ซ่งมู่ไป๋มองเด็กสาวพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้าน พบว่าอีกฝ่ายไม่เพียงประจบเอาใจผู้ใหญ่บ้านได้สำเร็จ ทั้งยังเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้อย่างชัดเจน ทำให้เขารู้สึกนับถือยิ่งนัก
เื่เอาอกเอาใจเด็กสาวทำได้ดีกว่าเขามาก
เมื่อเห็นคุณปู่ผู้ใหญ่บ้านทำท่าจะเดินออกจากที่ทำการ เซี่ยโม่จึงร้องเรียก “คุณปู่คะ ถ้าคุณปู่ไปเองหนูว่าอาจไม่เหมาะ น่าจะให้คุณป้าคุณน้าที่ชอบจับกลุ่มพูดคุยในหมู่บ้านไปบอกความจริงมากกว่า หนูจำได้ว่าบ้านที่อยู่ข้างตระกูลเซี่ยเป็คนชอบซุบซิบ เธอจะต้องรู้เื่นี้ดีแน่นอน”
ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้าเห็นด้วย “เรานี่คิดอะไรรอบคอบ งั้นฉันจัดการให้”
ผู้ใหญ่บ้านนึกทอดถอนใจ น่าเสียดายที่โม่โม่เป็เด็กผู้หญิง หากเป็เด็กผู้ชาย ตระกูลเซี่ยจะต้องมีหวังอย่างแน่นอน
เซี่ยโม่ไม่ได้รับรู้ถึงความในใจของคุณปู่ผู้ใหญ่บ้านเลยสักนิด เมื่อเห็นคุณปู่ผู้ใหญ่บ้านรับปากว่าจะจัดการเื่นี้ให้ เธอก็หยิบลูกอมนมออกมาจากกระเป๋า
“คุณปู่คะ นี่เป็น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากหนู คุณปู่รับไว้ด้วยนะคะ”
“เรานี่นะ ทุกครั้งที่มาหาเกรงใจแบบนี้ตลอด ต่อไปไม่ต้องแล้วนะ ครั้งนี้ฉันจะเว้นให้สักครั้ง” คุณปู่ผู้ใหญ่บ้านเดินออกมาส่งพวกเธออย่างอารมณ์ดี
คุณปู่ผู้ใหญ่บ้านลงมืออย่างรวดเร็ว ส่งคนในหมู่บ้านที่ชอบซุบซิบหลายคนออกไป รวมถึงคุณป้าที่เป็เพื่อนบ้านกับตระกูลเซี่ยด้วย
คนที่ซ่งมู่ไป๋มอบหมายหน้าที่ให้คอยเฝ้าดูหวางลี่ลี่เห็นผู้หญิงหลายคนตบเท้าเข้าไปในบ้านตระกูลเซี่ย ก่อนเสียงผู้หญิงเจ็ดแปดคนพูดคุยกันดังลอดออกมา
จากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงร้องไห้ “เฉินซีของแม่ช่างน่าสงสารเหลือเกิน นังเซี่ยอวิ๋นคือตัวซวย มันทำให้ลูกชายของแม่ต้องตาย…”
แม้หวางลี่ลี่จะรักบุตรสาวอย่างเซี่ยอวิ๋นมากแค่ไหน แต่ในใจบุตรชายอย่างเซี่ยเฉินซีต่างหากคือคนที่สำคัญที่สุด
เธอนึกไม่ถึงเลยว่าบุตรสาวจะพึ่งพาไม่ได้ขนาดนี้ ไม่มีปัญญาเลี้ยงดูน้องชายตัวเอง ทั้งยังขี้เหนียวไม่เข้าท่า ไม่ยอมแบ่งข้าวสารมาทำอาหารให้น้องชายกิน ทิ้งให้เด็กตัวแค่นั้นอยู่ลำพังบนเตียง ไม่มาแลมาดู ไม่คิดสนใจเลยว่าน้องชายจะเป็อย่างไร
แค่นึกถึงภาพบุตรชายสุดที่รักที่เธอเลี้ยงดูมาอย่างดีจนแทบจะประคองไว้กลางฝ่ามือ ต้องนอนร้องไห้บนเตียงโดยไม่มีใครเหลียวแล ถูกปล่อยให้หิวโซจนตัวผอมเหลือแต่กระดูก หวางลี่ลี่ก็รู้สึกเหมือนมีเข็มนับพันเล่มมาแทงที่หัวใจ
คุณป้าเพื่อนบ้านพูดใส่ไฟต่ออีกว่า “น้องลี่ลี่ ฉันได้ยินว่าเซี่ยอวิ๋นฝังศพเอาไว้ที่สวนหลังบ้าน นับดูแล้วเฉินซีของเธอตายไปได้ครึ่งเดือน ่นี้อากาศเริ่มเย็น ศพน่าจะยังไม่เน่า ทำไมเธอไม่ขุดขึ้นมาดูล่ะ”
“เื่นี้ ช่างมันดีกว่า…” เธอโบกมือปฏิเสธทั้งน้ำตา
“น้องลี่ลี่ ถ้าไม่ดูตอนนี้ ต่อไปก็จะดูไม่ได้แล้วนะ”
ใบหน้าหวางลี่ลี่เปลี่ยนเป็ซีดขาว “ช่างเถอะ ฉันกลัว”
คุณป้าเพื่อนบ้านได้ยินเช่นนั้นก็วกกลับมาคุยเื่เดิม
“น้องลี่ลี่ เื่การตายของเฉินซีต้องโทษเซี่ยอวิ๋น ฉันจำได้ว่าวันนั้นหลังจากเซี่ยอวิ๋นเลิกเรียนกลับมาบ้าน เห็นน้องชายนอนนิ่งก็ะโเรียกฉันใหญ่ พอฉันมาดูก็เห็นว่าเฉินซีนอนแช่อึแช่ฉี่และไม่หายใจแล้ว น่าเวทนาเหลือเกิน”
“แต่ฉันได้ยินเซี่ยอวิ๋นบอกว่า เฉินซีป่วย เธอก็เลยไปหาเซี่ยโม่เพื่อจะขอยืมเงิน…” หวางลี่ลี่ถามอย่างสงสัย เพราะสิ่งที่เพื่อนบ้านบอกต่างจากคำของบุตรสาวโดยสิ้นเชิง
คุณป้าเพื่อนบ้านตบเข่าดังฉาด “ไร้สาระ เซี่ยอวิ๋นจะต้องโกหกเธอแน่นอน ไม่มีเื่ยืมเงินอะไรทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวนี้เด็กนั่นโกหกโดยที่ตาไม่กะพริบเชียว”
เซี่ยอวิ๋นโกหก?
“ฉันว่าที่เซี่ยอวิ๋นพูดแบบนี้ก็เพราะ้าจะโยนความผิดทั้งหมดให้เซี่ยโม่ ฉันขอพูดอะไรหน่อยนะ ฉันว่าเซี่ยอวิ๋นอยากจะให้เธอไปติดคุก ที่บ้านจะได้เหลือตัวเองแค่คนเดียว” คุณป้าข้างบ้านพูดต่อคล้ายติดลม
เธอไม่เคยคิดถึงมุมนี้มาก่อน พอได้ยินเพื่อนบ้านพูดแบบนี้ หวางลี่ลี่สะท้านวาบไปทั้งตัว
ขนาดน้องชายยังไม่สนใจ หากคิดจะทำร้ายมารดาแท้ๆ อย่างเธอก็ใช่ว่าเป็ไปไม่ได้
สามีเล่าให้เธอฟังว่า หลังจากแผนที่เธอสั่งให้เซี่ยฟู่กุ้ยไปทำถูกเปิดเผย
ทำอย่างไรเซี่ยอวิ๋นก็ไม่ยอมเลี้ยงดูน้องชาย ตอนนั้นสามีโมโหถึงขั้นจะยกบ้านให้คนที่อาสาดูแลบุตรชาย พอเด็กนั่นเห็นว่ากำลังจะไม่มีที่ซุกหัวถึงได้ยอมกลับคำ
เซี่ยอวิ๋นเป็เด็กที่เห็นแก่ตัวมาั้แ่ยังเล็ก เพื่อให้ได้บ้านแต่เพียงผู้เดียวก็มีความเป็ไปได้ที่จะเล่นงานเธอ
รอให้เซี่ยอวิ๋นกลับมาก่อนค่อยคิดบัญชี บ้านนี้ไม่มีที่สำหรับคนที่ทำร้ายเฉินซีของเธอจนตายหรอกนะ
ยิ่งคิดถึงเื่บุตรชาย หวางลี่ลี่ก็ยิ่งเศร้าเสียใจ “เฉินซี เป็แม่ที่ผิดต่อลูก”
คุณป้าเพื่อนบ้านเปิดประเด็นใหม่ “น้องลี่ลี่ ฉันจำได้ว่าปีนี้เซี่ยอวิ๋นอายุสิบหกแล้วใช่ไหม”
“ใช่” เธอพยักหน้า
“โตขนาดนี้แล้ว น่าจะหาสามีให้เธอได้แล้ว เธอเรียนหนังสือ หาสามีมีฐานะหน่อย แค่สินสอดอย่างน้อยก็น่าจะได้สักหนึ่งร้อยหยวน”
คนในหมู่บ้านที่มาด้วยพยักหน้าเห็นด้วย ต่างพูดให้หวางลี่ลี่ฟังใหญ่ว่า บุตรสาวตระกูลจางและตระกูลหลี่แต่งงานไปแล้วล้วนได้ดิบได้ดี
เธอฟังแล้วก็เริ่มรู้สึกหวั่นไหว วันก่อนหลังกลับมาจากค่ายแรงงาน พบว่าในบ้านไม่มีเงินเลยสักหยวนเดียว
หลายปีที่ผ่านมาหวางลี่ลี่เคยชินกับการใช้เงินฟุ่มเฟือย พอเงินขาดมือจึงรู้สึกรับไม่ค่อยได้ หากจับเซี่ยอวิ๋นแต่งงานออกไป เธอก็จะกลับมามีเงินใช้แบบที่เคย
รอกระทั่งเซี่ยอวิ๋นเลิกเรียนกลับมา พวกผู้หญิงในหมู่บ้านที่ชอบซุบซิบนินทาเหล่านี้ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านของตนเอง
เซี่ยอวิ๋นเห็นมารดานอนนิ่งอยู่บนเตียงจึงเอ่ยถามอย่างเป็ห่วง “แม่คะ เป็อะไรคะ ไม่สบายเหรอ”
หวางลี่ลี่ลุกขึ้นนั่งแล้วถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เซี่ยอวิ๋น ตกลงน้องชายแกตายยังไงกันแน่”
เซี่ยอวิ๋นแอบสะดุ้ง หรือพวกผู้หญิงในหมู่บ้านจะมาคุยอะไรกับแม่เธอ?
เธอพยายามทำสีหน้าให้ดูเป็ธรรมชาติที่สุด “แม่คะ หนูบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าน้องป่วยตาย โม่โม่ไม่ยอมให้ยืมเงิน นังนั่นต่างหากคือคนที่ทำให้น้องตาย”
“แกโกหก! ั้แ่เปิดเทอมแกก็ทิ้งน้องไว้ที่บ้านคนเดียว ปล่อยให้น้องร้องไห้และไม่ยอมเอาอะไรให้กินจนน้องผอมเหลือแต่กระดูก…”
เธอเข้าใจแล้ว ต้องเป็พวกผู้หญิงในหมู่บ้านแน่ๆ ที่เล่าความจริงให้แม่ฟัง
“แม่คะ แม่จะให้หนูทำยังไงคะ จะให้หนูหยุดเรียนแล้วอยู่บ้านเลี้ยงน้องอย่างนั้นเหรอคะ ก่อนหน้านี้แม่เคยบอกกับหนูเองว่าอยากให้หนูตั้งใจเรียนหนังสือ ถ้าตั้งใจเรียนหนังสือก็จะมีอนาคตที่ดี หนูเชื่อแม่ก็เลยทำแบบนี้”
“ฉันเคยบอกแกแบบนั้นก็จริง แต่เฉินซีเป็น้องชายของแก ทำไมแกถึงไม่ไปฝากให้คนอื่นช่วยดูระหว่างที่ไปโรงเรียนล่ะ”
“หนูก็คิดอยากให้คนอื่นช่วยเลี้ยง หนูไปหาคุณน้า แต่คุณน้าบอกว่าถูกทางบ้านสามีขอหย่าแล้ว แม้แต่บ้านยังไม่มีจะอยู่…”
“แล้วทำไมไม่ให้น้าเขามาอยู่บ้านเรา ถึงเราจะไม่มีเงิน แต่ก็พอมีที่ให้คุณน้าอยู่ อีกอย่างในบ้านมีอาหารและธัญพืชอยู่ตั้งเท่าไร แกไม่รู้เลยเหรอ”
“แม่คะ แล้วแม่เคยคิดไหมว่าอาหารและธัญพืชพวกนั้นต้องเก็บเอาไว้กินตลอด่ฤดูหนาว ปีนี้พวกเราไม่ค่อยมีแต้มการทำงาน จะแลกอาหารและธัญพืชมาได้สักเท่าไรกันเชียว”
“แต่นั่นน้าแท้ๆ ของแกนะ อีกอย่างอีกแค่ครึ่งเดือนฉันก็กลับมาแล้ว เป็เพราะความเห็นแก่ตัวของแก น้องชายของแกถึงต้องมาตาย…ฮือๆ” หวางลี่ลี่พูดอย่างเ็ป
เซี่ยอวิ๋นเห็นมารดากำลังไม่พอใจตัวเองจึงพยายามทำตัวให้ดูน่าสงสาร “แม่คะ หนูเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าน้องจะตาย หนูเองก็เสียใจ ตอนนี้หนูก็ยังเศร้าอยู่เลย…”
“ไม่ต้องแกล้งทำมาเป็เสียใจเลย บ้านนี้ไม่มีที่ให้แกอยู่อีกแล้ว! ฉันเห็นแกแล้วมันทำให้นึกถึงเฉินซี แกจะต้องแต่งงาน!”
ราวกับถูกฟ้าผ่า เซี่ยอวิ๋นนิ่งงันมองมารดาอย่างโง่งม
“แม่คะ หนูเป็ลูกแม่นะ แม่เห็นหนูแต่งงานออกจากบ้านไปได้ลงคอเหรอคะ”
หวางลี่ลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “มีลูกสาวบ้านไหนบ้างไม่แต่งงาน จะให้ฉันเลี้ยงแกไปตลอดทั้งชีวิตหรือยังไง แกบอกว่ามีเด็กหนุ่มที่มีฐานะคนหนึ่งมาชอบโม่โม่ แกเองก็ชอบเขาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ขอแค่เขายอมจ่ายค่าสินสอดหนึ่งร้อยหยวน ฉันก็จะยกแกให้เขา”
เซี่ยอวิ๋นทราบดีว่ามารดาหมายถึงเซี่ยวฉางเซิง
่นี้อีกฝ่ายไม่ค่อยมาเรียน เธอเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไร ที่สำคัญคือยังทำให้เซี่ยวฉางเซิงมาชอบเธอไม่ได้เลย
“แม่คะ คนนั้นไม่ได้”
“ฉันไม่สน ถ้าแกหาไม่ได้ฉันก็จะหาให้แกเอง พอถึงตอนนั้นก็อย่ามาโทษว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน” หวางลี่ลี่ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย
