ในขณะที่หลับลึกอยู่นั้นฉินโจ้วเองไม่ได้รู้เลยว่าประตูบ้านนั้นถูกเปิดออก ก่อนจะมีหญิงสาวแต่งตัวทันสมัยพร้อมกระเป๋าเดินทางเดินเข้ามาชุดสูทคอวี สวมรองเท้าส้นสูงหัวแหลม ชุดขาวมีปกเหมือนพนักงานทั่วไปเธอเคยเป็รูมเมทของหวังโหรว ซึ่งตอนนี้เธอเพิ่งกลับมาจากการเดินทางไปเจรจาธุรกิจ
ทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้อากาศนี่ก็ช่างร้อนเหลือเกิน นี่มันเดือนพฤศจิกายนเข้าไปแล้วนะ แดดก็แรง"ก่อนที่ชูหลิงจะโยนกระเป๋าเดินทางไปที่มุมห้อง เตะรองเท้าส้นสูงปลิวหวือไปอีกทางและถอดถุงน่องไหมเผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดของขาคู่นั้น ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟานอนแผ่หลา กางแข้งขาอย่างหมดสภาพ เกรงว่าถ้ามีใครเข้ามาเห็นภาพแบบนี้เขาคนนั้นคงต้องถือว่าเป็บุญตา ที่เห็นทัศนียภาพงดงามที่อยู่ใต้กระโปรงนั่น
ดูเหมือนว่าในตอนนี้สุขภาพร่างกายไม่ค่อยฟิตเหมือนแต่ก่อนออกกำลังกายนิดหน่อยก็เหงื่อท่วมเสียแล้วแล้วนี่ยังต้องลากกระเป๋าที่หนักมากเดินมาอีกตั้งไกล
หลังจากที่ได้พักไปราว15 นาที ชูหลิงก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองเริ่มมีเรี่ยวแรงกลับมาบ้างแล้วเมื่อเธอนอนนิ่งอยู่ชั่วครู่เธอก็เริ่มได้กลิ่นเหงื่อที่เริ่มส่งกลิ่นเหม็นในอากาศ เธอรู้ว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรแต่ก็บ่นเปรยไปว่า "ทำไมอากาศมันแย่ขนาดนี้นะ กลิ่นเหม็นนี่แทบจะทำให้ฉันตายได้เลยแล้วจะทำอย่างไรดี ฉันเองก็ยังไม่ได้แต่งงานเลย ถ้าแม่รู้เข้าล่ะก็อดกินข้าวแน่ทางที่ดีรีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่า"
แต่เธอหารู้ไม่ว่านี่เป็กลิ่นที่ตกค้างของฉินโจ้วเหลือทิ้งไว้
ชูหลิงเป็คนที่ค่อนข้างทันสมัยมีการพัฒนาทั้งพฤติกรรมและความคิด อาจเพราะว่าเธอเป็ลูกคนเดียวของที่บ้านทำให้ไม่ค่อยมีกฎเกณฑ์อะไรมากนักอยู่ในห้องนั่งเล่นบางครั้งเธอก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเปิดเผยร่างที่เปลือยเปล่าที่น่าหลงใหล เธอเป็คนไม่สูงนัก น่าจะประมาณ 156เิเ แต่รูปร่างนั้นได้สัดส่วน ผิวพรรณละเอียดอ่อน มีทั้งส่วนเว้าส่วนโค้งนูนขาวเรียวบาง เลยดูเหมือนว่ารูปร่างอวบ ั้แ่ตอนเธอเกิด เธอเป็คนที่ทั้งร่าเริงน่ารัก และมีไหวพริบไปพร้อมกัน ทำให้เธอกลายเป็คนที่มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยพลังของวัยรุ่น และมีความน่าหลงใหล
ชูหลิงเดินเปลือยกายตรงเข้าไปในห้องน้ำคางเชิดสูง ฮัมทำนองเพลงที่ฟังไม่ออกว่าเป็เพลงอะไรอาจเป็เพราะอยู่บ้านจึงค่อนข้างผ่อนคลาย ก่อนจะหรี่ตาเหลือบมองไม่เห็นใครนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำ เธอจึงกลั้นใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วเริ่มเปิดน้ำถึงแม้ว่าเธอจะเป็ผู้หญิง แต่เธอก็อาบน้ำเย็นมาตลอดั้แ่ออกมาทำงานไม่ว่าจะหน้าร้อนหรือหน้าหนาวเธอคิดว่านี่อาจเป็เหตุผลที่ทำให้เธอมีผิวขาวสวยเนียนเพราะเกิดจากการอาบน้ำเย็นก็เป็ได้ แต่เหตุผลจริงๆ ที่เธอเก็บเป็ความลับก็คือเธอไม่มีเงินจ่ายค่าแก๊สั้แ่ต้นปี เลยไม่มีน้ำอุ่นอาบนั่นเอง
ในความสับสนของเขาฉินโจ้วเหมือนว่าจะได้ยินเสียงน้ำกำลังไหล ช่วยไม่ได้ที่เขาจะเริ่มรู้สึกกลัวเอ... หรือว่าน้ำรั่ว ถ้าอย่างนั้นก็แย่แล้วเขาสะบัดไล่ความง่วงออกไปก่อนที่จะพยายามลืมตาขึ้น
แสงจากดอกไม้สีขาวส่องสว่างจนทำให้เขาต้องหลับตาลงในทันทีมันเกิดอะไรขึ้น ต้องเป็ความฝันแน่ เขากะพริบตาอีกหลายครั้งรู้สึกยังไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของสาวงามที่กำลังอาบน้ำอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาเผยให้เห็นทุกส่วนสัดโดยไม่มีการขวยเขิน นี่มันต้องเป็ฝันแน่ๆฉินโจ้วกะพริบตาอยู่อีกหลายหน นั่นไม่ใช่อาจารย์หวังเขารู้จักอาจารย์หวังเพียงคนเดียว ในเมื่อเขาไม่รู้จักเธอแสดงว่านี่คงอยู่ในฝันล่ะสิ โอ้... ช่างเป็ฝันที่ดีอะไรอย่างนี้เขาเป็ชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง มันเป็เวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้ััหญิงสาวเลยมันเป็เื่ธรรมดาที่... ก่อนที่เขาจะถอนหายใจ และพูดว่าน่าเสียดายที่มันเป็เพียงแค่ความฝัน
แม้ว่าเสียงถอนหายใจนั้นจะแ่เบาแต่สำหรับเธอนั้นดังราวกับเสียงฟ้าร้อง ชูหลิงใจนเกือบจะล้มลง ร่างกายแข็งทื่อสามวินาทีต่อมาเธอจึงหันมองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาเธอจะพบกับฉินโจ้วที่นอนอยู่ในอ่างร่างกายเปลือยเปล่า น้ำในอ่างใสแจ๋วจนไม่มีอะไรจะบดบังสายตาเธอไปได้ในขณะที่สายตาทั้งสองคู่มาประสานกัน เวลาก็ดูเหมือนจะหยุดไปชั่วครู่หลังจากนั้นไม่นาน เสียงกรีดร้องก็ดังจนแทบทะลุไปถึงเมฆชั้นฟ้า
"อ๊าาา...!"
ฉินโจ้วดำลงไปในน้ำเพื่อที่หูของเขาจะได้ไม่แตกไปเสียก่อนเสียงกรีดร้องอยู่นานราวสิบวินาทีได้ ก่อนที่จะหยุดลงดูท่าความจุปอดของเธอน่าจะพอตัว ฉินโจ้วหันไปมองที่หน้าต่างเห็นกระจกยังอยู่ดีไม่แตก ค่อยโล่งอก ไม่อย่างนั้นคงแย่แน่
"ทำไมนายไม่หลับตาของนายซะ?"น้ำเสียงของชูหลิงเต็มไปด้วยความโกรธเขาเคยมีประสบการณ์อยู่ในท่ามกลางพายุมาแล้วดังนั้นเขาจึงสงบเยือกเย็นลงได้อย่างรวดเร็ว
"อะไร?"ฉินโจ้ววางมือลง ในขณะที่หูของเขายังคงได้ยินเสียงวิ้งๆ...ดังก้องอยู่ในหู ดูเหมือนจะเป็เพราะการออกแบบของห้องน้ำไม่ให้เสียงลอดออกไปเลยทำให้เกิดเสียงสะท้อน
"นายไม่ต้องมาทำเป็แกล้งโง่เลยอ๋อ... จะเอาแบบนี้ใช่ไหม ได้เลย โอ๊ย... ว๊ายยย..." ชูหลิงโมโหเธอวิ่งเข้าไปกะว่าจะเตะจุดยุทธศาสตร์เข้าให้สักทีนี่เป็ท่าไม้ตายไว้จัดการกับพวกลามก สักร้อยที จะได้ไม่ต้องใช้การได้อีกในขณะที่พื้นนั้นเจิ่งนองไปด้วยน้ำ เธอเองก็ไม่รู้ว่าลื่นไปได้อย่างไรทำให้ร่างกายเสียสมดุลกะทันหัน แท้ที่จริงแล้วเธอตั้งใจจะวิ่งตรงไปที่อ่างอาบน้ำกะจะเตะหัวฉินโจ้วสักที แต่โทษทีที่ทิศทางน่ะได้ แต่มันหยุดไม่อยู่เหมือนรถเบรกแตกผลน่ะหรือ เธอสะดุดเข้ากับอ่างอาบน้ำทำให้ทรงตัวไม่อยู่และเนื่องจากมีแรงเฉื่อยทำให้ตัวของชูหลิงตกลงไปในอ่างด้วยน้ำกระจายด้วยน้ำหนักที่กดใส่ฉินโจ้ว ใน่ที่กำลังหล่นลงไปชูหลิงเกิดความใจึงคว้าคอของฉินโจ้วไว้แน่น ด้วยตำแหน่งที่อยู่ในปัจจุบันนั้นทำให้หน้าอกของทั้งสองแนบชิดสนิทแแ่ ผู้หญิงอยู่้า ผู้ชายอยู่ด้านล่าง ...สุดแสนวิเศษ
นี่เป็ครั้งแรกที่ชูหลิงเสียใจที่ไม่ได้ใส่รองเท้าแตะเข้ามาอาบน้ำเพราะไม่อย่างนั้นแล้วเธอคงไม่ลื่นในห้องน้ำและคงไม่ต้องวิ่งไปที่อ่างอาบน้ำเธอเองไม่คิดจะเป็ฝ่ายส่งตัวเองให้ผู้อื่นฉวยโอกาสเช่นนี้แล้วนี่อะไรกันไม่ใช่ว่าแค่ถูกครั้งหรือสองครั้ง แต่นี่มันทั้งตัวเลยเวลานี้ทำได้แค่ร่ำไห้อยู่ในใจ
เธอเป็ถึงลูกสาวคนโตของหวงหาวเลยนะ
ชูหลิงเองก็ค่อนข้างแปลกใจในเวลาอย่างนี้เธอกลับมัวแต่คิดถึงเื่เมื่อสักครู่แต่ความรู้สึกตอบสนองของร่างกายในตอนนี้กลับไม่ช้าลงเลยเธอรู้สึกได้อย่างรวดเร็วว่ามันมาจากร่างกายของฉินโจ้วดูเหมือนว่าเขานั้นทั้งกังวล ทั้งตื่นตระหนกเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าร่างกายของเธอตอนนั้นทำไมมันลื่น หรือว่าอ่างอาบน้ำมันแคบถึงทำให้เธอยิ่งดิ้นมากเท่าไรก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้เสียทีและทันใดนั้นเองเธอก็ััได้ถึงบางสิ่งที่ค่อนข้างแข็งในบริเวณจุดซ่อนเร้นซึ่งทำให้ร่างกายของชูหลิงถึงกับสั่นไหวก่อนจะตัวแข็งค้างไปชั่วครู่เธอรู้ได้ทันทีว่าสิ่งนั้นคืออะไร ่เวลานี้ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวเป็อย่างมาก
"ถ้านายกล้าทำอะไรฉันจะตายให้นายดู" ชูหลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อลดความตื่นเต้นก่อนจะพูดจาข่มขู่ แต่ร่างกายนั้นกลับไม่กล้าจะขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
"ผมก็ไม่ได้ขยับนี่"ฉินโจ้วนั้นบริสุทธิ์ใจจริงๆ เพราะว่าเขาเองไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเขามองดูชูหลิงในขณะนี้เขาค่อยเบาใจหน่อยที่สามารถสื่อสารกันรู้เื่อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าเขาไม่ได้เป็พวกคนบ้า แต่ก็รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง่เวลาที่แนบชิดขนาดนี้ทำให้เขารู้สึกหลงใหลโง่งมเหมือนคนเมา แทบจะหยุดไม่ได้เลย
"ว่าแต่นายเป็ใครแล้วเข้ามาที่บ้านของฉันได้อย่างไรกัน"ชูหลิงพบว่าในเวลานี้เธอลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดไปทำไมมีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นมาในบ้านของเธอได้อย่างไม่มีเหตุผล
"ฉินโจ้วลูกศิษย์ของอาจารย์หวัง ว่าแต่เราควรจะลุกออกจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยคุยกันต่อคุณว่าดีไหม?" ฉินโจ้วพยายามเก็บอาการไม่ให้เสียงสั่นผู้ชายส่วนใหญ่มักจะตื่นเต้นง่าย โดยเฉพาะกับเื่แบบนี้เขาเองก็กังวลเกี่ยวกับเื่นี้อยู่ เพราะถ้าเกิดเป็ไปแบบนี้ต่อไปเขาอาจจะกลายร่างเป็สัตว์ป่าก็เป็ได้
ใบหน้าของชูหลิงคล้ายจะมีเมฆสีแดงลอยปรากฏอยู่ก่อนจะกลับมารู้สึกผิดเลยแสดงท่าทางแปลกๆ ออกไป เธอพูดกับฉินโจ้วว่า"ช่วยดันหน่อย ขาของเธอไม่มีแรง"
ฉินโจ้วพยักหน้าั้แ่เมื่อครั้งแรกที่เขาได้พบชูหลิงเขาเองก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนเช่นกันตัวเขาเริ่มสั่น ในขณะที่ยื่นมือออกไป
"อ๊ะ...อย่าจับเอวนะ" ในขณะที่มือของฉินโจ้วกำลังจะััถูกตัวของชูหลิง เธอก็พลันะโออกมาทำให้ฉินโจ้วใรีบหดมือกลับในทันที ก่อนที่จะมองชูหลิงที่อยู่ในท่าทางแบบนี้ฉินโจ้วเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าเขาควรจะััส่วนไหนถ้าไม่ใช่เอวถึงจะยกเธอออกไปได้
"เอวฉันมันเป็ส่วนไวต่อความรู้สึกน่ะ"หน้าของชูหลิงกลายเป็สีแดงเล็กน้อย น้ำเสียงเองก็ฟังดูงุ้งงิ้งเหมือนยุงเวลาบินนี่เป็ครั้งแรกในชีวิตของเธอที่รู้สึกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ยิ่งทำให้ดูน่าอายมากขึ้นไปอีก
"อย่าแตะโดนหน้าอกนะ"
"อย่าแตะโดนต้นขานะ"
“……”
หลังจากนั้นทุกที่ที่ฉินโจ้วจะัั ก็กลายเป็พื้นที่ต้องห้ามไปเสียทุกส่วนจนตอนนี้หน้าของฉินโจ้วเริ่มแดงขึ้น เริ่มอึดอัดและหายใจเร็วขึ้น ก่อนจะพูดไปว่า"นี่ป้า... ที่จริงผมก็ไม่ว่าอะไรนะ ถ้าคุณจะปีนข้ามผมไปแต่ถ้าคุณไม่คิดจะช่วยตัวเองก็อย่ามาโทษผมก็แล้วกันนะ"
ข่มขู่เสียหน่อย...แบบทั้งเปลือยๆ อย่างนี้แหละ
ชูหลิงจ้องเขม็งมาที่ฉินโจ้วที่ตาของเขาเริ่มแดง อารมณ์เริ่มกราดเกรี้ยว หลังจากผ่านไปชั่วอึดใจชูหลิงก็เป็ฝ่ายยอมแพ้ เธอเริ่มรู้สึกหวาดกลัว เพราะในสถานการณ์ที่เป็อยู่นี้ถึงแม้ว่าเธอเองจะดูเป็ผู้หญิงแกร่งแต่ที่จริงแล้วนั้นเธอก็ยังมีด้านที่อ่อนแออยู่ หลังจากที่ลังเลอยู่นานในที่สุดเธอก็หันมาพูดกับฉินโจ้วด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง "ก็ได้นายจัดการเอาเองเลย แต่ห้ามนายมาฉวยโอกาสก็แล้วกัน"
ฉินโจ้วไม่สนใจประโยคสุดท้ายเขาจับขาข้างหนึ่ง อีกมือจับหน้าอกไว้ก่อนจะดันเธอข้ามไป เมื่อเธอประคองตัวได้แล้วใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดขอโทษไปว่า"มันเป็เื่ยากที่เราจะหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ผมหวังว่าคุณจะไม่โทษผมนะ อีกอย่างเสื้อผ้าผมก็เปียกหมดแล้วผมเองก็ไม่มีเสื้อผ้าสำรอง คุณจะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะฝากซื้อเสื้อผ้าสักชุดเอาแบบไม่ต้องแพงมาก แค่พอใส่ได้ก็พอ" ก่อนจะลังเลอยู่ชั่วครู่จึงพูดเสริมไปว่า "ถ้าอย่างนั้นฝากซื้อกางเกงบ็อกเซอร์สักตัวด้วยก็แล้วกันนะ
"คนบ้าคนลามก" ชูหลิงวิ่งออกไปในทันทีตอนที่วิ่งออกไปเขาก็ไม่รู้ว่าเธอได้ยินเขาพูดบ้างหรือเปล่าฉินโจ้วเริ่มรู้สึกเซ็งนิดหน่อย นี่เขาต้องมานอนแช่น้ำอยู่อย่างนี้เนี่ยนะ
ในขณะที่นั่งรออยู่นั้นประตูห้องน้ำก็เปิดออกอีกครั้ง ชูหลิงแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องน้ำในมือถือเสื้อผ้าชุดหนึ่งไว้ ก่อนจะพูดโดยไม่หันมามองว่า"นี่เป็ชุดที่ฉันซื้อมาให้พ่อของฉัน ถึงมันราคาถูกไปสำหรับนาย อ้อ... บ็อกเซอร์ไม่มีนะ นายจะใส่หรือไม่ก็ตามใจ"ในขณะที่พูดถึงชั้นใน หน้าของเธอก็พลันแดงขึ้นชั่วขณะ หลังจากพูดจบเธอก็ไม่รอฟังคำตอบก่อนจะวางเสื้อผ้าไว้บนชั้นและเดินออกไปอย่างรีบเร่งในทันที
หลังจากที่เธอปิดประตูแล้วฉินโจ้วก็รีบลุกออกจากอ่างอาบน้ำทันที หลังจากแช่น้ำอยู่เป็เวลานานผิวของเขาเริ่มซีดอย่างกับผีดิบก็ไม่ปาน เขารีบแต่งตัวอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมองดูตัวเองในกระจกดูๆ ไปเรานี่ก็หล่อเหลาเอาการอยู่เหมือนกันแฮะ ในขณะที่เสื้อที่สวมก็ฟิตกำลังดีแต่ในส่วนของด้านล่างที่ว่างเปล่านั้น มันก็ค่อนข้างจะรู้สึกเย็นวาบหน่อยหลังจากที่ออกจากห้องน้ำมา เขาก็เห็นชูหลิงนั่งอยู่ที่โซฟาท่านั่งหลังตรงแบบนั้นมองดูก็คล้ายกับตำรวจที่รอสอบสวนผู้ต้องหาดูท่าเธอคงจะนั่งรอเขาอยู่จริงๆในเวลานั้นจากมุมมองของฉินโจ้วที่เห็นเธอจากด้านข้างดูจากลักษณะท่าทางการนั่งแล้วทำให้เห็นว่าหน้าอกของเธอนั่งตั้งตระหง่านเหมือนยอดเขาฉินโจ้วรู้ว่าหน้าอกของผู้หญิงสวยนั้นส่วนใหญ่จะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่สำหรับเธอคนนี้แล้วดูกระชับได้สัดส่วน และเธอก็แต่งตัวได้ดีเหมาะสมกับรูปร่างของเธอเลยยิ่งทำให้หน้าอกของเธอนั้นดูโดดเด่นขึ้นมาอีก ถ้าเธอเดินอยู่บนถนนรับรองว่าแม้ผู้ชายที่อยู่บนตึกชั้นเก้า สายตาก็ต้องจดจ้องมาที่เธอ
ชูหลิงในตอนนี้ทั้งหงุดหงิดทั้งเสียใจ และแถมยังโกรธมากในเวลาเดียวกันสีหน้าของเธอบ่งบอกชัดเจนว่าคนแปลกหน้าอย่าเข้าไปใกล้เธอรู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบจากคนแปลกหน้า ซึ่งทำให้รู้สึกอึดอัดยิ่งไปกว่านั้นมันยังดูไม่มีเหตุผลอีกด้วย แต่เมื่อเธอคิดอยากจะแก้แค้นเธอก็พบว่ามันก็ไม่ยุติธรรม หรือก็คือเธอไม่สามารถแก้แค้นเขาได้พอเห็นฉินโจ้วเดินออกมาท่าทางสั่นๆ เธอเตรียมจะหลุดปากด่าออกมาแล้วขณะที่กำลังจะพูดก็กลับหยุดลง แล้วเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อย เธอพูดประชดออกมาแทนว่า"ถึงใส่ออกมาแล้วดูไม่ดีเท่าไร อย่างน้อยก็ยังเหมือนหมาใส่เสื้อล่ะนะ"
อาจจะเป็เพราะความหล่อของเขาโทษก็เลยดูเบาลงแบบนี้แหละ
"ขอบคุณ"ขณะที่ฉินโจ้วคิดว่าจะตอบโต้กลับไป พอเห็นว่าเธอดูอารมณ์ยังไม่ดีในเวลานี้ควรจะอยู่นิ่งๆ ไปก่อนท่าจะดีกว่า
"ฉันพูดถึงเสื้อที่ฉันซื้อมาต่างหากมันดูน่าขายหน้าและแถมยังบางอีกด้วย" ชูหลิงพูดไปทั้งที่ยังคงอารมณ์ไม่ดีอยู่เมื่อฉินโจ้วนั่งลงที่โซฟาเรียบร้อย เธอจึงได้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า"ขอฉันถามนายหน่อย นายมีความสัมพันธ์อะไรกับหวังโหรว? ตอบมาตามความจริง"
"เธอเป็อาจารย์ของผมผมเป็นักเรียน" ฉินโจ้วตอบอย่างระมัดระวัง ก่อนที่เขาจะลังเลและถามกลับไปว่า"แล้วคุณคือ?"
"เวลานี้ฉันถามนายอยู่ไม่ได้ให้ถามกลับ" น้ำเสียงของชูหลิงเริ่มกระวนกระวายเล็กน้อยหลังจากหยุดไปชั่วครู่ เธอจึงตอบกลับมาว่า "ฉันชื่อชูหลิงและฉันก็เช่าบ้านนี้อยู่กับหวังโหรว นั่นหมายความว่าฉันมีสิทธิ์ในฐานะเ้าของบ้านคนหนึ่ง ทีนี้นายอยู่ด้วยกันสองคนและแถมยังเป็นักเรียนที่ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้านายแน่ใจนะว่ามีความสัมพันธ์กันแค่ลูกศิษย์กับอาจารย์
ใบหน้าของฉินโจ้วเปลี่ยนเป็จริงจังในทันทีหลังจากได้ยินที่เธอพูดดวงตาแสดงให้เห็นถึงความโกรธ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า"อาจารย์หวังและผมต่างบริสุทธิ์ใจด้วยกันทั้งคู่ คุณจะกล่าวหาแบบนี้ไม่ได้ถึงแม้คุณจะเป็ผู้หญิง คุณมีสิทธิ์ที่จะคาดเดาอย่างไรก็ได้ เป็คนอบอุ่น คนดีน่าเคารพ หรือสักแต่ว่ามีปากไว้แค่พูดผมจะเป็นักเรียนแล้วมันยังไง ถ้าคุณจะว่าก็มาลงที่ผมนี่แต่อย่ากล่าวหาอาจารย์หวังแบบนั้น"
ชูหลิงเองก็ไม่คิดว่าฉินโจ้วจะตอบกลับได้รุนแรงถึงเพียงนี้และหลังจากที่เขาพูดจบ เธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะในความเป็จริงเธอแค่้าหยอกเล่นเท่านั้น
เมื่อฉินโจ้วเห็นสีหน้าของชูหลิงที่เปลี่ยนไปเขาเองก็รู้สึกไม่ค่อยดี หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงอธิบายว่าเขาพบกับอาจารย์หวังได้อย่างไร และเื่ที่อาจารย์ได้ช่วยเขาไว้เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็เพื่อนของอาจารย์หวัง และยังเป็เ้าของบ้านอีกคนด้วยอย่างไรก็ไม่ควรทำตัวแย่กับเธอนัก
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของฉินโจ้วแล้วชูหลิงก็ยังคงทำน้ำเสียงฮึดฮัด สีหน้าก็ยังดูค่อนข้างแย่ เธอเองก็รู้สึกผิดถึงแม้ว่าที่เธอพูดยั่วโมโหฉินโจ้วนั้นมันผิด แต่ทำไมเขาถึงต้องพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงแบบนั้นด้วยทั้งๆ ที่เขาเพิ่งจะฉวยโอกาสจากเธอไปเอง ชูหลิงไม่ได้พูดอะไรออกไปฉินโจ้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรด้วยเหมือนกันในห้องนั่งเล่นก็เลยเงียบเชียบอยู่แบบนั้นสักพัก
"หรือว่าเราจะพูดแรงไป" ในใจของฉินโจ้วเริ่มรู้สึกสับสนยุ่งเหยิงอย่างน้อยเธอก็เป็เพื่อนของอาจารย์หวัง ถ้านับตามอายุแล้วเธอก็ยังอายุมากกว่าอยู่ดี น้ำเสียงของเขาเริ่มรู้สึกถึงความผิดเขาลังเลที่จะขอโทษเธอ
"อันที่จริงวันที่นายเข้ามาอยู่ที่นี่ หวังโหรวได้บอกกับฉันไว้แล้วแต่เนื่องจากตอนนั้นฉันกำลังยุ่งมากก็เลยไม่ได้ใส่ใจ หลังจากที่ได้ยินเื่นี้ฉันก็เลยลืมมันไป แล้วฉันเองก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับหวังโหรวนั่นก็เลยทำให้ฉันลืมเื่ของนายไปด้วย มันเป็ความผิดของฉันเองที่ไม่ได้คิดว่าจะมีคนอยู่ในบ้านตอนที่ฉันกลับมาที่นี่แต่ฉันก็ขอเตือนนายไว้อย่างนะ ถ้านายกล้าเล่าเื่นี้ให้คนอื่นฟังล่ะก็นายจบไม่สวยแน่" ชูหลิงพูดทำลายความเงียบขึ้นมา ก่อนที่เธอจะกลับไปนั่งนิ่งๆเหมือนเดิม
"ก่อนหน้านี้มีอะไรหรือผมจำไม่ได้หรอก" ฉินโจ้วถึงกับโล่งอก ก่อนจะทำเป็แกล้งโง่ั้แ่ที่ชูหลิงยอมเปิดปากพูด เื่นี้ก็ถือว่าจบลงได้ด้วยดีถึงอย่างไรเหตุการณ์ในห้องนั้นนั่นก็เป็เื่ที่เสื่อมเสียสำหรับผู้หญิงเป็อย่างมากไม่ควรจะบอกให้ผู้อื่นฟังอยู่แล้ว เงียบเอาไว้แหละเป็ดีเขาเองก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มาเป็เวลาสักพักแล้ว ถึงหวังโหรวจะคอยสนับสนุนแต่ถ้าชูหลิงเกิดไม่เห็นด้วยขึ้นมาเขาไม่ต้องระเหเร่ร่อนออกไปที่ถนนอีกรอบหรอกหรือ มโนธรรมเป็สิ่งที่คนควรจะมีดังนั้นเื่แบบนี้ก็ปล่อยให้มันเน่าเปื่อยอยู่ในใจของเขาก็พอ
ในที่สุดชูหลิงก็ยิ้มออกมาจนได้เ้าเด็กคนนี้ใช้ได้เหมือนกัน เธอพอใจกับท่าทีที่แสดงออกของฉินโจ้วก็เหมือนกับการพลิกหน้ากระดาษเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้งที่จริงแล้วเธอเป็คนที่นิสัยร่าเริงโดยธรรมชาติ แต่แค่ทุกข์ใจไปชั่วขณะหนึ่งหลังจากนี้อารมณ์ของเธอก็กลับสู่สภาวะปกติ เธอเชิดคางเรียวมนขึ้นก่อนพูดว่า"พี่สาวคนนี้รีบกลับมาครั้งนี้ไม่มีของฝากติดมือมาด้วยสำหรับการพบหน้าครั้งแรก มันดูไม่ดีไปสักหน่อยไว้หวังโหรวกลับมา ฉันจะชวนนายออกไปกินอาหารเย็นกัน เพื่อเป็การขอโทษส่วนของฝากคราวหน้าฉันจะติดมาให้"
"คุณเป็คนที่ใจดีมากอันที่จริงชุดนี้ก็ถือเป็ของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว"ฉินโจ้วตอบด้วยความรู้สึกชื่นชมอย่างใจจริง
"หลิงหลิงเธอกลับมาเมื่อไร ทำไมไม่บอกฉันจะได้ไปรับแล้วไหนบอกว่าจะกลับมาอาทิตย์หน้าไม่ใช่หรือ?" หวังโหรวเปิดประตูเข้ามาก่อนที่จะเห็นชูหลิงเลยทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจ
"โหรวโหรวฮ่า... ดูเหมือนว่าฉันไปแค่สองเดือน เธอเหมือนจะดูสวยขึ้นอีกแล้วนะ"ชูหลิงเดินตรงเข้ามากอดหวังโหรว ก่อนจะพูดว่า "ลืมของฝากเธอเลย"
หวังโหรวไม่เชื่อที่เธอเล่าก่อนจะพูดว่า"ฉันเดาว่ากระเป๋ามันดูน้อยไปนะว่าไหม"
ชูหลิงหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดว่า"เธอคงยังรู้จักฉันดีเหมือนเดิม ไปกินอาหารเย็นกันมื้อนี้ฉันเป็เ้ามือ" ซึ่งแน่นอนหวังโหรวย่อมไม่ปฏิเสธ
ในขณะที่ส่งสัญญาณมือชูหลิงนั้นดูเหมือนกำลังสั่งการทหารนับพันก่อนที่จะเชิดคางขึ้นแล้วเดินออกไปเป็คนแรก