ทวีปเทียนหยวน อาณาจักรฉางจิง ปีศักราช 209
ในวันที่หกเดือนมิถุนายนเป็งานเทศกาล เมืองหลวงเต็มไปด้วยกิจกรรมคึกคัก โคมหลากสีสันแขวนประดับยามค่ำคืน ผู้คนพูดคุยหัวเราะ คนหนุ่มสาวจับกลุ่มแข่งขันร่ายกวี บนเวทียังมีการประลองวรยุทธ์เสียงเริงร่าล่องลอยในสายลมเย็น
ในจวนงดงามเงียบงันที่ชายเมืองหลวง กลับมีเสียงกรีดร้องสะท้อนผ่านผืนฟ้าดำมืด
“อ๊า! โจวจื่อเฉิง...บุรุษสารเลว...สักวันเ้าต้องโดนฟ้าผ่าตาย! ให้เ้าถูกลบชื่อออกจากวงศ์ตระกูล! ” ในมุมหนึ่งของจวน สตรีร่างท่วมเืตะเกียกตะกายจากโรงเก็บฟืน ใบหน้านางถูกทำลายแล้ว ดวงตาคู่นั้นถูกควักออก ใบหน้าเสียโฉมเลวร้ายชวนให้ผู้คนหวาดผวา
สาวใช้ชราสองคนเดินออกมา เหยียบเข้าที่หัวนาง “นางแพศยาหน้าไม่อายจะะโหาอะไร? เลิกทำให้หูนายของพวกข้าสกปรกเสียที! ”
หรงชีเยว่รู้สึกเ็ปไปทั่วร่างราวมีดกรีดแทง เรี่ยวแรงหยาดสุดท้ายเหือดหาย นางหอบหายใจรุนแรง ไม่อาจตะเกียกตะกายต่อไปได้อีกแม้แต่ชุ่น
มือทิ้งรอยเืไว้เป็ทางยาว ตัดกับพื้นหยกขาวดูน่าสยดสยอง
รองเท้าปักลายเมฆสีสันสดใสปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ทว่าหรงชีเยว่มิอาจมองเห็น
เสียงหัวเราะสดใสของสตรีดังขึ้น นำมาซึ่งความเย็นเยือกเสียดแทง ทำให้นางรู้สึกราวร่วงหล่นสู่คุกน้ำแข็งพันปี ทั่วร่างของหรงชีเยว่สั่นสะท้าน ร้องอย่างเคียดแค้น “องค์หญิงฮุ่ยเจิน...เ้า...โหดร้ายนัก! ลอบคบชู้เช่นนี้....ย่อมมิอาจมีจุดจบที่ดี! ” นางหมดแรงเสียแล้ว น้ำเสียงนางเบาหวิวน่าเศร้า
ในดวงตาสตรีเบื้องหน้าพลันสะท้อนความเกลียดชังเข้มข้น
รองเท้าปักคู่นั้นขยับเล็กน้อย เหยียบลงบนมือเปื้อนเืของหรงชีเยว่ มันบดขยี้ลงบนนิ้วนางโดยแรง ความเ็ปทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน
“จุดจบไม่ดีหรือ? ฮ่าฮ่า หรงชีเยว่ มองโลกในแง่ดีเหลือเกิน...ในเมื่อเ้าได้จื่อเฉิง ข้าก็ทำได้เพียงทำให้เ้าหายไปจากโลกเช่นนี้ บัดนี้ข้าได้ตำแหน่งโจวฮูหยินแล้ว! ”
รอยยิ้มขององค์หญิงฮุ่ยเจินงดงามไม่เปลี่ยนแปลง น้ำเสียงอ่อนหวาน ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับเย็นเยือก
ใจของหรงชีเยว่เต้นไม่เป็ส่ำ นางคิดถึงแปดปีที่ผ่านมา นางตั้งใจทำร้านอาหารเพื่อครอบครัวของสามี กิจการเติบโตงอกเงย ลูกชายของนางเฉลียวฉลาดน่ารัก นางคิดว่าสามีนางช่างดีนัก ต่างฝ่ายต่างรักกันอย่างลึกซึ้ง
มิคาดทั้งหมดกลับเป็เพียงการหลอกลวง! โจวจื่อเฉิงลอบคบชู้กับองค์หญิงฮุ่ยเจินมาเนิ่นนาน ยามนี้ยังวางยาพิษสังหารนาง หรือมิใช่เพื่อให้ได้แต่งกับอีกฝ่าย?
ช่างเป็คู่ที่สมกันราวผีเน่าโลงผุ!
ช่างเป็คู่ชายโฉดหญิงชั่ว!
หรงชีเยว่ไม่เหลือน้ำตาอีกแล้ว ดวงตางดงามถูกพวกมันควักออก เืไหลซึมจากเบ้าอาบย้อมเสื้อขาวจนแดงก่ำ ความเ็ปลึกล้ำทำให้นางกระตุกอยู่หลายครั้ง ก่อนสุดท้ายมือนางจะร่วงลง
“อ้อ จื่อเฉิงขอข้าให้ลูกชายเ้ายังคงมีชีวิต ข้ายังคงไว้ชีวิตเขากระทั่งเมื่อสามีกลับมา ค่อยสับร่างเขาเป็พันเป็หมื่นชิ้นก็ยังมิสาย น่าเสียดายนักหรงชีเยว่... เ้ามิอาจมองเขาตายเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม เพียงคิดว่าลูกเ้าจะเรียกข้าว่ามารดา... แต่สุดท้าย ไม่นานจะกลายเป็โครงกระดูกในมือข้า... เป็ฉากทำร้ายจิตใจเหลือเกิน...”
เมื่อได้ยินประโยคนั้น ราวกับประกายแห่งชีวิตถูกจุดขึ้น หรงชีเยว่เงยหน้าโดยพลัน จ้องมององค์หญิงฮุ่ยเจินด้วยเบ้าตากลวงโบ๋!
ฮุ่ยเจินสะดุ้งเฮือก นางคิดว่าสตรีผู้นั้นตายแล้ว ทว่าคนกลับเงยหน้าขึ้นกะทันหัน เมื่อเห็นเืบนใบหน้าหรงชีเยว่ ขนก็ลุกชัน ใจกระตุกอย่างหวาดกลัว!
“องค์หญิงฮุ่ยเจิน! โจวจื่อเฉิง! ได้โปรดไว้ชีวิตเขาด้วยเถอะ! เทียนซีไม่รู้เื่รู้ราว! หากเ้ากล้า... ถ้าเ้ากล้าทำร้ายเขา! ต่อให้ข้าตาย ข้าก็จะไม่ปล่อยเ้าไป! หากมีชาติหน้า ข้าย่อม... ให้เ้าใช้หนี้เืนี้! เ้าต้องไม่ตายดี...” เสียงหรงชีเยว่แหบพร่า เบาหวิวราวกับยุง ทั่วร่างนางกำลังสั่นเทา นางรู้ตนเองกำลังจะตาย ทว่าพวกมันจะฆ่าลูกนาง นางจะตายอย่างสงบได้อย่างไร?
“ฮ่าๆๆ? ไว้ชีวิตมันรึ? ” องค์หญิงฮุ่ยเจินหัวเราะลั่น “เ้ารู้หรือไม่ ในคืนที่เ้าแต่งกับโจวจื่อเฉิง คนในห้องนอนนั่น...ไม่ใช่เขา! คืนนั้นเขามีสหายรุมล้อม เมื่อไปถึงห้องหอก็เห็นสาวใช้ล้วนสลบไป เขาใอยากหนี ทว่ามิคาดมีคนตีเขาจากด้านหลังเช่นกัน เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วกลับไปที่ห้องเ้า เสื้อผ้าเ้าก็หลุดลุ่ยหมดแล้ว เขาเพียงอดทนเพื่อให้เ้าดูแลกิจการของตระกูลเท่านั้น! คิดว่าเ้าเด็กนั่นคือลูกเขาจริงๆ หรืออย่างไร?”
ถ้อยคำขององค์หญิงฮุ่ยเจินราวสายฟ้าที่ฟาดใส่หรงชีเยว่ ลมหายใจนางแ่ลงทุกที
ความทรงจำมากมายปรากฏขึ้นในดวงตา ไม่แปลกแล้วที่โจวจื่อเฉิงเ็าต่อนางหลังแต่งงาน หรงชีเยว่กลับใสซื่อคิดว่าเป็เพราะนางตั้งครรภ์เขาเลยมิอาจเคียงใกล้ และเพราะเขามีธุระรัดตัวเลยมิอาจชิดใกล้
ทันทีที่เทียนซีคลอดออกมา บุรุษผู้นี้มีแต่จะมองลูกอย่างแปลกประหลาด ไม่เคยเอ่ยถ้อยคำปลอบประโลม ไม่เคยปรากฏความยินดีในแววตา
โจวจื่อเฉิงมาหานางที่เรือนน้อยครั้งลงทุกที กลับเริ่มกะลิ้มกะเหลี่ยสาวใช้อย่างเปิดเผย นางคิดเพียงว่าเขามีความปรารถนามากล้น ้าอนุมากขึ้นอีกสักหน่อย
ที่แท้...ที่แท้กลับมีเหตุผลเช่นนั้น ตลอดมานางกลับไม่ทราบเลย! ในคืนวันแต่งงาน นางเหนื่อยกับงานแต่งเสียจนผล็อยหลับไปก่อนสามีจะกลับมา ในสติพร่าเลือน นางรับการปรนนิบัติอย่างยินดี นางยังคิดว่านั่นคือโจวจื่อเฉิง!
อย่างไรสกุลโจวแม้มิใช่มหาเศรษฐีแต่ก็มีอำนาจร่ำรวย มีบ่าวไพร่มากมายเฝ้าประตู จะมีคนลอบเข้ามาในจวนโดยไม่มีใครทราบได้อย่างไร?
“อีกทั้ง... เมื่อคืนมีโจรูเาบุกเข้าปล้นบ้านบิดามารดาเ้าจนเือาบย้อม พวกเขาตายอย่างน่าอนาถโดยไม่เหลือแม้แต่ศพ”
ถ้อยคำนั้นราวดาบคมที่ตัดผ่านหัวใจจนกลายเป็พันหมื่นชิ้น ความเจ็บตื้อก่อตัวในอก นางกระอักเืคาวออกจากปาก
ดวงตาของนางถูกควักออก มันเ็ปมานานแล้ว ทว่าหรงชีเยว่กลับรู้สึกถึงความเ็ปยิ่งกว่านั้นในทรวงอก นางเงยหน้าขึ้น ใช้ลมหายใจสุดท้ายกรีดร้องใส่สตรีที่ยามนี้ก้มมองนางจากเบื้องบน “องค์หญิงฮุ่ยเจิน... โจวจื่อเฉิง! ข้าหรงชีเยว่จะจดจำไว้! จากนี้ ข้าหรงชีเยว่แม้จะเกิดใหม่เป็สตรีแพศยา แม้จะต้องตายกลายเป็ผีร้าย ข้าก็จะสาปแช่งพวกเ้า ให้พวกเ้ามิได้ใช้ชีวิตเป็สุข ให้พวกเ้ามิได้ตายดี!”
สิ้นคำนั้น นิ้วของนางร่วงลงช้าๆ ศีรษะนางหล่นลงบนพื้นอย่างเงียบงัน
คำสาปยังคงสะท้อนในหูฮุ่ยเจิน ใบหน้าสาวใช้ชราทั้งสองซีดเผือด มองภาพโหดร้ายเบื้องหน้า อดมิได้ให้หวั่นกลัวความโหดร้ายขององค์หญิง
ใบหน้าฮุ่ยเจินซีดขาวถึงขีดสุด สาวใช้ทั้งสองรีบร้อนเอ่ยขึ้น “องค์หญิงรีบเสด็จจากที่นี่เถอะเพคะ ที่สกปรก ของสกปรกเช่นนี้มีแต่จะระคายพระเนตรพระองค์เสียเปล่า!”
ทว่าองค์หญิงฮุ่ยเจินกลับััได้เพียงเหงื่อเย็นที่ไหลโซมกาย นางจ้องมองหรงชีเยว่ที่บัดนี้ไร้ชีวิตอย่างเกลียดชัง คำสาปก่อนตายของอีกฝ่ายราวกับมีชีวิต สะท้อนก้องในหูนางไม่จบสิ้น!
นางชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเร่งร้อนจากไปพร้อมสาวใช้ของตน
จันทร์เสี้ยวแขวนบนผืนฟ้า แสงดาวที่เคยสดใสกลับครึ้มลงเมื่อดวงจันทร์กลับกลายเป็สีโลหิต ลมพัดโชย เหล่าแมลงกรีดร้อง เมฆหม่นครึ้มก่อตัวขึ้นบดบังจันทรา ที่ตรงนั้นราวหยดหมึกที่แผ่กำจาย...