แววตาของหลินหยางเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอันมากล้น
มือสังหารคนที่น่ากลัวที่สุดในกลุ่มสี่คนนั้นคือนักดาบที่เป็คนลงมือสังหารโหดผู้าุโหลิ่วชิงในวันนั้น
ในการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือด้วยกันนั้นแพ้ชนะจะถูกตัดสินในชั่วพริบตาคมดาบของดาบอำมหิตนั้นจี้แทงเข้าใส่บริเวณหน้าอกของหลินหยางแบบสุดแรงแต่ก็ถูกทับทรวงของหลินหยางป้องกันไว้ได้อย่างง่ายดายส่วนหมัดเหล็กของหลินหยางข้างหนึ่งนั้น พุ่งผ่านคมดาบเข้าไปชกใส่ใบหน้าของดาบอำมหิตเข้าเต็มๆ
ตูม!!
ราวกับลูกแตงโมที่ถูกบดขยี้จะแตกกระจายอยู่กลางเวที
ดาบอำมหิต เป็สุดยอดนักดาบขั้นสูง ณ ดินแดนบ้านเกิดของตัวเองแต่ใครจะคิดเล่าว่าคนที่มีชื่อเสียงสุดอำมหิตอย่างมันจะมาสิ้นท่าให้กับหลินหยางจนกลายเป็เพียงศพไร้เศียรในหมัดเดียว
หยาดเืสาดกระจายไปทั่วผืนฟ้า เศษสมองแหลกเหลวที่ปนอยู่กับเศษกะโหลกกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น
หมัดข้างขวาของหลินหยางได้กลายเป็หนึ่งในอาวุธที่น่าเกรงขามที่สุดในโลกไปแล้ว
ตึงง
ซากศพไร้หัวของดาบอำมหิตล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นตามแรงโน้มถ่วงทุกคนต่างก็ใจนไม่มีคนกล้าหายใจเสียงดังเลยแม้แต่คนเดียว
“ตัวที่สอง...”
หลินหยางก้มลงเก็บดาบอิงเสวี่ยที่จมอยู่ในกองเื สะบัดมือทีหนึ่งก็โยนดาบไปตกอยู่หน้าชั้นวางป้ายชื่อศพขนาดใหญ่
ขอสวดส่งบูชาเหล่าิญญาของมิตรสหายด้วยดาบของอริศัตรู
ยังเหลืออีกสองตัว
ทลายภูผาและมารราคะจ้องมาที่หลินหยางด้วยแววตาที่แตกต่างกันคนหนึ่งโมโห อีกคนขลาดกลัว พวกเขาเริ่มขยับตัวพร้อมกันอีกครั้ง
“เ้าบังอาจฆ่าพี่ใหญ่ อย่าอยู่เลย ตาย!!”
ทลายภูผาเร่งพลังไปที่กำมือขนาดมหึมาของมันพร้อมกับพุ่งเข้าใส่หลินหยาง
“แย่แล้ว ทำไมเ้าเด็กนี่มันถึงโรคจิตขนาดนี้”
ส่วนมารราคะที่เริ่มขยับตัวแล้วนั้นกลับดีดตัวขึ้นฟ้าเพื่อหนีไปยังทิศทางตรงข้ามของหลินหยาง นางไม่อยากจะต่อกรกลับมัจจุราชอันน่าสยดสยองอย่างหลินหยางอีกแล้ว
ถึงแม้ทั้งสองจะขยับตัวไม่เหมือนกันแต่ยมทูตแห่งความตายนั้นยุติธรรมกับทุกคนเสมอ
มือขวาของหลินหยางนั้นต่อยสวนเข้าใส่หมัดของทลายภูผาตรงๆ
ถุงมือสีดำคู่นั้นทรงพลังอย่างมาก พอหมัดของทั้งสองเข้าปะทะกันหมัดของทลายภูผาก็ค่อยๆ แหลกเละจนลามไปถึงท่อนแขน จากนั้นก็ไหล่ จนสุดท้ายร่างกายเกือบครึ่งก็แตกกระจายเป็เสี่ยงๆ ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของหลินหยาง
หลังจากที่คลื่นอัดกระแทกที่เกิดจากพลังหมัดของหลินหยางสงบลงซากศพของทลายภูผาที่บัดนี้เหลือเพียงครึ่งร่างก็ล้มตึง
หมัดซ้ายของหลินหยางกำลังเล็งจ่อไปทางมารราคะที่กำลังหนีไป
ส่วนบนของถุงมือพลันมีลูกดอกสี่แฉกสีดำพุ่งออกมาจากนั้นก็หมุนควงสว่านพุ่งตามมารราคะไป
มารราคะผู้มีเรือนร่างอันยั่วยวนเพิ่งะโหนีไปได้เพียงสิบกว่าเมตรเท่านั้นอยู่ๆ ตรงกลางอกของนางก็ถูกประกายแสงสีดำทมิฬพุ่งผ่านจนทะลุเป็รูโบ๋อยู่กลางอากาศ
อั๊ก!!!!
นางส่งเสียงกรีดร้องที่โหยหวนที่สุดในชีวิตออกมาดังลั่นจากนั้น ก็ร่วงลงมานอนตายอยู่บนเวทีโดยที่หัวกระแทกกับพื้นจนมีสภาพอเนจอนาถ
มารราคะในชุดแดง ยั่วยวนสุดแสนทรงสเน่ห์แต่กลับไม่สามารถล่อลวงหลินหยางได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ั้แ่ตอนที่หลินหยางเริ่มลงมือจนกระทั้งสี่มือสังหารถูกฆ่าตายจนหมดนั้นเวลาเพิ่งผ่านไปเพียงสั้นๆ ไม่ถึงห้านาทีเท่านั้น
เหล่าผู้ชมทั่วทั้งสนามต่างก็รู้สึกราวกับว่าทุกส่วนในร่างกายถูกจิตสังหารอันน่าสะพรึงชำระล้างจนหมดสิ้นคนที่ใจแข็งหน่อยก็ยืนตาค้างพร้อมกับตัวสั่นอย่างหวาดผวาส่วนพวกที่ขวัญอ่อนนั้นต่างก็กำลังอ้วกแตกกันพัลวัน หรือบางคนถึงขั้นสลบไปเลยก็มี
การฆ่าล้างของหลินหยางนั้นโเี้อำมหิตราวกับเทพอสูรกำลังล้างโลกป่าเถื่อนจนผู้คนรู้สึกสั่นกลัวไปถึงดวงิญญา
“ตัวที่สาม ตัวที่สี่”
หลินหยางเดินผ่านศพทั้งสองไปพร้อมกับนำเอาดาบั์และกงจักรสลายิญญาเ่าั้ไปวางกองไว้ด้านหน้าชั้นวางป้ายชื่ออีกครั้ง
ตอนนี้ สี่ผู้คุมกฎสุดแข็งแกร่งที่เป็สมุนของซ่างกวันเฟยนั้นล้วนถูกฆ่าตายอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบด้วยน้ำมือของหลินหยางจนหมดสิ้นเหล่าอาวุธที่พวกมันเคยใช้สังหารผู้บริสุทธิ์นั้นได้กลายมาเป็เครื่องเซ่นไหว้ที่ดีที่สุดให้กับเหล่าดวงิญญาที่ล่วงลับไปแล้ว
แต่เื่มันยังไม่จบแค่นี้
หลินหยางพลันเอ่ยขึ้นมาว่า “ยังเหลืออีกสองตัวก็ครบแล้ว”
ยังมีอีกสองหรือ?
เหล่าผู้คนที่กำลังยืนดูอยู่นั้นหันเหสายตาไปมองเฉินเย่เซิงและซ่างกวันเฟยที่ยืนอยู่บนเวที
ผู้าุโหลินท่านนี้ฆ่าไม่เลี้ยงแน่!!
คนร้ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ในเทือกเขาเมฆมรกตเมื่อวันนั้นพวกมันทุกคนต้องตายทั้งหมดในวันนี้
หลินหยางเริ่มเดินไปทางกลุ่มคนของตระกูลเฉิน
“ซวยแล้ว...หลินอี้...”
เฉินเย่เซิงยืนอยู่หน้าเก้าอี้ตัวเองถึงแม้ว่าสีหน้าของเขาจะยังคงนิ่งสงบอยู่แต่ตอนนี้เขากำลังยืนตัวสั่นพลางกุมมือตัวเองเอาไว้อย่างเคร่งเครียด
และที่น่าสมเพชก็คือ ศัตรูร้ายกาจยืนอยู่ตรงหน้าแล้วแต่คนของตระกูลเฉินทั้งหมดในตอนนี้กลับกำลังยืนหน้าซีดแอบอยู่ด้านหลังของเขาในเวลาวิกฤตแบบนี้ ไม่มีใครยอมออกมารับหน้าแทนประมุขตระกูลของตนเองเลยสักคนเดียว
ส่วนซ่างกวันเฟยกำลังตื่นตระหนกถึงขีดสุด
เข้าเริ่มถอยกลับไปเรื่อยๆจนถอยลงมาอยู่ภายใต้การคุ้มกันของเหล่าองครักษ์ที่เหลืออยู่ เหล่าองครักษ์เลยจำต้องฝืนออกไปคุ้มกันตัวเขาเอาไว้ทันทีเหมือนกับว่าเขากำลังหาที่พึ่งพิงสุดท้ายอยู่
แต่ตอนนี้มีคนออกมาห้ามไม่ให้หลินหยางได้ฆ่าคนอีกต่อไป
“ทหาร มาจับไอ้ฆาตกรชั่วนี่ไปซะ”
หวังิชงอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
หัวหน้าองครักษ์ของเชื้อพระวงศ์ซูิชุนที่อยู่ข้างเขาเองก็ทนไม่ไหวแล้ว
มันลงมือฆ่าคนอย่างอำมหิตต่อหน้าประชาชนนับแสนแถมยังลงมืต่อหน้าฝ่ายผู้ดูแลภายใน และเหล่าองครักษ์ของเชื้อพระวงศ์โดยไม่เกรงกลัวแถมยังลงมือฆ่าคนไปถึงสี่คนด้วยตัวคนเดียว
มารดามันเถอะ หมอนี่ไม่เห็นหัวพวกข้าเลยสักนิดเดียว
ถึงแม้ว่าการต่อสู้กันเมื่อสักครู่นั้นเป็พวกดาบอำมหิตทั้งสี่คนเข้าไปหาที่ตายกันเองแต่ตอนนี้จะยอมให้หลินหยางเป็ฝ่ายเปิดฉากลงมือฆ่าเฉินเย่เซิงและซ่างกวันเฟยไม่ได้เด็ดขาด
เฮเฮ
ทหารในชุดเกราะสีทองหลายสิบคนเข้ามายืนขวางหน้าหลินหยางไว้ราวกับเป็กำแพงที่ตั้งขึ้นเพื่อตัดขาดตระกูลเฉินและหลินหยางออกจากกัน
ซูิชุนนั้นดูราวกับเทพเ้าองค์หนึ่ง ทื่ยืนอยู่หน้ากลุ่มคนของตนอย่างองอาจและสง่างามพอเขายื่นมือออก ก็พลันมีทวนสีเงินสว่างปรากฏขึ้นทวนสุดทรงพลังเล่มนี้ชี้จ่อไปทางหลินหยางอย่างดุร้ายราวกับอสรพิษที่กำลังแลบลิ้นข่มขูศัตรู
“หลินอี้ เ้ารีบยอมแพ้ในตอนที่ยังมีโอกาสเถอะไม่อย่างนั้นจะถือว่าเ้าเป็ศัตรูกับราชสำนักแห่งอาณาจักรชูอวิ๋นเรา โทษ ตาย!!”
ซูิชุนนั้นเป็หนึ่งในสี่หัวหน้าองครักษ์ของเชื้อพระวงศ์มีความสามารถระดับเซียนเทียนขั้นสูงความแข็งแกร่งของเขานั้นมากกว่าคนเมื่อครู่ทุกคน
“เกราะโซ่คว้าเมฆทองถัก”ที่เขาสวมใส่อยู่บนตัวนั้นก็เป็ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นกลางส่วนทวนที่เปล่งประกายสีเงินนั่นมีนามว่า
“ทวนดุจั”ที่เปล่งประกายสีเงินออกมาเล่มนี้คือรางวัลได้รับพระราชทานมาจากจักรพรรดิหลังจากที่สามารถสร้างผลงานให้บ้านเมืองได้ โดยเป็อาวุธิญญาขั้นสูงที่จักรพรรดิหลินเฮ่ายวนเป็ผู้มอบให้ด้วยตัวเองความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นนับได้ว่าเป็หนึ่งในสิบยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรชูอวิ๋นเลยก็ว่าได้
ถ้าเขาจะขวางใครละก็ อีกฝ่ายก็ยากที่จะบุกฝ่าไปได้
ถ้าเขาจะจับใครละก็ต่อให้อีกฝ่ายจะบินได้ก็ยากที่จะรอดพ้นเงื้อมมือของเขา
ซึ่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งดุจเทพาคนนั้นได้มาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าหลินหยางแล้ว
หลินหยางมองดูค่ายกลที่ตั้งอยู่หน้าเขามองดูใบหน้าอันน่าเกรงขามของซูิชุนและใบหน้าเคร่งเครียดของหวังิชงแล้วก็ยิ้มอย่างเ็า
“เื่มาถึงขนาดนี้แล้ว เ้ายังจะช่วยพวกมันอยู่อีกหรือ?”
หวังิชงตอบกลับด้วยท่าทางเหมือนตัวเองเป็ฝ่ายถูกต้องว่า
“บ้านเมืองมีขื่อมีแปต่อให้เฉินเย่เซิงจะเป็ผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่นั่นก็ตาม แต่เ้าก็ไม่มีสิทธิมาเปิดฉากสังหารโหดในที่แห่งนี้!!”
เฉินเย่เซิงพอเห็นสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้งก็รีบเข้าไปใส่ไฟกับหวังิชงทันที
“ท่านหวัง ท่านดูเ้าหลินอี้สิมันต่างหากที่เป็ฆาตกรกระหายเื ดูมันไล่ฆ่าคนอย่างบ้าคลั่งขนาดนั้นคนอย่างมันไม่มีความเป็มนุษย์เหลืออยู่อีกต่อไปแล้วจะปล่อยให้มันมีชีวิตรอดต่อไปไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ!!”
หวังิชงพยักหน้าเห็นด้วย “ท่านแม่ทัพซู เ้าคนโฉดผู้นี้กล่าววาจาไร้สาระ ท่านจงไปจับมันมาเสียถ้ามันขัดขืน ฆ่าได้ทันที!!”
ฆ่าได้ทันที!!!!
หลินหยางะเิเสียงหัวเราะตอบรับทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า ฆ่าได้ทันทีอย่างนั้นรึ!! หกสิบแปดชีวิตของตระกูลเวินเราถูกฆ่าตายอย่างโเี้ เ้าบอกว่าไม่มีหลักฐานเอาผิด!! เฉินเย่เซิงใช้วิธีสกปรกเล่นไม่ซื่อแบบนั้น เ้าบอกว่าแข่งขันอย่างเป็ธรรม!! แต่วันนี้ข้าแค่ฆ่าหมาไปสี่ตัวเพื่อล้างแค้นให้ตระกูลเวินของเรา เ้ากลับจะฆ่าทิ้งได้ทันทีเลยอย่างนั้นหรือ?”
เขามองไปทางหวังิชงด้วยแววตาเหยียดหยามที่สามารถมองทะลุไปถึงจิตใจอันชั่วช้าโสมมของมัน
“ข้าราชการเบาปัญญาที่ไม่แบ่งแยกถูกผิดอย่างเ้าไม่เหมาะกับตำแหน่งที่เ้านั่งอยู่สักนิดวันนี้ข้าบอกไว้เลยว่าเฉินเย่เซิงกับซ่างกวันเฟยไม่มีทางรอดชีวิตไปได้แน่ ถ้าเ้ายังพูดมากอยู่อีกละก็ข้าจะขยี้เ้าไปด้วยเสียเลย!!”
ไอ้หยา!!!!
ผู้คนตกตะลึงกันทั้งสนาม
ส่วนหวังิชงนั้นโมโหจนจมูกเบี้ยวแล้ว
เขาตบโต๊ะด้านไปทีหนึ่งจนแตกหักใบหน้าอันเกรี้ยวกราดนั่นไม่เหลือเค้าของความใจเย็นก่อนหน้าเหลืออยู่เลย
“เ้ายังจะรออะไรอยู่อีก ซูิชุน!! ไปจับหลินอี้มาให้ข้าซะ ข้าจะตัดลิ้นของมัน!!”
ขอรับ!!!!
ซูิชุนคำรามอย่างเกรี้ยวกราดว่า
“หัดเจียมตัวซะบ้าง หลินอี้!! ข้าให้โอกาสเ้าครั้งสุดท้าย ยอมแพ้แต่โดยดีเสียไม่อย่างนั้นวันนี้จะเป็วันตายของเ้า!!”
หลินหยางที่เผชิญหน้ากับพลังอันมหาศาลของซูิชุนอยู่นั้น กลับยังยืนให้ลมพัดเส้นผมยาวของเขาให้ปลิวสไวโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
“ทำร้ายคนโดยไม่แยกผิดชอบชั่วดี พวกเ้าก็ไม่ต่างอะไรกับหมาข้างถนนหรอก!! ถ้าเ้าคิดจะเป็หมารับใช้ให้ไอ้หวังิชงนั่นจริงๆ ละก็ อย่างนั้นก็เข้ามาได้เลย!!”
หนอยแน่!!!!
ซูิชุนผู้ยิ่งใหญ่คับฟ้า ไหนเลยจะเคยถูกคนด่าขนาดนี้มาก่อนเขาจึงเริ่มออกท่าทันที
ทวนแทงออกดุจั อานุภาพยากต่อกร
ซูิชุนที่เป็ยอดฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นสูงนั้นพลังฟ้าดินของเขามีปริมาณมหาศาลดุจน้ำในทะเล ทวนดุจัที่ความยาวขนาดสองฟุตนั่นพอถูกกระตุ้นด้วยพลังฟ้าดินแล้วบริเวณด้ามจับที่มีเกล็ดัประดับเอาไว้ก็พลันเกิดการเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิตราวกับมีภาพลวงตาของัตัวยาวโผล่ออกมา เขี้ยวเล็บของมันตวัดฟันไปทั่วพุ่งเข้าใส่หลินหยางตรงๆ
มาได้จังหวะพอดี!!
การต่อสู้ในวันนี้เปรียบเสมือนบททดสอบหลังการฝึกฝนอย่างหนักหนาสาหัสมานานนับครึ่งปี
เริ่มจากโอวหยางเฟิงตามด้วยกลุ่มมือสังหารสี่คมของดาบอำมหิตนั้น ทำให้เืลมในกายเขากำลังร้อนระอุพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง และตอนนี้หนึ่งในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรชูอวิ๋นอย่างซูิชุนผู้นี้จะเป็ศัตรูคนสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาต้องปะทะในวันนี้แล้ว
จะไม่มีใครหน้าไหนสามารถหยุดการล้างแค้นของเขาได้เด็ดขาด
ไม่ว่าจะหัวหน้าผู้ดูแลภายใน หรือหัวหน้าองครักษ์หรือแม้แต่ยอดฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นสูงก็ตาม...
ใครหน้าไหนที่คิดจะขัดขวางเขาละก็ เตรียมโดนอัดปลิวได้เลย!!
สองมือของหลินหยางที่สวมถุงมือสีดำเอาไว้นั้นถูกพลังฟ้าดินธาตุไฟในตัวเขากระตุ้นจนเกิดเป็เปลวไฟสีแดงลุกโชนขึ้นจนเห็นหลินหยางในตอนนี้ดูคล้ายกับเทพอัคคีที่จุติลงมาสู่ภพมนุษย์อีกครั้ง ดูองอาจและน่าเกรงขามเหลือคณา
“เข้ามา!!”
หลินหยางะโท้าทายอย่างเกรี้ยวกราดเปลวเพลิงบนหมัดทั้งสองข้างพลันลุกโชนขึ้นกว่าสองเมตรคล้ายกับพยัคฆ์แสนดุร้ายสองตนกำลังคำรามอย่างกราดเกรี้ยวมันอ้าปากกว้างพลันกัดเข้าใส่ทวนยาวดุจัของซูิชุน
ตูมม!!
รังสีฆ่าฟันอันเข้มข้นจนแปรเปลี่ยนไปเป็ัเปลวเพลิงอันร้อนแรงที่ดูคล้ายคลึงกับพยัคฆ์ พุ่งเข้าไปปะทะกันบนเวทีอย่างดุเดือดจนะเิเป็พลังอันมหาศาลออกมาอย่างน่าเกรงขาม
วินาทีที่ทวนกับหมัดพุ่งเข้าไปปะทะกันหัวัปะทะกับเขี้ยวพยัคฆ์ ก็เกิดะเิขึ้นจนเกิดเป็คลื่นอัดอากาศขนาดใหญ่ยกพื้นที่ทำจากศิลาถึงกับทนรับพลังทำลายล้างนั้นไม่ไหวจนพังพินาศลงมาทั้งแถบเกิดควันฟุ้งขึ้นเต็มฟ้าราวกับดอกเห็ดแพร่กระจายไปทั่วทุกทิศ
“แย่แล้ว!!”
ตู้ิที่ยืนมองเหตูการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอยู่นั้นพลันดีดตัวลุกขึ้นยืน
เขารีบพุ่งขึ้นมายืนอยู่หน้าหวังิชงจากนั้นก็เร่งพลังฟ้าดินอันน่าเกรงขามออกมาจนกลายเป็ดั่งกำแพงสายหนึ่งเพื่อป้องกันคลื่นทำลายล้างที่เกิดจากการปะทะกันระหว่างหลินหยางและซูิชุนพร้อมกับะโเสียงดังออกมาว่า “เหล่าทหารพิทักษ์เมือง!! รีบพาผู้คนแยกย้ายออกไป!!!!”
รับทราบ!!!!
เหล่าทหารแห่งกองกำลังพิทักษ์เมืองใช้ร่างกายของตัวเองเข้าไปบดบังคลื่นกระแทกที่สาดซัดเข้ามาเพื่อไม่ให้มันไปทำร้ายประชาชนที่ยืนอยู่รอบๆส่วนยอดฝีมือของตระกูลเวินและตระกูลเฉินเองต่างก็คอยคุ้มกันให้เหล่าคนของตัวเองถอยออกมา
หลังจากที่ฝุ่นควันค่อยๆ สลายหายไปแล้วผู้คนถึงได้รับรู้กันว่าการปะทะกันเพียงหนึ่งครั้งระหว่างยอดฝีมือระดับเซียนเทียนนั้นจะน่าหวาดหวั่นได้มากถึงเพียงนี้
บนเวทีสูงอันกว้างใหญ่นี้ถึงกับเกิดเป็หลุมลึกที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยาวถึงห้าสิบเมตร ยกพื้นศิลาที่มีขนาดใหญ่นั่นได้แตกสลายกลายเป็เพียงเศษหินกระจายอยู่บนพื้นเหล่าทหารแห่งกองกำลังพิทักษ์เมืองที่สวมเกราะครบทั้งตัวนั้นกว่าครึ่งถึงกับทรุดลงบนพื้นพร้อมกับกระอักเืออกมาเต็มปาก
ซึ่งผลทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการปะทะกันเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น!!
เหล่าประชาชนตอนนี้เริ่มสลายตัวออกจากสถานที่แห่งนี้กันแล้ว
อยากดูนั้นมันก็อยากดูอยู่หรอกแต่ชีวิตตัวเองมันสำคัญกว่ากันเยอะคนที่จะดูการต่อสู้อันเหนืุ์แบบนี้ต่อได้คงต้องเป็คนที่ใจกล้าและพร้อมจะเสี่ยงชีวิตอยู่แล้วเท่านั้น
ตอนนี้ทั่วทั้งสนามกำลังตกอยู่ในความสับสนอลหม่านจนไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้วแต่ยังดีที่มีเหล่าทหารพิทักษ์เมืองกว่าพันคนคอยปกป้องและช่วยกันอพยพคนออกจากพื้นที่แห่งนี้แต่ความวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยรอบนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับทั้งสองคนที่ตอนนี้รังสีฆ่าฟันกำลังพลุ่งพล่านถึงขีดสุด