อสนีบาตฟาดเปรี้ยงพระราชวังครึ่งหนึ่งพลันสว่างวาบ
เสียงอสนีดังตามมาจนกงอี่โม่สะดุ้งใ นางมองไปนอกหน้าต่างคิดถึงเด็กน้อยที่ถูกทำร้ายร่างกายผู้นั้นอย่างอดไม่ได้ เมื่อนางจากมาแล้วไม่รู้ว่าเขาเดินไหวหรือเปล่า? หากเขาาเ็สาหัสจนหมดสติล่ะ? เหตุการณ์จะเป็เช่นไร? นั่นก็หมายความว่าเขาต้องนอนตากฝนอยู่ในสวนเป็ครึ่งค่อนคืนอย่างนั้นหรือ?
ส่วนนางกำนัลในตำหนักเย็นเ่าั้นางไม่เคยคาดหวังเลยนางกลับมาเกิดใหม่ได้สามวันแล้วทว่านางกำนัลที่ทำหน้าที่ส่งสำรับกลับมาที่เรือนของนางเพียงสามครั้งเท่านั้นมิน่านางจึงผอมบางขนาดนี้
กงอี่โม่นอนพลิกตัวไปมา ยิ่งคิดก็ยิ่งนอนไม่หลับส่วนหนึ่งนางคิดว่าเ้าตัวร้ายคนนั้นไม่มีทางตายในตอนนี้ เพราะสุดท้ายเขายังรอดชีวิตออกไปจากที่นี่อีกส่วนนางคิดว่าหากเด็กน้อยคนหนึ่งนอนตากฝน มีไข้ เดิมทีในลำคอก็มีาแอยู่หากาแอักเสบขึ้นมาจะทำอย่างไร? ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่นางลงแรงไปก็กลายเป็ความสูญเปล่า
เมื่อพิจารณาดูแล้ว กงอี่โม่คิดว่าไม่ควรเปิดโอกาสให้ซูเมี่ยวหลันได้ทำดีเอาหน้าในอนาคตดังนั้น นางจึงพลิกตัววิ่งฝ่าพายุฝนออกไป
ค่ำมืดดึกดื่นท่ามกลางฟ้าร้องฟ้าผ่าและพายุฝนตำหนักเย็นจึงมีบรรยากาศน่าสะพรึงอยู่ไม่น้อย
กงอี่โม่ลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำฝนนางมองเรือนของกงเจวี๋ยเบื้องหน้า คาดไม่ถึงว่าภายในหนึ่งวันนางจะมาที่นี่ถึงสองครั้ง จิตใจของนางสับสนแปรปรวนอย่างยิ่ง
เพราะเหตุใดช่องว่างมิติเวลาของนางจึงไม่มีร่มสักคัน?
นางก้าวขึ้นไปอย่างลำบากใจ เพียงผลักประตู ประตูก็พลันเปิดออกในสวนเบื้องหน้าไม่มีใคร ดังนั้น นางจึงเดินเข้าไปยังเรือนด้านใน
คาดไม่ถึงว่า เพียงเดินผ่านประตูนางก็เกือบสะดุดล้มบนพื้นมีเด็กน้อยคนหนึ่งนอนอยู่ หากไม่ใช่กงเจวี๋ยแล้วจะเป็ใครได้อีก?
กงอี่โม่พลันใ นางรีบยื่นมือลูบอีกฝ่ายเด็กน้อยคนนี้เปียกชุ่มไปทั้งร่าง ลำตัวร้อนผ่าว ดูเหมือนว่าวันนี้จะถูกเล่นงานสาหัสมากทีเดียวเขาต้องขยับตัวไม่ไหว หรือบางทีอาจหมดสติไปแล้ว พอฝนตกจึงได้สติขึ้นมาจากนั้นจึงพยายามหลบฝนกลับเข้าเรือน
เมื่อคิดว่าเด็กน้อยตัวเล็กถูกทำร้ายสาหัสพร้อมถูกจับกรอกยาจากนั้นยังต้องตากฝน สุดท้ายต้องกระเสือกกระสนพาตนเองเข้ามาในเรือนกงอี่โม่จึงรู้สึกทนไม่ได้จริงๆ นางเอามืออังหน้าผากเขามีไข้เหมือนที่นางคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด
กงอี่โม่ไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดมากนักนางออกแรงสุดกำลังจึงลากกงเจวี๋ยขึ้นนอนบนเตียงได้สำเร็จ นางไม่มีหนทางอื่นอีกแล้วนางเพิ่งกลับมาเกิดใหม่ไม่กี่วัน ร่างกายแทบไม่มีเนื้อไม่มีหนังแล้วนางจะมีเรี่ยวแรงได้อย่างไร
ภายในเรือนไม่มีตะเกียง ไอน้ำเย็นเฉียบแผ่กระจายปกคลุมไปทั้งห้องกงอี่โม่สั่นสะท้าน นางลูบแขนของตน โชคดีที่ช่องว่างมิติเวลามีไฟฉายอยู่ มิฉะนั้นนางคงต้องคลำทุกอย่างท่ามกลางความมืดอย่างแท้จริง
เขามีไข้สูงมากแม้จะรู้เป็อย่างดีว่าเขาไม่มีทางเสียชีวิตในเวลาเช่นนี้ทว่ากงอี่โม่ไม่สามารถนิ่งเฉยปล่อยให้อีกฝ่ายมีไข้โดยไม่ทำอะไรนางหยิกใบหน้าร้อนจัดของกงเจวี๋ยพร้อมถอนหายใจยาว “คงต้องยอมช่วยเ้าจริงๆ!”
ท่ามกลางความงุนงง กงเจวี๋ยััได้ว่ามีลำแสงสว่างจ้าส่องมาทั้งที่ตอนนี้เป็เวลากลางคืนแต่กลับมีแสงไฟส่องที่เตียงราวกับตอนนี้เป็เวลากลางวัน สิ่งที่ตามมาก็คือเขาััได้ว่ามีคนอยู่ข้างกายเขา
ร่างกายของเขาพลันเกร็งขึ้นทันทีเขาไม่อาจควบคุมความรู้สึกเช่นนี้ได้เลย ตอนนี้เขาปวดศีรษะจนแทบะเิมือของเขาค่อยๆ สอดเข้าใต้หมอนเขาตั้งใจจะหยิบก้อนหินที่ถูกเขาฝนจนมีปลายแหลมออกมา ทันใดนั้นเขาพลันได้ยินเสียงของอีกฝ่ายกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“มันน่าโมโหจริงๆ ทำไมไม่มีของที่ข้า้าใช้แต่กลับมีของที่เ้าจำเป็ต้องใช้ได้ล่ะ”
เพียงได้ยินเสียงนี้ เขาก็รู้ทันทีว่านี่คือเสียงเสด็จพี่ของเขาร่างกายของเขาพลันผ่อนคลาย เขาเองก็ไม่เข้าใจเพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกเชื่อใจคนที่เพิ่งเคยเจอกันเพียงครั้งเดียวอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้
เพียงไม่นาน เขาััได้ว่ามียาน้ำขมจัดไหลเข้าปากของตนตอนแรกเขาคิดจะไม่กลืน ทว่าเมื่อคิดว่าในตำหนักเย็นแห่งนี้กว่าจะได้ยามาสักครั้งย่อมไม่ใช่เื่ง่ายเลย เขาจึงบังคับตนเองให้กลืนลงไปยามีรสขมจนทำให้เขายู่หน้าในทันที
กงอี่โม่เห็นภาพเช่นนี้จึงรู้สึกพอใจนางละลายยาเม็ดลงในน้ำให้อีกฝ่ายดื่ม นางรู้ดีว่ามันขมขนาดไหนทว่าเมื่อเห็นกงเจวี๋ยสีหน้าไม่ค่อยดี นางจึงรู้สึกสะใจแทน
ต่อมา กงเจวี๋ยรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังปลดชุดของเขาออกแม้ยังคงอยู่ในภาวะมึนงง เขาก็ยังรู้สึกขัดเขิน เสด็จแม่เคยสอนไว้ว่าชายหญิงอายุเจ็ดขวบห้ามใกล้ชิดกัน ยิ่งไม่ควรเปิดเผยต่อกันทว่าตอนนี้เขามีไข้หมดเรี่ยวแรง จึงทำได้เพียงแกล้งนอนหลับไปก่อนอีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องอึดอัดลำบากใจ
เมื่อปลดชุดออกแล้ว กงอี่โม่พลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ที่แท้นอกจากบริเวณแขนขาที่สามารถมองเห็นจากภายนอกแล้วบนร่างของเด็กชายตัวน้อยผู้นี้กลับเต็มไปด้วยร่องรอยาแนอกจากรอยาแเก่าและรอยเขียวช้ำแล้วยังมีาแจำนวนมากที่เป็รอยแผลเห็นไม่ชัดทว่ากงอี่โม่ที่เคยถูกทรมานด้วยลักษณะเช่นนี้จึงเข้าใจเป็อย่างดีว่าาแเล็กๆเหล่านี้สร้างความเ็ปทรมานได้มากเพียงใด
ในวังแห่งนี้มีวิธีการสังหารคนอย่างเืเย็นมากมายโดยไม่เห็นโลหิตคาดไม่ถึงว่าในตำหนักเย็นแห่งนี้ยังมีคนกล้าลงมือกับเด็กน้อยคนหนึ่งได้โเี้ถึงเพียงนี้
นางเม้มริมฝีปาก ในใจรู้สึกเดือดดาล
ส่วนหนึ่งนางคิดว่าเด็กน้อยเบื้องหน้าช่างน่าสงสารเหลือเกินอีกส่วนนางคิดว่าต่อไปเขาจะนำสิ่งที่เขาเคยถูกทรมานมาลงโทษบนร่างของนางตรงส่วนนี้นางรู้สึกแค้นเขามากจริงๆ
ทว่าคนที่น่าแค้นมักมีส่วนที่น่าสงสารอยู่เสมอ กงอี่โม่ถอนหายใจยาวนางคลำช่องว่างมิติเวลาอีกครั้ง
นางมียาพกไว้จำนวนมากเนื่องจากก่อนทะลุมิติมานางมักเดินทางอยู่เสมอ ยาจึงเป็สิ่งจำเป็ที่ขาดไม่ได้วันนี้มีโอกาสนำออกมาใช้แล้วการใช้ยาเหล่านี้กับเขาถือว่าเป็เื่ที่ไม่เลวเหมือนกัน ชาติที่แล้ว เพราะยาเหล่านี้ทำให้นางต้องเผชิญหน้ากับปัญหามากมายดังนั้น ชาตินี้นางจึงจำเป็ต้องใช้พวกมันอย่างระมัดระวัง
ขณะที่กงเจวี๋ยรู้สึกทรมานกับความเ็ปและความหนาวสะท้านทันใดนั้นเขากลับรู้สึกเย็นสบายตรงาแ เขาเคยเป็พระโอรสผู้สูงศักดิ์แล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ายาที่ออกฤทธิ์รวดเร็วอย่างประหลาดเช่นนี้มีค่ามหาศาลเพียงใด?
เขารู้สึกซึ้งใจทันที ไม่เข้าใจจริงๆว่าเพราะเหตุใดเสด็จพี่ที่ไม่เคยพบหน้าผู้นี้จึงดีกับเขาเหลือเกินหรือว่าอีกฝ่ายคาดหวังว่าเขาจะกลายเป็ที่โปรดปรานอีกครั้ง จากนั้นจะได้ออกไปจากตำหนักเย็นอย่างนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นนางคงต้องผิดหวังเสียแล้วเสี่ยวกงเจวี๋ยแอบคิดอย่างเงียบๆ
กงอี่โม่ใช้เวลากว่าสิบนาทีจึงทายาบนร่างน้อยๆ จนครบทุกาแต่อมานางจึงหยิบชุดคลุมอาบน้ำออกมาจากช่องว่างมิติเวลาและนำมาคลุมบนร่างของเขาในช่องว่างนี้มีเสื้อผ้าอาภรณ์อยู่หลายชุดทว่ามีเพียงชุดคลุมอาบน้ำเท่านั้นที่เหมาะสมในเวลานี้
เขาััได้ว่าอีกฝ่ายคลุมร่างของตนอย่างอ่อนโยนอีกทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากอาภรณ์นุ่มบนร่างกาย เนื่องจากรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจึงไม่มีเรี่ยวแรงหาคำตอบว่านางได้สิ่งเหล่านี้มาจากที่ใดกันแน่
ทว่ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยลมพายุฝนภาพดวงไฟสว่างจ้ากับความอบอุ่นเช่นนี้ก็เพียงพอให้เขาจำจดไปชั่วชีวิตตลอดสองปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครดีกับเขาขนาดนี้มาก่อนไม่เคยมีใครสักคนทำให้เขาคิดถึงเสด็จแม่ของเขา มันเป็ความทรงจำที่ผ่านไปนานแสนนาน
เมื่อััได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเก็บข้าวของเขาจึงรีบแกล้งทำเป็เพิ่งตื่นขึ้นมา เขาลืมตาขึ้นทว่าเมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่ายแล้ว เขาจึงรู้สึกแสบจมูกอย่างอดไม่ได้
ที่แท้กงอี่โม่ตั้งใจดูแลเขาจนลืมไปว่าตนเองก็เปียกชุ่มด้วยเช่นกันกอปรกับตอนนี้นางรูปร่างผอมบาง ใบหน้าซีดเหลือง เสื้อผ้าบางเฉียบเมื่อนางเปียกปอนด้วยสภาพเช่นนี้ นางจึงดูน่าสงสารราวกับลูกเป็ดขี้เหร่
“เ้าเป็อะไร?”
กงเจวี๋ยเบะปาก ขณะที่คิดจะเอ่ยปากนั้น เนื่องจากเขาาเ็ที่ลำคอเมื่อเอ่ยออกมาครึ่งหนึ่งจึงเปล่งเสียงไม่ไหวอีกต่อไปั์ตาสีดำตัดกับสีขาวอย่างชัดเจนคู่นั้นทำให้นางรู้สึกบีบหัวใจอย่างเงียบๆดวงตาของเขาสะท้อนความรู้สึกเหนือความคาดหมายและความระแวดระวังในเวลาเดียวกันเขาคาดไม่ถึงว่าด้วยสภาพของตนในเวลานี้ จะยังมีคนทำดีกับเขามากขนาดนี้เชียวหรือ? ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกหวาดกลัว เขากลัวว่าสิ่งดีๆเช่นนี้อาจเป็เพียงเื่หลอกลวง
เมื่อเห็นเขาตื่นแล้วกงอี่โม่จึงคิดถึงการกระทำในอนาคตของเขาอีกครั้งทว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายตัวเล็กกระจ้อยร่อยในเวลานี้ นางพลันเกิดความรู้สึกใจอ่อนนางพยายามควบคุมความโกรธภายในใจพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก “เ้าตื่นก็ดีแล้วข้าจะไปแล้ว”
“เดี๋ยว” เสี่ยวกงเจวี๋ยร้อนใจทันทีเขาขยับตัวจนเกือบกลิ้งตกจากเตียง โชคดีที่กงอี่โม่มือไวตาไวนางจึงประคองเขาไว้ได้ทัน ั์ตาของนางจึงเต็มไปด้วยความเดือดดาล