ขณะที่พูด ท่านก็ชี้ไปทางหลินเยว่ หยกก้อนนี้มีมูลค่าสูงกว่า 260,000 หยวนอย่างแน่นอน ท่านเฮ่อรู้สึกดีใจมากที่หลินเยว่สามารถพนันได้ในครั้งนี้ เพราะไม่ว่าอย่างไรหลินเยว่ก็เป็ลูกศิษย์ของตัวเอง แต่ในใจลึกๆ ของท่านเฮ่อก็ยังรู้สึกข้องใจยิ่งนัก เพราะเหตุใดหลินเยว่จึงมีความมั่นใจและนิ่งมากราวกับว่าเขารู้เป็อย่างดีว่าต้องพนันชนะได้ล่ะ?
เมื่อนายช่างหม่าได้ยินเช่นนี้ สายตาของเขาก็หันไปมองหลินเยว่ทันที
หลินเยว่นิ่งคิดไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาจึงถามท่านเฮ่อฉางเหอ “ท่านเฮ่อครับ หยกก้อนนี้สามารถขายให้กับหรงเล่อเซวียนได้ไหมครับ?”
ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาก็เหลือเพียงหยกก้อนนี้เท่านั้นเอง แล้วสัปดาห์หน้าเขายังต้องติดตามเฮ่อโย่วจ้างไปพนันหินหยกอีก เขาจำเป็ต้องมีเงินติดตัวไปให้เพียงพอด้วย ดังนั้น เขาจึงต้องขายหยกก้อนนี้ออกไป และหยกชั้นดีเช่นนี้ก็ไม่ควรตกไปอยู่ในมือของคนอื่น มีนายช่างหม่าที่สนใจขนาดนี้ ก็ไม่ควรที่จะขายให้กับแหล่งอื่นๆ
“ขาย?” ท่านเฮ่ออึ้งไปชั่วขณะ หลังจากนั้นจึงหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่ ท่านพยักหน้าและพูดขึ้น “ได้ หยกก้อนนี้ผมขอรับซื้อไว้แทนเฮ่อโย่วจ้าง หกแสนหยวนเป็อย่างไรบ้าง?”
“หกแสน?” หลินเยว่รู้สึกใมาก เพราะที่เขาลองประเมินราคาไว้อยู่ที่ประมาณสามแสนเท่านั้น คาดไม่ถึงว่ามันจะมีมูลค่าสูงถึงหกแสนหยวน หรือว่าท่านเฮ่อตั้งใจจะช่วยเขาใช่หรือเปล่า? หลินเยว่จึงเริ่มเกิดความลังเล
“คิดว่าราคาต่ำเกินไปหรือ?” ความลังเลของหลินเยว่ทำให้ท่านเฮ่อฉางเหอเกิดความไม่แน่ใจ
“ไม่ใช่ครับ ผมคิดว่าราคามันค่อนข้างสูงจนเกินไป ผมคิดว่าหยกแบบนี้มูลค่าของมันไม่น่าจะถึงหกแสน อย่างมากก็แค่สามแสนเท่านั้น”
หลินเยว่พูดตามความคิดที่แท้จริงของตัวเองออกมา
ผู้คนที่อยู่แถวๆ นั้นได้ยินก็รู้สึกขำกับเหตุการณ์นี้ พวกเขาเคยเห็นการซื้อขายอยู่บ่อยๆ แต่ไม่เคยเห็นการซื้อขายแบบนี้มาก่อน คนอื่นให้ราคาสูงแต่เ้าตัวกลับไม่ยินดี ซ้ำยัง้าในราคาต่ำ
โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่จนไม่ว่าจะเป็เื่น่าประหลาดขนาดไหนก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ!
“ฮ่าๆ” ท่านเฮ่อฉางเหอหัวเราะแล้วพูดต่อ “่นี้ราคาหยกค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นแล้ว และหยกก้อนนี้มันไม่ได้ดูเรียบง่ายธรรมดาเหมือนที่คุณคิดหรอกนะ หากแกะสลักเสร็จแล้วย่อมต้องเป็ของล้ำค่าอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเนื้อหยกอาจจะไม่ค่อยดีนัก แต่ราคาไม่มีทางต่ำขนาดนั้นหรอก หากแกะสลักได้ยอดเยี่ยมแล้วล่ะก็ ราคาขึ้นหลักล้านก็เป็ไปได้เช่นกัน ดังนั้น ราคาหกแสนไม่สูงเกินไปอย่างแน่นอน”
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็ใจนพูดไม่ออก และขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเขินเล็กน้อย ข้อมูลที่เขามีเป็ข้อมูลเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ตอนนี้ตลาดหยกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทุกวัน เขารู้สึกติดตามข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบันไม่ทันเสียแล้ว หากมีโอกาสเขาจะต้องคอยสังเกตข้อมูลทางด้านนี้เสียหน่อย
“ท่านเฮ่อ ตอนนี้หยกก้อนนี้ก็เป็ของท่านแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็สามารถยกให้ผมแกะสลักแล้วหรือเปล่า?” นายช่างหม่ายังคงติดใจกับหยกก้อนนี้อยู่
“ฮ่าๆ นายช่างหม่าวางใจได้ หยกก้อนนี้เป็ของคุณแน่ๆ”
เมื่อสามารถจัดการหินหยกก้อนนี้เป็ที่เรียบร้อยแล้ว หลินเยว่จึงถือโอกาสนี้ขอความรู้เกี่ยวกับหยกจากท่านเฮ่อฉางเหอ เขาต้องเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปพนันหินหยกที่เถิงชงในสัปดาห์หน้า ท่านเฮ่อฉางเหอถูกหลินเยว่ล้อมหน้าล้อมหลังจนไม่มีทางเลี่ยง ท่านจึงให้ความรู้กับหลินเยว่ไปตามหินหยกแต่ละก้อนที่อยู่ในโรงงาน ในเวลาเดียวกันท่านเฮ่อก็ยังเตือนสติเขาให้ตั้งใจศึกษาความรู้เกี่ยวกับเครื่องเคลือบให้ดีด้วย ห้ามลืมเด็ดขาด หลินเยว่ที่กำลังติดตามท่านเฮ่อก็รีบพยักหน้ารับคำแต่โดยดี
ตอนกลางคืนเมื่อกลับถึงบ้าน หลินเยว่พลันได้รับโทรศัพท์จากคนแปลกหน้าผู้หนึ่ง
“สวัสดีครับ ขอสอบถามหน่อยครับ คุณคือหลินเยว่ใช่ไหม?” เสียงห้าวดุดันแต่ก็แฝงไปด้วยความอิดโรยของผู้ชายคนหนึ่งดังผ่านโทรศัพท์ออกมา
“สวัสดีครับ ผมคือหลินเยว่ ไม่ทราบว่าคุณโทรหาผมมีธุระอะไรหรือ?” หลินเยว่มั่นใจมากว่าเขาไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อน
เมื่อได้ยินหลินเยว่ยอมรับว่าตัวเองคือหลินเยว่แล้ว อีกฝ่ายจึงเริ่มมีความกระตือรือร้นขึ้นมาทันที “สวัสดีครับ สวัสดี เช้าวันนี้ลูกสาวของผมไปหาคุณมาใช่ไหม แล้วคุณก็จ่ายเงินจำนวน 260,000 หยวนเพื่อซื้อหินหยกก้อนหนึ่งใช่หรือเปล่า?”
“ลูกสาวของคุณคือิอีหรานใช่ไหม ไม่ผิดหรอกครับ ผมเป็คนซื้อเอง”
“เป็คุณก็ดีเลย ขอโทษด้วยนะ ลูกเขายังเด็กยังไม่ค่อยรู้อะไร ไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร หินหยกก้อนนั้นมันไม่ได้มีมูลค่าสูงขนาดนั้น ผมรู้ว่าคุณหวังดี แต่พวกเราไม่สามารถรับเงินของคุณได้หรอก คุณบอกหมายเลขบัตรธนาคารมาให้ผม เดี๋ยวผมจะโอนเงินเ่าั้คืนให้กับคุณ” น้ำเสียงของคุณพ่อของิอีหรานดูร้อนใจจริงๆ
เมื่อหลินเยว่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็รู้สึกะเืไปทั้งร่างกายและจิตใจ และรู้สึกประทับใจเป็อย่างมาก
ชายผู้นี้ช่างเป็คนที่มีความเรียบง่ายและจริงใจจริงๆ! มารดาของตนกำลังป่วยหนักนอนแบ็บอยู่บนเตียง ถึงตัวเองต้องยอมแบกรับภาระหนักในครั้งนี้ แต่ก็ไม่ยอมรับเงินที่มาจากความปรารถนาดีของคนอื่น
และก็คงมีเพียงบิดามารดาที่มีลักษณะนิสัยเช่นนี้ถึงจะสามารถอบรมสั่งสอนเด็กน้อยอย่างิอีหรานให้มีความสดใสบริสุทธิ์แบบนี้ได้นั่นเอง
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้จากอีกฝ่าย หลินเยว่ก็เกิดภาพชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีความเรียบง่ายอยู่ในสมองของเขา ชายผู้นี้มีสีหน้าอิดโรย ใบหน้าหม่นหมอง แต่ทว่าดวงตาเขากลับสะท้อนความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวออกมา ถึงชีวิตจะต้องเผชิญกับความยากลำบากขนาดไหน แต่เขาไม่มีทางยอมแพ้ เขามีมาตรฐานกฎเกณฑ์ในการใช้ชีวิตเป็ของตนเอง หากไม่ใช่ส่วนที่เขาควรได้ เขาก็ไม่มีทางคิดโลภเอามาเป็ของตัวเองเลยสักนิด
หลินเยว่ค่อยๆ กดความรู้สึกซาบซึ้งลงไป เขาพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองให้มีความหนักแน่นและพูดขึ้น “เงินจำนวนนี้คุณไม่ต้องคืนผมนะ หินหยกก้อนนั้นมันมีมูลค่าสมกับเงินจำนวนนั้นจริงๆ”
“คุณไม่ต้องโกหกผมหรอก ผมเคยถามคนมาเยอะแล้ว ทุกคนต่างบอกว่าหินหยกก้อนนั้นเป็เพียงหินไร้ค่าเท่านั้น” น้ำเสียงของผู้ชายคนนี้มีแต่ความหนักแน่น
“ที่ผมพูดเป็ความจริงนะครับ ผมไม่ได้โกหกคุณจริงๆ บ่ายวันนี้ผมได้ตัดหินหยกก้อนนั้นออกมาดูแล้ว ด้านในมีหยกจริงๆ ดังนั้น คุณก็รับเงินจำนวนนี้ได้อย่างสบายใจได้เลย การรักษาตัวของคนชราสำคัญมากกว่า”
“คุณไม่ได้โกหกผมหรอ หินหยกก้อนนั้นตัดออกมามีหยกจริงๆ หรอ?”
“จริงสิ ผมไม่ได้โกหกคุณ” น้ำเสียงของหลินเยว่ตอบรับอย่างหนักแน่น
ผู้ชายคนนี้นิ่งเงียบไปนานพอสมควร ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากนั้นจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกลั้นสะอื้น “ขอบคุณนะ คุณช่างเป็คนดีจริงๆ หากเป็คนอื่น พวกเขาไม่มีทางให้เงินเด็กน้อยเยอะขนาดนี้ ครอบครัวของเรารู้สึกขอบคุณคุณมาก หากไม่มีเงินจำนวนนี้ของคุณ ผมยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับการผ่าตัดของคุณแม่ในคืนนี้......”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ น้ำเสียงของผู้ชายคนนี้ก็หยุดชะงักลงไปทันที และก็มีเสียงร้องไห้ดังแว่วๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ
เสียงร้องไห้จากทางนั้นเสมือนก้อนหินที่กดทับอยู่บนหน้าอกของหลินเยว่ ทำให้เขารู้สึกอึดอัดผิดปกติ
น้ำตาของลูกผู้ชายไม่ได้ไหลรินอย่างง่ายดาย เพียงเพราะว่าความรู้สึกนั้นยังไม่ได้ะเืใจจนถึงที่สุด!
หลินเยว่คิดภาพว่าหลายวันมานี้บิดาของิอีหรานคงจะต้องแบกรับภาระและความกดดันมากมายขนาดไหน หากวันนี้ิอีหรานไม่ได้บังเอิญอุ้มหินหยกเข้ามาปรากฏตัวต่อหน้าเขา หากตัวเขาเองไม่มีพลังพิเศษตาทิพย์ที่สามารถมองเห็นสภาพด้านในของหินหยก หรือหากเขาเป็คนโหดร้ายที่เอาแต่คาดหวังผลประโยชน์จากคนอื่น ชีวิตของคนผู้นี้ก็อาจจะต้องจากไปแบบนี้เลยก็ได้
หากตัวเองมีเงินก้อนหนึ่งที่สามารถช่วยชีวิตมารดาของตัวเอง และขณะที่มารดาของตัวเองกำลังจะต้องเข้ารับการผ่าตัด คนผู้นี้กลับโทรศัพท์หาผู้อื่นเพื่อคืนเงินให้คนผู้นั้น หลินเยว่คิดว่าเขาคงไม่สามารถทำได้ถึงขนาดผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน มิใช่ว่าบิดาของิอีหรานไม่กตัญญู เพราะจากเสียงร้องไห้ของเขาก็ทำให้หลินเยว่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็คนกตัญญูจริงๆ แต่มีบางสิ่งบางอย่างมันไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบได้เลย หลินเยว่ทราบดีว่าหากอีกฝ่ายคืนเงินก้อนนี้มาให้เขา ถึงผู้ชายคนนี้จะต้องขายเืขายอวัยวะในร่างกาย เขาก็ยินดีที่จะทำเพื่อรักษามารดาของตนให้หายดี
การมีลูกชายเช่นนี้ คนเป็มารดายังต้องปรารถนาอะไรอีก!
“รีบไปช่วยคนชราเถอะนะ เงินจำนวนนั้นเพียงพอหรือเปล่าครับ?” หลินเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ เขาพยายามกดความซาบซึ้งใจนี้ลงไป และใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบหนักแน่นถามอีกฝ่าย
“พอ......พอแล้ว” น้ำเสียงยังคงแฝงไปด้วยก้อนสะอื้นอยู่ ซึ่งเป็เสียงร้องไห้ที่ทำให้หลินเยว่รู้สึกะเืใจและเห็นใจ
“หาก้าความช่วยเหลืออะไรก็โทรศัพท์หาผมได้นะ”
“ขอบคุณมากครับ......”
หลังจากวางสายแล้ว หลินเยว่ยังต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรถึงจะทำให้จิตใจของเขาเองสงบลง เขาขอพรอย่างเงียบๆ ขอให้์คุ้มครองคุณย่าของิอีหราน ขอให้คุณย่าของเธอผ่านพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้ได้
ฉินเหยาเหยาเดินเข้ามาในห้องของหลินเยว่ เมื่อเห็นว่าหลินเยว่มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี เธอจึงถามอย่างเป็ห่วง “นายไม่เป็อะไรใช่ไหม? ทำไมสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยล่ะ”
“ไม่เป็อะไร” หลินเยว่โบกมือปฏิเสธ
“ไม่เป็อะไรจริงๆ หรอ?” ฉินเหยาเหยาถามขึ้นอีกครั้ง เพราะยิ่งหลินเยว่พูดปฏิเสธก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเป็ห่วงมากยิ่งขึ้น