วัดหานเยว่ยามนี้ลุกโชติ่ด้วยแสงไฟและเสียงผู้คนจอแจ
โดยปกติวัดควรจะสงบเงียบตลอดคืน ทว่าในคืนวันนี้ วันที่ 6 เดือน 6 กลับเต็มไปด้วยเสียงผู้คนฮือฮาตื่นเต้น
บุตรีคนโตของแม่ทัพฮวา ฮวาชีเยว่หยอกล้อกับพระรูปงามในวัดหานเยว่และถูกจับได้คาหนังคาเขา ดึงดูดความสนใจผู้คนให้มารวมตัวกัน
หรงชีเยว่รู้สึกเหม่อลอย หน้าผากนางปวดหนึบ ข้างหูเต็มไปด้วยเสียงมากมายทั้งชายและหญิง
แปลกนัก มิใช่นางถูกสาวใช้สองคนนั้นขององค์หญิงฮุ่ยเจินสังหารแล้วหรือ? เหตุใดจึงมีผู้คนมุงดูมากมายนัก? มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่?
หรงชีเยว่ -- มิใช่ ยามนี้ควรจะเป็ฮวาชีเยว่แล้ว -- นางเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ในดวงตาแวววาวดุจดวงดาวคู่นั้นเห็นใบหน้ามากมายนับไม่ถ้วน คนเหล่านี้รุมล้อมนาง ชี้มายังนาง นางยังได้ยินพวกมันกล่าวหานาง
“ดูสิ นี่หรือคือคุณหนูใหญ่สกุลฮวา หน้าขายหน้านัก!”
“โดนจับได้คาหนังคาเขา ฮ่าๆ ดูไปจวนสกุลฮวาคงเกิดเื่อีกแล้ว”
“ที่ลือว่าฮวาชีเยว่เป็คุณหนูมากราคะ ช่างจริงแท้ ยั่วยวนแม้กระทั่งพระ น่าขยะแขยงเหลือเกิน!”
“...”
เสียงร้องไห้ของสาวใช้ดังเข้ามา ฮวาชีเยว่ทำใจให้เย็นลงแล้วมองรอบด้าน นางถูกรุมล้อมจนไม่อาจฝ่าออกไป สตรีงดงามสองนางพิศไปคล้ายจะมาจากครอบครัวร่ำรวยมองนางด้วยสายตาเ็าเหยียดหยัน
ไม่ไกลนัก พระรูปหนึ่งยืนก้มหน้าต่ำในชุดไม่เรียบร้อย ทั่วร่างสั่นสะท้านหวาดกลัว สาบเสื้อแบะออกกว้างให้ผู้คนได้เห็นกระดูกไหปลาร้างดงามและผิวขาวผ่อง
ข้างกายฮวาชีเยว่ เด็กหญิงอายุราวสิบสองสิบสามร้องไห้ราวจะขาดใจ น้ำตาราวไข่มุกเม็ดโตที่หลุดจากสาย หล่นกระทบเสื้อสีเขียวเรียบง่ายไม่หยุด
หรงชีเยว่นิ่วหน้า นางไม่รู้ว่าเหตุใดถึงมองเห็นพวกเขา เหตุใดนางยังมีชีวิต? เหตุใดนางจึงมาที่นี่ได้?
ห้องปีกข้างนี้เรียบง่ายเป็อย่างยิ่งไร้การตกแต่ง มีเพียงโต๊ะ เก้าอี้ และเตียง ชุดคลุมพระแขวนอยู่ด้านหนึ่ง คล้ายว่าจะอยู่ในอาราม แสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่าง สะท้อนภาพเงาขาดห้วง
บางสิ่งชำแรกเข้าสู่หัวของฮวาชีเยว่อย่างรุนแรง ความทรงจำทั้งหมดทั้งมวลของเ้าของร่างนี้ล้วนถูกนางอ่านจนหมดสิ้น
ฮวาชีเยว่ อายุสิบแปดปี บุตรีคนโตของแม่ทัพฮวาหลี่ถิง นางเป็คนหัวอ่อนทว่าคลั่งบุรุษหน้าตาหล่อเหลา ทุกครั้งที่พบบุรุษรูปงาม นางเป็ต้องจ้องมองเขาราวกับหมาป่าหิวโหย
แม้ฮวาชีเยว่จะเป็บุตรีฮูหยิน นางยังคงถูกบุตรีคนรอง ลูกสาวของอนุภรรยารังแก ชีวิตนางในจวนสกุลฮวาเลวร้ายย่ำแย่เสียยิ่งกว่าขอทานนอกจวน นางมีอาหารน้อยนิดให้ทาน ยังต้องสวมชุดปะชุนเก่าๆ
แม้จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ แต่ฮวาชีเยว่กลับไม่เคยกล้าบ่นว่าให้ฮวาหลี่ถิงหรือฮูหยินผู้เฒ่าฟัง นอกจากนั้นนางยังไม่ได้รับการดูแลอย่างจริงจังเนื่องจากมิอาจบ่มเพาะพลังยุทธ์ของทวีปนี้ได้ ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เคยมายังจวนด้านข้างผุพังแห่งนี้เพื่อพบนาง นางทำได้เพียงพบฮูหยินผู้เฒ่าในวันเทศกาล ทว่ายามนั้นอีกฝ่ายล้วนถูกรุมล้อมด้วยลูกชายหลานชาย จะยังจดจำหลานสาวขี้ขลาดผู้นี้ได้อย่างไร?
ในทวีปเทียนหยวน หากผู้ใดมิอาจฝึกพลังยุทธ์ ผู้นั้นมิต่างจากคนไร้ค่า
ในอาณาจักรนี้ บุรุษถูกตัดสินด้วยระดับพลังลมปราณ ยิ่งระดับพลังสูงยิ่งได้รับความเคารพ ยิ่งได้รับรางวัลจากราชสำนักมาก
ศาสตร์พลังลมปราณมีทั้งสิ้นเก้าระดับ ทุกระดับมีสีของมัน ได้แก่
หน่ออ่อน (เจี่ยฉวน - น้ำเงินบริสุทธิ์)
เมฆาทะยาน (หลิงเซียว - สีฟ้า)
ภูมิลักษณ์ั (หลงถู - สีเขียว)
เหนือล้ำปฐี (ซิวเจี่ย - แดง)
กร่อนจันทรา (ฉือเยว่ - สีเงิน)
ทิวาพิสุทธิ์ (หยวนรื่อ - สีเหลือง)
ิญญาศักดิ์สิทธิ์ (เชิ่งเฉิน - สีดำ)
มหาเซียน (ต้าเซียน - สีม่วง)
บุตรีทั้งสองของอนุภรรยา ฮวาเมิ่งซือคนรองและฮวาเสี่ยวอีคนที่สามล้วนแต่ใช้พลังลมปราณได้ถึงระดับเมฆาทะยาน เป็ที่เลื่องลือในฐานะผู้มีฝีมือ
ในความทรงจำของฮวาชีเยว่ ฮวาเมิ่งซือรังแกนางทว่ามิได้ลงมือด้วยตนเอง เป็สาวใช้บ่าวไพร่ของอีกฝ่ายที่มักหยาบคายต่อนาง ยังมีครั้งหนึ่งที่พวกมันวางแผนให้นางติดกับแล้วผลักนางลงจากชั้นลอย โชคดีที่นางร่วงลงสระบัว มิเช่นนั้นคงตายไปเสียแล้ว
ฮวาชีเยว่ทราบชัดว่าผู้ที่ผลักนางในคราวนั้นคือสาวใช้ของฮวาเมิ่งซือชื่อหลานจู ทว่านางมิกล้าแก้แค้นทั้งฮวาเมิ่งซือและหลานจู นางเหมือนนกกระจอกเทศที่เอาหน้ามุดลงดินอย่างขลาดเขลาแล้วคิดว่าศัตรูจะมองไม่เห็นตน
สถานการณ์ไม่ดีเสียแล้ว ฮวาชีเยว่นิ่วหน้าลงเล็กน้อย จากความทรงจำของเ้าของร่าง นางพบว่าฮวาชีเยว่มาที่วัดหานเยว่พร้อมฮวาเสี่ยวอีเพื่อสวดมนตร์ ทว่ามิคาดว่าอีกฝ่ายจะใส่ร้ายนาง ยามนี้ทุกคนหลงเชื่อเสียแล้วว่า “ฮวาชีเยว่หยอกเย้านักบวชน้อย”
“พูดอะไรหน่อยสิพี่หญิง! คงมิใช่บอกว่าถูกใส่ร้ายเพียงเพราะเป็ลมกระมัง?”