เมื่อเห็นิอีหรานยิ้มขึ้น ทุกคนจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ต่อมา หลินเยว่ตั้งใจพาิอีหรานไปธนาคารเพื่อโอนเงินให้กับเธอ แต่เฮ่อหลันเยว่กลับพยายามดึงดันจะตามไปด้วยให้ได้ สุดท้ายหลินเยว่จึงต้องจำใจพาเธอไปด้วยอีกคน
เมื่อมาถึงธนาคารที่ตั้งอยู่บนถนนหินหยกวัตถุโบราณแล้ว หลินเยว่จึงรับกระดาษโน้ตจากในมือของิอีหรานที่ได้จดหมายเลขบัตรธนาคารเอาไว้ หลังจากนั้นเขาจึงค่อยๆ กดตัวเลขลงไป
เดิมทีหลินเยว่ยังไม่รู้ว่าจะนำเงินจำนวน 260,000 หยวนมอบให้กับิอีหรานอย่างไรดี เขาคิดไว้แม้กระทั่งจะถือเงินสดจำนวน 260,000 หยวนเดินไปส่งิอีหรานจนถึงบ้านของเธอ แต่คาดไม่ถึงว่าสาวน้อยผู้นี้กลับหยิบหมายเลขบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋าของเธอ หลังจากพูดคุยสอบถามเธอแล้ว หลินเยว่จึงรู้สึกว่าเธอเป็สาวน้อยที่ฉลาดทีเดียว เพราะเธอเตรียมการไว้ล่วงหน้าโดยการขอหมายเลขบัตรธนาคารของคุณพ่อเธอมาไว้ก่อนแล้ว เผื่อว่าหากเธอสามารถขายหินหยกได้ราคาดี เธอจะได้ไม่ต้องพกเงินสดติดตัวกลับบ้านและเพราะการพกเงินสดติดตัวจำนวนมากก็ไม่ค่อยปลอดภัยสำหรับตัวเธอเองสักเท่าไร
หลินเยว่โอนเงินเสร็จอย่างรวดเร็ว เขาเก็บสลิปโอนเงินที่พิมพ์ออกมาจากตู้โอนเงินไว้อย่างดี ไม่รู้เป็เพราะเหตุใด การเก็บสลิปโอนเงินไว้ทำให้เขารู้สึกสบายใจมากกว่า
“โอนเสร็จแล้ว”
หลินเยว่ส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับิอีหราน
“ขอบคุณค่ะพี่ชาย พี่ชายชื่อหลินเยว่ หนูจะจดจำไว้เป็อย่างดี” สายตาของิอีหรานสะท้อนประกายสดใสเป็พิเศษ น้ำเสียงของเธอก็มีความหนักแน่นเช่นกัน
หลินเยว่ยิ้มและลูบศีรษะของิอีหรานเบาๆ พร้อมทั้งถามขึ้น “จำไว้ทำไมล่ะ? นี่พี่ยังเอาเปรียบหนูอยู่เลยนะ ไปกันเถอะ ตามพี่ไปดูการตัดหินหยกกัน” เขายังคิดจะพาิอีหรานไปดูว่าภายในหินหยกก้อนนั้นมีสภาพอย่างไร และเขาจะนำเงินส่วนเกินออกมามอบให้เธออีกที
“ไม่ไปแล้วค่ะ หนูจะกลับบ้านไปบอกข่าวดีกับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ” ิอีหรานคลี่ยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“โอเค” หลินเยว่พูดตอบ “เบอร์โทรศัพท์ของพี่คือ 138XXXXXXXX จำไว้นะหากมีปัญหาอะไรก็โทรศัพท์หาพี่ได้”
ิอีหรานทบทวนตัวเลยอยู่หลายรอบเงียบๆ หลังจากนั้นจึงพยักหน้าและตอบรับ “ค่ะ” ออกมา
“พี่หลันเยว่ หนูจะกลับบ้านแล้ว หนูบอกที่อยู่บ้านของหนูให้กับพี่ไปแล้ว ต่อไปถ้าพี่มีเวลาก็มาเล่นกับหนูนะ”
เฮ่อหลันเยว่พยักหน้าอย่างเสียดาย ความจริงเธอไม่อยากบอกลากับสาวน้อยผู้นี้เลย แต่สุดท้ายเธอก็พูดออกมาด้วยท่าทางเหมือนกับผู้ใหญ่ตัวน้อย “อืม พี่ต้องไปหาแน่ๆ อีหราน น้องเดินทางกลับบ้านดีๆ ล่ะ ระวังตัวด้วย”
“ค่ะ!” ิอีหรานหันศีรษะไปมองหลินเยว่อีกครั้ง แล้วพูดด้วยสีหน้าขอร้อง “พี่หลินเยว่ พี่ย่อตัวลงมาฟังอีหรานพูดหน่อยได้ไหมคะ? อีหรานอยากบอกอะไรกับพี่สักหน่อย”
“ฮะ?” ถึงแม้ว่าหลินเยว่จะรู้สึกงงงวย แต่เขาก็ยังคงโน้มตัวลงไปตามคำขอของเธอ
ปากกระจุ๋มกระจิ๋มของิอีหรานพลันแนบเข้ามาที่ข้างใบหูของหลินเยว่และพูดออกมาเบาๆ “พี่หลินเยว่ พี่เป็คนดีจังเลย อีหรานจะจดจำพี่ไว้ตลอดไปนะคะ” พูดจบ เธอก็หอมแก้มของหลินเยว่อย่างแรง หลังจากนั้นก็วิ่งเข้าหายเข้าไปท่ามกลางฝูงชนอย่างร่าเริง หากสังเกตเธออย่างจริงจังก็จะเห็นว่าใบหูของเธอแดงจัดด้วยความเขินอาย
หลินเยว่ที่ถูกจู่โจมอย่างกะทันหันก็ตกตะลึงนิ่งงันไปทันที เขาโตมาจนถึงขนาดนี้ก็เพิ่งเคยถูกหญิงสาวจู่โจมแบบนี้เป็ครั้งแรก แถมยังเป็สาวน้อยคนหนึ่งเสียด้วย
และเวลานี้เอง หลินเยว่กลับรู้สึกเย็นวาบที่หลัง เขาหมุนตัวกลับไปมองจึงพบว่า... เฮ่อหลันเยว่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาข้องใจ
หลินเยว่รู้สึกใสะดุ้งเฮือกทันที เขาพยายามฉีกยิ้มออกมาจึงได้รอยยิ้มที่ดูฝืนเป็อย่างมาก เขาพูดกับเฮ่อหลันเยว่ “พี่ต้องกลับไปแล้วนะ” พอพูดจบเขาก็รีบวิ่งมุ่งหน้าตรงไปยังหรงเล่อเซวียนอย่างเร่งด่วน
เมื่อเห็นเื้ัของหลินเยว่ที่วิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต มุมปากของเฮ่อหลันเยว่จึงปรากฏรอยยิ้มที่ดูเ้าเล่ห์ยิ่งนัก ในขณะเดียวกันดวงตาของเธอก็กำลังเต้นระริกด้วยความตื่นเต้น
เมื่อหลินเยว่ก้าวเท้าถึงประตูหรงเล่อเซวียน เขาก็ได้ยินเสียงท่านเฮ่อฉางเหอถามขึ้น “โอนเงินเสร็จแล้วหรือ?”
“ครับ โอนเสร็จแล้วครับ”
“แล้ววางแผนจะทำอย่างไรกับหินหยกก้อนนั้น? โยนทิ้ง?”
“เปล่าครับ ผมจะตัดมันตามปกติ”
ท่านเฮ่อฉางเหอมองหลินเยว่ด้วยสายตาแปลกประหลาดและถามขึ้น “คุณคงไม่ได้คิดว่าด้านในหินหยกก้อนนั้นจะมีหยกจริงๆ หรอกนะ?”
“มีแน่นอนสิครับ ไม่อย่างนั้นผมจะซื้อหินหยกก้อนนั้นไว้ทำไมล่ะครับ” หลินเยว่ตอบอย่างมีเหตุมีผล
ท่านเฮ่อฉางเหอมองหลินเยว่อย่างอ่อนใจ น้ำเสียงของท่านมีความโกรธแฝงอยู่ “บ่ายวันนี้พวกเราไปตัดหินหยกที่โรงงานกัน ผมจะคอยดูว่าด้านในมีสภาพเป็อย่างไรถึงทำให้หินหยกก้อนนี้มีมูลค่าถึง 260,000 หยวน”
“อ้อใช่ แล้วเยว่เยว่ล่ะ?”
“หา? เอ่อ เธอ......เธอตามมาทีหลัง ผมกลับมาก่อนน่ะครับ”
……
ตอนบ่าย ณ โรงงานหินหยกของหรงเล่อเซวียน มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมอยู่ตรงหน้าเครื่องตัดหินหยกขนาดเล็กอย่างสนใจ
ถึงแม้ว่าช่างตัดหินหยกจะไม่ค่อยรู้เื่หินหยกสักเท่าไร แต่เป็เพราะเห็นอยู่เป็ประจำจึงทำให้พวกเขาพอมีความรู้อยู่บ้าง เมื่อเห็นหลินเยว่ถือหินหยกที่ดำมะเมื่อมเข้ามา พวกเขาจึงเอาแต่ส่ายศีรษะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงช่างผู้ชำนาญในหรงเล่อเซวียนเลย เพราะสำหรับคนกลุ่มนี้แล้ว เขาไม่คิดจะชายตาแลมองหินหยกแบบนี้เลยด้วยซ้ำ เป็เพราะว่ามันไม่คู่ควรเลยสักนิด หากหินหยกหน้าตาแบบนี้สามารถตัดพบหยกได้ ถ้าเช่นนั้นหินหยกที่เอามาจากเหมืองแร่ทั่วๆ ไปก็คงจะสามารถตัดพบหยกได้เหมือนกัน
เวลานี้เฮ่อโย่วจ้างไม่อยู่ที่นี่ แต่ทว่าปีศาจน้อยตัวแสบเฮ่อหลันเยว่คนนี้กลับมาถึงที่โรงงานก่อนใครเพื่อน อีกทั้งเธอยังจับจองตำแหน่งที่ดีที่สุดไว้เสียด้วย
ท่านเฮ่อฉางเหอยืนข้างๆ เฮ่อหลันเยว่ ท่านมองหินหยกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ท่านไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดคนที่ท่านเลือกขึ้นมาถึงได้ชอบการพนันหินหยกกันทั้งหมด สำหรับเฮ่อโย่วจ้างท่านก็พอเข้าใจได้ เพราะเขามีพร์ที่ไม่เหมือนใคร แต่หลินเยว่คนนี้ท่านกลับไม่เข้าใจเลย ทั้งๆ ที่บุคลิกและนิสัยใจคอของเขาไม่เหมาะที่จะพนันหินหยก แต่หลินเยว่กลับพนันหินหยกได้บ้าคลั่งยิ่งกว่าหลานชายของเขาเสียอีก เขาชอบพนันกับหินหยกที่มีลักษณะแย่มาก ั้แ่ครั้งแรกที่ท่านเฮ่อรู้จักหลินเยว่ก็เป็เช่นนี้ ตอนนี้ก็ยังเป็เช่นนี้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเ้าหนุ่มคนนี้จะเป็ผู้สืบทอดทางด้านปรมาจารย์แห่งหยกหรือว่าจะเป็ผู้สืบทอดทางด้านปรมาจารย์แห่งการพิสูจน์เครื่องเคลือบกันแน่!
อันที่จริง ท่านเฮ่อฉางเหอไม่ได้รู้สึกข้องใจกับพร์ในการพนันหินหยกของหลินเยว่เลย เพราะนับั้แ่การลากเส้นบนหินหยกก้อนนั้น ท่านก็เห็นว่าพร์ของหลินเยว่ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลานชายของท่านเลย แต่ท่านยังคงหวังว่าหลินเยว่จะรับ่ความรู้และทักษะต่างๆ ทางด้านเครื่องเคลือบต่อจากท่านมากกว่า เพราะว่าการพนันหินหยกไม่ใช่อาชีพที่มีความมั่นคงสักเท่าไร
่เวลากลางวัน หลินเยว่ก็พยายามครุ่นคิดว่าเพราะเหตุใดหินหยกมาเิถึงได้มีหยกเนื้อข้าวเหนียวน้ำแข็ง สีเขียวสดใสแต่ไม่สม่ำเสมอเช่นนี้ได้ ภายหลังเขาจึงคิดถึงหินหยกเหล่าพ่ากั่นอันเก่าแก่ขึ้นมาได้ เหล่าพ่ากั่นมีชื่อเสียงจากการผลิตหยกทรายดำที่เปลือกผิวนอกของมันดำราวกับถ่านหิน แต่ทว่าตอนนี้หินหยกที่เหล่าพ่ากั่นถูกขุดไปหมดแล้ว หยกทรายดำที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบันล้วนผลิตมาจากเหมืองหยกมาเิ ถึงแม้จะเป็เช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเปลือกผิวนอกที่เป็สีดำจะต้องมาจากแหล่งเหมืองหยกมาเิทั้งหมด ไม่แน่มันอาจจะถูกตกทอดมาั้แ่หลายปีก่อน ดีไม่ดีหินหยกก้อนนี้อาจจะเป็สิ่งที่คุณปู่ของิอีหรานรับตกทอดมาก็เป็ได้ ซึ่งหากเป็เช่นนี้จริงๆ ก็ทำให้เื่นี้มีความสอดคล้องและมีเหตุมีผล
ปกติหากมีหลินเยว่อยู่ด้วย ช่างตัดหินหยกคนอื่นๆ จะไม่กล้าตัดหินหยก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหินหยกก้อนนี้เป็ของหลินเยว่โดยตรง ดังนั้น ทุกคนจึงปล่อยให้หลินเยว่จัดการด้วยตัวเอง อันที่จริงหลินเยว่ไม่ได้เป็คนงมงายสักเท่าไร เขาไม่มีการจุดธูปไหว้พระเพื่อขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองและดลบันดาลให้ตัดได้ ดังนั้น ครั้งนี้เขาจึงลากเส้นบนก้อนหินหยกและก็เปิดสวิตช์เครื่องตัดหินหยกให้เริ่มทำงานทันที
เมื่อเครื่องตัดหินหยกเริ่มทำงาน ผู้คนรอบๆ จึงเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่หินหยกของตัวเอง แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้อยู่บ่อยๆ ก็ทำให้พวกเขาเกิดความคาดหวังมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากหินหยกก้อนนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก หลินเยว่จึงจับหินหยกด้วยตัวเองและเริ่มตัดทันที
เมื่อเสียง “ครืดๆ” ดังก้องไปทั่ว หินหยกก็ค่อยๆ ถูกตัดทีละน้อย เส้นที่หลินเยว่ลากไว้อยู่ในตำแหน่งหนึ่งในสามของหินหยก และนี่ก็เป็เส้นที่หลินเยว่คัดสรรมาเป็อย่างดี เพราะมันเป็ตำแหน่งที่จะเห็นหมอกสีเหลืองจางๆ ที่ล้อมอยู่ด้านนอกของหยกพอดี และก็สามารถปกป้องให้หยกก้อนนี้มีสภาพสมบูรณ์อย่างแท้จริง
ในการพนันหินหยกมีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ภายใต้หมอกย่อมมีหยก” หากมีหมอกปรากฏขึ้นก็แสดงว่าภายในจะต้องมีหยกอยู่แน่นอน
หินหยกถูกตัดแยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว ท่านเฮ่อฉางเหอที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงยกมือขึ้นปิดสวิตช์ให้เครื่องตัดหินหยกหยุดทำงานทันที
หลินเยว่มองท่านเฮ่อฉางเหออย่างซาบซึ้ง ท่านเฮ่อฉางเหอก็พยักหน้าตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ ถึงแม้ว่าจะไม่มีการพูดอะไรออกมา แต่ทว่าหลินเยว่กลับรับรู้ได้ว่าท่านเฮ่อฉางเหอกำลังเป็ห่วงเขาอยู่ มิฉะนั้นแล้วท่านคงไม่ใช่คนแรกที่เดินเข้ามานับั้แ่จังหวะที่หินหยกถูกตัดแยกออกจากกันเป็สองส่วน และการกระทำของท่านเฮ่อฉางเหอนี้ก็ทำให้หลินเยว่รู้สึกอบอุ่นเป็อย่างมาก