่ได้มีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งตอนอายุสิบแปด เพราะปีนี้นางเพิ่งอายุสิบเจ็ด”
ิอวี่ขมวดคิ้ว อายุเท่าเขาเลย แต่กลับมีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งแล้วหรือ?
เิเยวี่ยที่อยู่ข้างๆ ก็พูดเสริมอีกว่า “หยูเยียนไม่ได้แค่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งตอนอายุสิบเจ็ดนะ ยังเป็คนแรกในประวัติศาสตร์สามพันปีที่ยาวนานของราชวงศ์หย่งเิที่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งเร็วที่สุดด้วย ก่อนหน้านี้ยังมีพลังราชสีห์เทียบเท่าหนึ่งหมื่นตัว คนที่มีพร์แบบนี้ ก่อนหน้านี้ไม่มี และอนาคตก็ไม่รู้จะมีไหม”
ท่าทางของิอวี่ตะลึงมาก อายุสิบเจ็ด มีพลังขีดจำกัดสูงสุดเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัว ในตอนนี้ยังมีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง และมีวิชาสายเวทที่ลึกลับมากมายของราชวงศ์หย่งเิอีก!
เิหยูเยียนเป็หญิงสาวที่เป็ดั่งปริศนา เป็เหมือนความฝัน
“พี่หญิงทั้งสอง รีบเดินทางกันดีกว่า อย่างอื่นอย่าเพิ่งพูดกันเลย”
ระหว่างที่พูด เิหยูเยียนก็ยิ้มให้กับิอวี่ “เ้าว่าจริงไหม? น้องิอวี่”
“ใช่”
ิอวี่ก็ไม่ได้อยากถามอะไรให้มากความจึงพยักหน้า เขามองออกว่าเิหยูเยียนไม่อยากคุยอะไรกับเขามาก ไม่อยากพูดอะไรกับเขาเยอะ
เมื่อดูผิวเผิน เิหยูเยียนดูใจดีเข้าหาง่าย ยิ้มให้คนอื่นไปทั่ว แต่ในความเป็จริงแล้ว นางเติบโตมาในวังและถูกตามใจจนเคยตัว นางจะมีปฏิสัมพันธ์กับทุกคน แต่แค่ผิวเผินเท่านั้น จะไม่สานสัมพันธ์ลงลึกไปกว่านั้น
เพราะนางมีพร์สูงมากเลยค่อนข้างหัวสูง นางมีกฎเกณฑ์และมาตรฐานกับคนอื่น แต่นางจะไม่ค่อยแสดงออก
สรุปแล้วก็คือ นางสวมหน้ากากไว้หนามาก
