เมื่อเห็นว่าหินหยกถูกตัดเรียบร้อยแล้ว ผู้คนรอบๆ ตัวต่างเบียดเข้ามาล้อมดูให้ใกล้ยิ่งขึ้น และผู้ที่กระตือรือร้นที่สุดในกลุ่มนี้ก็คือเฮ่อหลันเยว่ เพราะเธอแทบจะตามติดท่านเฮ่อฉางเหอในทุกย่างก้าว
หลินเยว่หยิบก้อนหินหยกส่วนที่มีหยกด้านในออกมา และทิ้งส่วนที่เหลืออีกหนึ่งในสามนั้นไปอย่างไม่ไยดี
เขายังไม่ได้ดูด้วยตาตัวเอง แต่กลับยื่นหินหยกส่วนนั้นให้กับท่านเฮ่อฉางเหอ
หลังจากที่ท่านเฮ่อฉางเหอรับมา ท่านก็เช็ดผงหินตรงผิวหน้าออก ส่วนตรงกลางที่ถูกตัดตรงนั้นพลันปรากฏเป็หมอกสีเหลืองจางๆ ขึ้น อันที่จริงส่วนตรงที่เป็หมอกนี้ก็ถือว่าเป็ส่วนหนึ่งของเนื้อหยก แต่ทว่ามันเป็เนื้อหยกที่ัักับส่วนที่เป็เปลือกนอกจึงทำให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็หมอกนั่นเอง
มีหมอก!
ท่านเฮ่อฉางเหอถึงกับตะลึงไปชั่วครู่ หลังจากนั้นท่านก็ฝืนยิ้มออกมา หินหยกลักษณะแบบนี้ยังสามารถตัดออกมาเจอหมอกได้ด้วย หากเป็เช่นนี้ด้านในของส่วนที่เป็หมอกย่อมมีหยกอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าอาจจะเป็หยกคุณภาพไม่ค่อยดี แต่ก็ยังมีหยกปรากฏอยู่อย่างแน่นอน และ ณ เวลานี้ท่านก็ย้อนคิดถึงประสบการณ์ในอดีตที่ท่านเคยััหินหยกมาเป็จำนวนมากมาย หรือว่าหินหยกเ่าั้ก็อาจจะสามารถตัดได้หยกเหมือนกันใช่หรือเปล่า และตอนนี้ท่านก็ไม่รู้ว่าควรจะบรรยายถึงความโชคดีของหลินเยว่อย่างไรดี
โชคดีเหยียบขี้หมา*?
ไม่ใช่สิ ถึงจะเป็การเหยียบขี้หมาแต่ก็คงไม่มีทางเหยียบขี้หมาได้ทั้งวันหรอกนะ!
การที่มีหมอกแสดงว่าด้านในต้องมีหยก แต่ไม่ได้หมายความว่าหยกที่อยู่ในนั้นจะเป็หยกที่ดีได้เสมอไป อย่างน้อยในสายตาของท่านเฮ่อฉางเหอแล้วมูลค่า 260,000 หยวนเป็เป้าหมายที่อาจจะไปไม่ถึง
เมื่อเห็นว่าตัดได้หมอกแล้ว ผู้คนที่ล้อมอยู่ในที่แห่งนี้ต่างอุทานอย่างประหลาดใจ
มีบางคนรู้สึกอิจฉา แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกริษยา แต่เมื่อพวกเขาคิดได้ว่าหลินเยว่ใช้เงินถึง 260,000 หยวนในการซื้อหินหยกก้อนนี้มา พวกเขาจึงได้แต่ส่ายศีรษะ
เพราะหินหยกลักษณะแบบนี้สามารถตัดได้หมอกก็ถือว่าเป็ผลงานที่ไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่แล้ว
ส่วนเฮ่อหลันเยว่ก็มองหลินเยว่ด้วยสายตาประหลาดใจเช่นกัน แต่สายตาของเธอยังแฝงไปด้วยความชื่นชมและเลื่อมใส
ช่างเป็การลงมีดที่ถูกต้องแม่นยำจริงๆ! ดูเหมือนว่าจะเก่งกว่าพี่ชายของเธอเสียด้วย
ต่อมา ท่านเฮ่อฉางเหอผู้ที่มีชื่อเสียงในนามปรมาจารย์แห่งหยกมาอย่างยาวนานก็ได้ลงมือจับมีดด้วยตัวเอง ท่านค่อยๆ ฝนหินหยกก้อนนี้ทีละนิดๆ ท่านไม่ได้ไม่เชื่อใจฝีมือของหลินเยว่ แต่เป็เพราะหลินเยว่ไม่มีประสบการณ์การมองตำแหน่งทิศทางของหยกเลยสักนิด ดังนั้น สำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์เลย การกระทำของท่านเฮ่อฉางเหอจึงไม่ถือว่าเป็การไม่เชื่อใจนั่นเอง
เมื่อเห็นว่าท่านเฮ่อฉางเหอลงมือด้วยตัวเอง หลินเยว่ก็รู้สึกดีใจมาก เพราะหากให้เขาจัดการเองเขาคงจะตัดหินหยกก้อนนี้ให้เป็ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังจากนั้นเขาก็จะค่อยๆ ฝนหินเพื่อเอาหยกออกมา แต่การทำเช่นนี้มีความยุ่งยากมากทีเดียว และยังไม่สามารถรับรองได้ว่าจะสำเร็จลุล่วงด้วยดี แต่เมื่อมีปรมาจารย์แห่งหยกอย่างท่านเฮ่อฉางเหอลงมือเอง หยกก้อนนี้ย่อมสำเร็จอย่างง่ายดายแน่นอน
เวลาผ่านไปไม่นานนัก หยกในหินหยกก้อนนี้ก็ถูกตัดออกมา ถึงแม้ว่าภายนอกจะถูกล้อมไปด้วยหมอกสีเหลืองจางๆ แต่ก็พอจะมองเห็นเป็ภาพราวกับดินแดนของเหล่าทวยเทพทีเดียว
หยกขนาดประมาณไข่ไก่หนึ่งฟองไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้คนในที่แห่งนี้เลย ถึงแม้ว่าโอกาสในการพบหยกในหินหยกก้อนนี้มีน้อยมาก แต่ทุกคนต่างเคยเห็นหยกที่สวยงามกว่าหยกก้อนนี้มานักต่อนัก
เมื่อทุกคนเห็นหยกที่ตัดออกมาแล้ว สายตาของพวกเขาจึงแอบเหลือบมองไปทางหลินเยว่เป็ระยะๆ
ตัดเจ๊งแล้ว!
ความคิดนี้ต่างผุดอยู่ในความคิดของทุกๆ คน คนที่เพิ่งอิจฉาเมื่อสักครู่ก็เกิดความรู้สึกเห็นใจ ส่วนคนที่ริษยานั้นกลับรู้สึกดีใจในความโชคร้ายของหลินเยว่
ท่านเฮ่อฉางเหอดูหยกในมือของตัวเอง คิ้วของท่านขมวดเป็รอยลึก หยกก้อนนี้มีความโปร่งใสดีพอสมควร การทะลุผ่านของแสงก็ถือว่าเพียงพอ ถึงแม้ว่าภายนอกจะมีหมอกสีเหลืองล้อมเอาไว้อยู่ชั้นหนึ่ง แต่เนื้อหยกที่ปรากฏออกมาทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่าสีของมันไม่ค่อยดีนัก หยกแบบนี้มีมูลค่าไม่กี่หมื่นหยวนเท่านั้น ครั้งนี้หลินเยว่พนันเจ๊งจริงๆ แต่สามารถตัดออกมาเจอหยกมูลค่าไม่กี่หมื่นหยวนนี้ได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้วล่ะ
ขณะที่ท่านเฮ่อฉางเหอจะส่งหยกก้อนนี้คืนให้กับหลินเยว่ พลันมีน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นดังขึ้น
“ขอผมดูหยกก้อนนี้ได้หรือเปล่า?”
ทุกคนต่างหันไปมองยังทิศที่เสียงดังขึ้น จึงพบว่าผู้ที่พูดนี้คือช่างแกะสลักสกุลหม่าที่เป็ช่างเก่าแก่ของที่นี่ หลินเยว่เป็ช่างที่มีฝีมือในการตัดหินหยกดีที่สุดของโรงงานนี้ และในทำนองเดียวกันนายช่างหม่าผู้นี้ก็เป็ช่างแกะสลักที่มีฝีมือดีที่สุดในโรงงานแห่งนี้เช่นกัน
หรือว่านายช่างหม่าจะเห็นอะไรบางอย่าง?
ท่านเฮ่อฉางเหอเกิดความสงสัยลึกๆ แต่ท่านก็ยื่นหยกในมือให้กับนายช่างหม่า ในเวลาเดียวกันท่านก็เหลือบมองหลินเยว่จึงพบว่าหลินเยว่กำลังยิ้มน้อยๆ อย่างมั่นใจ ท่านจึงเกิดความสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม หรือว่าหลินเยว่จะรู้ว่าหยกก้อนนี้มีสภาพที่แท้จริงเป็อย่างไร? แต่แล้วท่านก็ส่ายศีรษะ มันจะเป็ไปได้อย่างไรล่ะ
นายช่างหม่ารับหยกก้อนนี้มาอย่างตื่นเต้น เมื่อหยกถึงมือเขา เขาก็เริ่มสังเกตอย่างตั้งใจ
ผู้คนที่ยืนล้อมอยู่ เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของนายช่างหม่าก็รู้สึกคลางแคลงใจขึ้นมา
หรือว่าด้านในจะมีอะไรเป็พิเศษหรือเปล่า?
ดังนั้น คนที่ล้อมอยู่หลายคนจึงก้าวเท้าเดินเข้าไปหานายช่างหม่าโดยอัตโนมัติ และกลุ่มคนเหล่านี้ส่วนมากจะเป็ช่างแกะสลัก เมื่อพวกเขาเห็นสีหน้าของนายช่างหม่าก็รู้ได้ทันทีว่าเขาต้องมองเห็นอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น สำหรับช่างแกะสลักแล้ว หากเขาสามารถค้นพบความพิเศษสวยงามของหยกด้วยตัวเอง ก็นับว่าเป็ความสุขที่สุดอย่างหนึ่ง
แต่ทว่า เฮ่อหลันเยว่กลับเคลื่อนไหวตัวได้รวดเร็วกว่าคนกลุ่มนี้เสียอีก เพราะจังหวะที่นายช่างหม่ารับหยกมา ณ เวลานั้น เธอก็ได้จับจองตำแหน่งที่ดีที่สุดที่อยู่ข้างนายช่างหม่าไว้เรียบร้อยแล้ว และเธอก็เลียนแบบท่าทางของนายช่างหม่าและเริ่มสังเกตหยกก้อนนั้นตามไปด้วย
เมื่อนายช่างหม่าสังเกตละเอียดขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าของเขาก็ตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาก็หลับตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความฝันและจินตนาการ
ผ่านไปชั่วครู่ มือของนายช่างหม่าทั้งสองข้างที่กำลังกุมหยกไว้กลับเริ่มสั่นระริก ริมฝีปากของเขาก็เริ่มพร่ำพรรณนา “ธรรมชาติช่างสร้างปรากฏการณ์พิเศษอะไรเช่นนี้ ธรรมชาติช่างสร้างปรากฏการณ์พิเศษจริงๆ!”
เพียงประโยคนี้ก็สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนรอบๆ ทั้งหมด
ประโยคนี้ของนายช่างหม่าหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าหยกในนั้นเป็หยกชั้นเลิศอย่างงั้นหรือ? หรือว่ายังมีอะไรแอบซ่อนอยู่?
“นายช่างหม่า ประโยคนี้ของคุณหมายความว่าอย่างไรหรือ?” มีอยู่คนหนึ่งหลุดถามออกมาอย่างอดใจไม่ไหว
“นั่นสิ อย่าพูดเพียงครึ่งเดียวแล้วปล่อยให้ค้างสิ คุณทำให้พวกเราเกิดความอย่างรู้ขึ้นแล้วกลับไม่ยอมพูดต่อได้อย่างไรล่ะ” มีอีกคนหนึ่งพูดตามขึ้นมา
เมื่อมีใครบางคนเริ่มพูดขึ้น คนอื่นๆ ก็พากันส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจถามกันให้วุ่นไปหมด บรรยากาศในที่แห่งนี้ถูกประโยคนั้นของนายช่างหม่าจุดประเด็นจนตื่นเต้นกันไปทั่ว สถานการณ์ที่น่าสนใจที่สุดในการพนันหินหยกก็คือเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะเหตุการณ์มีการพลิกผันหรือหักมุมเช่นนี้ถึงทำให้เื่ราวมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ดวงตากลมโตของเฮ่อหลันเยว่ก็จ้องหยกในมือของนายช่างหม่าอย่างตั้งใจ ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจตามมา หลังจากนั้นสายตาของเธอก็จับจ้องไปที่หลินเยว่ เธอพบว่าหลินเยว่ไม่มีทีท่ากังวลหรือร้อนใจแต่อย่างใด เมื่อเป็เช่นนี้ เธอจึงเริ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้บ้าง
นายช่างหม่าลืมตาขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก หลังจากนั้นเขาก็ชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่งบนหยก แล้วลากเส้นออกมาเส้นหนึ่ง “พวกคุณดูตรงนี้สิ เหมือนเทือกเขาสลับซับซ้อน เนื้อหยกสีขาวด้านนอกเสมือนหมอก์ที่ลอยวนเวียนล้อมรอบ ปกคลุมไปทั่วเทือกเขานี้ และสีเขียวที่ปรากฏอยู่รำไรนั้นทำให้หมอก์นี้ดูมีชีวิตชีวา ท่ามกลางหมอก์นี้ยังพอมองเห็นศาลาของเหล่าเทพเซียนอยู่ลิบๆ เทือกเขาสลับซับซ้อน ศาลของเหล่าเทพเซียนท่ามกลางหมอก์ปกคลุมถือว่าเป็ปรากฏการณ์พิเศษที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาอย่างแน่นอน”
นายช่างหม่าทำเสียงจิ๊ๆ “หากไม่มีหมอกเหลืองล้อมอยู่ด้านนอกก็คงจะเห็นได้ชัดกว่านี้”
สายตาของนายช่างหม่าย่อมเฉียบแหลมไม่เหมือนกับคนอื่นๆ เขาจึงสามารถมองผ่านหมอกเหลืองจนเห็นภาพที่บรรยายมาเมื่อสักครู่ ส่วนคนที่ยืนล้อมรอบอยู่นั้น เมื่อฟังคำพูดของนายช่างหม่าต่างก็มองภาพสวยงามราวกับภาพวาดนั้นได้เช่นกัน พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะอุทานอย่างตกตะลึง
หยกชั้นเลิศ!!!
และเวลานี้ สายตาของทุกคนจึงมองหลินเยว่เปลี่ยนไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“ท่านเฮ่อ หยกชิ้นนี้มอบให้ผมเป็คนแกะสลักได้ไหม” นายช่างหม่ามองท่านเฮ่อฉางเหอด้วยสายตาร้องขอ
ท่านเฮ่อฉางเหอหัวเราะ “ฮ่าๆ” แล้วพูดต่อ “หยกชิ้นนี้ไม่ใช่ของผม แต่เป็ของหลินเยว่น่ะ”
* โชคดีเหยียบขี้หมา หมายถึง ไม่รู้เป็เพราะเหตุใดถึงได้มีเื่ที่ดีเกิดขึ้น เหมือนกับการเหยียบขี้หมาอย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งเป็การพูดประชดถึงความโชคดีที่ได้รับ หรืออาจจะเป็ความโชคดีในความโชคร้ายก็ได้