Chapter 27
We’re going to get away right now
“แล้วรู้จักกับพ่อฉันได้ยังไง”
จูเลียนเอ่ยถามทันทีให้คลายความสงสัย เอ็ดถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองใบหน้าดื้อรั้นของคนอายุคราวลูก เหมือนกันกับทิมไม่มีผิด
“นั่นมันสำคัญกว่าเื่ของแฟรงค์หรือยังไง”
จริงอย่างเขาว่า จูเลียนหันซ้ายหันขวาก่อนจะตัดสินใจนั่งลงบนโขดหินเยื้องๆกัน คนตัวเล็กกอดอกทว่าดวงตากลมเหม่อมองอย่างไร้จุดหมาย ความรู้สึกในตอนนี้มันประดังประเดกันอย่างไม่รู้จะจับจุดตรงไหนก่อน มันรวดเร็วสำหรับเขาเหลือเกินในตอนนี้ คำพูดยาวเหยียดจากคนตรงหน้ามันค่อนข้างเกินกว่าจะรับไหวในเวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมง หากแต่ความอึดอัดและแน่นสุมในอกที่สะท้อนผ่านแววตาของเขานั้น จูเลียนรับรู้ได้ทันทีว่าเขาเก็บมันไว้ในใจมานานแสนนานเหลือเกิน
เดิมทีแค่คนที่อาศัยเก็บข้อมูลมาอีกทีอย่างเขานั้น แค่ได้ฟังรายละเอียดของคดีนี้ก็คงต้องยอมรับว่าขนลุกอยู่ไม่น้อย ความพิสดารของฆาตกรที่สรรหามาเล่นสนุกกับเหยื่อนั้นมันเพิ่มทวีคูณในทุกๆครั้งที่เขาลงมือ คนนอกอย่างเขายังหวาดหวั่น แล้วคนตรงหน้าที่เรียกได้ว่าพ่อแบบมัน จะรู้สึกแบบไหนกัน แววตาของเขาบอกผ่านมาแล้ว
เอ็ดคงคิดว่าจะเปลี่ยนคนเป็ลูกได้ง่ายๆ เขาคงคิดว่าเขาจัดการได้ หากแต่ที่จริงแล้วในใจเขาล้วนรู้ดี แม้กระทั่งคนนอกอย่างจูเลียนเองก็รู้ดี
เราไม่มีวันเปลี่ยนเขาได้
หากเขากลายไปเป็แบบนั้น
หากเขาลงมือทำสิ่งนั้นลงไป
เราไม่มีวันได้เขาคืนอีกเลย
เขาคนเดิมไม่มีทางกลับมาอีกแล้ว
“แล้วจะเอายังไงต่อ”
แววตาอันว่างเปล่าของเอ็ดมองกลับมา เขาก้มหน้าและส่ายหัวเบาๆ เอ็ดรู้ดีอยู่อย่างหนึ่งในใจ และเขามั่นใจเหลือเกินว่ามันเป็แบบนั้น แฟรงค์ไม่ได้โง่ เด็กนั่นเพียงใช้แววตาใสซื่อและท่าทางอ่อนต่อโลกฉาบเคลือบปีศาจร้ายในตัวของเขาได้อย่างแเี และเห็นทีว่าคงจะตบตาจูเลียนสำเร็จ หากแต่ดูท่าทางลูกชายของทิมเองก็ไม่ได้โง่เช่นเดียวกัน
“ฉันพอมีแผนอยู่ แต่ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่า”
“ลองพูดมาก่อนสิ” เอ็ดสูดหายใจเข้าก่อนจะเริ่มเอ่ยแผนการคร่าวๆที่เขาแอบคิดไว้ในใจ
“พรุ่งนี้เช้าฉันจะพาเขาเข้าไปในป่า ฉันจะปล่อยให้นายอยู่คนเดียว พอฉันไปแล้ว นายรีบเข้าไปค้นห้องเขาทันทีเลยนะ แต่มันต้องแยบยลที่สุด ห้องของเขามีแผ่นไม้แผ่นหนึ่งที่ปิดไม่สนิทบนพื้น ทำยังไงก็ได้ให้หามันให้เจอก่อนที่ฉันจะกลับ ถ้าฉันกำลังจะกลับ ฉันจะยิงปืนขึ้นฟ้าสองนัดติดกัน”
“แล้วแผ่นไม้แผ่นนั้นมันมีอะไร” จูเลียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ของที่ระลึก”
“หมายความว่ายังไงของที่ระลึก”
“เวลาไปเที่ยวที่ไหน เรามักจะซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับมาเพื่อให้จำได้ว่าเราเคยไปที่แห่งนั้นจริงมั้ย เขาก็เหมือนกัน…”
เอ็ดไม่ได้พูดอะไรต่อ และจูเลียนเองก็รู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร ของต่างๆที่เขาหยิบฉกฉวยมาจากศพ มันคงอัดแน่นกันอยู่ใต้นั้นเป็แน่ คนตัวเล็กพอนึกจินตนาการแล้วก็รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาเล็กน้อย เคยอ่านแต่เป็ตัวอักษรในบันทึกที่เคนโตะแอบเอามาให้ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง
“นายต้องหยิบมันขึ้นมา แต่อย่าให้ติดรอยนิ้วมือตัวเอง หาอะไรก็ได้ไปใส่ไว้แทนที่” จูเลียนเงียบและฟังที่เอ็ดพูด แววตาของคนอายุคราวพ่อช่างดูคาดหวังในตัวเขาเหลือเกิน
“ฉันหวังพึ่งพ่อนายมาแล้ว แม้มันอาจเป็ความหวังที่ลมๆแล้งๆ แต่ตอนนี้ฉันหวังพึ่งนายแล้วนะ ได้โปรด”
“ปลดปล่อยเขาที”
เสียงร้องขอของคนเป็พ่อช่างสะท้อนในอกอย่างบอกไม่ถูก จูเลียนพยักหน้า รับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่มันเหนือจากความรักที่เขามีต่อแฟรงค์ มันคือความผูกพัน ความรักบางครั้งเราอาจละทิ้งมันได้ในสักวันที่ความเกลียดชังเข้ามาแทนที่ หากแต่ความผูกพันนั้นมันซับซ้อนยิ่งกว่านั้น เอ็ดโอบอุ้มเ้าของดวงตาสีมรกตมาเกือบยี่สิบปี แม้เป็การเลี้ยงดูที่ไม่ถูกหมดเสียเท่าไหร่ ทว่ามันคือที่สุดของเขาแล้วที่เขาจะทำได้
“ไว้ใจกันขนาดนั้นเลยหรอ” คนตัวเล็กทำทีเอ่ยถาม
“ฉันเหลือทางเดียวแล้ว ลำพังฉันเองคงขี้ขลาดเกินกว่าจะลงมือเอง คนกล้าหาญแบบนายทำได้อยู่แล้ว”
“คุณไม่ได้ขี้ขลาดหรอก แต่เพราะคุณเป็พ่อ”
ดวงตาคมมองสบกับคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหู ขอบตาร้อนผ่าวและน้ำใสเอ่อคลอพาลจะไหลหยดลงมาให้ได้ ไม่ใช่เพราะว่าจูเลียนเอ่ยสรรพนามเรียกเขาด้วยถ้อยคำไพเราะหรอก หากแต่คำคำนั้นมากกว่า คำนั้นที่เขาไม่คิดว่าตัวเองสมควรจะได้เป็ ไม่คิดว่าตัวเองสมควรจะถูกเรียกมันเสียด้วยซ้ำ
เอ็ดเฆี่ยนตีตัวเองทางความคิดมาตลอดว่าเขาเป็คนให้กำเนิดปีศาจร้ายในตัวแฟรงค์ขึ้นมา ถ้าหากเขาไม่บังคับหรือแม้แต่สอนให้เด็กนั่นทำแบบที่เขาทำ เื่ทั้งหมดที่บานปลายเสียยิ่งกว่าไฟลามทุ่งมันคงไม่เกิดเช่นนี้ แฟรงค์อาจมีวัยเด็กที่งดงาม อาจมีรอยยิ้มไร้เดียงสาเฉกเช่นกับเด็กคนอื่นๆ
ผ้าขาวที่เขาหยิบขึ้นมา
มันแปดเปื้อนสีดำสนิทและแดงฉานด้วยมือของเขาเอง
“เอาเป็ว่าทำตามแบบที่ฉันบอก แต่อย่าให้เขาระแคะระคายแม้แต่น้อย” เอ็ดกำชับหลังลอบปาดนิ้วเรียวเพื่อไล่หยดน้ำตาที่เอ่อคลอบนดวงตา
“จะทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน แล้วถ้าหลังจากนั้นเราจะเอายังไงต่อ”
จูเลียนเอ่ยถาม ลำพังเขาเองไม่รู้เลยว่ามันควรจะไปในทิศทางไหน เพราะไม่รู้จักแฟรงค์ดีเท่ากับคนที่เลี้ยงดูเขามา แววตาคนแก่คราวพ่อในตอนนี้ดูมีความหวัง ห่างแต่มันไม่ได้่โชติมากนัก เอ็ดรู้ดีว่าแฟรงค์เป็ยังไง และถ้าหากจูเลียนทำพลาดแม้แต่นิดเดียว หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เด็กนั่นรับรู้ บทสรุปของเื่นี้คงมีแต่ความตายเพียงเท่านั้น
“เราจะหนี”
“หนี?” คนตัวเล็กเบิกตาโพลงแทบไม่เชื่อสายตาหลังสิ้นประโยคสั้นๆจากคนตรงหน้า
“เช้ามืดหลังจากที่นายเอาหลักฐานมาได้ เราจะหนีไปทางลัดที่ใกล้ถนนใหญ่ที่สุด เราจะเอาของทั้งหมดส่งให้ตำรวจ”
“มันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรอ แล้วก็จะปล่อยเขาไว้แบบนั้นน่ะนะ” จูเลียนเริ่มเอ่ยเสียงหลง มันช่างเป็แผนการที่ดูเหมือนจะเข้าท่า แต่การหนีออกมาดื้อๆแบบนั้นมันช่างเสี่ยงเหลือเกินในความคิดของเขา
“ฉันรู้ว่ามันฟังดูประหลาด แต่เราเหลือทางนี้แค่ทางเดียวแล้ว ถ้าไม่หนี ไม่ฉันก็นายหรืออาจทั้งคู่คงได้กลายเป็เหยื่อของเขาแน่”
จูเลียนในตอนนี้มีสีหน้าลำบากใจไม่น้อย ถ้าหากเอ็ดคิดเพียงแค่หนีจริงๆ ทำไมจะต้องหวังพึ่งเขาขนาดนั้น การไปบอกตำรวจโต้งๆมันไม่ง่ายกว่าหรือยังไง นี่เขาอยู่ที่นี่มาจะร่วมเดือนแล้ว ทำไม…
“ตกลงตามนี้ กลับกันได้แล้ว หายมานานแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่”
เอ็ดลุกขึ้นยืนและเดินนำไปก่อน จูเลียนส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะลุกเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้ ดวงตากลมจ้องมองแผ่นหลังกว้าง สักพักเขาก็เอ่ยประโยคบางอย่างออกมาท่ามกลางความเงียบ และมันทำให้คนฟังต้องขบคิดต่อลำพังในคืนนี้
“สักวันถ้านายมีลูก หรือผูกพันกับใครสักคน นายคงจะเข้าใจฉัน”
“ทุกอย่างพร้อมนะ”
มือเรียวกระชับสูทเรียบกริบ น้ำหอมเรียบหรูที่ไม่ได้มีใครได้กลิ่นมันบ่อยนักถูกหยิบนำมาใช้ในวันนี้ เสียงจอแจจากภายนอกทำให้พอรู้ว่าเกมในวันนี้นั้นมีตัวหมากเดินเยอะมากแค่ไหน
“พร้อมครับ” ซาโตรุเอ่ย นิ้วเรียวเลื่อนกระดาษหนึ่งแผ่นตรงหน้าให้คนยศใหญ่กว่า เขาก้มมองก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มมุมปากให้
“คุณนี่เหมือนผู้กำกับไม่มีผิด”
ร็อบหัวเราะเบาๆ เขาเลื่อนสายตาอ่านเนื้อความที่ต้องแถลงต่อหน้าคนนับร้อย ไม่สิ อาจถึงพันในวันนี้ ความประหม่ามิอาจทำอะไรเขาได้ ยอมรับว่าใจสั่นเล็กน้อยเพราะการลงทุนในครั้งนี้มันเสี่ยงอยู่พอสมควร
“เชิญมาเยอะมากเลยใช่มั้ย” ร็อบเอ่ยถามย้ำอีกที ซาโตรุพยักหน้า เสียงจอแจนั่นคงเป็เครื่องการันตีได้ดีว่าเื่ในวันนี้นั้นสำคัญแค่ไหน
ร็อบยังจำตอนที่ซาโตรุบอกแผนการในวันนี้ทั้งหมดให้เขาฟังได้ดี ยอมรับว่าใไม่น้อยที่เขากล้าจะเสี่ยงแบบนั้น แต่พอฟังเหตุผลที่เขาเอ่ยมาแล้ว คงต้องยอมรับว่ามันอาจจะพอทำให้เ้าของมือสกปรกที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เงามืดนั้นปรากฏตัวออกมาสักที เพราะไม่อย่างนั้นแล้วสักวันประชาชนก็คงจะได้รับรู้จำนวนศพที่มากขึ้นโดยไม่ต้องรอการแถลงข่าว
แต่สิ่งหนึ่งที่น่าแปลกคือ อยู่ดีๆไอ้หมอนั่นมันก็หยุดลงมือไปซะอย่างนั้น โดยปกติแล้วจากที่ซาโตรุมารายงานให้ฟังบ่อยๆ มันไม่ได้ทิ้ง่ระยะเวลาในการลงมือกับเหยื่อนานขนาดนี้ นี่มันหายไปร่วมเดือนแล้ว น่าสงสัยอยู่ไม่น้อย หากแต่สิ่งที่ร็อบอยากได้ในตอนนี้คงจะเป็ตัวมันเสียมากกว่าเหตุผลที่มันหายไป
“อีกห้านาทีนะครับ” ซาโตรุเอ่ยหลังก้มมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือที่สวมอยู่
“ขอผมเข้าห้องน้ำสักครู่ เจอกันข้างหน้าเลยแล้วกัน” ร็อบลุกจากเก้าอี้ ก่อนจะผลักประตูกระจกหายไป ซาโตรุเองก็นั่งนิ่งคิดอะไรอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลุกออกไปจากห้องนี้เช่นกัน
ขอให้มันเป็ไปแบบที่คิดทีเถอะ
“เรียบร้อยครับ”
แซมเลื่อนถุงกระดาษที่ภายในอัดแน่นไปด้วยของมากมายให้แก่หญิงวัยกลางคน เธอยิ้มรับก่อนจะเดินจากไป ชายหนุ่มชะโงกหน้าดูลูกค้าคนถัดไปก่อนจะพบกับใบหน้าที่คุ้นเคยยืนอยู่ มันเรียบเฉยดังเดิม เขาค่อยๆวางของทีละชิ้นลงบนเคาท์เตอร์ แน่นอนว่ามันไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำดังเดิม
แต่แล้วบางอย่างก็ทำลายความเงียบระหว่างคนทั้งคู่ลง เสียงตัดเข้าข่าวด่วนจากทีวีจอขนาดพอดีภายในร้านทำเอาทั้งแซมและลูกค้าประจำท่าทางไม่เป็มิตรนั้นหันมองเป็ตาเดียวกัน
“โอ้พระเ้า นี่เื่จริงจริงๆสินะ” แซมอุทานออกมาทันทีหลังฟังนายตำรวจตัวสูงชะลูดในชุดสูทเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ตามที่ประชาชนหลายๆคนในเมืองได้รับฟังถึงข่าวลือเื่ฆาตกรในเมือง กรมตำรวจต้องขออภัยเป็อย่างสูงที่ต้องปกปิดเื่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้มาตลอด แต่เพื่อความสงบและเพื่อให้ท่านได้ใช้ชีวิตประจำวันอย่างไร้ความกังวล เราจึงจำต้องจัดการเื่ที่หนักหนาเช่นนี้อย่างลับๆ”
“แต่ตอนนี้ทุกท่านไม่จำเป็ต้องกังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะเราสามารถควบคุมตัวฆาตกรต่อเนื่องได้เรียบร้อย และเขาอยู่ในการดูแลของกรมตำรวจอย่างใกล้ชิด ขอให้ทุกท่านแน่ใจได้เลยว่าจะไม่มีเหตุการณ์ที่น่ากลัวเช่นนี้เกิดขึ้นในเมืองอีก และเราจะนำตัวเขามาแถลงข่าวอีกครั้ง ขอบคุณครับ”
นายตำรวจในจอทีวีพับไมค์และผละตัวจากโพเดียมเดินหายเข้าไปในห้องกระจกด้านหลังท่ามกลางแสงแฟลชระรัวและเสียงจอแจของนักข่าวร่วมนับพันชีวิต แซมยกมือขึ้นปิดปาก มันเป็อย่างที่เขาคิดจริงๆ ข่าวลือที่เขาคิดเพียงแต่ว่ามันคงเป็ข่าวลือเท่านั้น แซมลูบอกด้วยความโล่งใจ ชายหนุ่มหันมาคิดเงินให้กับลูกค้าต่อ เช่นเดิมที่เขาวางเงินบนเคาท์เตอร์และหอบของทั้งหมดออกไป
เสียงปิดประตูบุโรทังคันเก่าดังสนั่น ทว่าเสียงสตาร์ทพร้อมควันขาวเทาโขมงยังไม่ตามมา ร่างหลังพวงมาลัยหอบหายใจเข้าออก ใจเต้นสั่นระรัว เอ็ดจำได้แม่นและรู้ดีว่านายตำรวจบนหน้าจอทีวีเมื่อครู่คือใคร และสิ่งที่เขาบอก จับได้แล้ว จับได้แล้วงั้นหรอ มันจะเป็ไปได้ยังไงกัน มันต้องไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ เอ็ดสตาร์ทรถและมุ่งไปยังที่หมายทันที เขาต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปกว่าเดิมแน่ๆ
ลมเย็นพัดโชยเอื่อยทำเอาเรือนผมสีน้ำตาลเข้มปลิวไสว จูเลียนก้มตัวดึงวัชพืชออกจากแปลงผัก ความเงียบปกคลุมอยู่สักพักแล้วั้แ่เอ็ดออกไปจากบ้านตามปกติ ความหวาดหวั่นยามที่ต้องอยู่กับแฟรงค์สองคนตามลำพังมันยังคงอยู่ แต่ในตอนนี้เ้าของเรือนผมสีมะฮอกกานีหายเข้าไปตักน้ำที่ลำธาร เมื่อเช้าตอนเจอหน้ากันแฟรงค์เพียงส่งยิ้มให้บางๆ
จู่ๆเสียงย่ำเท้าก็ทำลายภวังค์ของจูเลียนให้สิ้นลง คนที่กำลังนึกถึงมาได้จังหวะพอดี เขาค่อยๆวางถังสังกะสีลงข้างๆตัวจูเลียนอย่างระมัดระวัง ทำท่าจะก้าวเดินไปอีกทางเพราะรู้ดีว่าจูเลียนคงไม่เอ่ยอะไรกับเขา ทว่าผิดคาด
“ขอบคุณนะ”
ไม่เพียงแต่ถ้อยคำจากปากที่ส่งเสียงเพราะหู ทว่ารอยยิ้มที่เขาเฝ้าอยากจะเชยชมมาตลอดดันปรากฏบนใบหน้ากลมนั่นด้วย แน่นอนว่าแฟรงค์ยิ้มตามทันที เขาเปลี่ยนจุดหมายจากกองฟืนที่ห่างออกไปพอสมควรมาเป็ข้างๆจูเลียนทันทีด้วยความดีใจ
“หะ ให้ผมช่วยมั้ย” เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก ท่าทางที่ดูตึงเครียดแปรเปลี่ยนเป็คลายกังวลลงมาทันทีแค่เพียงจูเลียนเอ่ยปากพูดกับเขา
“เอาสิ” คนตัวเล็กเขยิบออกให้แฟรงค์แทรกตัวเข้ามาได้ง่ายกว่าเดิม นั่นมันยิ่งทำให้อีกคนใจเต้นระส่ำด้วยความดีใจเหลือล้น
“ผมคิดว่า…”
หลังจากมือทั้งสองคู่ช่วยกันจัดการวัชพืชในแปลงท่ามกลางความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มก็เป็ฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อนและหยุดชะงักไป เขาไม่รู้ว่าควรพูดมันดีมั้ย แต่แล้วดวงตากลมก็ช้อนมองเขาอย่างตั้งคำถาม ตาใสแป๋วของจูเลียนทำเอาก้อนเนื้อใต้อกข้างซ้ายเต้นระส่ำอย่างบอกไม่ถูก
“อะไรหรอ” จูเลียนดูจะละความสนใจจากแปลงผักมาเป็คนข้างๆแทนเสียแล้ว
“ผมแค่คิดว่า คิดว่าคุณจะไม่พูดกับผมอีกแล้ว”
สุ้มเสียงเขาดูอัดแน่นมันไว้นานพอสมควร มันมีทั้งความกังวล สายตาเขาดูไม่มั่นใจที่จะพูดออกไป จูเลียนเองเดาไม่ผิดคาดว่าเขาคงต้องพูดอะไรแบบนี้ออกมาแน่นอน คนตัวเล็กเองเย็นวาบไปทั้งตัว จูเลียนรู้ดีว่าสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้มันคือละครฉากใหญ่เสียยิ่งกว่าหนังฟอร์มั์ และมันจะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย
“ฉันขอโทษที่อยู่ดีๆฉันก็เมินนายไปซะอย่างนั้น ฉันแค่คิดถึงครอบครัวน่ะ คิดถึงพ่อกับพี่ชาย ฉันก็เลยไม่อยากจะยุ่งอะไรกับใครเลย”
แฟรงค์พยักหน้ารับ เขากุลีกุจอล้างมือที่เปรอะเปื้อนดินและเช็ดมันกับเสื้อสีมอจนคิดว่าสะอาด ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบเรือนผมของจูเลียนอย่างแ่เบาพร้อมรอยยิ้ม จูเลียนยิ้มตอบ แต่มันคงเป็รอยยิ้มที่ต้องพยายามข่มอารมณ์ความกลัวไว้ให้น้อยที่สุดแล้วในชีวิต
“คุณอยากไปเจอพ่อกับพี่ชายหรอ”
จูเลียนพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้ม ทว่าจู่ๆสีหน้าของคนถามก็แปรเปลี่ยนเป็เรียบเฉย หากแต่ััแ่เบายังคงสานต่ออยู่ที่เรือนผมของจูเลียนไม่เปลี่ยน
“คุณไม่อยากอยู่ที่นี่กับผมบ้างหรอ”
ประโยคนั้นแ่เบาเสียจนแทบเป็คำกระซิบเสียด้วยซ้ำ และดูเหมือนแฟรงค์เองก็ไม่ได้อยากให้จูเลียนได้ยินมันเสียด้วยซ้ำ ทว่าท่ามกลางความแ่เบาและเงียบเชียบของผืนป่านั้น จูเลียนได้ยินมันอย่างชัดเจน คนตัวเล็กรับรู้ถึงความหวาดกลัวในอกของตัวเองได้เป็อย่างดี
แฟรงค์ละััจากเรือนผม เขาเอื้อมมือมาจับใบหน้ากลมแทน นิ้วโป้งเรียวลูบพวงแก้มอย่างแ่เบา ดวงตาของเขาไม่ได้อ่อนโยนเหมือนกับััเลยสักนิด มันฉายแววบางอย่างที่มองแล้วน่าอึดอัดใจชอบกล จูเลียนเพียงแต่ส่งยิ้มบางๆให้เท่านั้น สถานการณ์ในตอนนี้ราวกับจูเลียนไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปล่อยให้เป็ไปตามที่อีกคน้าก่อน
“ถ้าเป็ไปได้…” แววตาเรียบเฉยชวนอึดอัดแปรเปลี่ยนเป็วิงวอนแทนเสียแล้ว
“ผมอยากอยู่กับคุณ อยากอยู่กับคุณตลอดไป”
เขาละมือออกจากใบหน้ากลม ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นดินและสวมกอดร่างเล็กอย่างโหยหาโดยที่จูเลียนไม่ทันตั้งตัว แน่นอนว่าเขาสะดุ้งเล็กน้อย แต่ยังข่มอาการไม่ให้อีกคนรู้สึกสงสัยได้อยู่ แฟรงค์ซุกใบหน้ากับไหล่เล็กราวกับเด็กๆ เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น จูเลียนตัดสินใจกอดตอบและลูบเบาๆที่แผ่นหลังของเด็กหนุ่ม
“ผมรักคุณ”
ทันทีที่บุโรทังคันเก่าจอดเทียบจุดหมาย เอ็ดก้าวขาลงจากรถและวิ่งเข้าไปในที่ที่หนึ่งอย่างรีบร้อน เขากวาดสายตามองหาที่นั่ง แม้รีบร้อนเพียงใดแต่สถานที่และรอบข้างในตอนนี้มันบังคับให้เขาต้องทำทุกอย่างอย่างเงียบเชียบและส่งเสียงให้น้อยที่สุด
“พอจะมีกระดาษกับปากกาให้ผมยืมสักหน่อยมั้ยครับ”
เขาเอ่ยขอความช่วยเหลือจากนักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่คนเดียว เอ็ดสองจิตสองใจว่าเธอจะยอมช่วยหรือไม่ เพราะการแต่งตัวและท่าทางของเขาเองก็ดูไม่เข้ากันกับที่นี่สักเท่าไหร่ในความคิดเขา ทว่าเด็กสาวส่งยิ้มบางๆให้พร้อมกับสิ่งที่เขาร้องขอ เอ็ดก้มหัวขอบคุณก่อนจะรีบนั่งลงบนเก้าอี้ที่ไม่ห่างจากเด็กสาวมากนัก
ปลายปากกาขีดเขียนเป็ตัวอักษรลงในกระดาษ ใจความมันมีไม่มากนัก หากแต่ทั้งหมดในจดหมายฉบับนี้จากเขาคงทำให้ผู้รับได้รู้ถึงอะไรบางอย่าง และคงจะได้รับรู้ถึงความจริงถ้าหากเขาอ่านแล้วเข้าใจในสิ่งที่เอ็ดจะสื่อ เขาละมือและคืนปากกาให้แก่หญิงสาว ก่อนจะรีบรุดออกไปอีกที่ทันที
เขาหอบหายใจเล็กน้อยหลังจากจัดการทุกอย่างที่กะทันหันในวันนี้เสร็จสิ้น เอ็ดไม่คิดเลยว่าคดีที่ใหญ่แต่ถูกเก็บเงียบแบบนี้ วันดีคืนดีจะถูกแถลงผ่านทีวีต่อหน้านักข่าวนับร้อยนับพัน อีกอย่างคนที่แถลงก็เป็คนที่เขารู้จักดี แต่เอ็ดเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าร็อบยังจะจำเขาได้อยู่มั้ย
ฉันได้แต่หวังว่านายจะเปิดอ่านมัน
จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังต้องหวังพึ่งพวกนายอยู่เลย
“ฉันจะไปแค่พักเดียว อย่าตุกติกคิดจะหนีล่ะ”
เอ็ดยกมือชี้หน้าจูเลียนพร้ะคอกเสียงแข็ง ละครฉากใหญ่กำลังแสดงและคนทั้งสองเสแสร้งราวกับว่าไม่เคยตกลงว่าจะร่วมมือกันแม้แต่น้อย แฟรงค์มองหน้าจูเลียนด้วยความเป็ห่วง แต่เห็นทีจะให้ขัดคำสั่งพ่อคงเป็ไปไม่ได้ เอ็ดกระชับกระบอกปืนที่สะพายอยู่ที่บ่าให้มั่น ก่อนจะออกเดินนำไปก่อนท่ามกลางความอึมครึมและสีท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง
ทันทีที่ทั้งสองลับหายไปจนไม่เห็นแผ่นหลัง จูเลียนรีบล้วงเอากุญแจดอกเล็กจากในกระเป๋ากางเกงมาถือในมือทันที มันเป็กุญแจห้องของแฟรงค์ เอ็ดแอบส่งให้ตอนที่แฟรงค์ไม่ทันเห็น ถึงแม้ไม่รู้ว่าเอ็ดได้มันมาจากไหน และไม่ได้มีเวลามากพอจะเอ่ยถาม แต่ในตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือรีบหาแผ่นไม้แผ่นนั้นให้ไวที่สุด
มือเรียวเอื้อมจับลูกบิดประตูและเสียบลูกกุญแจเข้าไป บิดไขมันออกอย่างง่ายดาย ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปภายในห้องของแฟรงค์ ห้องเพียงห้องเดียวที่จูเลียนไม่เคยมีโอกาสได้เข้าไปนั้น ความเย็นะเืก็แผ่ซ่านและทักทายคนมาใหม่ทันที จูเลียนมองซ้ายขวา มีเพียงฟูกที่นอนไม่ต่างจากของตัวเขาในชั้นใต้ดินเท่าไหร่นัก ทว่าบางสิ่งที่ตระหง่านกลางห้องนั้นเรียกความสนใจได้เป็อย่างดี
เสาไม้กลางห้องที่ดูแข็งแรงเบื้องล่างถูกพันด้วยโซ่ตรวนเส้นปานกลาง ปลายทางมันถูกวางทิ้งไว้บนฟูกที่นอน คนตัวเล็กก้าวเท้าเข้าไปใกล้ พบแม่กุญแจขนาดใหญ่วางทิ้งไว้ มันหนักขนาดจะต้องล่ามกันไว้เลยหรอ เขาคงพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วสินะ แต่ผลลัพธ์มันคงเป็ศูนย์จริงๆ
จูเลียนสะบัดหัวไล่ความคิด รีบสังเกตมองบนพื้นเพื่อหาไม้แผ่นนั้นที่เอ็ดว่าให้ทันก่อนที่เสียงปืนสัญญาณจะดังเตือน ดวงตากลมสอดสายตา ก่อนจะตัดสินใจคุกเข่าลงบนพื้นและใช้มือทั้งสองคลานไปบนพื้น ให้ััช่วยคงจะดีกว่าใช้สายตามองเพียงอย่างเดียวแบบนี้ ทว่าสิ่งหนึ่งที่เริ่มเป็อุปสรรคก็คือความมืดของท้องฟ้าที่เริ่มเพิ่มขึ้น ทีแรกคิดไว้ว่าเอ็ดคงกลับมาไวกว่านี้ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงกลับช้ากว่าเดิมตั้งนานโข
คนตัวเล็กคลานไปมาบนพื้นอย่างไร้ทิศทาง จับจุดไม่ถูกเลยสักนิดว่ามันควรจะเป็ตรงไหนกันแน่ จูเลียนยกแขนข้างหนึ่งปาดเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดขึ้นบนหน้าผากช้าๆ ในใจเริ่มคิดว่าหรือการเดินไปมาทั่วห้องอาจช่วยได้มากกว่ากันนะ พอเป็แบบนั้นเขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นและเดินไปทั่วห้องแทน
ทันใดนั้นความรู้สึกบางอย่างที่ปลายเท้าก็ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งโหยง จูเลียนกุลีกุจอคุกเข่าลงกับพื้น แผ่นไม้ที่ไม่เรียบเท่าแผ่นอื่นปรากฏตรงหน้าของเขาแล้วในตอนนี้ รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นอย่างดีใจ มือเรียวรีบจับปลายที่เผยอขึ้นมาและงัดขึ้นอย่างแรงทันที
“พระเ้า…”
จูเลียนอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างนิ่งด้วยความใ ทุกสิ่งที่ได้อ่านมาจากบันทึกของพ่อเคนโตะ ทุกอย่างที่เขาเก็บมาจากทุกศพ มันล้วนอัดแน่นอยู่ภายใต้ไม้แผ่นนี้เอง ช่องว่างขนาดแค่ฝ่ามือเพียงเท่านั้น จูเลียนรวบรวมสติ ล้วงเอาเศษผ้าที่ฉีกจากปลายเสื้อตัวเก่าและค่อยๆหยิบของทั้งหมดผ่านผ้ามาวางบนพื้นไม้ทีละชิ้น จนกระทั่งชิ้นสุดท้ายถูกวางลงบนพื้นไม้ บางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่เนิ่นนานก็ปรากฏขึ้น
นี่สินะ
ปืนกระบอกนี้เองสินะที่มันใช้
จูเลียนหยิบมันขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา พลิกซ้ายขวามองดูด้วยใจเต้นระส่ำ ปืนนี้เองหรอที่เป็มัจจุราชคร่าชีวิตคนนับไม่ถ้วน เพราะอะไรกันนะแฟรงค์ เพราะอะไรนายถึงเริ่มทำอะไรแบบนั้น ฉันไม่เข้าใจเลย
ปั้ง!
จูเลียนรีบล้วงเอาเศษกิ่งไม้นับสิบใส่ลงไปแทนที่ของทั้งหมดที่หยิบขึ้นมา เอ็ดให้สัญญาณแล้ว และเขาจะไม่มีทางทำเสียเื่แน่ จูเลียนรีบวางเศษผ้าผืนเดิมทับลงบนหลักฐานทั้งหมด ก่อนจะห่อมันและหอบไว้ในอก ก่อนจะออกแรงวิ่งลงบันไดไปชั้นใต้ดิน และซ่อนทุกอย่างไว้ใต้หมอน จากนั้นร่างเล็กจึงรีบวิ่งขึ้นมาปิดแผ่นไม้และล็อกประตูไว้ดังเดิม
ไม่นานนักคนทั้งคู่ที่หายไปก็กลับมายังกระท่อมหลังเดิม เอ็ดไม่มองหน้าจูเลียน เช่นเดียวกันกับคนตัวเล็กที่เพียงส่งยิ้มให้แฟรงค์เท่านั้น โชคดีที่เหงื่อบนหน้าผากหายไปหมดแล้ว พิรุธในตอนนี้จึงบอกได้ว่าคงไม่มีให้อีกคนจับแน่ๆ
มันต้องสำเร็จ
เหลือแค่ทางเดียวแล้วที่จะได้เจอพี่ เจอพ่อ และเจอเคนโตะ