"อะไรนะ? คุณเคยถูกกิลด์์สังหารมาแล้วถึงสองครั้งเลยหรือ?" ในระหว่างการสนทนา ฉินโจ้วถึงกับประหลาดใจ เขาจำได้ว่า ลมกระจ่างจันทร์แรมนั้นอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญที่ติดอันดับรายชื่อทำไมผู้เชี่ยวชาญถึงตายง่ายขนาดนั้น ตั้งสองครั้งเลยนะ
สีหน้าของลมกระจ่างจันทร์แรมถึงกับอดกลั้นไว้ไม่อยู่ก่อนจะตอบด้วยความอึดอัดว่า "พวกมันมากันประมาณร้อยกว่าคน คุณลองดูบ้างไหมล่ะ? แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สังหารไปได้ไม่ต่ำกว่าร้อยศพเหมือนกัน"
"ผมว่าผมเห็นแล้วล่ะชื่อแดงเถือกซะขนาดนั้น" ฉินโจ้วรู้สึกโล่งอกความจริงแล้วเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเขาเองไม่คิดเหมือนกันว่าในกิลด์์จะมีผู้เชี่ยวชาญมากถึงขนาดนี้"ว่าก็ว่าเถอะ เราเองก็เป็เพื่อนกันแล้วและผมเองก็เคยสังหารพวกมันไปไม่ต่ำกว่า 500 คน"
"ผมเคยได้ดูวิดีโอนั้นอยู่มันค่อนข้างแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว" ลมกระจ่างจันทร์แรมกล่าวชมอย่างจริงใจ
"ขอบคุณ"ฉินโจ้วยิ้มอย่างเขินๆ
"เอ่อ...ผมหมายถึงองครักษ์น่ะ" ลมกระจ่างจันทร์แรมไม่มีทางเลือกได้แต่พูดไปตามความจริง
"เอาจริงๆนะ คุณก็ไม่ต้องตรงขนาดนั้นก็ได้นะ" ฉินโจ้วยิ้มก่อนจะถามขึ้นว่า"ว่าแต่คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมเป็คนช่วยคุณถึงแม้ว่าผมจะยืนอยู่แถวนั้นก็จริง มันอาจเป็คนอื่นก็ได้นะไม่กลัวว่าคุณจะขอบคุณผิดคนหรือ
ลมกระจ่างจันทร์แรมถึงกับถอนหายใจ"นี่นาย ถ้าคราวหน้าไม่อยากป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ก็จงจำไว้ว่าอย่าเอาผึ้งเพชฌฆาตออกมา นี่ไม่ต่างกับการชูป้ายไฟเลยและอีกอย่างหนึ่งคือ ใครจะโยนเงิน 50 เหรียญเงินอย่างะเิควันทิ้งได้เหมือนโยนก้อนหินเล่นเท่าที่ผมรู้มาตอนนี้ก็น่าจะมีนายอยู่คนเดียวในตอนนี้"
"50เหรียญเงินเลยนี่นา ลืมเื่ราคาไปเลย"ฉินโจ้วนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแน่ใจว่าเขาไม่ได้นึกถึงเลยว่าราคามันอยู่ที่เท่าไร
คุณก็โหดเกินไปถ้าเป็ผมโยนน่ะหรือ ผมน่าจะประหยัดะเิควันได้ไม่ต่ำกว่าสามลูก ตั้ง 150เหรียญเงิน เอาไปซื้อลูกธนูธรรมดาได้ตั้ง 300 ลูก ตั้ง 300 ดอกเลยนะ"ลมกระจ่างจันทร์แรมถึงกับหมดคำพูด พวกเขาใช้ชีวิตต่างกันมากทีเดียว
ฉินโจ้วถึงกับหัวเราะออกมาแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร ่นี้เขาเองก็รู้สึกว่าชักจะมือเติบไปเหมือนกันจริงๆ
"ถึงอย่างไรก็ขอบคุณมากนะแต่ผมอยากจะบอกว่าคุณเลือกช่วยคนผิดเสียแล้ว กิลด์์ลำพังฝีมือคุณตอนนี้รับมือไม่ไหวหรอก ถึงแม้ว่าองครักษ์ของคุณจะมีฝีมือดีก็ตามแต่คุณเองจะหลบซ่อนอยู่ในเหมืองตลอดไปไม่ได้ถ้ากิลด์์้าที่จะจัดการกับคุณจริงๆอย่างไรเสียคุณก็หนีไม่พ้นอยู่ดี" ลมกระจ่างจันทร์แรมตอบอย่างจริงใจ
"เมื่อมีความกดดันก็จะสามารถเปลี่ยนเป็แรงผลักดันไปข้างหน้าได้ผมรู้ดีว่าคุณเป็คนที่ไม่คิดที่จะยอมแพ้อยู่แล้วถ้าคุณสามารถหยุดยั้งกำลังหลักของกิลด์์ได้การคุกคามของผมก็กลายเป็เื่เล็กน้อยมาก" ฉินโจ้วตอบ
"ให้หยุดพวกเขา"ลมกระจ่างจันทร์แรมพูดทวนคำเดิม
ฉินโจ้วหัวเราะก่อนจะพูดอย่างภาคภูมิใจว่า"ผมเองไม่สนใจเื่ช่วยเหลือผู้คนหรืออยากได้คำขอบคุณจากคนอื่นกองกำลังไล่ล่าอะไรนั่นก็โยนมันทิ้งไปก่อนเถอะ พวกเราควรจะแยกย้ายกันก่อนดีไหมคือว่าผมหิวข้าวน่ะ"
"รอเดี๋ยว"ลมกระจ่างจันทร์แรมตัดสินใจในทันใดก่อนจะหยิบไม้เท้าเวทออกจากกระเป๋าและโยนไปให้ฉินโจ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า"ไม้เท้าเวทนี่ไม่มีประโยชน์สำหรับผมที่จะเก็บมันไว้อีกอย่างคุณเองก็เป็พ่อมด และคุณก็ได้ช่วยผมไว้อีก ผมเองก็อยากจะตอบแทนอีกอย่าง์คงลิขิตไว้แล้ว"
ไม้เท้าเพลิงดำ: อุปกรณ์ทองคำ ระดับสูง เพิ่มพลังโจมตีเวทอีก 35% ลดระยะเวลาร่ายเวท 45%, ทักษะเสริม เพลิงดำ : ปลดปล่อยเปลวเพลิงในระยะ 10 ตารางเมตรทำให้ศัตรูสูญเสียพลังชีวิต 500 หน่วยต่อวินาที นาน 300 วินาที, ระยะเวลาในการร่ายเวทครั้งถัดไป 1 ชั่วโมง ใช้ได้เฉพาะอาชีพ : เมจ
มันเป็อุปกรณ์ระดับทองคำที่ดีที่สุดทั้งทรงพลังและน่าหวาดกลัวสำหรับผู้คน
"คุณเดินถืออุปกรณ์ระดับทองคำเดินไปไหนมาไหนด้วยถ้าเกิดมันดรอปขึ้นมา ถึงตอนนั้นคุณจะร้องไม่ออก" ฉินโจ้วพูดอย่างเคืองๆแวบแรกที่คิดคือโชคดี ถัดมาก็รู้สึกดีใจ แต่สุดท้ายรู้สึกกลัวแทน
ลมกระจ่างจันทร์แรมยักไหล่ก่อนจะตอบอย่างสบายๆว่า "ก็เป็เพราะไม้เท้าอันนี้แหละ ถึงได้มีปัญหากับกิลด์์อยู่นี่ไงและอีกอย่างตอนที่วิ่งหนีออกมาก็ลืมเอาไปเก็บไว้ที่คลังสินค้าอีกอย่างตอนนี้ชื่อผมก็แดงขนาดนี้ ถึงมีเวลาก็เข้าเมืองัไม่ได้หรอก และคุณเองก็เหมาะกับไม้เท้าอันนี้ผมก็โดนสังหารไปสองรอบแล้ว ถึงมันจะดรอปหรือไม่ผมก็ไม่เสียดายเท่าลูกธนูที่หายไปพวกนั้นมากกว่า"สำหรับเขาแล้วไม้เท้านี่แทบไม่มีอะไรเทียบกับลูกธนูเ่าั้ได้เลย
ฉินโจ้วจับไม้เท้าในมือไว้แน่นในใจนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกลุ่มหลงเป็อย่างมากเขาจ้องมองมันอยู่นานก่อนจะเอ่ยปากว่า "เปิดราคามา"
เมื่อได้ยินดังนั้นลมกระจ่างจันทร์แรมก็หันหน้ากลับมาทันทีก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า"พูดแบบนี้หมายถึงอะไร ผมรู้ว่าคุณน่ะรวยและตอนนี้ผมก็เงินขาดมือแต่ของที่ผมให้ไปแล้วก็คือให้ ไม่ได้อยากได้เงินจากคุณสักทองแดงเดียว"
ฉินโจ้วมองดูลมกระจ่างจันทร์แรมแล้วดูเหมือนว่าเขานั้นไม่ได้แสร้งทำแต่อย่างใดดวงตาเขาหรี่ลงราวกับกำลังใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนทีจะกลับเป็ปกติเหมือนเดิมเขายิ้มในทันทีก่อนจะพูดว่า "ผมแค่้าทำการค้าด้วยเท่านั้นแต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เพื่อนกลับมาแทน นี่ช่างเป็เื่ที่น่ายินดีอย่างยิ่งแต่ถึงอย่างนั้นผมเองก็ทำตัวไม่เหมาะที่พูดถึงเื่เงินกับเพื่อนอย่างนั้นเอาแบบนี้แล้วกัน ผมมีลูกธนูอยู่ ผมคิดว่าคุณน่าจะใช้งานมันได้เป็อย่างดีอย่าเพิ่งรีบด่วนปฏิเสธลองดูคุณสมบัติของมันก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีก็ไม่สาย"พอพูดจบฉินโจ้วก็หยิบลูกธนูต่อเนื่องทั้ง 5 ออกมาเตรียมจะส่งให้กับลมกระจ่างจันทร์แรม
"นี่มันลูกธนูต่อเนื่องนี่!"ลมกระจ่างจันทร์แรมจู่ๆ ก็พูดออกมาด้วยเสียงดัง แค่เพียงชำเลืองมองเขาก็รู้ได้ทันที
"รับไว้"ฉินโจ้วบอก
"ตอนที่อยู่หมู่บ้านโนวิสผมพลาดสามอันดับแรกตอนที่เปลี่ยนอาชีพไปแต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่า์จะลิขิตเส้นทางไว้ให้แล้วเมื่อวันแรกที่เข้าไปในดันเจี้ยนเมืองัผมก็ได้รับทักษะการยิงธนูต่อเนื่องนี้มา ซึ่งั้แ่ที่ผมได้ทักษะนี้มาผมก็พยายามควานหาไปทุกที่แต่ก็ไม่เคยเจอมันเลยแม้สักครั้งเดียว ผมลองไปดูที่ร้านขายอาวุธแล้วก็ไม่มีผู้เล่นสายสร้างเองก็ไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้มันทำให้ผมไม่สามารถแสดงพลังได้อย่างเต็มที่นั่นเป็สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเสียใจมาโดยตลอดถ้าให้ยกตัวอย่างก็คงเหมือนมีสาวงามนอนเปลือยกายอยู่แต่คุณไม่สามารถแม้แต่จะััเธอได้ ความเ็ปนี้คนทั่วไปนั้นยากจะเข้าใจถ้าไม่เคยัักับมันมาก่อนลูกธนูยิงต่อเนื่องจะแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่เมื่ออยู่ในมือของเขาเท่านั้นถึงแม้เขาได้ตัดสินใจยกไม้เท้าให้โดยไม่้าสิ่งใดตอบแทน แต่ถ้าเป็ตอนนี้ผมว่าผมคงต้องคิดนิดหนึ่งแล้วล่ะ" ลมกระจ่างจันทร์แรมเป็คนตรงไปตรงมาถ้าเขาชอบก็บอกชอบ ไม่ชอบเสแสร้ง
ฉินโจ้วนั้นชอบคนที่มีนิสัยแบบนี้เป็อย่างมากก่อนจะวางลูกธนูต่อเนื่องไว้ในมือของเขาและพูดว่า"มันน่าจะมีประโยชน์มากสำหรับคุณ แต่อุปกรณ์ทองคำนั้นมีมูลค่าไม่น้อยเลยรอผมสักครู่ เดี๋ยวผมกลับมาและจะเอาลูกธนูบางส่วนมาให้"
หลังจากที่ฉินโจ้วนำลูกธนูมาใส่มือของเขาจิตใจของลมกระจ่างจันทร์แรมตอนนี้ถูกดึงดูดให้จดจ่ออยู่ที่ลูกธนูเพียงอย่างเดียวในขณะที่ฉินโจ้วกำลังพูดอยู่ เขาเองก็ไม่ได้ยินอะไรสักอย่างเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินโจ้วออกไปั้แ่เมื่อไร
ความเร็วของฉินโจ้วนั้นไม่น้อยเลยเขาใช้เวลาไปกลับน้อยกว่าครึ่งชั่วโมงเสียอีก เมื่อกลับมาถึงลมกระจ่างจันทร์แรมก็ยังคงนั่งถือลูกธนูอยู่เหมือนเดิมเขาจ้องมองของที่อยู่ในมือด้วยสายตาที่อ่อนโยนและนุ่มนวล
ฉินโจ้วนำลูกธนูทั่วไปมาให้เขา60 กระบอก กระบอกละ 50 ดอก รวม 3,000 ดอกซึ่งคราวนี้ลมกระจ่างจันทร์แรมนั้นไม่ปฏิเสธ กระเป๋ามิติของเขามีความจุ 50 ช่องถ้าเทียบกับผู้เล่นทั่วไปมันก็เป็กระเป๋าที่ดีมากแต่พอมาเทียบกับแหวนมิติของฉินโจ้วแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีความหมายอะไรเลย เฮ้อ...ไม่สามารถเทียบกับคนรวยได้เลยจริงๆ เมื่อนับรวมยาแดงและของใช้อื่นๆก็ใช้พื้นที่ไปถึง 47 ช่องเสียแล้ว
"จะให้ผมพาคุณไปเพิ่มระดับไหม?"ฉินโจ้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจังเนื่องจากลมกระจ่างจันทร์แรมถูกสังหารไปถึงสองครั้งและแถมยังถูกไล่ล่าจากกิลด์์อีกด้วย ซึ่งทำให้ตอนนี้ระดับเลเวลของเขาอยู่ที่19 เท่านั้น ซึ่งตามหลังผู้เล่นอื่นอยู่พอสมควร
ั์ตาของลมกระจ่างจันทร์แรมส่องประกายเจิดจ้าก่อนจะพูดอย่างภาคภูมิใจว่า "ตราบใดที่คันธนูและลูกธนูยังอยู่ในมือเขาก็ไม่เคยเกรงกลัวใคร ไม่ว่าพวกเขาเ่าั้จะมาจากที่ไหนก็ตามขอบคุณอีกครั้งในความปรารถนาดี ไว้พบกันวันหน้า ผมจะแสดงให้คุณได้เห็นวิถีทางของผมลาก่อน..."
"ได้เลย"ฉินโจ้วประสานมือแสดงความนับถือ ได้ช่วยคน ได้รับอุปกรณ์ทองคำ และได้...ในส่วนการรุกรานจากกิลด์์นั้น เขาเองไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
หลังจากที่ลมกระจ่างจันทร์แรมได้เดินจากไปฉินโจ้วก็กลับมาที่เมืองั ตรงไปที่บ้านของเขา
"กลับมาแล้วหรือ"หลั๋วอีอีมองดูอย่างนิ่งเงียบ น้ำเสียงก็แลดูเฉยชามีแต่เพียงความรู้สึกยินดีเล็กน้อยที่ไหลผ่านอยู่ในส่วนลึกของดวงตาคู่นั้นถึงแม้ว่าเธอเองยังไม่สนิทชิดเชื้อกับฉินโจ้วสักเท่าใดนักแต่อย่างน้อยเธอก็รู้สึกว่าการมีตัวตนอยู่ของฉินโจ้วในเวลานี้เปรียบเทียบกับตอนที่เธอต้องอยู่คนเดียวไม่ได้เลย
"ผมเองเห็นคุณอยู่คนเดียวก็กลัวว่าจะเหงาน่ะแล้วก็อยากแวะมาเจอคุณด้วย" อาจเป็เพราะว่าเขาได้รับอุปกรณ์ทองคำมาฉินโจ้วเองก็อารมณ์ดีเลยพูดออกไปแบบสบายใจ
ท่าทางที่เคยดูเ็าของหลั๋วอีอีก็พลันเปลี่ยนไปสีกุหลาบแดงเรื่อกระจายไปทั่วใบหน้าขาวเนียนที่ดูนุ่มนวลของเธอซึ่งทำให้ดูเย้ายวนน่าหลงใหลมากขึ้นอีก มองไปคล้ายกุหลาบแรกแย้มต้องแสงแดดยามเช้าดวงตาของเธอออกอาการเขินอายอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เธอจะกระซิบเสียงเบาๆ ว่า"หัวหน้า คุณมี... เอ่อ... พนักงานหญิงนะคะ"
ในใจฉินโจ้วพลันสะดุ้งคล้ายกับโดนแมวข่วนเขารีบก้มหน้าอย่างไวและไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านั้นอีก ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าที่แท้ผิวของเด็กสาวนี่มันช่างน่าดึงดูดแบบนี้ เขาหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะพูดไปว่า"คุณเข้าใจผิดแล้ว ที่จริงแล้วน่ะผมชื่อห่วงใย เอ้า... นี่ของคุณ"หลังจากยื่นต้นไม้สีน้ำเงินให้หลั๋วอีอีแล้ว เขาก็รีบจ้ำอ้าวออกไปอย่างเร็วเขากังวลว่าถ้าเกิดอยู่นานกว่านี้ มันอาจจะ...โตขึ้นกว่านี้
หลังจากที่เขาเดินจากไปหลั๋วอีอียังคงถือต้นไม้น้ำเงินไว้ด้วยสองมือ ก่อนจะเม้มปากยิ้มสายตาที่มองออกไปนั้นอ่อนโยนขึ้น สีแดงและน้ำเงินนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจนสีสันสดใส ดูสวยงามอย่างที่ไม่มีใครรู้น่าเสียดายที่ความงดงามเช่นนี้ไม่ค่อยจะมีใครมีโอกาสได้ัั
หลังจากเข้ามาในห้องฉินโจ้วก็นั่งขัดสมาธิก่อนที่จะเริ่มทำสมาธิ
เขามีลางสังหรณ์ว่าหน้าต่างบานนั้นกำลังใกล้จะแตกแล้ว และเขาก็จะได้เข้าสู่โลกใบใหม่โลกที่จะนำเขาไปสู่จักรวาลของร่างกายมนุษย์พัฒนาไปสู่ความสุดยอดของโลก
สามชั่วโมงต่อมาขณะที่หลั๋วอีอีกำลังปรุงยาอยู่นั้นพลันก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ภาษาบาลีลอยเข้ามาในหูสักพักดูเหมือนว่าจะมีเสียงเคาะมู่อวี่ (ไม้ที่ทำเป็รูปปลาไว้เคาะตอนสวดมนต์)พร้อมกับเสียงสวดมนต์ของนักบวช เหมือนจะใช่แต่ความจริงกลับไม่ใช่ เสียงนั้นมาๆหายๆ ฟังดูเหมือนใกล้แต่ความจริงนั้นกลับไกล
เมื่อลองตั้งใจใหม่เธอก็กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย พอเธอไม่สนใจเสียงก็กลับตรงเข้าสู่โสตประสาทโดยตรง หลั๋วอีอีเสียสมาธิไปชั่วครู่ผลก็คือยาแดงที่กำลังปรุงอยู่นั้นล้มเหลว ซึ่งทำให้เธอรู้สึกเ็ปใจยิ่งนัก
หลั๋วอีอีเป็คนที่มีจิตใจงดงามถึงแม้ว่าเธอจะฟังไม่เข้าใจ เธอก็ไม่ได้ร้อนใจ กลับทำใจให้สงบปล่อยใจให้นิ่งสงบเหมือนน้ำ และไม่คิดถึงสิ่งใดหลังจากการรวบรวมความคิดผ่านไปชั่วครู่ ในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงบทสวดนั่นอีกครั้งดูเหมือนว่าเสียงเคาะมู่อวี่และบทสวดมนต์นั้นจะมีต้นเสียงมาจากห้องของฉินโจ้วดูท่าเธอคงไม่ได้หูแว่วไปเองแล้ว
เสียงสวดมนต์ภาษาบาลีดูเหมือนจะมีเวทมนตร์บางอย่างอยู่ทำให้ผู้คนที่ได้ฟังได้รู้สึกจิตใจสงบ ปราศจากความว่อกแว่กก่อนจะดำดิ่งลงไปในสภาวะไม่สุข ไม่ทุกข์ ตกอยู่ในภวังค์อย่างไม่รู้สึกตัวจากนั้นหลั๋วอีอีจึงได้เริ่มปรุงยาอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปไม่นานยาก็ถูกสร้างออกมา พร้อมกับส่งกลิ่นหอมอย่างที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนมียาแดงเวอร์ชันอัปเกรดและยาพลังชีวิตขวดเล็ก
ยาพลังชีวิตขวดเล็ก: บรรจุไว้ด้วยตัวยาแห่งชีวิต สามารถเพิ่มพลังชีวิตได้ 500 หน่วยอย่างถาวร
ยาพลังชีวิตขวดเล็กนั้นเป็ยาที่มีค่าและหาได้ยากยิ่งโดยเป็ยาที่เกินขอบเขตของยาแดงไปแล้วยาแดงนั้นสามารถเพิ่มพลังชีวิตที่สูญหายไปกลับขึ้นมาในขณะที่ยาพลังชีวิตนั้นสามารถเพิ่มพลังชีวิตได้โดยตรง ซึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เลย
ถ้าเป็ในเวลาปกติหลั๋วอีอีคงดีใจเป็อย่างมากที่ได้เห็นยาพลังชีวิต แต่ในตอนนี้เมื่ออยู่ภายใต้ผลของการสวดมนต์ ทำให้ดูเหมือนว่าไม่มีความรู้สึกสุขทุกข์ทุกสิ่งกลายเป็เื่ปกติธรรมดา คล้ายกับเวลาที่เราหิวน้ำเราก็จะดื่มน้ำหรือเวลาเราหิวเราก็จะกิน ไม่มีความรู้สึกแตกต่าง
ไม่สุขไม่ทุกข์ ถ้าในเวลาปกติหลั๋วอีอีสามารถปรุงยาได้เร็วกว่าผู้อื่นแต่ในเวลานี้ความเร็วของหลั๋วอีอีไม่ได้แค่เร็วขึ้นอย่างเดียวแต่ยังเร็วอย่างน่าใ และยังเต็มไปด้วยความสงบ ไม่เร่งร้อนปล่อยไหลไปตามกระแสธรรมชาติ
ไม่มีใครรู้ว่าในขณะเดียวกันนั้นก็ได้มีเสียงสวดมนต์ภาษาบาลีอยู่ในห้องของฉินโจ้วที่โลกแห่งความเป็จริงเกิดขึ้นด้วยมีทั้งเสียงเคาะมู่อวี่ เสียงสวดมนต์ของนักบวช ที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ห่างไกลออกไปหรืออาจจะไม่มีอะไรอยู่เลย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดก่อนที่หลั๋วอีอีจะสะดุ้งตื่นขึ้น เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงใช้คำว่า"สะดุ้งตื่น" เพราะเธอเองก็ไม่ได้หลับ เธอยังรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา
หลั๋วอีอีมองเห็นยาพลังชีวิตขวดเล็กและมันยังมีถึงหกขวดด้วยกัน ทันใดนั้นความสุขที่ดูเหมือนเพิ่งจะเริ่มก่อตัวอย่างเชื่องช้าที่ก้นบึ้งของหัวใจก็เกิดขึ้นเธอรู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็อย่างมาก และเมื่อเธอปรุงยาแดงล้มเหลวอีกครั้งความรู้สึกก็พลันเปลี่ยนกลับมาเป็ท้อแท้ในทันที
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกก่อนที่ฉินโจ้วจะก้าวออกมาจากห้อง
"ฉัน..."เดิมทีหลั๋วอีอีอยากจะขอโทษฉินโจ้วที่เธอปรุงยาแดงล้มเหลวไปถึงสองเตาภายในวันเดียวมันเป็สิ่งที่ทำให้เธอนั้นรู้สึกผิด และเมื่อได้เห็นฉินโจ้วเธอกลับไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
เมื่อเธอมองดูฉินโจ้วใกล้ๆเธอรู้สึกว่าเหมือนฉินโจ้วจะเปลี่ยนไปเป็อีกคน ถึงแม้ว่าเขาจะดูไม่ได้ต่างไปจากเดิมก็ตามแต่ความรู้สึกของเธอบอกให้รู้ว่ามีบางอย่างที่เปลี่ยนไปแน่นอนและเธอก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเปลี่ยนไปแบบไหนอย่างไร ความรู้สึกแปลกๆนี้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจอย่างประหลาด
"พรุ่งนี้วันหยุดสุดสัปดาห์ผมให้คุณพักสองวัน จะได้มีเวลาไปหาคุณป้าเื่เงินถ้าไม่พอก็ไปเอาที่ร้านขายยาได้เลย พอดีผมมีธุระต้องไปทำผมออฟไลน์ไปก่อนนะ" ฉินโจ้วบอกกับหลั๋วอีอีพร้อมทั้งส่งยิ้มให้ในเวลาเดียวกัน เป็รอยยิ้มที่ดูมีความสุขและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
"ฉ...ฉัน"หลั๋วอีอีเพิ่งเอ่ยไปได้แค่คำเดียว ร่างของฉินโจ้วก็พลันหายไปเสียแล้วก่อนที่เธอนั้นจะรู้สึกใจหาย โดยที่เธอเองก็ไม่รู้เป็เพราะเหตุใดเธอแค่้าจะบอกกับเขาเื่ยาพลังชีวิตขวดเล็ก อยากจะแบ่งปันความสุขให้กับเขาแต่ฉินโจ้วทำตัวเหมือนกับสายลมพัดผ่าน พอบอกว่าจะไปก็ไปเลย
กลับมาสู่โลกแห่งความเป็จริง
สิ่งแรกที่ฉินโจ้วรู้สึกได้ในทันทีก็คือไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายแบบนี้มานานพอสมควรแล้ว เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าตือโป๊ยก่ายได้กินผลไม้แห่งชีวิต มันจะให้ความรู้สึกเดียวกันกับเขาที่เป็อยู่ตอนนี้หรือเปล่าทุกเซลล์ในร่างกายนั้นเต็มไปด้วยพลังชีวิตอย่างเต็มเปี่ยมเต็มไปด้วยความสนุกสนานเหมือนขณะที่กำลังถือดอกไม้ไฟเคลื่อนไหวไปมาในงานเทศกาลโคมลอย ไม่เคยมีสักวันที่เขาจะรู้สึกว่าชีวิตช่างมีความสุขอะไรอย่างนี้
ในขณะที่กำลังนอนอยู่นั้นฉินโจ้วรู้สึกถึงความสุขในชีวิตอย่างเงียบๆ มันเหมือนเวลาอยู่ในหิมะตอนหน้าหนาวความรู้สึกในตอนที่แสงแดดกำลังส่องผ่านร่างกายให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายตัวถึงแม้ว่าเขาเองจะไม่ได้ลืมตามอง แต่ก็รู้สึกได้ว่าขาของเขานั้นกำลังดีขึ้น สมบูรณ์ขึ้นทุกส่วนสุขภาพ ความแข็งแรง ก็มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
เขาไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อนเลย
เขาใช้เวลาอยู่นานพอสมควรกว่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้และก้าวลงไปที่พื้น เมื่อร่างกายได้ขยับเขยื้อนก็มีเสียงกระดูกลั่นให้ได้ยินคล้ายกับเสียงถั่วทอดความรู้สึกสบายเริ่มกระจายไปทั่วร่างกาย เขาจึงลองเคลื่อนไหวร่างกายอย่างง่ายๆ ดูก็พบว่าไม่มีอาการติดขัดแต่อย่างใด จึงเริ่มเดินออกจากห้องไปที่ห้องนั่งเล่นหลังจากผ่านไปสามรอบ ความรู้สึกของเขากลับมาสมบูรณ์เหมือนแต่ก่อน ไม่มีติดขัดหรือไม่สะดวกแต่อย่างใด แต่เหมือนจะดีกว่าตอนที่ปกติเสียด้วยซ้ำ
ในที่สุดก็ดีขึ้นจนได้
ฉินโจ้วะโก้องในใจอยู่หลายครั้งก่อนจะวิ่งเหยาะๆ อยู่รอบห้องนั่งเล่นไม่ต่ำกว่าสิบครั้งถึงจะทำให้ใจของเขาเย็นลงได้ เขานั่งพักเหนื่อยที่โซฟาก่อนจะแกะผ้าพันแผลที่ขาออกรอยแผลเริ่มมีเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมามองดูไปก็คล้ายกับแมงมุมที่มาชักใยอยู่เป็จำนวนมาก ดูน่าเกลียดไปหน่อยแต่ก็ช่างเถอะ ทุกอย่างกำลังจะกลับมาเป็ปกติในไม่ช้า หลังจากที่หัวเย็นลงแล้วก็รู้สึกว่าตัวของเขาจะเริ่มได้กลิ่นเหม็นอับอย่างรุนแรงดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้อาบน้ำมาเกือบเดือนแล้วสิรู้สึกเหมือนกลิ่นมันจะเริ่มแรงขึ้นด้วย
ความรู้สึกของคนเรานี่ก็แปลกเมื่อตอนที่นอนอยู่ ก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นเหงื่อเลยแม้แต่น้อยแต่เมื่อครู่ จมูกของเขานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อและยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งเหม็นมากขึ้นไปอีกมันดูคล้ายกับอาการเ็ปที่เกินจะทนแม้เพียงนาทีเดียว ฉินโจ้ววิ่งตรงไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็วถอดเสื้อผ้าอย่างไวที่สุด ก่อนจะพาตัวเองลงไปอยู่ในอ่างอาบน้ำและเริ่มขัดสีฉวีวรรณทุกซอกทุกส่วนั้แ่หัวจรดปลายเท้า
หนึ่งชั่วโมงต่อมาฉินโจ้วก็สะอาดเอี่ยมและสดชื่นเป็ที่สุด ก่อนเขาจะพบเื่น่าขายหน้าที่ว่าเขาไม่มีเสื้อผ้าจะเปลี่ยน เขาเองก็ไม่รู้ว่ากระเป๋าเดินทางกับของอื่นๆไปอยู่ที่ไหนหมด และก็ไม่มีเสื้อผ้าผู้ชายในที่นี้นอกจากของหวังโหรวเขาก็ใจไม่กล้าพอที่จะออกไปเอาเสื้อที่ถอดทิ้งไว้ข้างนอก หลังจากมาคิดๆดูแล้วเขาก็กลับลงไปในอ่างเหมือนเดิม เป็การดีกว่าถ้าจะรอให้หวังโหรวกลับมาก่อนและค่อยฝากให้เธอไปช่วยซื้อชุดใหม่มาให้ถ้าเป็เมื่อก่อนเขาคงไม่เคยมีความคิดแบบนี้อยู่ในหัวแต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะว่าเขามีเงินแล้ว
หลังจากที่ความกดดันต่างๆได้จางหายไป ฉินโจ้วเองก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น คงคล้ายกับก้อนเมฆที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าหลังจากนั้นไม่นาน ฉินโจ้วก็ผล็อยหลับเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝันนอนหลับขดตัวทำให้มองดูไปก็คล้ายหมูตัวหนึ่งกำลังหลับใหล