เป็คุณหนูสามสกุลฮวา ฮวาเสี่ยวอีที่ชี้มายังฮวาชีเยว่กรีดเสียงลั่น
ในดวงตาฮวาเสี่ยวอีเปี่ยมด้วยความหยิ่งผยองดูถูก แสดงให้เห็นว่าตนมิได้มีสัมพันธ์อันดีกับพี่สาวของตนนัก
ฮวาเมิ่งซือขมวดคิ้วอย่างกังวล นางขยับปาก สีหน้าซับซ้อน “น้องสามระวังหน่อยเถอะ นางอาจถูกใส่ร้ายก็ได้!”
“โอ คุณหนูช่างใสซื่อเหลือเกินเ้าค่ะ เห็นๆ อยู่ว่านังแพศยาน้อยนี่หยอกเย้าพระอี้หาน ยามนี้ท่านยังปกป้องนางอีก! พี่รอง ท่านสนใจเื่ตัวเองเถิด มิเช่นนั้นคงโดนความผิดโทษฐานปกป้องสตรีโสมมผู้นี้ไปด้วย!”
หลานจู สาวใช้ของฮวาเมิ่งซือเอ่ยเสียงนุ่ม แม้จะเป็สาวใช้ที่ทั้งตัวตนและสถานะล้วนต่ำกว่าฮวาชีเยว่ ทว่าดวงตากลับแสดงความดูแคลนและความพึงพอใจไม่ปิดบัง
“พี่หญิง ท่านทำเื่ไร้ยางอายเช่นนี้ กลับไปก็เชิญรับโทษตามกฎตระกูลเสียเถอะ!”
ฮวาชีเยว่แค่นหัวเราะเ็า ในดวงตาคล้ายมีประกายเย็นเยียบ ทำให้ทุกคนชะงักงัน พวกเขาล้วนแต่รู้จักนางดี ทว่าไม่เคยมีใครเห็นนางเป็เช่นนี้มาก่อน ล้วนแต่มองนางอย่างสับสน
“คุณหนู...ตื่นแล้วหรือเ้าคะ? เป็อย่างไรบ้างเ้าคะ? ” สาวใช้ที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ด้านข้างตกตะลึง มิคาดว่าคุณหนูจะลุกขึ้นมาเร็วเพียงนี้
ฮวาชีเยว่รู้สึกปวดหัวตึบที่หน้าผาก เพราะนางถูกเ้านักบวชน้อยอี้หานนั่นฟาดจนหมดสติไป นางจำได้ว่ามีสตรีหน้าขาวขโมยปิ่นปักผมนางไป แล้วพระรูปหนึ่งก็เข้ามาทุบนาง - เป็พระเบื้องหน้านางนี่เอง!
พวกมันอยากให้นางอับอายหวาดกลัว หากเป็ฮวาชีเยว่คนขี้ขลาดผู้นั้น ยามนี้คงโมโหจนพูดไม่ออกเสียแล้ว
ทำลายชื่อเสียงฮวาชีเยว่โหดร้ายรุนแรงถึงเพียงนี้ นางคงจะแขวนคอตาย
ก่อนฮวาชีเยว่จะสลบไป นางโมโหจนตายไปก่อนแล้ว หรงชีเยว่อธิบายไม่ได้ว่าเหตุใดนางจึงเข้ามาอยู่ในร่างสตรีผู้นี้
ทว่านางทราบว่านางเกิดใหม่ นางต้องใช้ชีวิตให้ดี กำจัดมือมารชั่วร้ายที่ยืดยาวสาวมาเพื่อทำร้ายนางลงทีละคน ไม่ให้เหลือปัญหาไปถึงอนาคตอีก! ั้แ่เด็กที่ขโมยปิ่นนาง นางทราบดีว่าใครเป็ผู้อยู่เื้ั
“ข้ามิเป็ไร!” ฮวาชีเยว่ลุกขึ้น จัดแต่งเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “ทุกคนคงเข้าใจข้าผิดไปกระมัง ข้า ฮวาชีเยว่ บุตรีท่านแม่ทัพได้รับการศึกษามาเป็อย่างดีนับแต่เล็กแต่น้อย ทำตามจรรยาสตรีมาโดยตลอด จะเกี้ยวพาพระรูปหนึ่งได้อย่างไร?”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าฮวาเมิ่งซือก็มืดครึ้มลง!
นี่ฮวาชีเยว่เฉลียวฉลาดขึ้นมาหรือ? เหตุใดจึงพูดเื่ที่มีเหตุผลขึ้นมาได้?
ฮวาเสี่ยวอีอ้าปากค้างมองฮวาชีเยว่ ทั้งบุรุษสตรีรอบตัวล้วนแต่วิจารณ์เสียดสีรุนแรง
“คุณหนู ท่านทับอยู่บนพระ ยังจะโยกโย้ได้อีกหรือ?”
สาวใช้ของฮวาเสี่ยวอีนามฉุนเซียงหัวเราะเ็า
“บังอาจวิจารณ์ผู้เป็นาย ตบปากนาง!”
ฮวาชีเยว่ะโสั่งเสียงเย็น ในดวงตาเปี่ยมแรงสังหาร แม่นมของนางนามโหย่วชุ่ยพลันลุกขึ้นตบปากฉุนเซียงสองครั้งทันทีก่อนจะมีใครทันตั้งตัว
ทุกคนตกตะลึงทันที!
นี่ยังใช่ฮวาชีเยว่คนไร้ประโยชน์จอมขี้ขลาดหรือ?
ฉุนเซียงผงะถอย จับใบหน้าตนเองกรีดร้อง “คุณหนู นางตบหน้าข้า นาง…”
“หุบปาก!” ไม่ว่าฮวาเสี่ยวอีจะหยิ่งผยองเพียงใด นางก็ยังทราบว่าฮวาชีเยว่เป็ฝ่ายถูก ชั่วขณะนั้น ทุกคนกลั้นหายใจ คล้ายกำลังรอคอยบางสิ่ง
ฮวาชีเยว่มองพระรูปนั้นด้วยสายตาเ็า “ใครบอกว่าข้าหยอกล้อพระอี้หาน? มิใช่เป็พระอี้หานหยอกล้อข้าหรือ?”
ทุกคนล้วนตกตะลึงกับคำพูดนาง!
ฮวาเสี่ยวอีชี้หน้าฮวาชีเยว่ ดวงตาเบิกกว้างก่อนกรีดเสียง “เ้า เ้า… ข้าเห็นเ้าเป็คนกดร่างเขา…”
“ใช่แล้ว ยังกล้าเล่นลิ้นอีกหรือ น่าละอายนัก!”
“กล่าวว่าฮวาชีเยว่ขี้ขลาดมากตัณหา ยามนี้นางยังกล้าแก้ต่างเช่นนี้อีก!”
พระอี้หานเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึง มองฮวาชีเยว่ด้วยสายตายากจะเชื่อ
ก่อนนางจะหมดสติไป ใบหน้าฮวาชีเยว่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวยามเขาัันาง ข่มขู่นางเพียงสองครั้งก็มิกล้าร้องขอความช่วยเหลือแล้ว ยามนี้ดวงตานางกลับเปี่ยมด้วยความเ็ายามจ้องมองเขา ทำให้พระอี้หานขาสั่นขึ้นมา
“ประสก...โยม...กล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร? อาตมา…” พระอี้หานร้องะโอย่างหวาดกลัว สีหน้าราวกับถูกรังแก
ฮวาชีเยว่รู้สึกได้ถึงความขยะแขยงรุนแรงที่ผุดขึ้นในใจ