เย่ชิงเสรู้สึกเกิดลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีขึ้น ทีแรกคิดว่าจะทำให้ซับซ้อนอย่างมีระดับ ตอนนี้กลับรู้สึกว่าทำอย่างง่ายๆ น่าจะดีที่สุด
มองดูท้องฟ้าที่ยิ่งสว่างมากขึ้นและพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา เขารู้ว่ารอคอยต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาเริ่มปีนข้ามกำแพงเข้าไปอีกครั้ง เท้ายันกำแพงะโขึ้นไปบนอากาศ ใช้ฝ่ามือแทนมีดเล็งไปที่ท้ายทอยของเย่ชิงอวี่ที่นั่งอยู่ในลานที่พักนั้น เตรียมฟาดลงไปเบาๆ ท่าร่างของเขาแ่เบาไม่ทำให้เกิดเสียงลมแม้เพียงเล็กน้อย
เขาเตรียมที่จะฟาดนางให้สลบแล้วค่อยกรอกสามราตรีเมามายลงไป จับใส่กระสอบส่งไปยังประตูเมืองทางทิศเหนือ เพียงแต่...เขามองเห็นมีดเล่มหนึ่ง ทำให้ร่างของเขาที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศนั้นต้องหยุดชะงักหล่นลงมายังพื้น
มีดเป็เพียงมีดปลอกผลไม้ทั้งบางและแตกหักง่าย เย่ชิงเสมือเปล่าก็สามารถขยี้ให้แหลกละเอียดได้ มือขาวเล็กที่กำมีดมีอาการสั่นเทิ้มค่อยเลื่อนขึ้นไปยังบริเวณลำคอ ลำคอที่ขาวเนียนนั้นค่อยๆ มีเืสีแดงสดซึมออกมา
“อย่าเข้ามา”
เย่ชิงอวี่แม้จะไม่เคยฝึกฝนพลังยุทธ์มาก่อน แต่เนื่องจากว่าคุณสมบัติทางร่างกายที่แตกต่างจากคนอื่น ั้แ่เล็กไม่เคยเจ็บป่วยมาก่อน ประสาทััหูตาดีกว่าคนอื่นหลายเท่า ท่าร่างของเย่ชิงเสเมื่อสักครู่แม้จะแ่เบาไร้เสียง แต่ตอนที่เขาะโลอยขึ้นจากกำแพงนั้นทำให้เย่ชิงอวี่ััได้ถึงสิ่งผิดปกติแล้ว นางไม่รีรอรีบล้วงมือเข้าไปหยิบมีดปลอกผลไม้ที่อยู่ภายในอกเสื้อขึ้นมาจ่อไว้บริเวณลำคอของตนเองโดยทันที คงอาจเป็เพราะรีบร้อนและตื่นเต้นจนเกินไปทำให้ตนเองได้รับาเ็
“เย่ชิงอวี่เ้าอย่าเพิ่งวู่วาม ข้าแค่มาดูเ้าเฉยๆ”
เย่ชิงเสอับจนด้วยปัญญาและทั้งกลัดกลุ้ม สองมือคลายออกพร้อมกับพูดอธิบายขึ้น แม้ว่าการอธิบายเช่นนี้หากตนเองเป็เย่ชิงอวี่ก็คงไม่เชื่ออย่างแน่นอน
ใบหน้าที่งดงามของเย่ชิงอวี่พูดออกมาอย่างเฉยชา “ข้าเคยพูดไปแล้ว ก่อนที่พี่ชายข้าจะกลับมา อะไรข้าก็ไม่รับปากทั้งนั้น เ้าไปได้แล้ว”
“ทำไมเ้าถึงได้โง่ขนาดนี้? แต่งกับนายน้อยเสว่เ้าอยากมีชีวิตสุขสบายแบบไหนก็ย่อมได้ ทำไมต้องทนรับความลำบากอยู่ในตระกูลเย่นี้อีก?” เย่ชิงเสใจเย็นลงพร้อมกับเริ่มพูดหว่านล้อมขึ้น เป้าหมายจำเป็ต้องมีชีวิตดังนั้นเขาจึงไม่กล้าวู่วาม ทำได้แค่เพียงอดทนและพูดกล่อมออกมา
“พี่ชายของข้ายังไม่กลับมา หากพวกเ้ายังจะบังคับข้าอีก ข้าจะตายให้พวกเ้าดู”
เย่ชิงอวี่ยังคงยืนกรานเช่นเดิม ขยับมีดที่อยู่ในมือทำท่าทางเตือน
“เฮ้อ...” เย่ชิงเสถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง สายตาเหลือบไปมองลูกสมุนสองคนที่กำลังจะดันประตูเข้ามา มืออีกข้างล้วงเข้าไปภายในอกเสื้อเตรียมใช้ไพ่ตายใบสุดท้าย “มีข่าวบางอย่างทีแรกคิดว่าไม่อยากจะบอกเ้า เดิมทีทางตระกูลอยากให้เ้าแต่งไปยังตระกูลเสว่อย่างมีความสุข ใช้ชีวิตที่เหลือให้สุขสบาย...ครึ่งเดือนก่อนทางตระกูลได้ทราบข่าวว่าพี่ชายของเ้า...ประสบกับอันตรายเสียชีวิตภายในเทือกเขารกร้าง เป็ทางเมืองหมันที่ส่งข่าวมา ทางตระกูลได้ตรวจสอบแล้ว พี่ชายของเ้าเสียชีวิตไปแล้วจริงๆ”
“ประสบกับอันตราย? พี่ชายข้าตายแล้ว? เป็ไปไม่ได้ เป็ไปไม่ได้ เ้ากำลังหลอกข้า ข้าไม่เชื่อเ้า” เย่ชิงอวี่ยังคงเฉยเมย น้ำเสียงแข็งกร้าวเช่นเดิม เพียงแต่มือที่จับมีดนั้นสั่นหนักมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
เย่ชิงเสส่ายหัวไปมาด้วยสีหน้าที่ดำคล้ำ จากนั้นหันหน้ากลับไปพูดกับลูกสมุนคนหนึ่งที่อยู่นอกประตู “เย่เป้า เ้านำหนังสือยืนยันการเสียชีวิตที่ทางตระกูลออกให้เอามาให้แม่นางชิงอวี่ดูหน่อย”
มองดูกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งที่เย่เป้าคลี่ออกให้ดู ภายในใจของเย่ชิงอวี่รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีมองดูตัวหนังสือบนกระดาษอย่างไม่อยากที่จะเชื่อ “เดือน 3 ปี 9998 ปฏิทินัเพลิง เนื่องจากเทือกเขารกร้างมารอสูรเกิดคลุ้มคลั่ง เย่กุ้นจ้าวเมืองเมืองหมันนำพาเหล่าผู้กล้าเข้ากำราบมารอสูร ลูกหลานของตระกูลโชคไม่ดีเสียชีวิตในสนามรบ เย่เทียนต้ง เย่จื่ออวี้...เย่ชิงหาน เย่เสี่ยวฉือ ขอให้ทางตระกูลมอบเงินเพื่อบำรุงขวัญช่วยเหลือครอบครัวของวีรบุรุษที่ตายในสนามรบด้วย”
“เย่ชิงหาน เย่ชิงหาน! พี่...เป็ไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อ มันไม่ใช่เื่จริง มันไม่ใช่เื่จริง!” มือที่จับมีดของเย่ชิงอวี่ตกลงอย่างหมดแรง นางส่ายหัวไปมาพร้อมกับบ่นพึมพำออกมาเบาๆ หยาดน้ำตาสองสายไหลร่วงลงมาอาบสองแก้มราดรดลงไปยังชุดสีขาวของนาง
“แม่นางชิงอวี่โปรดหักห้ามความเศร้าโศกเสียใจด้วย ข้าคิดว่าหากิญญาของน้องชายเย่ชิงหานที่อยู่บน์รับรู้ได้ก็คงอยากให้แม่นางใช้ชีวิตอย่างมีความสุข” มองเห็นมีดในมือของนางมีทีท่าว่าจะลดต่ำลงมา สายตาเย่ชิงเสปรากฏแววยินดีขึ้นมาทันที แต่ก็รีบกลบเกลื่อนด้วยสีหน้าเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้งแทน
“ศพอยู่ที่ไหน? พี่ชายของข้าเสียชีวิตแล้วศพอยู่ที่ไหน?” เย่ชิงอวี่ถามขึ้นมาโดยฉับพลัน ไม่ได้เศร้าโศกและดวงตาไม่ได้มีน้ำตาอีกต่อไป แต่กลับเต็มไปด้วยท่าทางอึมครึมเงียบสงัดวังเวง
“พี่ชายของเ้าตกอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่าเงามารอสูรระดับสี่ ศพ...ถูกฉีกจนแหลกเหลว ส่วนที่เหลือคิดว่าคงถูกเผาไปแล้ว แม่นางชิงอวี่หักห้ามความเศร้าโศกเสียใจด้วยเถอะ” เย่ชิงเสพูดออกมาด้วยเสียงแหบต่ำอย่างรู้สึกเ็ปใจ ภายในใจกลับยิ้มออกมาอย่างพอใจในการแสดงที่ยอดเยี่ยมของตนเอง ราวกับว่าหากต่อไปเอาดีทางฝึกยุทธ์ไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นักแสดงละครก็ไม่เลว
“ร่างถูกฉีกจนแหลกเหลว? ถูกฉีกจนแหลกเหลว!”
เย่ชิงอวี่เชื่อคำของเย่ชิงเสอย่างง่ายดาย เพราะนางคิดว่า แม้ว่าทางตระกูลจะบังคับฝืนใจนางให้ไปแต่งกับเสว่อู๋เหิน แต่ก็ไม่ได้บีบคั้นมากจนเกินไปและคงไม่เอาเื่คอขาดบาดตายเช่นนี้มาหลอกลวงนางเป็แน่ ตระกูลเย่เป็หนึ่งในห้าตระกูลใหญ่คงไม่ใช้วิธีการที่ต่ำทรามเช่นนี้อย่างแน่นอน
แต่นางหารู้ไม่ว่าทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นนี้ล้วนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับเจตนารมณ์ของตระกูลเลยแม้แต่น้อย จะมีก็แค่เพียงคนไม่กี่คนที่กล้าดีแอบอ้างชื่อของตระกูลมากระทำการเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้
เคร้ง
ในที่สุดมีดปลอกผลไม้ก็ร่วงหล่นลงสู่พื้น
“ท่านพี่...”
เย่ชิงอวี่เอ่ยขึ้นอย่างโศกเศร้า ในขณะที่เย่ชิงเสและลูกสมุนยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใด นางพลันวิ่งออกไปะโพุ่งชนเข้ากับกำแพงทางด้านหลังอย่างไม่มีอาการลังเลใดๆ ทั้งสิ้น หลังจากเสียงที่ดังราวกับลูกแตงโมที่ถูกทุบแตกหยุดลง กำแพงสีขาวถูกฉาบทาไปด้วยเือันแดงสด...
“ท่านพี่...ท่านพี่...ท่านพี่...”
เสียงที่เศร้ารันทดดังก้องไปทั่วทั้งลานที่พักด้านตะวันออกและดังลอยยาวออกไปไกล
“ชิงอวี่!”
เสียงที่เศร้ารันทดและดังยิ่งกว่าดังก้องขึ้นราวกับจะทะลุม่านเมฆหมอกดังขึ้นไปถึง์เก้าชั้นฟ้า
“อ๊าาา......”
ในขณะที่สายตาของทั้งสามกำลังตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกในั้น เงาร่างสีดำสายหนึ่งก็พุ่งปราดผ่านประตูเข้ามา เงาร่างสีดำมองดูร่างของเย่ชิงอวี่ที่กำลังไถลตกลงไปกองบนพื้นอย่างช้าๆ อย่างตกตะลึง มองเห็นกำแพงสีขาวฉาบทาไปด้วยเืสีแดงสด เขาร้องคำรามออกมาด้วยความสิ้นหวังและเ็ปเศร้าเสียใจ...
“มารดาเ้าเถอะ!”
เย่ชิงเสหลังจากที่ดึงสติกลับมาจากอาการตื่นตระหนกก็เริ่มร้องด่าออกมาด้วยความเดือดดาล ตอนนี้ภารกิจพังยับเยินแล้วจะจัดการอย่างไรดี เขาต้องขอความเห็นจากเ้านายของเขา ดังนั้นจึงได้ส่งสายตาบอกเย่เป้าให้ไปรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเย่ชิงขวง
เย่เป้าพยักหน้าตอบรับเงียบๆ หมุนตัวเตรียมที่จะจากไป เขามองดูเย่ชิงหานที่ยืนทำหน้าโง่ๆ อยู่ข้างๆ แม้จะรู้สึกเห็นอกเห็นใจแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด ทำเพียงแค่มองด้วยสายตาเ็าและกำลังจะเดินผ่านไป
ปัง
เพียงแต่...วินาทีต่อมาเย่เป้าเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังที่ตนเองดูถูกและประมาทจนเกินไป มองเห็นดวงตาอันแหลมคมที่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ของเย่ชิงหานและหมัดที่ไม่ใหญ่โตเท่าใดนัก แต่กลับมีพลังทำลายที่มากมายกว่าหมัดที่ใหญ่โตหลายเท่ากระแทกเข้ามายังอกของตนเอง เขาลูบคลำหน้าอกตนเองพร้อมกับกระอักเืสีแดงสดออกมาคำหนึ่งนอนตัวขดบิดไปมาอยู่บนพื้น
“เดี๋ยวก่อนๆ! เย่ชิงหานฟังข้าอธิบายก่อน”
เย่ชิงเสรีบร้องะโขึ้นมาโดยเร็ว เย่เป้าเป็ลูกสมุนส่วนตัวของเขาจะให้ใครมาทำร้ายตบตีได้ตามอำเภอใจได้อย่างไร เพียงแต่ว่า...สิ่งที่ตอบกลับคำพูดของเขากลับเป็ท่อนขาที่ยกสูงขึ้นแล้วกระทบลงไปอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง
ปัง!
เย่เป้าที่นอนตัวขดงอราวกับกุ้งัอยู่บนพื้นถูกแรงกระแทกจากท่อนขาที่กระทืบลงไปยังกระดูกสันหลังจนแบนยุบราบลงไปกับพื้น เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นอย่างน่าหวาดเสียวขนลุกขนพอง
“เ้า...” เย่ชิงเสอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเย่เป้าที่นอนตายอยู่บนพื้น ในใจรู้สึกหนาวสั่น อยากที่จะพูดอะไร แต่เมื่อมองเห็นดวงตาคู่นั้นของเย่ชิงหานที่เย็นะเืกวาดผ่านมากลับไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
“หากเ้ากล้าหลบหนีไปละก็ละก็ ข้าจะพังเมืองเล็กๆ ที่บิดาเ้าอยู่ให้ราบเป็หน้ากอง”
เย่ชิงหานวูบหายเป็เงาเลือนรางสายหนึ่งอุ้มเย่ชิงอวี่ที่อยู่บนพื้นเข้าประตูห้องไปอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของน้องสาวยังคงอุ่นอยู่แสดงให้เห็นว่าพลังชีวิตยังไม่ได้หายไปจนหมดสิ้น สิ่งแรกที่เย่ชิงหานต้องทำคือช่วยเหลือนางก่อนไม่ใช่ฆ่าคน เพียงแต่เขาไม่ใช่หมอเทวดาและรักษาคนไม่เป็ ที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่แหวนทองเหลืองเพียงเท่านั้น
เขารีบถอดแหวนที่อยู่บนนิ้วนางออกแล้วสวมใส่ให้น้องสาว จากนั้นนำเืสีแดงสดที่อยู่บนหน้าผากของนางมาหยดลงบนแหวน