“เ้าทำอะไร รู้หรือไม่ว่าข้าต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงใดกว่าจะพาเ้าวางบนเตียงได้สำเร็จ?!”
กงอี่โม่ตวาดใส่จนเสี่ยวกงเจวี๋ยหดคอลงทว่าเขาไม่ได้รู้สึกเสียหน้าหรือหวาดกลัว ปกติเด็กน้อยมักความรู้สึกไวอยู่แล้วเขาััได้ว่าเสด็จพี่ผู้นี้มองเขาเป็อริ แต่อีกฝ่ายเป็คนจิตใจดีทำให้เขาไม่จำเป็ต้องระวังตัวขนาดนั้น
“ขอบคุณ”
เขารีบคว้าชุดเปียกชุ่มของกงอี่โม่ไว้อย่างรวดเร็วดวงตาโตสีน้ำหมึกแดงก่ำราวกับกระต่ายตัวน้อย ดูกังวลและรู้สึกผิดอยู่บางส่วนเขายังพูดเหมือนปกติไม่ได้ ได้แต่ใช้น้ำเสียงนุ่มนวลของเด็กน้อยค่อยๆ กล่าวออกมา
“ขอบคุณเสด็จพี่” คำว่าเสด็จพี่เพียงคำเดียวทำให้ท่าทีของกงอี่โม่พลันเปลี่ยนไปนางรู้สึกพอใจอย่างประหลาด
ในที่สุดนางก็ทนตีหน้าขรึมไม่ไหวอีกแล้วมนุษย์ตัวน้อยในร่างของนางกำลังแหงนหน้าหัวเราะเย้ยฟ้า
ไม่มีใครคาดคิดว่า ผู้ที่สังหารบิดาสังหารพี่ชายก่อเหตุการณ์นองเืในวังหลัง สังหารคนราวกับผักปลาอย่างเซ่อเจิ้งอ๋องวันนี้เขาเรียกนางว่าเสด็จพี่ด้วยสภาพน่าสงสาร? ใครจะกล้าคาดคิดภาพเช่นนี้บ้าง?
เมื่อเห็นกงอี่โม่มีท่าทีอ่อนลง กงเจวี๋ยพลันสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายพอใจตรงส่วนไหนแม้จะรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็รีบเรียกเสด็จพี่ซ้ำอีกครั้งอย่างรวดเร็วราวกับเ้ากวางน้อยที่กำลังตื่นตระหนก ดูน่าสงสารและน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน
การเรียกเสด็จพี่ครั้งนี้ทำให้กงอี่โม่พอใจมากนางมองเด็กชายตัวน้อยเบื้องหน้าโดยไม่รู้สึกขัดลูกหูลูกตามากเหมือนแต่ก่อนอันที่จริงตอนอีกฝ่ายเป็เด็กก็ดูว่านอนสอนง่ายอยู่เหมือนกัน
“ถือว่าเ้าฉลาดมีไหวพริบดี”
กงอี่โม่ส่งยิ้มเ็าจากนั้นจึงเตรียมตัวจากไป ทันใดนั้น พลันมีเสียงท้องร้องดังขึ้น เสี่ยวกงเจวี๋ยหน้าแดงก่ำในฉับพลันเขากุมท้องของตนพร้อมมองนางอย่างขัดเขิน
อาหารที่นางวางทิ้งไว้ยังคงวางอยู่ในสวนตอนนี้เกรงว่าคงไม่สามารถทานได้อีกแล้ว
เนื่องจากในตำหนักเย็น อาหารถือเป็ของหายากดังนั้น แม้จะรู้สึกหิวโหยมากมายเพียงใด เสี่ยวกงเจวี๋ยก็เข้าใจตรงจุดนี้เป็อย่างดีเขาจึงไม่คิดเอ่ยปาก ทว่าร่างกายของเขากลับไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งจึงทำให้เกิดสถานการณ์น่าอึดอัดขัดเขินเช่นนี้
กงอี่โม่ก็ได้ยินเสียงนี้ด้วยเช่นกัน ใบหน้าของนางอ่อนลงเล็กน้อยแม้ว่ายังคงไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเช่นเคย ทว่านางกลับหยิบหมั่นโถวชิ้นหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ
แม้จะเย็นชืด ทว่ากงเจวี๋ยไม่ได้ทานหมั่นโถวก้อนโตที่สะอาดสะอ้านเช่นนี้มานานเหลือเกิน
กงอี่โม่ถอนหายใจราวกับต้องจำใจยอมรับชะตากรรมนางนั่งลงข้างเตียงของเขา มือของนางหยิบน้ำขวดหนึ่งออกมา ฉีกหมั่นโถวเป็ชิ้นเล็กๆป้อนใส่ปากของเด็กน้อยอย่างช้าๆ ท่าทางของนางดูฝืนเกร็งไม่เป็ธรรมชาติอีกทั้งยังดูระมัดระวังเป็พิเศษ เห็นได้ชัดว่านางไม่เคยดูแลเด็กน้อยมาก่อน
นางป้อนหมั่นโถวหนึ่งคำ จากนั้นจึงป้อนน้ำตามหนึ่งคำ
เสี่ยวกงเจวี๋ยหิวโซ ในตำหนักเย็นอันโดดเดี่ยวเงียบสงบแห่งนี้มีเพียงเสียงกลืนอาหารของเขาเท่านั้นดวงตาโตคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย ราวกับกำลังข้องใจตอนนี้เขากำลังอยู่ในความฝันใช่หรือเปล่า?
ปลายนิ้วของอีกฝ่ายเย็นเล็กน้อยสีหน้าแสดงความรำคาญอย่างเห็นได้ชัด ทว่ากิริยาท่าทางกลับอ่อนโยน ทุกครั้งที่กงอี่โม่ป้อนหมั่นโถวใส่ปากของกงเจวี๋ยนิ้วมือของนางจะัักับริมฝีปากร้อนผ่าวของอีกฝ่าย ริมฝีปากนั้นแห้งผากแต่อ่อนนุ่มทุกครั้งที่ัันางจึงรู้สึกสั่นสะท้านอยู่ในใจ
นี่คือความจริงกงเจวี๋ยเบื้องหน้าของนางยังเป็เพียงเด็กน้อยคนหนึ่งจริงๆ
ทว่าแล้วอย่างไรล่ะ?
ความรู้สึกใจอ่อนไม่ได้เกิดขึ้นนานนัก กงอี่โม่ปัดมือให้สะอาดเมื่อเห็นว่าเสี่ยวกงเจวี๋ยเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง นางจึงรีบห้ามเขาไว้
กงอี่โม่จงใจมองเมินดวงตาหยกสีน้ำหมึกคู่นั้นนางเบนสายตาหนีอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก อีกทั้งยังตีสีหน้าเ็าพร้อมเอ่ยขึ้น
“เอาล่ะ เ้าอย่าพูดเลย ตำหนักเย็นแห่งนี้มีอันตรายรอบด้านตัวข้าเองคงช่วยเ้าได้เพียงเท่านี้ ต่อไปเ้าก็ระวังตัวให้ดีล่ะ”
แม้จะรู้สึกสงสารและเห็นใจอีกฝ่ายทว่ากงอี่โม่เข้าใจความคิดของตนเองเป็อย่างดี นางไม่มีทางเป็แม่พระคอยช่วยเหลือคนที่เคยสังหารนางอย่างทรมานในชาติที่แล้วอย่างแน่นอนอีกทั้งกงเจวี๋ยก็มีชีวิตเป็ของตนเอง ชะตาชีวิตของเขาถูกกำหนดไว้แล้วเขาต้องเดินบนเส้นทางอันยิ่งใหญ่อย่างโดดเดี่ยวเขากับนางไม่ได้อยู่บนเส้นทางเดียวกัน
เมื่อกล่าวจบ นางเห็นเด็กน้อยแสดงสีหน้าหวาดหวั่นทันทีนางไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายอยากกล่าวสิ่งใด แต่ทำใจแข็งรีบหมุนตัววิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
มือของเสี่ยวกงเจวี๋ยที่ยกขึ้นนิ่งค้างเล็กน้อย ปากน้อยๆ อ้าออกทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขาพยายามควบคุมความรู้สึกเสียใจ ดวงตาโตสะท้อนประกายอ่อนแออยู่ชั่วครู่เกรงว่าเสด็จพี่ผู้นี้คงไม่อยากเดือดร้อนไปกับเขากระมัง แต่น่าเสียดายเขายังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายชื่ออะไรเลย
เช้าตรู่ กงอี่โม่จะขับเคลื่อนพลังภายในอยู่สองชั่วยามจากนั้นจึงจะตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ ทุกครั้งหลังจากฝึกพลังภายในแล้วนางมักจะสดชื่นมีชีวิตชีวาอยู่เสมอเวลานี้อาการตัวร้อนเป็ไข้จากการตากฝนเมื่อคืนนี้ก็หายเป็ปลิดทิ้ง
ชาตินี้นางเริ่มฝึกวรยุทธ์ค่อนข้างช้าทว่าอย่างน้อยนางก็เคยฝึกวิชามาแล้วครั้งหนึ่ง การฝึกฝนแต่ละส่วนจึงไม่ได้ลำบากนักหากยังคงเป็เช่นนี้ต่อไปอีกสองสามปีพลังภายในของนางจะต้องกลับมาเหมือนเดิมอย่างแน่นอน
เวลานี้ ประตูตำหนักเย็นของนางถูกใครบางคนผลักเข้ามาอย่างไม่เกรงใจนางกำนัลคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธจัด อีกฝ่ายกระแทกสำรับลงบนโต๊ะ กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก
“นังผีป่วย ทำไมยังไม่ตายไปเสียที”
จังหวะที่นางเดินเข้ามานั้น กงอี่โม่ได้เอนตัวลงนอนเรียบร้อยแล้วนางจำนางกำนัลผู้นี้ได้อย่างดีอีกฝ่ายคือนางกำนัลคนที่สามที่เข้ามาทำหน้าที่ดูแลนางส่วนสองคนก่อนหน้าต่างขอเปลี่ยนหน้าที่ด้วยค่าใช้จ่ายราคาสูง ก็ใช่จะมีใครบ้างที่ยินดีดูแลองค์หญิงป่วยหนักผู้นี้องค์หญิงไม่เป็ที่โปรดปรานก็แย่พอแล้ว ป่วยมานานถึงสี่ปีแต่ยังไม่สิ้นใจตรงจุดนี้ก็ถือเป็ความมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง
กงอี่โม่แกล้งทำเป็เพิ่งตื่นขึ้นมา นางเหลือบมองอีกฝ่ายชั่วครู่ ทุกครั้งที่นางกำนัลคนนี้อารมณ์เสียอีกฝ่ายจะมาระบายอารมณ์กับกงอี่โม่ในอดีตอยู่เสมอ บางครั้งก็หายตัวไปสองสามวันเวลากงอี่โม่ฝึกวรยุทธ์ นาง้าความเงียบสงบเมื่อคิดถึงเสี่ยวกงเจวี๋ยที่อยู่ในตำหนักเย็นเหมือนกับตนนางจึงเกิดความคิดบางอย่าง นางยอมเหนื่อยในครั้งนี้เพื่อความสงบในระยะยาว
นางกลอกตาหนึ่งรอบ หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ไม่รู้ได้มาจากที่ไหนออกมาจากนั้นจึงเริ่มส่งเสียงไอสุดกำลัง นางกำนัลผู้นั้นกลัวจะติดโรคไปด้วยอีกฝ่ายจึงรีบเดินห่างออกไปอย่างรังเกียจทว่ากลับได้ยินเสียงอ่อนระโหยโรยแรงของกงอี่โม่ดังขึ้น
“อา เื” บนผ้าเช็ดหน้าที่ถูกยกขึ้นมามีรอยโลหิตอย่างเห็นได้ชัด
เวลานี้นางกำนัลรู้สึกใกลัวอย่างแท้จริงกงอี่โม่ไม่รอให้อีกฝ่ายได้กล่าวอะไร นางจึงเอ่ยอย่างติดๆ ขัดๆ ดูน่าเวทนา
“คงไม่ได้เป็โรคปอดหรอกนะ”โรคนี้เป็โรคติดต่อเสียด้วย
นางกำนัลผู้นั้นใจนรีบวิ่งออกไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายวิ่งออกไปไกลแล้ว กงอี่โม่จึงคลี่ยิ้มอย่างผ่อนคลาย
อีกไม่นาน ตำหนักเย็นส่วนที่นางพักอาศัยจะถูกกั้นบริเวณเป็พิเศษคงไม่มีใครเข้ามาตรวจสอบว่าองค์หญิงผู้ไม่เป็ที่โปรดปรานเช่นนางจะเป็โรคปอดจริงหรือเปล่าดังนั้น การปล่อยให้นางมีชีวิตตามยถากรรมจึงเป็วิธีที่ดีที่สุด
ต่อไปนอกจากส่งสำรับแล้วคงไม่มีใครเซ่อซ่าทะเล่อทะล่าเข้ามาหาเื่นางอีกส่วนนางก็สามารถฝึกวิชาได้อย่างสบายใจ มิฉะนั้น หากมีใครพบความผิดปกติของนางถึงตอนนั้นคงจะกลายเป็เื่ใหญ่โตอย่างแท้จริง
เหตุการณ์เป็ไปตามที่คาดการณ์ไว้ เพียงไม่นาน นางกำนัลกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในเรือนอย่างรีบร้อนเมื่อเห็นนางป่วยหนักอ่อนแรง ในมือถือผ้าเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยรอยโลหิต เวลานี้จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นางพวกเขารีบกั้นบริเวณนี้ออกเป็พิเศษ มีการกั้นอยู่หลายชั้นเหลือไว้เพียงหน้าต่างบานเล็กๆ บานหนึ่งพวกเขาเหลือส่วนนี้ไว้เพื่อส่งสำรับเท่านั้นคนเหล่านี้คิดจะปล่อยให้นางมีชีวิตตามยถากรรมจริงๆซึ่งสำหรับเด็กน้อยอายุเจ็ดขวบแล้ว การกระทำเช่นนี้ถือว่าโเี้เหลือเกิน
กงอี่โม่คลี่ยิ้มเล็กน้อย เหตุการณ์ทุกอย่างเป็ไปตามที่นาง้าเมื่อรอให้ทุกคนเดินห่างออกไป ในที่สุดนางจึงรู้สึกวางใจนางะโลงจากเตียงเข้าไปในสวน เมื่อสูดลมหายใจลึกๆ แล้วนางจึงเริ่มเคลื่อนไหวร่างกาย
แสงแดดหลังฝนสาดส่องลงมาเป็สีทองอร่าม ส่องบนใบหน้าเล็กๆที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อของเด็กน้อยร่างผอมบางนางเพิ่งฝึกทั้งพลังภายในและพลังภายนอกอย่างละชุดพลังภายนอกมีลักษณะคล้ายกับสิ่งที่ผู้คนในโลกก่อนที่นางทะลุมิติมาเรียกกันว่าไทเก็กส่วนพลังภายในเป็การเน้นความยาวนานต่อเนื่องไม่สิ้นสุด เป็การกักเก็บพลังให้มากและปล่อยออกมาอย่างช้าๆ