พริบตานั้นเอง ก็ราวกับว่าบนเวทีมีจิตสังหารอันเข้มข้นจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายไปทั่วเงาร่างสีดำทมิฬทั้งสี่สายตอนนี้ได้ตั้งค่ายกลสังหารล้อมกรอบหลินหยางเอาไว้แล้ว
“ระวังด้วยนะ!! หลินอี้!!!!”
เวินชิงชิงะโเตือนจากในกลุ่มพวกของตน
นางเดาออกแล้วว่าไอ้สี่คนนั้นคือใคร
พวกมันคือยมทูตอันน่าหวาดกลัวทั้งสี่คนที่เป็คนลงมือสังหารเหล่านักรบของตระกูลเวินในเทือกเขาเมฆมรกตทั้งหกสิบกว่าชีวิตและผู้าุโระดับเซียนเทียนอีกสองท่านจนดับสิ้นในชั่วพริบตา
ทั้งสี่คนนี้มีระดับพลังอย่างต่ำที่สุดก็อยู่ที่ระดับเซียนเทียนขั้นกลางแล้วถึงแม้ว่าหลินหยางจะแข็งแกร่งขึ้นแล้วก็ตามแต่พอเงาร่างทั้งสี่สายนี้ปรากฏตัวออกมาแล้ว นางก็ยังอดที่จะเป็ห่วงหลินหยางจนเหงื่อออกไม่ได้
“ชิชิชิ...ไม่คิดเลยนะว่าไอ้มดปลวกที่หนีไปได้ในวันนั้นมันยังจะกล้ากลับมาให้พวกเราฆ่าถึงที่อีกแบบนี้ ไม่รู้จักเจียมตัวเอาเสียเลย!!”
ในกลุ่มของเงาร่างสีดำทั้งสี่สายนี้มีเสียงพูดที่แหลมสูงราวกับเสียงร้องของนกฮูกดังขึ้นมาหลังจากนั้นก็มีชายคนหนึ่งค่อยๆ ปลดผ้าคลุมของเขาลงมา ปรากฏให้เห็นร่างกายอันผอมบางอย่างกับไม้เสียบผีนั่น
“คิคิ” ข้างๆ กันนั้นก็มีเสียงของหญิงสาวเกเรคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า“ไอ้หยา พี่ชายตัวน้อยคนนี้ดูสง่าสมเป็ชายชาตรีจังเลยเห็นแล้วก็รู้สึกเสียวซ่านไปหมด... หนุ่มน้อย ข้าว่าเ้าทำใจให้สบายแล้วเดี๋ยวพี่สาวจะพาไปทำเื่สนุกๆ เอาไหม?”
สตรีนางนี้ค่อยๆ ถอดผ้าคลุมลงมา เสื้อผ้าอาภรณ์ที่นางสวมใส่อยู่นั้นดูวาบหวิวสุดแสนร่างกายอันแสนยั่วยวนเผ็ดร้อนนั้นทำเอาเหล่าผู้ชมเพศชายทั้งสนามจ้องนางตาไม่กะพริบแต่เกรงว่าคงไม่มีชายใดที่สามารถทนต่อจิตสังหารที่แอบซ่อนเอาไว้หลังเรือนร่างอันน่าดึงดูดนี้ได้
ยังมีอีกสองคนที่ยังคงนิ่งเงียบไม่เคลื่อนไหวหลินหยางกวาดสายตามองไปที่เหล่ามือสังหารทั้งสี่คนที่เป็ลูกสมุนของซ่างกวันเฟยแววตาเขาเริ่มลุกโชนไปด้วยเปลวไฟแห่งความอาฆาต
พวกมันนี่แหละ!!
พวกมันนี่แหละที่ฆ่าเหล่านักรบของตระกูลเวินจนตายเรียบฆ่าผู้าุโหลิ่วชิง ฆ่าผู้าุโถังหง!
ในที่สุด วันที่จะได้ชำระหนี้แค้นที่พวกมันสร้างไว้ก็มาถึงแล้ว!!
“อย่างที่ข้าบอกไป มือสังหารในเหตุการณ์นั้น พวกมันยังคงมีชีวิตอยู่โดยไม่ทุกข์ร้อนอะไรพวกมันสี่คนนั่นแหละมือสังหาร”
ที่หลินหยางพูดออกมาแบบนี้จุดประสงค์ก็คือเพื่อที่จะให้เหล่าประชาชนชาวอวิ๋นเฉิงทั้งหมดได้รับรู้เื่ราวถึงแม้จะเป็คนที่ไม่รู้เื่เกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้นเลยก็ตาม แต่ตอนนี้ ไม่ว่าใครก็พอจะสามารถเดาได้แล้วว่าเื่ราวมันเป็มาอย่างไร
ทั้งสี่คนที่กำลังล้อมหลินหยางอยู่นั้นหนึ่งในนั้นที่เป็ชายหนุ่มซูบผอมก็ได้ส่งเสียงหัวเราะแสบแก้วหูออกมา
“มือสังหาร? ชิชิชิชิ ไอ้หนอนแมลงในเมื่อเ้าเฉลยออกมาแบบนี้แล้ว อย่างนั้นข้าก็คงต้องฆ่าเ้าทิ้งแล้ว!! ”
ชายหนุ่มผอมแห้งผู้นี้มีฉายาว่า “มิงค์โลหิต”มันเป็คนที่อำมหิตและกระหายเืมากที่สุดในบรรดาสมุนทั้งสี่ข้องซ่างกวันเฟยมันเป็คนที่ฆ่านักรบของตระกูลเวินในเขาเมฆมรกตวันนั้นไปมากที่สุดด้วย
พอมันพูดเสร็จ ก็พุ่งเข้าใส่หลินหยางราวกับลำแสงพิฆาตอันอำมหิตสายหนึ่งความเร็วของมันสูงมากจนไม่น่าเชื่อ
มีดสั้นอันแหลมคมที่อยู่ในกำมือของมันนั้นไม่ต่างอะไรกับลำแสงสายหนึ่งเป็มีดเล่มนี้เองที่ปาดคอปลิดชีวิตของนักรบตระกูลเวินในเหตุการณ์เมื่อวันนั้นไปมากถึงสามสิบสี่ชีวิต
ในขณะเดียวกันสตรีร่านราคะในชุดแดงคนนั้นก็กำลังแย้มยิ้มอย่างยั่วยวน พอนางสะบัดมือออกไปข้างหนึ่งก็มีลำแสงสีแดงพุ่งออกไปทางหลินหยาง
นางคือหนึ่งในสี่ผู้คุมกฎ “มารราคะ” ถึงนางจะมีเสน่ห์น่าดึงดูดเพียงใดแต่อาวุธลับที่มีชื่อว่า “กงจักรสลายิญญา” นั้นนับเป็หนึ่งในอาวุธระยะไกลที่น่ากลัวที่สุดในใต้หล้าจริงๆ
ในวันที่เกิดเหตุการณ์นั้นมีิญญาของนักรบของตระกูลเวินกว่าสิบแปดชีวิตที่ถูกกงจักรสลายิญญาวงนี้ส่งลงสู่ยมโลกไป
ทั้งสองต่างก็มีความสามารถระดับเซียนเทียนขั้นกลางอาวุธในมือก็เป็ระดับิญญาขั้นกลาง พอพวกเขาปล่อยจิตสังหารออกมา ก็ราวกับเทพอสูรอสุราจุติลงมาอีกครั้งมีดสั้นอันทรงพลัง อาวุธลับสุดสะพรึงทั้งสองอย่างนี้พุ่งเข้ามาประชิดตัวหลินหยางอย่างรวดเร็วในเสี้ยวพริบตา
ฆ่ามันซะ!!
เฉินเย่เซิงแย้มยิ้มอย่างเ็า
ฆ่ามันซะ!!
ซ่างกวันเฟยขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างเกรี้ยวกราด
ฆ่ามันซะ!!!!
เหล่าคนของตระกูลเฉินและตระกูลโอวหยางและเหล่าข้าราชการของฝ่ายผู้ดูแลภายในนั้นต่างก็ไม่อยากเห็นหน้าของหลินหยางแล้ว
แต่ว่า พวกเขาก็ต้องผิดหวัง
ในจังหวะเส้นยาแดงผ่าแปดนั้น หลินหยางก็เริ่มเคลื่อนไหว
เขายกมือขึ้นด้วยความเร็วที่ไม่ได้สูงอะไรมากแต่กลับสามารถหยุดการโจมตีของศัตรูได้อย่างเหมาะเจาะ
กงจักรสีโลหิตอันแหลมคมวงนั่นกลับถูกหลินหยางหยุดเอาไว้ได้ง่ายๆ โดยใช้เพียงสองนิ้วราวกลับว่าเขาแค่กำลังเด็ดดอกไม้อยู่ก็เท่านั้น เหมือนกับว่ากงจักรนั่นแต่เดิมก็วางอยู่บนนิ้วของเขาอยู่นานแล้วเขาแทบไม่ได้ออกแรงเลยด้วยซ้ำ
ในขณะเดียวกันมิงค์โลหิตที่มีความเร็วสูงจนน่าหวาดหวั่นนั่นก็ได้เข้ามาประชิดถึงตัวของหลินหยางแล้วมีดสั้นอันน่ากลัวเล่มนั้นก็ได้จ่ออยู่ที่คอหอยของหลินหยางแล้ว แต่อยู่ๆ เขาก็เห็นเพียงประกายแสงสีแดงวูบหนึ่งเท่านั้นอาวุธลับแบบเดียวกับที่ตัวเขาคุ้นเคยนั้นก็ได้ปาดเข้าใส่ลำคอของเขาก่อนหนึ่งจังหวะ
ฉัวะ
ราวกับโลกทั้งใบของหยุดนิ่งไป
นักฆ่ากระหายเืมิงค์โลหิตผู้นั้นได้กลายเป็รูปสลักที่ตั้งอยู่นิ่งๆข้างตัวหลินหยาง เืสดๆ พวยพุ่งสู่ฟ้าเป็ดั่งประกาศิตแห่งความตายของเขา
หลินหยางจัดการปลิดชีวิตของยอดฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นกลางคนหนึ่งได้ในชั่วพริบตา
นี่คือความน่ากลัวของวิชาร้อยชีพจรผนึกเทพเป็วิชาที่ช่วยทำให้หลินหยางที่อยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นกลางนั้น สามารถใช้พลังในระดับเซียนเทียนขั้นสูงได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ทำให้จุดชี่ไห่มีขนาดใหญ่โต มีเส้นชี่ม่ายมากกว่าปกติสี่เส้นเมื่อรวมกับพลังฟ้าดินธาตุไฟด้วยแล้วทำให้หลินหยางสามารถต่อกรกับคนที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ง่ายดายอย่างกับพญาราชสีห์ที่กำลังล่าสุนัข
การล้างแค้นของเขาเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
“อะ...อะ...”
มิงค์โลหิตตอนนี้ตาเหลือกสองมือก็พยายามอุดาแที่ลำคอเอาไว้อย่างเอาเป็เอาตายเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองยังไม่ทันเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายก็ถูกมันจัดการแล้ว
พลังฟ้าดินสีแดงเพลิงเปล่งประกายลุกไหม้ไปทั่วร่างของหลินหยางคอยปัดเป่าไม่ให้มีเืกระเด็นมาโดนเสื้อสีขาวสะอาดของเขาได้แม้แต่หยดเดียว
หลินหยางไม่แม้แต่จะหันไปมองซากศพของมิงค์โลหิตที่นอนตายโหงอยู่ข้างๆเขาทำเพียงแค่ใช้กงจักรสลายิญญาตัดข้อมือที่กำลังกำมีดของมันออกมาจากนั้นก็โยนมือข้างนั้นพร้อมกับมีดสั้นไปตรงด้านหน้าของชั้นวางป้ายชื่อคนตายที่เวินติ่งเทียนเรียกออกมาก่อนหน้านี้
จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกออกมาต่อหน้าิญญาผู้กล้าของตระกูลทั้งหกสิบแปดชีวิตว่า“ตัวที่หนึ่ง...”
จากนั้นเขาก็หันขวับมามองสตรีที่ถูกเรียกว่ามารราคะจนนางตัวสั่นหงึก
“เอาคืนไป!!!!”
หลินหยางสะบัดมือข้างหนึ่งออกไป กงจักรสีเืที่เพิ่งตัดคอหอยของมิงค์โลหิตไปก็พุ่งทะยานออกไปพร้อมกับเืสดๆเข้าใส่สตรีชุดแดงอย่างอสูรราคะ ความเร็วของมันตอนที่หลินหยางเป็คนซัดออกมานั้น มากกว่าของอีกฝ่ายไม่ต่ำกว่าหนึ่งเท่าตัวความเร็วนั่นทำเอานางใจนหน้าเสียไป
ในตอนนั้นเอง ก็มีดาบั์เล่มหนึ่งฟาดฟันลงมาจากบนฟ้าสกัดกงจักรสลายิญญาเอาไว้ได้จนมันปลิวกระเด็นออกไปผู้คุมกฎอีกสองคนเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
เ้าของดาบั์นั้นมีฉายาว่า “ทลายภูผา”ดาบั์ของมันมีน้ำหนักมากถึงสามพันชั่ง พละกำลังของมันนั้นแม้แต่ทหารนับหมื่นก็ไม่สามารถหยุดเอาไว้ได้ ในวันนั้นเป็มันเองที่ไล่บดขยี้กองทัพของเหล่านักรบของตระกูลเวินจนแตกกระเจิง
ทลายภูผาออกมายืนขวางอยู่หน้าของมารราคะสีหน้าของมันที่ปกติจะเรียบเฉยไร้ความรู้สึกนั้นบัดนี้กลับดูเคร่งเครียดจนยากจะปกปิด
ความแข็งแกร่งของหลินหยางนั้นทำเอาเขารู้สึกหวาดกลัว
ส่วนชายวันกลางคนที่น่ากลัวที่สุด “ดาบอำมหิต”ที่เป็หัวหน้ากลุ่มนั้น ค่อยๆ ชักดาบยาวสีดำที่เปล่งประกายเย็นเยียบออกมาดุจหิมะ
มันคืออาวุธระดับิญญาขั้นสูงอันมีนามว่า “อิงเสวี่ย”ผู้าุโถังหงและหลิ่วชิงในวันนั้นก็สิ้นใจใต้คมดาบเล่มนี้เช่นกันฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นกลาง รวมกับอาวุธระดับนี้แล้วยากที่จะหาผู้ใดมาต่อกรเข้าได้
“ฆ่ามันซะ”
คมดาบของดาบยาวสีดำทมิฬเล่มนี้ชี้มาทางหลินหยาง จิตสังหารแผ่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณ
ความตายของมิงค์โลหิตทำให้พวกเขาทั้งสามรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของหลินหยางพวกมันจึงไม่ลังเลที่จะลงมือฆ่าหลินหยางด้วยการใช้กระบวนท่าสังหารออกมาพร้อมกันทั้งสามคนในคราวเดียว
“ปลิดชีวิตสลายิญญา!!”
มารราคะะโออกไปอย่างดุดันกงจักรสลายิญญาทั้งห้าวงก็พุ่งออกไปเป็เส้นแสงปลิดชีวิตห้าสายดุจนิ้วมือสีเืทั้งห้านิ้วของยมทูตที่ยื่นออกไปเพื่อจบชีวิตของหลินหยาง
ดาบั์ของทลายภูผานั้นฟาดฟันลงมาพร้อมกับกงจักรสลายิญญาทั้งห้าสายดุจูเาไท่ซานทั้งลูกกำลังถล่มลงมา
“หนึ่งดาบทลายภูผา!!”
กล้ามเนื้ออันทรงพลังของมันถึงกับสั่นกระเพื่อมเมื่อรวมกับพลังฟ้าดินอันมหาศาลของระดับเซียนเทียนขั้นกลางแล้วพละกำลังที่มันใช้ฟาดลงมาก็มีมากจนเกือบถึงหลักหมื่นชั่งแล้ว
ผู้คนราวกับจะเห็นูเาลูกหนึ่งกำลังถล่มลงมา ดาบสีดำที่ยาวกว่าห้าเมตรนั่นยังไม่ทันจะฟาดลงมาถึงพื้นก็สามารถทำให้พื้นอิฐสีดำบนเวทีแหลกละเอียดเป็ฝุ่นผงได้แล้ว
แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือดาบยาวของดาบอำมหิต
“คมดาบอิงเสวี่ย!!!!”
คมดาบอันยาวเหยียดของมันนั้นดูคล้ายกับอสรพิษที่กำลังแอบซ่อนอยู่ในคลื่นแห่งจิตสังหารอันมหาศาลเดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหายดูเลือนราง แต่กลับอันตรายถึงชีวิต
ไม่มีใครเห็นคมดาบของดาบอำมหิตได้ชัดเจนเลยสักคนแต่ทุกคนต่างก็รู้สึกราวกับว่าที่ลำคอถูกดาบอิงเสวี่ยจ่ออยู่ตลอดเวลา ถูกจิตสังหารอันสยดสยองนั่นสะกดเอาไว้จนไม่สามารถขยับตัวได้
นี่คือพลังที่แท้จริงของยอดฝีมือระดับเซียนเทียนทั้งสามคนชื่อเสียงของพวกเขาในอาณาจักรอันแข็งแกร่งที่ซ่างกวันเฟยอาศัยอยู่นั้นก็นับว่าไม่ได้อ่อนแอแต่ตัวพวกเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่า จะมีวันที่พวกเขาต้องลงมือพร้อมกันสามคนเพื่อจัดการหนุ่มน้อยเพียงคนเดียวที่เพิ่งจะมีอายุเพียงสิบกว่าขวบเท่านั้น
แต่ถ้าพวกเขาลงมือพร้อมกันแบบนี้แล้ว หลินหยางไม่มีทางรอดแน่!!
กระบวนท่าสังหารสามท่าที่สอดประสานกันอย่างพร้อมเพรียงแม้แต่เวินติ่งเทียนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ยังมีสีหน้าหนักใจขึ้นมา
ตัวเขาที่เป็ยอดฝีมือระดับสูงสุดของเซียนเทียนขั้นกลางนั้นอย่างมากก็ทำได้แค่เสมอกับดาบอำมหิตนั่น แต่ถ้าตกอยู่ในวงล้อมแบบนั้นก็คงต้องจบชีวิตลงอย่างแน่นอน
หลินอี้มัน... คงไม่ได้ฝืนตัวเองเกินไปหรอกนะ?
สองสาวอย่างเวินชิงชิงและสวี่เหยาต่างก็ใจนปิดปากกรีดร้องกลัวว่าจะเกิดเื่ผิดพลาดกับหลินหยาง
ส่วนพวกของเฉินเย่เซิงนั้นกำลังกำมือตัวเองอย่างแน่นภายในใจท่องอยู่แค่ประโยคเดียวว่า - คราวนี้ต้องฆ่าหลินอี้ให้ได้!!!!
ผู้คนทั่วทั้งสนามต่างก็ตาโตพร้อมกับยืดคอขึ้นให้สูงที่สุดเพื่อชมการประลองนี้พวกเขาไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรงขนาดนี้มาก่อน
หลินหยางที่เผชิญหน้ากับยอดฝีมือสามคนที่กำลังเข้ามาหาพร้อมกับจิตสังหารอันคุกกรุ่น
สีหน้าเขายังคงนิ่งเฉยไร้อารมณ์ สองมือพลันสวมใส่ถุงมือเอาไว้
ถุงมือสีดำทมิฬสองข้างนั้นดึงดูดสายตาของผู้คนทั้งหมดเอาไว้ราวกับหลุมดำ
ประกายแสงสีแดงเจิดจ้าไปทั่วฟ้า ราวกับเปลวเพลิงแห่งความพิโรธข่มขวัญผู้คนทั้งหมดจนแทบจะเสียสติ
ฆ่า!!
จิตสังหารของหลินหยางนั้นทะลักออกมาอยู่นานแล้ว เห็นเพียงแค่กำหมัดทั้งสองข้างที่กำลังร่ายรำดุจราชสีห์ที่หิวกระหายกำลังแผลงฤทธิ์พลันพุ่งเข้าไปอยู่ในกลางวงท่าสังหารทั้งสามท่าของศัตรู
โดยหลินหยางเริ่มจากหมุนตัวคล้ายลูกข่างอยู่กลางอากาศใน่เวลาเพียงพริบตาเดียว กงจักรทั้งห้าสายพุ่งเฉียดเสื้อผ้าของเขาไปพอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกินแม้แต่มิลเดียว
หลังจากกลับลงมายืนบนพื้นแล้วขวานั์ของทลายภูผาก็ฟาดเข้าใส่กลางหน้าของหลินหยาง เขาพลันย่อตัวลงสองหมัดก็ง้างเอาไว้ดุจผ่านกู่ที่กำลังเงื้อมขวานเตรียมแยกฟ้าจากนั้นเขาก็ต่อยขึ้นฟ้าโดยไร้ซึ่งความหวาดหวั่นใดๆ ทั้งสิ้น
ตึ้งงง!!
ผู้คนราวกับได้ยินเสียงระฆังที่ถูกตีจนดังสนั่น เสียงของอสนีบาตดังสะท้านภพผู้คนนับแสนต้องยกมือขึ้นอุดหูเอาไว้
ดาบั์ขนาดมหึมาดุจูเาไท่ซานนั้นก็ถูกหลินหยางชกใส่จนกระเด็นขึ้นไปบนฟ้าในหมัดเดียวทลายภูผาชายฉกรรจ์ที่ดูแข็งแกร่งดั่งปราการเหล็กคนนั้น สองมือกำลังฉีกขาดจากนั้นก็ถูกหลินหยางใช้หมัดคู่ชกใส่จนกระเด็นกลับหัวไปไกลนับสิบเมตรด้วยสีหน้าเหวอๆเหมือนจะไม่อยากเชื่อในความจริงที่เกิดขึ้น
“ไปตายซะ!!”
ในจังหวะที่หลินหยางเพิ่งออกท่าไปนั้น ดาบอำมหิตก็แทงดาบอิงเสวี่ยของมันเข้าใส่หลินหยาง
คมดาบที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลราวกับงูจงอางที่เห็นช่องโหว่จากนั้นก็ใช้คมเขี้ยวอสรพิษอันน่ากลัวของมันพุ่งเข้าใส่หน้าอกของหลินหยางทั้งจังหวะที่แทงและองศาที่แทงออกไป ไม่เหลือโอกาสรอดให้หลินหยางเลยแม้แต่นิดเดียว
“รอเ้าอยู่นานแล้ว!!”
หลินหยางถอนหายใจเ็าออกมา เขามองออกนานแล้วว่ามันจะมาไม้นี้
แหวนพระสุเมรุในมือของเขาพลันเปล่งแสงจากนั้นก็มีทับทรวงสีดำโผล่ออกมาตรงบริเวณหน้าอกของหลินหยางมันป้องกันคมดาบสังหารของดาบอำมหิตเอาไว้ได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด
เป็ไปไม่ได้!!
ดาบอำมหิตถึงกับตาเหลือก
ยอดดาบอย่างดาบอิงเสวี่ยไม่สามารถแทงทะลุทับทรวงของหลินหยางได้เลยแม้แต่น้อยเขาถึงกับรู้สึกว่าเพลงดาบสร้างชื่อของเขา “คมดาบอิงเสวี่ย”ถูกเครื่องป้องกันประหลาดๆ นั่นทำให้ดูไร้ค่าไปเลย แค่จะทำให้หลินหยางถอยหลังไปสักครึ่งก้าวยังทำไม่ได้
“คนที่กำลังจะตาย มันเ้าต่างหาก!!”