แววตาของจื่อถงฉายประกาย หากเป็ในยามปกติ คุณชายจะไม่ปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในที่นั่งลำบากเช่นนี้อย่างแน่นอน
ครั้งนี้เพื่อเป็การหลอกล่อให้คนผู้นั้นเผยตัวออกมา เขาจึงจงใจไม่นำองครักษ์เงาติดตามไปด้วย รวมถึงการดื่มยาปลุกกำหนัดก็เป็ความตั้งใจของคุณชายเช่นกัน
ถึงแม้ว่าจะเป็เจตนาที่เตรียมการมาอย่างดี ทว่าพิษของยาปลุกกำหนัดที่คุณชายได้รับนั้นกลับรุนแรงกว่าที่จินตนาการเอาไว้! หรือว่าคนผู้นั้น้าจะทำร้ายคุณชายให้ตายจริงๆ ?
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นท่าทางเช่นนั้นของซูเช่อ นางก็ไม่อยากจะทรมานเขาอีกต่อไปหญิงสาวพลันลงมือฝังเข็มสองสามเข็ม เช่นนี้สติอันเลืองลางของซูเช่อถึงได้ฟื้นคืนกลับมาแล้วบ้างบางส่วน
ซูเช่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กล่าวกับหลิงมู่เอ๋อร์ว่า "ขอบคุณ"
"สาวงามอยู่ตรงหน้าก็ไม่รู้จักเพลิดเพลินกับมัน คุณชายซูช่างไม่เข้าใจถึงอารมณ์รักใคร่ของชายหญิงเสียเลยจริงๆ " หลิงมู่เอ๋อร์เหลือบมองสตรีที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
ดวงตาของซูเช่อฉายประกายเ็า "คนแซ่ซูแม้จะเพรียบพร้อมด้วยทุกสิ่ง กระนั้น มิใช่ว่าจะยอมแตะต้องอิสตรีใดก็ได้โดยไม่เลือก"
ครั้นสตรีที่คุกเข่าอยู่บนพื้นได้ยินคำกล่าวของซูเช่อ สีหน้าเ็ปรวดร้าวพลันเด่นชัดประดุจดั่งดวงใจถูกค้อนหนักทุบ เสียงสะอื้นไห้แ่เบาดังมาจากเบื้องล่างอีกครั้ง
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่สนใจเื่ของพวกเขา หลังจากที่นางถอนพิษให้ซูเช่อเสร็จแล้วก็เตรียมจากไปในทันที ฉับพลันนั้นซูเช่อเร่งโยนสตรีนางนั้นให้จื่อถงจัดการต่อ เขาเร่งตามหลิงมู่เอ๋อร์กลับไปที่โรงเตี๊ยม ด้านจื่อถงยังมีเื่ที่ต้องจัดการอีก จึงฝากฝังซูเช่อให้หลิงมู่เอ๋อร์ดูแล
หลิงมู่เอ๋อร์นั่งอยู่ภายในรถม้า มองไปที่ชายหนุ่มด้านข้าง เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้นอกจากสีหน้าที่ยังซีดเซียวอยู่บ้าง ก็ไม่มีอาการอื่นใดอีกแล้ว
"ในกายของเ้ายังมีพิษหลงเหลืออยู่ นี่คือยาถอนพิษ ทานหลังอาหารวันละสามครั้ง ครั้งละหนึ่งเม็ด" หลิงมู่เอ๋อร์นำขวดหนึ่งขวดยื่นให้แก่เขา "ในเมื่อเป็ลูกค้าเก่า ข้าก็จะให้สิทธิพิเศษเล็กน้อยแก่เ้า คิดเ้าแค่ห้าสิบตำลึงเงินก็แล้วกัน!"
ซูเช่อมอบเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้นางอย่างว่าง่าย ก่อนจะนำยาถอนพิษเก็บลงในอกเสื้อ
ครั้นเห็นเขาใจกว้างเช่นนี้ หลิงมู่เอ๋อร์ก็ยิ้มจนดวงตาหยักโค้ง นางนำตั๋วเงินยัดเข้าไปในแขนเสื้อของตนเอง ตรงจุดที่ซูเช่อมองไม่เห็น เอ่ยความคิดหนึ่งในใจว่าเก็บเข้าไปในมิติ
ซูเช่อเห็นท่าทางที่เห็นแก่เงินของนางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา เขาพิงอยู่บนรถม้า พลางทอดตามองนางอย่างอ่อนโยน "บัดนี้เ้าก็ไม่ได้ขาดแคลนเงิน เหตุใดถึงยังชื่นชอบเงินมากถึงขนาดนี้?"
“คุณชายซู เ้ายืนพูดย่อมไม่ปวดเอว [1]” หลิงมู่เอ๋อร์ทัดปอยเส้นผมไปที่ข้างใบหู ก่อนเปิดผ้าม่านทอดสายตามองออกไปด้านนอก “ข้าเป็เสาหลักของครอบครัว จะต้องเลี้ยงดูปากท้องของทั้งครอบครัว เ้าไม่เคยได้รับความทุกข์ยากลำบากมาก่อน แน่นอนว่าย่อมไม่รู้รสชาติของความหิวโหยว่าเป็อย่างไร ข้าไม่อยากลองััมันอีกครั้งแล้ว"
ซูเช่อมองท่าทางจริงจังของสาวน้อย เขากล่าวว่า "ถ้าเ้ารักษาท่านย่าของข้าให้หายดี ข้าจะจ่ายเงินให้เ้าหนึ่งหมื่นตำลึงเงิน"
นิ้วมือของหลิงมู่เอ๋อร์กระตุก หนึ่งหมื่นตำลึง! นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ ถึงแม้ว่าในตอนนี้การค้าของเหลาอาหารสกุลหลิงจะไปได้ดี แต่กำไรที่หักจากต้นทุนต่อวันก็มีเพียงไม่กี่สิบตำลึงเท่านั้น
กิจการของโรงหมอนางก็ดีมาก แต่ว่ากับคนจนเ่าั้ล้วนไม่เก็บเงินค่าตรวจโรค และค่ายาก็เก็บในราคาถูกที่สุด หลังจากคิดคำนวณแล้วรายได้ก็ไม่ได้มากมายนัก
หนึ่งหมื่นตำลึงเงินสำหรับนางแล้วเป็สิ่งที่ล่อตาล่อใจยิ่ง หรือบางที นางอาจจะลองใคร่ครวญดูก็เป็ได้ เพียงแค่ออกไปตรวจโรคเท่านั้น เมื่อถึงเวลาก็ค่อยกลับมาก็เป็พอแล้ว
ครั้งนี้หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้ปฏิเสธ ซูเช่อดูเหมือนจะมีความหวังขึ้นมาบ้างเล็กน้อย เดิมทีเขาเพิ่งจะถอนพิษ ร่างกายยังอ่อนแออยู่มาก สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก ทว่าหลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้ปฏิเสธเขาเหมือนอย่างในยามปกติ นั่นทำให้จิตใจของเขารู้สึกดีขึ้นมาก ดังนั้นสีหน้าขาวซีดจึงมีสีเืฝาดบ้างแล้วเล็กน้อย
“ข้างนอกเกิดเื่วุ่ยวายอันใดขึ้น?” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยถามด้วยความสงสัย
คนขับรถม้ากล่าวอยู่ด้านนอก "ตอบแม่นาง ว่ากันว่าเ้าสำนักในสำนักศึกษาถูกสังหารอย่างกะทันหันขอรับ"
“อันใดนะ? สำนักศึกษาใด?” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยด้วยความใ
คนขับรถม้าชะงักงัน "น่าจะเป็สำนักศึกษาของเมืองเฟิ่งกระมัง! ข้างหน้าไม่ไกลนั้นก็คือสำนักเมืองเฟิ่ง ที่นั่นมีผู้คนมากมายห้อมล้อมอยู่ น่าจะมีเกิดเื่ขึ้นกับเ้าสำนักของที่นั่นขอรับ"
“คนขับรถม้า ข้า้าไปสำนักศึกษาเมืองเฟิ่ง จอดรถม้าที่นั่นที” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับคนขับรถม้าที่อยู่ด้านนอก
"แต่ว่าคุณชายพวกข้า..." คนขับรถม้าเป็คนของซูเช่อ ซูเช่อไม่ได้ออกคำสั่ง และคนขับรถม้าก็ไม่กล้ากระทำอันใดผลีผลาม
ซูเช่อมองไปที่หลิงมู่เอ๋อร์ กล่าวกับคนขับรถม้าที่อยู่ด้านนอกว่า "ฟังคำนาง ไปที่สำนักศึกษาเมืองเฟิ่ง"
“ขอรับ” คนขับรถม้าที่อยู่ด้านนอกตอบรับทันที
ผ่านไปไม่นาน รถม้าก็หยุดลงที่ประตูของสำนักศึกษาเมืองเฟิ่ง
หลิงมู่เอ๋อร์ะโลงจากรถม้าอย่างคล่องแคล่ว มองภาพเหตุการณ์ที่อยู่ไม่ไกล แล้วขมวดคิ้วขึ้นมา
"ได้ยินมาว่าคนที่สังหารเ้าสำนักถังเป็นักเรียนของเขา" ท่ามกลางกลุ่มฝูงชน ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์เสียงเซ็งแซ่ “ตอนนี้ถูกจับเอาไว้ได้แล้ว”
"ใช่แล้ว! ช่างเสียสติไปแล้วจริงๆ เ้าสำนักถังเป็คนดีเช่นนี้ คนผู้นั้นก็กล้าลงมือได้" คนอีกผู้หนึ่งกล่าวอย่างโกรธเคือง
"ได้ยินมาว่าบัณฑิตเ่าั้ล้วนพากันร้องเรียนแล้ว พวกเขารวบรวมรายชื่อขอให้ใต้เท้านายอำเภอตัดสินลงโทษปะาชีวิตชายผู้นั้น"
“เหตุใดข้าถึงได้ยินมาว่าคนผู้นั้นยังเป็นักโทษหลบหนีอีกต่างหาก? และยังบอกว่าเขาเป็ชนรุ่นหลังของนักโทษที่กระทำผิดอะไรสักอย่าง เมื่อก่อนศึกษาเล่าเรียนกับเ้าสำนักถัง ภายหลังตระกูลถูกฆ่าล้างตระกูล เดิมทีเขาควรจะถูกลงโทษปะาชีวิต แต่กลับหลบหนีออกมา หลังจากหลบหนีออกมาแล้ว เขาก็มีชีวิตที่ยากจนแร้นแค้นต้องระหกระเหิน ยามนี้้ามาขอเงินกับอาจารย์ของตน แต่ไม่คิดว่าเ้าสำนักถังเองก็อัตคัดขัดสนใน่หลายปีที่ผ่านมามากเช่นกัน จึงไม่ได้ให้เงินแก่เขา จากนั้นเขาก็โกรธมากจึงได้ลงมือสังหารคน"
ในเวลาเพียงไม่นาน เื่ราวทั้งหลายผ่านการเล่าลือต่างๆ ก็ได้เผยแพร่ออกไป
หลิงมู่เอ๋อร์อยากไปดูสถานการณ์ในห้องของเ้าสำนักถัง แต่ไม่คาดคิดว่าที่นั่นจะถูกปิดกั้นเอาไว้ คนที่พวกเขากำลังพูดถึงนั้นคล้ายกับโจวฉี่เยี่ยนเป็อย่างมาก นางอยากจะสอบถาม แต่ก็กังวลว่าจะเป็การแหวกหญ้าให้งูตื่น
"นี่เป็แผนการที่มุ่งเป้าไปที่เขา ั้แ่ก่อนที่เขายังไม่ได้ก้าวเข้ามาเหยียบที่นี่ก็มีคนวางหมากเอาไว้แล้ว" ภายในรถม้า ซูเช่อกล่าวเสียงนิ่ง "หากแม่นางอยากจะใช้ชีวิตธรรมดา การดีที่สุดก็คืออย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเลย มิฉะนั้น แม่นางอาจจะมีปัญหาใหญ่ได้"
หลิงมู่เอ๋อร์เข้าใจความหมายของซูเช่อ คนที่้าให้โจวฉี่เยี่ยนตายคือฮ่องเต้ นับั้แ่สมัยโบราณ กษัตริย์้าให้ขุนนางตาย ขุนนางย่อมต้องตาย ฮ่องเต้้าชีวิตของโจวฉี่เยี่ยน ไม่ว่าโจวฉี่เยี่ยนจะหนีไปที่แห่งหนใดก็ย่อมหนีไม่พ้นจากเงื้อมมือของเขาไปได้ โจวฉี่เยี่ยนไม่ได้สังหารผู้ใด แต่ฮ่องเต้ย่อมทำให้เขา 'สังหาร' ได้ วิธีการนี้จะต้องบอกว่าอำมหิตเป็อย่างยิ่ง
"เ้าสามารถช่วยเขาได้หรือไม่? ตอนนี้คนที่สามารถช่วยเขาได้มีเพียงเ้าแล้ว" เป็ครั้งแรกที่หลิงมู่เอ๋อร์ตระหนักได้ว่าความสามารถของตนเองนั้นไม่เพียงพอถึงขนาดนี้
เื่นี้อยู่เหนืออำนาจของนางอย่างแท้จริง ความสามารถแค่นั้นของนางไม่นับว่าเป็อันใด
ซูเช่อมองไปที่หลิงมู่เอ๋อร์ด้วยดวงตาที่ซับซ้อน
นับั้แ่รู้จักกันมา หญิงสาวนางนี้ไม่เคยพูดนุ่มนวลกับเขาเลย ยามปกติที่ได้อยู่ร่วมกันกับตน นางก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับฐานะของเขา คิดไม่ถึงว่าวันนี้เพียงเพราะเื่ของผู้อื่น นางจะเป็ฝ่ายขอร้องเขาก่อนเอง
เขาควรที่จะรู้สึกว่าได้ระบายความไม่พอใจแล้ว ถึงอย่างไรคนที่ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตามาโดยตลอด คาดไม่ถึงเลยว่าจะเอ่ยถ้อยคำที่นุ่มนวลกับเขา แต่ว่าเขากลับไม่ได้ชอบความรู้สึกนี้เลยแม้แต่นิด
หรืออาจจะเป็เพราะเขาชื่นชมหญิงสาวนางนี้จริงๆ ก็ได้กระมัง! ในสายตาของเขา นางเพียงแค่รักษาท่าทีอย่างเมื่อก่อนก็เป็พอแล้ว
“ข้าช่วยเขาได้” ซูเช่อนำพู่หยกขึ้นมาเล่นบนมือ “เ้าย่อมรู้เงื่อนไขของข้า”
“ข้าจะไปเมืองหลวงกับเ้า” หลิงมู่เอ๋อร์เม้มปาก
“เ้าหนุ่มแซ่โจวมีคุณงามความดีและความสามารถอันใด ถึงสามารถเป็เพื่อนกับเ้าได้ เท่าที่ข้ารู้ ชีวิตนั้นของเขาก็เป็เ้าที่ช่วยเอาไว้” ซูเช่อกล่าว
“ชีวิตของคุณชายซูก็เป็ข้าที่ช่วยเอาไว้เช่นกัน ว่ามาแล้ว ข้ายังเป็ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของคุณชายซูอยู่ ใช่หรือไม่?” หลิงมู่เอ๋อร์ช้อนตาขึ้นมองไปที่เขา
“ใช่ ข้าก็โชคดีมากเช่นกัน” ซูเช่อยิ้มเบาๆ
"ในเมื่อคุณชายซูรับปากแล้ว เื่นี้ก็รบกวนเ้าด้วย ขอให้คุณชายซูจัดการปัญหาทั้งหมดหลังจากนี้ที และถือว่าบนโลกนี้ไม่มีโจวฉี่เยี่ยนคนผู้นี้ก็แล้วกัน!" หลิงมู่เอ๋อร์มองออกไปนอกหน้าต่าง “พวกเขาพี่น้องได้รับความทุกข์ทรมานมามากแล้ว หวังว่า์จะเมตตาต่อพวกเขาสักหน่อย อย่าได้ทรมานพวกเขาอีกเลย”
“ในเมื่อสัญญากับแม่นางแล้ว ข้าย่อมจัดการอย่างดี แม่นางวางใจให้สบายเถิด พี่น้องตระกูลโจวได้ตายไปแล้วในคดีนี้” ซูเช่อให้สัญญาอย่างจริงจัง
หลิงมู่เอ๋อร์นึกถึงเ้าสำนักถังผู้นั้นที่ท่าทีภายนอกดูเ็าแต่แท้จริงแล้วเป็คนที่เปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตาเป็อย่างยิ่ง โจวฉี่เยี่ยนสูญเสียบิดามารดาและญาติพี่น้อง นอกจากน้องชายแล้ว คนที่ห่วงใยเขามากที่สุดก็คืออาจารย์ท่านนี้ แต่บัดนี้เขาตายไปแล้ว อีกทั้งยังตายเพราะตนเองอีก เกรงว่าความโกรธแค้นในใจของเขาจะยิ่งรุนแรงขึ้น หลิงมู่เอ๋อร์รู้มาเสมอว่าโจวฉี่เยี่ยน้าจะล้างแค้นให้กับตระกูล
ดั่งเช่นในตอนนี้ที่ความเกลียดชังระลอกใหม่ผสานรวมเข้ากับความโกรธแค้นในอดีต ความแค้นในใจของโจวฉี่เยี่ยนยิ่งสลักลึกลงไปยิ่งขึ้น และก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำเื่ราวอันใดออกมาหลังจากนี้
นางดูแลอนาคตหลังจากนี้ของเขาไม่ได้ ทำได้เพียงแต่เป็ห่วงเขาในตอนนี้เท่านั้น ในเมื่อได้พบพานกันแล้ว คงไม่อาจเห็นคนตายแล้วไม่ช่วยได้ ในขอบเขตความสามารถของนาง นางก็ช่วยเขาเท่าที่สามารถช่วยได้
การตายของเ้าสำนักถัง นางไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะทุกคนทราบดีแก่ใจอยู่แล้ว ตอนนี้หากอยากช่วยโจวฉี่เยี่ยนออกมา ก็ทำได้แค่ดูสามารถในการปิดบังเื่ราวของซูเช่อเท่านั้นแล้ว
ซูเช่อช่วยนางแล้ว น้ำใจในครั้งนี้เป็โจวฉี่เยี่ยนที่ติดค้างนาง แต่ที่ซูเช่อออกหน้าช่วยนั้นเป็เพราะนาง ดังนั้นแท้จริงแล้ว เป็นางที่ติดค้างน้ำใจเขา ในคราวก่อนที่ช่วยชีวิตเขา เื่ราวของครั้งนี้ก็ถือเป็การตอบแทนที่ตนเองได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ หลังจากนี้หากมีเื่อันใดเกิดขึ้นอีก นางก็จะยากที่จะมาขอความช่วยเหลือจากเขาอีกแล้ว
เป็เวลาหลายวันที่หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้ตรวจโรคอีก นางกำลังรอข่าวอยู่ที่โรงเตี๊ยม ในวันที่สิบ จื่อถงก็ได้กลับมาแล้ว
"แม่นาง เก็บของให้เรียบร้อย พวกเราจะออกจากเมืองเฟิ่งทันที" จื่อถงกล่าวกับหลิงมู่เอ๋อร์
หลิงมู่เอ๋อร์ได้เก็บของเสร็จเรียบร้อยตั้งนานแล้ว ข้าวของของนางมีไม่มากนัก สิ่งของสำคัญล้วนเก็บไว้ในมิติ
“ตกลง” หลิงมู่เอ๋อร์ตอบรับ
ผ่านไปไม่นาน เสียงผิวปากก็ดังมาจากด้านนอก จื่อถงบอกกับนางไว้ว่า ขอเพียงแค่ได้ยินเสียงผิวปากก็ให้ออกมาทันที หลังจากนั้นให้ขึ้นไปนั่งบนรถม้าด้านนอกก็เป็อันใช้ได้แล้ว
“ท่านหมอเทวดาจะไปแล้วหรือ?” ครั้นเถ้าแก่เนี๊ยเห็นว่าหลิงมู่เอ๋อร์กำลังจะจากไป ก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย นี่คือเทพเ้าแห่งโชคลาภเชียวนะ เป็เพราะว่านาง โรงเตี๊ยมของตนถึงได้มีลูกค้าเต็มทุกวัน
ผู้คนเ่าั้ที่้าพบหมอเทวดาเพื่อตรวจโรคมักจะยัดเงินให้กับนาง ขอให้นางช่วยพูดถ้อยคำดีๆ กับหมอเทวดาแทนตน หมอเทวดาท่านนี้ก็ยังไว้หน้านาง ในสิบครั้งมีเก้าครั้งที่สามารถทำให้นางยอมรักษาให้ได้
เถ้าแก่เนี๊ยผู้นี้ก็เป็คนที่พอเห็นเงินดวงตาก็ลุกวาว แต่ว่าหลังจากผ่านการอยู่รวมกันมาใน่ระยะเวลานี้ นางเลื่อมใสการวางตัวของท่านหมอเทวดาจริงๆ แต่น่าเสียดาย เทพเ้าแห่งโชคลาภกำลังจะจากไปแล้ว
“เถ้าแก่เนี๊ย นี่คือใบเทียบยาที่ข้าสั่งให้ท่าน” หลิงมู่เอ๋อร์ยื่นใบเทียบยาหนึ่งใบให้แก่นาง “กินติดต่อกันเป็เวลาสามเดือน จะต้องทำให้ท่านให้กำเนิดเด็กตัวอ้วนได้อย่างแน่นอน”
เถ้าแก่เนี๊ยชะงักงัน รอยยิ้มที่เดิมทีมีเพียงสามส่วนพลันอ้ากว้าง ั์ตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น "จริงหรือ? เป็ไปได้จริงๆ หรือ? ข้าจะยังสามารถให้กำเนิดบุตรได้หรือ?"
เถ้าแก่เนี๊ยอายุสามสิบกว่าปี นางแท้งบุตรั้แ่ยังอายุน้อย และนับั้แ่นั้นมาก็ไม่เคยตั้งครรภ์อีกเลย ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางรู้จักวิธีหาเงิน แม่สามีก็คงไล่นางออกไปตั้งนานแล้ว
“แน่นอน ข้ากล่าวว่าได้ก็คือได้” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวพลางยิ้มบางๆ “แต่ต้องกินอย่างต่อเนื่อง อย่าได้ขาด่เชียว”
“เ้าค่ะ เ้าค่ะ เ้าค่ะ” นิ้วมือของเถ้าแก่เนี๊ยที่ถือใบเทียบยากำลังสั่นระริก แท้จริงแล้ว นางก็เคยคิดที่จะขอให้หลิงมู่เอ๋อร์ช่วยดูอาการป่วยบนร่างกายของนาง แต่พอนึกถึงสภาพร่างกายของตนเอง นางก็สิ้นหวังแล้ว ใน่หลายปีที่ผ่านมานี้ได้หาหมอมาไม่น้อย หมอทุกคนล้วนกล่าวว่านางไม่อาจมีบุตรได้ สมแล้วกับที่เป็หมอเทวดา สามารถรักษาโรคที่ไม่อาจมีบุตรของนางให้หายดีได้
เชิงอรรถ
[1] คนยืนพูดย่อมไม่ปวดเอว มีคงามหมายแฝงว่า หากไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็ไม่มีทางเข้าใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้