“เอ่อ...” คุณจันทนาหันไปสบตากับปภาวดีที่ทำตาแดงๆ เหมือนคนจะร้องไห้ นางชอบปภาวดีที่เป็คนหัวอ่อนว่านอนสอนง่าย นางสั่งอะไรก็ทำตามที่นางสั่งเสมอ แต่บ้างครั้งก็อดหงุดหงิดไม่ได้ เ้าน้ำตาเหมือนปั้นจากน้ำที่พร้อมจะร้องไห้ได้ทุกครั้ง
“คุณแม่ค่ะ” ปภาวดีกระตุกแขนเสื้อคุณจันทนา “เรา...เรากลับกันเถอะค่ะ”
คุณจันทนาทำเสียงเฮอะไม่พอใจออกมาคำหนึ่ง แต่ก็พยักหน้ารับ ปภาวดีรีบจัดการเคลียร์ค่าอาหาร ส่วนพลอยดาวยังคงใบหน้าระบายยิ้ม ทั้งสองลุกขึ้นยืนทำให้พลอยดาวลุกขึ้นตาม
“ฉันจะกลับแล้ว”
“พลอยขอเดินออกไปพร้อมท่านนะคะ”
พลอยดาวฉวยกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่ เธอไม่รู้หรอกว่าต่อไปจะเป็ยังไง เธอพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด ่นี้เธอไม่ได้เจอกวิวัชร์เลย นานแค่ไหนนะ เกือบเดือนได้แล้วสินะ ตัวเธอเองก็ยุ่งกับการขอทุนเรียนต่อ ส่วนเขาก็ยุ่งกับงาน มีแค่วิดิโอคอลคุยกันทุกคืน แต่เป็แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เผื่อวันข้างหน้าไกลกัน จะได้รู้ว่าเขาจะอดทนรอเธอได้หรือเปล่า
พลอยดาวเดินตามหลังคุณจันทนากับปภาวดีออกมาที่หน้าโรงแรม ทั้งสองรอให้คนขับรถวนรถขึ้นมารับ ส่วนพลอยดาววันนี้ไม่ได้ขับรถมาด้วยสถานที่นัดหมายอยู่กลางเมือง นั่งรถไฟฟ้าจะสะดวกกว่า อีกอย่าง่นี้พ่อเอารถไปใช้
“คุณท่านค่ะ กราบลาค่ะ” พลอยดาวยกมือไหว้ลา คุณจันทนาแค่พยักหน้ารับ เธอตั้งใจยืนรอเป็เพื่อนจนเห็นรถเก๋งคันหรูขับเข้ามาใกล้ เธอเดาไปว่าคงเป็รถที่คุณจันทนารออยู่ ทว่ากลับรถมอเตอร์ไซค์ส่งของปาดแซงหน้าแล้วเบรกเสียงดังลั่นตรงหน้าหญิงสาวต่างวัยทั้งสามคน ชายในชุดพนักงานส่งของ จ้องมองเหมือนเพียงครู่เดียว ก็ชักปืนออกมาจากเอวแล้วเล็งตรงมาทันที
“คุณท่าน!”
จะด้วยสัญชาติญาณหรืออะไรก็ตาม พลอยดาวพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ใช้ร่างตัวเองบังคุณจันทนาไว้ เป็จังหวะเดียวกับที่มือปืนลั่นไก
ปัง ปังงงงง
“กรี๊ดดดดด” ปภาวดีหวีดร้องเสียงหลง ยืนหน้าซีดตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก
มือปืนเห็นชัดว่าผิดแผนแล้วจึงรีบเร่งเครื่องพุ่งออกไป ทว่าพุ่งรถออกไปดันไปชนกับรถแท็กซี่ที่จะเข้ามาจอดรับผู้โดยสารพอดี รปภ.ที่เห็นเหตุการณ์รีบตะครุบตัวมือปืนอย่างรวดเร็ว
“คุณ...คุณท่าน เป็อะไรหรือเปล่าคะ”
พลอยดาวถามเมื่อพยายามประคองคุณจันทนาให้นั่ง เพราะเธอโถมกายเข้าบังจึงทำให้เสียหลักลงไปคว่ำกับพื้น
“เื...เื...คุณแม่”
คุณจันทนาเพิ่งได้สติ ก้มมองที่ชุดผ้าไหมที่ตนสวม รอยเืเปื้อนตัวเธอแต่...
“คุณแม่...เจ็บ...ตรงไหน...ระ หรือเปล่า..คะ” พลอยดาวพูดได้แค่นั้น ความเ็ปเข้าครอบงำ ร่างโงนเงนพร้อมกับสติสุดท้ายหลุดลอย.
....
ชายหนุ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างหัวเสีย เขาโมโหจนยกเท้าถีบเตียงอยากจะขว้างปาข้าวของแต่ไม่มีเวลามากขนาดนั้น เขาร้องโวยวายระบายโทสะแล้วเปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเดินทางเหวี่ยงไปบนที่นอน ก้มตัวลงเปิดตู้เซฟหยิบเงินสดและทรัพย์สินมีค่าที่แอบสะสมไว้
“ระยำเอ๊ย! ฆ่าผู้หญิงคนเดียวก็ทำไม่สำเร็จ!” อวัชยังโวยวายไม่เลิก เวลานี้ไม่เหลือภาพอวัชผู้ใจดีอ่อนโยนอีกแล้ว “อีกนิดเดียวเองแท้ๆ แค่นังแกนั้นตาย ทุกอย่างมันต้องเปลี่ยนแปลง”
อวัชไม่มีเสียเวลาเก็บเสื้อผ้า เขาคว้าหนังสือเดินทางยัดใส่กระเป๋าแล้วรีบก้าวออกมาจากห้อง ทว่าเมื่อเดินมาถึงห้องโถงกลางของบ้านกลับพบว่ามีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“จะรีบไปไหนเหรออวัช” คุณองอาจพูดเนิบๆ เอนหลังพิงพนักโซฟาดูผ่อนคลายมีเพียงสายตาคมกริบที่จ้องมองน้องชายร่วมสายเื
“พี่...พี่องอาจมาบ้านผมทำไม”
“พี่น้องกันมาหากันแปลกหรือไง” คุณองอาจพูดพลางปรายตาไปทางลูกชายที่ยืนอยู่ด้านหลัง “นี่ก็หลานแก แกเลี้ยงมากับมือ ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน”
อวัชทำเสียงขึ้นจมูก ดูท่าจะรู้ ‘ความจริง’ กันหมดแล้ว
“พี่น้อง? นี่กล้าใช้คำนี้อยู่อีกเรอะ”
“ถ้าแกสารภาพความผิดตอนนี้ ฉันยังพออภัยให้แกได้นะไอ้วัช”
“ผิด? ถามจริง พี่ไม่รู้หรือว่าใครกันแน่ที่ผิด”
“คุณอาครับ ผมไม่เข้าใจ ...ทำไมคุณอาแอบเอาข้อมูลบริษัทเราไปขายบริษัทคู่แข่ง คุณอาไม่พอใจอะไรผมก็พูดกับผมหรือพ่อได้ ทำไมคุณอาทำแบบนี้”
กวิวัชร์วิ่งวุ่นสืบอย่างลับๆ ประจวบกับที่พราวมุกส่งคลิปของอวัชให้เขาดู ทำให้เขาปะติดปะต่อผูกโยงเื่ราวทั้งหมดจนรู้ว่าเป็อวัช แต่เพราะเป็อา-หลาน เขายอมรับว่าไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับอาอวัชจึงเข้าไปรายงานพ่อ ซึ่งตอนนั้นพ่อก็สงสัยแต่ไม่มีหลักฐาน กวิวัชร์จึงลงมือสืบด้วยตนเอง เขาสั่งคนค่อยติดตามอยู่ก่อนแล้ว จนวันนี้ลูกน้องรายงานว่ามีท่าทีผิดปกติ เขาและพ่อจึงมาดักที่บ้านได้ทันก่อนที่อวัชจะหิ้วกระเป๋าหนีไป
คุณองอาจลุกขึ้นยืน เดินตรงมาทางอวัช
“ทำไม”
“ก็เพราะมึงไง!” อวัชเดือดดาลถึงขีดสุด เขาเก็บกดมากว่ายี่สิบปี มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีทางให้ถอย ไม่มีอะไรให้เสีย เขาะเิเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วถ่มน้ำลายใส่พี่ชาย กวิวัชร์เห็นท่าไม่ดีหมายจะพุ่งมาขวางปกป้องพ่อ แต่พ่อยกมือห้ามไว้ก่อน
“ทำไม!”
“เพราะมึง! ควรเป็กูที่ได้แต่งงานกับจันทนา กูอุตส่าห์ทำตัวเป็สุภาพบุรุษแต่มึงมาคว้ามันไปจากกู มึงใช้งานกู ให้กูทำงานเหมือนทาส ไม่ได้ต่างจากพนักงานของมึงเลย นี่นะเหรอพี่น้อง มึงยังเห็นกูเป็น้องเหรอ!”
“นี่มึง...” คุณองอาจผงะไป เขาไม่เคยรู้ว่าน้องชายชอบผู้หญิงคนเดียวกัน สองครอบครัวสนิทสนมกันประมาณหนึ่ง ตอนนั้นจันทนาเองก็ไม่มีแฟนหรือคนรัก เขาจึงมั่นใจที่เข้าไปทำความสนิทสนมคุ้นเคย แต่ด้วยความเป็วัยรุ่นด้วยนั้นแหละ เขามีความสัมพันธ์กับจันทนาก่อนที่จะแต่งงาน เมื่อผู้ใหญ่รู้เข้าจึงรีบให้แต่งงานกันทันที ซึ่งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่...หลังจากนั้น...เขาก็เผลอทำพลาดไป
“เออ! กูเล็งอีจันทนาก่อนมึงอีก ทั้งที่กูวางแผนไว้ตั้งหลายปี หวังว่าจะใช้เงินบ้านอีจันทนา แต่กลายเป็มึง แล้วกูต้องมาอยู่ในสภาพพนักงานในบริษัทมึงอย่างนี้”
“กูไม่เคยคิดว่ามึงเป็แค่พนักงาน ตำแหน่งในบริษัทก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ใครก็รู้ว่ามึงเป็น้องกู เป็มือขวาของกู”
“เป็น้องหรือขี้ข้า!” อวัชตวาดใส่ “กูต้องทำงานงกๆ แต่ไม่ได้เป็ส่วนหนึ่งของบริษัท ฐานะกูก็ไม่ต่างจากพนักงานคนหนึ่ง”
“ทำไมมึงไม่พูดเื่นี้กับกู ปล่อยให้เข้าใจผิดกันมากี่ปี”
“พูดกับมึง มึงก็เอาแต่พล่ามความเป็พี่เป็น้อง พี่น้องเหี้ยอะไร ั้แ่เด็กมึงก็กดขี่กูมาตลอด กูอยากเห็นวันที่ครอบครัวมึงฉิบหาย เมียมึงก็โง่พอๆ กับมึง เชื่อหัวปักหัวปำว่ามึงมีเมียน้อย ผู้หญิงคนนั้นกูจ้างมาใส่ความมึง แล้วจ้างมันไปหลอกอีจันทนาอีกทีว่าเป็มึงเลี้ยงเป็เมียเก็บ”