บทที่ 50 การต่อสู้กับฉู่เฟย
ในความเป็จริง การต่อสู้ครั้งนี้สำคัญสำหรับฉู่อวิ๋นมาก เขาวางแผนั้แ่แรกที่จะต่อสู้อย่างระวังและป้องกันตัว
เมื่อเห็นว่าซือหม่าเค่อทำตัวเหมือนคนบ้า ไม่สนใจผลที่ตามมา และใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังทีละครั้ง ฉู่อวิ๋นก็รู้ว่ากลยุทธ์สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ค่อนข้างถูกต้อง
แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะใช้เพียงท่าตั้งรับ แต่ด้วยความเร็วที่ซือหม่าเค่อใช้ออกมา พลังปราณของเขาจะหมดลงภายในไม่กี่นาที
และแน่นอนว่าเมื่อซือหม่าเค่อตระหนักว่าเขาถูกหลอก พลังปราณที่เหลืออยู่ก็ไม่เพียงพอที่จะให้เขาใช้กระบวนท่าอันทรงพลังอีก
“เ้าเองก็วาดลวดลายมาตั้งนาน ถึงเวลาที่ข้าจะตอบโต้บ้างแล้ว!”
ในขณะที่ซือหม่าเค่อตกตะลึง ฉู่อวิ๋นก็ตวัดหลังมือสร้างกระแสดาราขึ้นมา คลื่นแสงดาวปรากฏออกมาอย่างรวดเร็ว
"อ๊ะ! นี่คือ!"
การโจมตีอย่างกะทันหันทำให้ซือหม่าเค่อใ เขาหันหลังกลับทันที ยกง้าวแล้วกวาดขึ้นไปสกัดกั้น เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำลายคลื่นกระบี่นี้
แต่ก่อนที่ซือหม่าเค่อจะมีเวลาหายใจ ฉู่อวิ๋นก็ก้าวขึ้นไปข้างหน้าและโจมตีอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
"ควั่บ!"
ปราณหนาแน่นกว่าสิบสองคลื่นพุ่งออกมาอย่างท่วมท้น ทำให้ผู้คนเวียนหัวตาลาย
"ย๊า!"
ยามนี้ ฉู่อวิ๋นะโด้วยเสียงทุ้ม ฟันกระบี่ชื่อยวนในแนวตรงและแนวนอน กระบวนท่ากระบี่ที่ดูเหมือนจะกระจัดกระจายมารวมตัวกันที่จุดเดียวและพุ่งออกมาทันที!
มองเห็นแสงกระบี่กะพริบอย่างดุเดือดบนเวทีประลอง ปราณกระบี่ทั้งหมดพุ่งไปที่ปลายง้าวฟ้าร้องของซือหม่าเค่อด้วยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้
"แกร็ก!"
ฉู่อวิ๋นถือกระบี่ในมือพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วดั่งพยัคฆ์ ทำให้ง้าวฟ้าร้องแตกร้าวทีละชุ่น และในท้ายที่สุด ปราณกระบี่ก็ะเิออก แสงกระบี่แสงดาวไหลบ่าไปในความว่างเปล่า และตามมาด้วยเสียงเืกระเซ็น
"แกร๊ก"
ซือหม่าเค่อไร้ซึ่งอาวุธ แขนทั้งสองข้างถูกปราณกระบี่เมื่อครู่โจมตี จู่ๆ ก็มีรอยเืขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นสองรอย ย่างก้าวของเขาเริ่มไม่มั่นคง ก่อนจะกระเด็นไปข้างหลังและตกลงมาจากเวทีประลอง
“เอ๊ะ? ข้าแพ้ได้อย่างไร?!”
เมื่อสักครู่นี้ การโจมตีของฉู่อวิ๋นรวดเร็วและดุเดือดมาก ซือหม่าเค่อที่ตกลงจากเวทียังคงดูมึนงงและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่อาจต้านทานกระบวนท่ากระบี่ของฉู่อวิ๋นได้
"วึ้ง"
บนเวทีประลอง กระบี่ชื่อยวนถูกเก็บคืนสู่ฝัก ได้ยินเสียงกระบี่ชัดเจน
ฉู่อวิ๋นเหลือบมองซือหม่าเค่อ หายใจเข้ายาว และพึมพำกับตัวเอง "ในที่สุด...ก็เข้าสู่สามอันดับแรกของการประลองเซี่ยหยางแล้ว!"
เขาฝึกฝนอย่างหนัก อดทนต่อความอัปยศอดสู และเผชิญกับความท้าทายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อมาเสี่ยงชีวิตเพียงชั่วครู่นี้!
ในเวลานี้ ผู้ชมทั้งหมดหายใจด้วยความตกตะลึง ในการต่อสู้ครั้งนี้ ฉู่อวิ๋นใช้ท่ากระบี่ที่แข็งแกร่งเอาชนะชายหนุ่มในเมืองไป๋หยางที่ถูกกล่าวขานว่าด้อยกว่าเพียงฉู่เฟยเท่านั้น
ไม่ว่าพวกเขาจะมีอคติต่อฉู่อวิ๋นแค่ไหน แต่ในยามนี้ก็ต้องยอมรับความแข็งแกร่งของเขาไว้แล้ว
“ท่านพ่อดูสิ ท่านถึงได้ควรเชื่อลูก ลูกท่านมองไม่พลาดหรอกเ้าค่ะ” มู่หรงซินยกมุมปากขึ้นเผยให้เห็นฟันขาวละเอียด นางสุขใจมากที่ฉู่อวิ๋นเข้ารอบชิงชนะเลิศได้
ผู้ชายที่นางชอบจะธรรมดาได้อย่างไร?
ภาพแผ่นหลังของฉู่อวิ๋นที่เปลือยเปล่าจนถึงเอวขณะกำลังต่อสู้กับงูหลามคราม ยังฝังลึกอยู่ในหัวใจของมู่หรงซิน
มู่หรงเจี๋ยส่ายหัวและถอนหายใจ "ข้ามองพลาดไปจริงๆ แต่ก็ไม่คิดว่านักรบสองคนที่จะเข้าชิงในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของการประลองเซี่ยหยางครั้งนี้ จะเป็คนของตระกูลฉู่จริงๆ"
ในลานประลอง ฉู่อวิ๋นเพิกเฉยต่อเสียงอุทานของใครหลายๆ คน ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไป เขาเดินผ่านคลื่นมนุษย์อันกว้างใหญ่และจ้องมองตรงไปยังทิศทางของค่ายตระกูลฉู่
ในสายตาของเขา ความเกลียดชังและความเฉยเมยพัวพันอย่างแยกไม่ออก อารมณ์สงบที่มีพลันหายไป
“เฮ้อ เด็กคนนี้แค้นฝังกระดูกนัก”
“ตอนนั้นเป็พวกเราที่คิดผิดไปจริงๆ แต่อย่างไรเสียก็ต้องฟังท่านผู้นำตระกูล”
เมื่อััได้ถึงดวงตาที่คมปลาบของฉู่อวิ๋น เหล่าผู้าุโก็ก้มหน้าด้วยความละอายและนิ่งเงียบ
ผู้าุโเหล่านี้ใช้การปลุกิญญายุทธ์พิการของฉู่อวิ๋นเป็ข้ออ้างในการปัดความรับผิดชอบต่อการตายของผู้แข็งแกร่งในตระกูลรองของเขา ทำให้เขาถูกคนทั้งเมืองดุด่า ถูกจ้องมองด้วยสายตาเหยียดหยามนับไม่ถ้วน และอาศัยอยู่ด้วยความทุกข์ยากลำบาก
พวกเขาละอายใจต่อฉู่อวิ๋นจริงๆ!
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าฉู่อวิ๋นจะประสบความสำเร็จเช่นไรในการประลองยุทธ์เซี่ยหยาง ทุกอย่างต่างก็สำเร็จได้จากความพยายามอย่างหนักของเขาเอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหลักเลย!
ในหมู่พวกเขา ผู้าุโหกเองก็มองไปที่ฉู่อวิ๋นเช่นกัน พวกเขาทั้งคู่ต่างก็มีความคิดของตัวเอง แต่ดวงตากลับเผยให้เห็นเจตนาฆ่าที่รุนแรงและความเกลียดชังอย่างท่วมท้น
“ท่านพ่อ ลูกจะล้างแค้นให้ท่านและฆ่าผู้าุโหกให้ได้ขอรับ!”
ดวงตาของฉู่อวิ๋นคมกริบ เขากำหมัดแน่น แต่ในที่สุดเขาก็ละสายตาไป เขารู้ว่าด้วยระดับพลังยุทธ์ในตอนนี้ของเขาไม่อาจทำอะไรผู้าุโหกที่อยู่ในขั้นมหาสมุทรได้
นอกจากนั้น ฉู่อวิ๋นยังคงมองดูเหล่าศิษย์ที่พูดประชดประชันเขา กระแนะกระแหนเขา ทั้งยังเคยต่อยตีทุบเตะเขา เขาเห็นว่าตอนนี้พวกเขาละอายใจมากจนไม่กล้ายืนตัวตรง
พวกศิษย์ตระกูลหลักพวกนี้แม้จะเข้ารอบชิงชนะเลิศยังทำไม่ได้ มีสิทธิ์อันใดมาดูถูกดูแคลนเขา? มีสิทธิ์อันใดมาวางโตโอ้อวดใส่เขา?
“หึ ก็แค่กระบวนท่าเล็กๆ กับอีแค่ซือหม่าเค่อ หากจะกำจัดเขา ข้าแทบไม่ต้องใช้ความพยายามเลยด้วยซ้ำ”
ทันใดนั้นก็มีสุ้มเสียงเย็นเยียบและเย่อหยิ่งดังมาจากฝูงชน
มองเห็นฉู่เฟยค่อยๆ เดินขึ้นไปบนเวที เสื้อผ้าสีน้ำเงินของนางปลิวตามลม ทำให้เกิดเสียงฟึบฟับ มองดูแล้วนุ่มนวลและสวยงามราวกับภาพวาด
แต่การแสดงออกของนาง กลับแสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นและความเย่อหยิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้
“ฉู่เฟย เ้ารู้หรือไม่? ข้ารอเวลานี้ รอมานานแล้ว!” พลังปราณของฉู่อวิ๋นพุ่งสูงขึ้น ความโกรธแค้นก็พุ่งทะลุฟ้า ร่างกายของเขาราวกับกระบี่คมๆ เล่มหนึ่งที่พยายามจะแทงทะลุท้องฟ้าและตัดสุริยันจันทราให้ขาดออกจากกัน!
“ฮ่าๆ รีบร้อนให้ข้าสังหารเช่นนี้เลย? เ้าเป็คนแรกเลยนะ” ฉู่เฟยเผยยิ้มอย่างเ็า เผชิญหน้ากับฉู่อวิ๋น และยืนอยู่อีกฟากหนึ่งของเวทีประลอง
ในเวลานี้ ซือหม่าเค่อซึ่งกำลังฟื้นตัวจากอาการาเ็ เงยหน้าขึ้นมองไปที่ลานประลอง นอกจากนี้ เขายังรู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นของฉู่อวิ๋น จึงอดหน้าซีดไม่ได้และบอกกับตัวเองว่า "แข็งแกร่งมาก! ที่แท้เ้าดาวหายนะนี่ไม่เคยยอมรับการประลองนี้อย่างจริงจัง ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ แม้แต่ห้ากระบวนท่าข้าก็คงรับไม่ได้!”
“ไม่แปลกใจเลยที่เสี่ยวซินจะมองเขาแตกต่างออกไป ข้าละอายใจกับแรงกดดันของเขานัก!”
ในที่สุด ซือหม่าเค่อก็ตระหนักได้ว่าเขาโง่เขลาเพียงใด เขามองไม่เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฉู่อวิ๋นด้วยซ้ำ
ในเวลาเดียวกัน ทุกคนต่างก็ตึงเครียดเมื่อเห็นฉู่เฟยบนเวที โดยต่างก็รู้ว่าการต่อสู้เพื่อตำแหน่งสูงสุดในการประลองยุทธ์เซี่ยหยางกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!
“ไม่คิดว่าฉู่อวิ๋นจะมาถึงจุดนี้ได้ แต่ความแข็งแกร่งของฉู่เฟยนั้นเหนือกว่าเพียงใด? เป็ไปไม่ได้เลยที่จะต่อสู้ข้ามกันสองระดับ!”
“ไม่ผิด ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของฉู่เฟยนั้นเหนือกว่านักรบระดับเจ็ดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณไปแล้ว ทั้งยังสามารถเทียบเคียงกับนักรบระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณที่ทรงพลังได้ด้วยนะ!”
“ไม่ว่าอย่างไร การที่เ้าดาวหายนะนั่นเข้ามาสู่รอบชิงชนะเลิศได้ก็ดีถมถืดแล้ว ข้าแค่หวังว่าเขาจะไม่ถูกฆ่าตายเอาตอนที่ประลอง”
เสียงถกเถียงจากลานประลองดังมาจากทุกทิศทาง แต่ฉู่อวิ๋นและฉู่เฟยที่อยู่บนเวทีประลองกลับไม่แยแส ทำเพียงแค่จ้องมองกันอย่างเ็าและอาฆาตแค้น
“เ้าก้อนเมฆลามก...เ้าต้องไม่เป็ไรนะ ถ้าเอาชนะนางไม่ได้ ก็ยอมรับความพ่ายแพ้เสีย” เมื่อมองดูสีหน้าดุร้ายของฉู่อวิ๋น ฝ่ามือของมู่หรงซินก็ชุ่มเหงื่อ นางอดกังวลไม่ได้
นางรู้ดีว่าฉู่เฟยนั้นแข็งแกร่งและโเี้แค่ไหน และรู้สึกว่าแม้ทักษะกระบี่ของฉู่อวิ๋นจะดีขึ้น แต่เขาก็ยังไม่อาจต้านทานนางได้
ธิดาแห่ง์ที่หายากและเป็ที่ภาคภูมิใจของเมืองไป๋หยาง ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยไม่ใช้อะไรแลก
"ตึง!"
เมื่อเสียงกลองดังขึ้น ความสนใจที่กระจัดกระจายของทุกคนก็กลับมาอีกครั้ง การประลองยุทธ์เซี่ยหยาง เริ่มแล้ว!
บนเวทีประลอง บรรยากาศเคร่งเครียด
เปลวไฟโกรธแค้นลุกโชนขึ้นในดวงตาของฉู่อวิ๋น เขาจ้องมองฉู่เฟยที่อยู่ตรงหน้า และพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง "ไม่คิดมาก่อนกระมัง? ว่ามดปลวกในสายตาเ้าจะมาเผชิญหน้ากับเ้าได้ในวันนี้"
ทันทีที่เขาพูดจบ กระบี่ชื่อยวนก็ถูกปลดออกจากฝักอย่างช้าๆ แสงกระบี่เย็นตาอาบทั่วตัวเล่ม
“หึ ไร้เดียงสานัก เ้าคิดว่าขอแค่ยืนอยู่ตรงนี้ได้ก็สามารถเทียบกับข้าได้แล้วหรือ? ในสายตาข้า เ้าก็ยังคงเป็ไอ้สารเลวของตระกูลรองที่บี้นิ้วนิดหน่อยก็ตายแล้ว” ฉู่เฟยยกยิ้มอย่างดูถูกและชักมีดโค้งยาวออกมา ปรากฏรูปลักษณ์ที่งดงามน่าทึ่ง
มีดโค้งยาวเล่มนี้เรียกว่ามีดใบไม้แข็ง ทำมาจากเหล็กลายน้ำแข็ง ตัดเหล็กได้เหมือนตัดโคลน ทุบหินทำลายทองได้ และเป็สมบัติระดับกลางเช่นเดียวกับคันธนูตามจันทร์
แม้ว่าจะมีอาวุธเช่นกระบี่ชื่อยวนอยู่ แต่ครั้งนี้ก็ไม่ง่ายที่จะทำลายมีดเล่มนั้น
ฉู่อวิ๋นย่อมเข้าใจในเื่นี้ เขาจะต้องทุ่มอย่างเต็มที่ในการต่อสู้ครั้งนี้ หากเขาแพ้ ด้วยอารมณ์ของฉู่เฟย เขาจะต้องถูกฆ่าตายคาเวทีแน่นอน!
เมื่อนักรบแข่งขันกัน ดาบกระบี่ไร้ตา อาจพิการหรือเสียชีวิตได้ และใครก็ร้องขอเกี่ยวกับเื่นี้ไม่ได้
แต่ฉู่อวิ๋นจะกลัวหรือ?
“เช่นนั้นก็ให้ข้าดูหน่อย ว่าเ้าจะฆ่าข้าอย่างไร?!”
"ควั่บ!"
กระบี่ชื่อยวนที่เหวี่ยงออกไปราวกับัตัวยาว ตัดผ่านอากาศ ทำให้เกิดเสียงลมพัดหึ่งๆ
ทุกคนกลั้นหายใจ พวกเขารู้ว่าทั้งคู่บนเวทีประลองกำลังจะลงมือ!
“ฟิ้ว——”
สายลมพัดผ่าน ใบไม้ร่วงหล่น
ทันใดนั้น จู่ๆ ดวงตาของฉู่เฟยก็เปิดขึ้น ด้านหลังปรากฏเงานกนางแอ่น มีดใบไม้แข็งในมือเปล่งประกายด้วยแสงสีน้ำเงิน จากนั้นเรือนร่างอันบอบบางก็กลายเป็เปลวเพลิงติดตา แสงสีน้ำเงินส่องสว่างและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เพลิงมรกตพรางตา! นี่เป็พร์ทางิญญายุทธ์ที่น่าภาคภูมิใจของฉู่เฟย!” ทุกคนหายใจเข้าลึกๆ แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าฉู่เฟยจะเริ่มโจมตีด้วยพร์ทางิญญายุทธ์เลย!
"ควั่บ ควั่บ!"
บนเวทีประลอง แสงสีน้ำเงินกะพริบระยิบระยับ ปรากฏคลื่นความร้อนลุกเป็ไฟ ทำให้บอกไม่ได้ว่าตำแหน่งที่แท้จริงของฉู่เฟยอยู่ที่ไหน
“กระบวนท่านี้อีกแล้ว!” ดวงตาของฉู่อวิ๋นจ้องเขม็ง เขากำกระบี่ชื่อยวนในมือ ระดมพลังปราณ เตรียมพร้อมที่จะโจมตี
เขาตระหนักดีถึงพลังของเพลิงมรกตพรางตา หากโจมตีเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าและเข้าใจทิศทางการโจมตีผิด เขาก็จะถูกโจมตีและสังหารในทันที!
ครั้งนั้นที่เรือนตระกูลหลัก มือของฉู่อู๋ก็ถูกเพลิงมรกตนี่เผาจนกลายเป็ขี้เถ้าเพราะความประมาทของเขา และสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง
ดังนั้น ฉู่อวิ๋นจึงตั้งสมาธิให้มั่น เงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ เพื่อรอโอกาส
"ตูม!"
เมื่อมองไปข้างหน้า ทันใดนั้นเปลวไฟที่รุนแรงก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา และท่ามกลางเวลาอันรวดเร็ว มีดใบไม้แข็งก็พุ่งออกไปทั่วท้องฟ้า ราวกับัปรากฏกาย!
"ควั่บ!"
ในชั่วพริบตา มีดใบไม่แข็งกำลังจะฟาดลงบนแผ่นหลังของฉู่อวิ๋นราวกับกำลังจะตัดเขาออกเป็สองท่อนในวินาทีถัดไป!
“ฮ่าๆ ปากมากพูดจาโอ้อวด แต่สุดท้ายแล้วก็แค่ทำเป็ขู่ขวัญ ไปลงนรกซะ ไอ้ขยะ!” ฉู่เฟยยิ้มอย่างเหยียดหยามพร้อมเหวี่ยงมีดยาวต่อไป แสงเย็นเยียบที่เปล่งประกายออกมาช่างน่ากลัว
“เฮ้อ สองคนนี้ยังห่างชั้นกันมากนัก” ผู้แข็งแกร่งบางคนที่รู้ทันเหตุการณ์นี้ต่างพากันส่ายหัว เมื่อดูสถานการณ์แล้ว ฉู่อวิ๋นกำลังจะถูกแทงตายในกระบวนท่าเดียว
เหล่านักรบหนุ่มเองก็หลั่งเหงื่อออกมาอาบตัวแล้วเช่นกัน แน่นอนว่าพวกเขามองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของฉู่เฟย เห็นเพียงแค่นางปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของฉู่อวิ๋นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ทว่าฉู่อวิ๋นยังคงอยู่ในอารามสับสน
“เ้าฉู่อวิ๋นจะตายหรือเปล่า?” มีคนผุดความคิดเช่นนี้ขึ้นมา
“ไม่!” มู่หรงซินแทบจะร้องไห้ออกมา
เวลาคล้ายหยุดนิ่ง
ใน่เวลาหนึ่ง เมื่อมีดยาวโค้งกระทบหลังของเขา ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็เบิกกว้างขึ้น และกระบี่ชื่อยวนก็เหวี่ยงออกไปด้วยการเคลื่อนไหวของท่ากระบี่ลึกลับ ก่อให้เกิดรัศมีกระบี่สามสิบมรรคา
ทันใดนั้น ปราณกระบี่ทั้งหมดก็ไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับดวงดาวที่กำลังไล่ตามดวงจันทร์ แสงศักดิ์สิทธิ์หลั่งไหลออกมา คุณสมบัติยอดเยี่ยมเหลือคณา!
“ดวงดาราแปรผัน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้