อวิ๋นซีมองเห็นความว้าวุ่นและเป็กังวลอยู่ในดวงตาของจวินเหยียน นางจึงรีบตอบออกไป “ข้าไม่เป็ไร เพียงแต่รู้สึกว่า เื่ที่คนผู้นั้นพูดดูจะไม่น่าเชื่อสักเท่าไรก็เท่านั้น ทว่า ยามนี้ข้ารู้สึกเพลียนิดหน่อย ขอนอนพักสักครู่ก่อนก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบ นางก็หันกายเข้าหากำแพง โดยไม่มองจวินเหยียนอีก เื่เล่าในวันนี้มอบความตื่นตะลึงให้นางมากเกินไป แม้ความเืเย็นของโอวหยางเทียนหัวจะเป็สิ่งที่นางรู้ดีอยู่แล้ว และได้เห็นมาแล้วกับตาตน แต่มิคาดว่าคนจะกระทำเื่ที่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้ได้
เฉียวอวิ๋นซีเป็ภรรยาเขานะ แต่เขากลับกล้าทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไร มิน่าเล่าหลังจากที่กลับมาจากท่องเที่ยวในครั้งนั้น เขาก็ไม่แตะต้องตัวนางอีกเลย ยิ่งกว่านั้น ในตอนหลังที่ได้ทราบว่านางกำลังตั้งครรภ์ สายตาที่มองมาของเขาถึงได้ส่อแววแปลกประหลาด เดิมทีนางยังนึกไปว่า เขาคงจะตื่นเต้นมากเกินไปกระมัง ทว่า ตอนนี้นางทราบแล้วว่า แท้จริงแล้วเป็ตัวนางเองที่ช่างโง่เขลาเสียจริง ถูกความรักที่มีต่อโอวหยางเทียนหัวปิดกั้นทุกทัศนะ จึงมองเื่มากมายที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่ชัดเจน
จวินเหยียนเห็นท่าทางนางเป็เช่นนี้ก็เข้าใจดีว่า นางคง้าพักผ่อนจริงๆ จึงพยักหน้ารับ “เ้านอนเถอะ ข้าจะอยู่เฝ้าเ้าที่นี่ หาก้าสิ่งใดก็เรียกข้า ดีหรือไม่”
อวิ๋นซีส่ายหน้า “ไม่ ข้าอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”
ตอนนี้นาง้าอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง เพื่อขบคิดเื่ราวต่างๆ ให้กระจ่างแจ้ง และเพื่อที่วันหน้าจะได้ไม่โง่เง่า ไม่รู้ความดังเช่นในอดีตอีก
จวินเหยียนมองนาง จากนั้นก็ถอนหายใจ “ได้ เช่นนั้นเ้าก็รีบพักผ่อนเถิด ข้าจะอ่านตำราอยู่ที่เรือนด้านนอก หากเ้าตื่นมาเมื่อไรก็ะโเรียกข้า ใกล้ไกลข้าย่อมได้ยิน”
ในตอนที่เขาเดินจากไป จู่ๆ อวิ๋นซีก็พลิกกายกลับมามองแผ่นหลังอันหนักแน่นของเขา จวินเหยียน หลังจากผ่านเื่นี้ไปแล้ว ข้ายังจะเชื่อในตัวท่านได้อยู่หรือไม่? พวกท่านทั้งสองต่างเป็พี่น้องกัน เมื่อเป้าหมายของท่านลุล่วงแล้ว ท่านก็จะลงมือสังหารข้าเช่นชายผู้นั้นหรือไม่?
นางมองม่านมุ้งพลางคิดถึงอนาคตอันสับสนและเลือนรางของตน ศัตรูนางอยู่ไกลถึงเมืองหลวง แล้วเส้นทางสายนี้ที่ยังต้องเลือกเดิน นางจะต้องเดินไปอีกไกลสักเพียงใด? เพราะทุกๆ ที่ล้วนเต็มไปด้วยขวากหนาม แล้วนางเล่าจะต้องนอนเืโชกอยู่บนขวากหนานเ่าั้เหมือนดังในกาลก่อนที่จะอยู่ก็อยู่ไม่ได้ จะตายก็ตายไม่ได้ อีกครั้งหรือไม่?
ด้านนอกประตู จวินเหยียนสั่งให้สาวใช้ทุกคนในเรือนถอยออกไป จากนั้นก็ไปนั่งเหม่อมองสวนงามที่เต็มไปด้วยดอกไม้บานสะพรั่งของตน ก่อนจะหวนนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของเฉียวจี๋ ฉับพลันนั้นใจของเขาก็เย็นเฉียบ
ทว่า ในตอนนี้เองที่เขาเห็นอวิ๋นหวนยืนอยู่นอกเรือน เขาจึงรีบสาวเท้ายาวๆ ออกไปด้านนอก เดินออกไปยังที่ว่างที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนพำนักของเขา เมื่ออวิ๋นหวนเห็นจวินเหยียนเดินเข้ามาหาก็รีบเอ่ยถาม “พี่ใหญ่ สามปีก่อน ที่พระราชฐานส่วนตัวขององค์รัชทายาทนั่น แท้จริงแล้วสตรีผู้นั้นคือเฉียวอวิ๋นซีหรือ? ”
“ข้าเองก็ไม่รู้” จวินเหยียนเลิกคิ้ว เขาไม่รู้จริงๆ ในปีนั้นหลังจากที่เื่ราวผ่านไป เขาก็ไม่เคยคิดจะตามสืบอีกเลย อย่างไรเสียระหว่างเขากับรัชทายาทก็นับเป็ศัตรูกัน ตอนนั้นจึงคิดว่า ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็ใคร ตัวเขาก็หาได้จำเป็ต้องรู้ ทว่า ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะทำผิดพลาดไปหลายอย่างทีเดียว
“หากนางเป็เฉียวอวิ๋นซีจริงๆ เช่นนั้นเด็กคนนั้น...ก็เป็ลูกพี่ใหญ่น่ะสิ” อวิ๋นหวนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เื่ราวเมื่อสามปีก่อนนั้น พี่ใหญ่ได้ปลอมตัวเป็ฉินเหยียนเพื่อลอบเข้าไปในเมืองหลวง เดิมทีก็เพื่อเื่การค้า แต่ใครจะไปคิดว่า น้องสาวสายตรงผู้เอาแต่ใจของเขาจะชมชอบฉินเหยียน ทั้งยังตั้งใจจะอาศัยฐานะของตนเพื่อบีบบังคับให้เขาแต่งกับนาง
ฉินเหยียนเป็ใคร คนคนนี้จะไปแต่งงานกับน้องสาวของเขาที่พิศแล้วเหมือนคนไม่มีสมองได้อย่างไร และใครจะไปคาดคิดว่า น้องสาวไร้สมองคนนั้นจะถึงกับกล้าวางยาบุรุษ ส่วนฉินเหยียนนั้นเมื่อรู้ตัว จึงได้หนีเปิดเปิงไป ซ้ำร้ายยังถูกคนไล่ตามฆ่า
เมื่อไร้ทางไป เขาจำได้ว่า ตอนนั้นสภาพของฉินเหยียนดูไม่ได้เป็อย่างยิ่ง ก่อนจะถูกคนขององค์รัชทายาทจับตัวไป ดังนั้น คนที่ได้เข้าไปในห้องของชายารัชทายาทก็มีความเป็ไปได้แปดเก้าส่วนว่าจะเป็ ‘ฉินเหยียน’ คนนี้
จวินเหยียนมองอวิ๋นหวนเรียบๆ “เื่นี้ เ้าไปสืบมาให้ชัดเจนแล้วค่อยมาบอกข้า อีกประการ พาคนคนนั้นมาที่หานโจว ยามนี้มิรู้ว่าผ่านไปแล้วสองปี ความแค้นของเขายัง้าชำระอยู่อีกหรือไม่ เมื่อเ้าพบเขาแล้ว ฝากบอกเขาแทนข้าด้วย หากว่ายังจะสวดมนต์กินเจต่อไป เื่ของเขาในวันหน้า เปิ่นหวางผู้นี้จะไม่สนอีกแล้วแม้เพียงนิด”
เมื่ออวิ๋นหวนได้ยินคำสั่งนั้นก็รับรู้ได้ว่า ครั้งนี้พี่ใหญ่ของเขาคงเอาจริงแล้ว เขารีบพยักหน้า “พี่ใหญ่วางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ จริงสิ แล้วเฉียวจี๋ผู้นั้นเล่า? ”
“คนที่ไร้ประโยชน์ก็เหมือนของที่ไร้ประโยชน์ เมื่อสังหารแล้วก็ส่งศีรษะเขากลับไปที่เมืองหลวง มอบให้รัชทายาท” เขาจะให้โอวหยางเทียนหัวได้รับรู้ไว้เสียบ้างว่า หากยังคิดจะทำอะไรในถิ่นของเขา เขาก็หาได้สนใจหากจะต้องสังหารไปคนแล้วคนเล่า “เมื่อมอบแล้วก็อย่าได้ลืมบอกเขาไปด้วยว่า หากยังมีครั้งต่อไป ศีรษะที่ข้าจะส่งไปให้ จะเป็ของลู่เหวินเจิ้น! ”
อวิ๋นหวนตัวสั่น พี่ใหญ่ที่สั่งการอย่างเด็ดขาดราวกับสายฟ้าฟาดเช่นนี้ต่างหากที่น่ากลัวของจริง ส่วนในยามปกติที่มักแย้มยิ้มเย้ายวนชวนให้หลงใหลนั่นเป็ของปลอมทั้งสิ้น
เขารีบรับคำ “ขอรับ”
เมื่ออวิ๋นซีตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จวินเหยียนก็บอกนางเกี่ยวกับเฉียวจี๋ทันที แต่นางกลับทำเพียง อืม กลับมาเรียบๆ เสียงหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อ “หากท่านสังหารคนเช่นนี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว แต่ท่านกลับส่งศีรษะเขาไปให้โอวหยางเทียนหัวอีก นั่นจะเป็การแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือไม่”
“ไม่หรอก คนคนนั้นยิ่งกังวลก็จะยิ่งส่งคนมามากขึ้น ทว่าขอเพียงข้าอยู่ในหานโจวนี้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่กลัวเขาหรอก หากมาคนหนึ่ง ข้าก็แค่ฆ่าไปคนหนึ่ง ยิ่งเรากำจัดคนมีฝีมือของเขาให้มาก ในวันหน้าเมื่อกลับไปยังเมืองหลวง พวกเราก็จะได้ปลอดภัยขึ้นอีกหน่อย” ชายหนุ่มดันร่างนางให้นั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นจึงหยิบหวีขึ้นมาช่วยสางผม
การกระทำของเขาในครั้งนี้ ทำให้อวิ๋นซีใยิ่ง “จวินเหยียน ท่านทำอันใด? ข้าหวีผมเองได้” เขาเป็ถึงท่านอ๋อง ต่อให้จะถูกเนรเทศ แต่ฐานะก็ยังสูงส่งยิ่ง หากเื่ที่เขาสางผมให้นางนี้แพร่ออกไป นางรับประกันได้เลยว่า ไม่ช้าไม่นานพวกตนคงได้จมน้ำลายของคนทั้งใต้หล้าเป็แน่
สามีเขียนคิ้วสางผมให้ภรรยา หากเป็เื่ที่เกิดขึ้นในตระกูลผู้ดีมีฐานะทั่วไป ไม่ว่าใครๆ จักต้องชื่นชม ทว่า หากเื่เช่นนี้เกิดขึ้นในหมู่ราชวงศ์อย่างเช่นเหล่าอ๋องละก็ จักต้องกลายเป็เื่ที่เหล่าขุนนางนับร้อยพากันประณามเป็แน่
ในสายตาของพวกเขา พระโอรสหรือพระราชนัดดาควรต้องห่วงใยในประเทศชาติ ห่วงใยในชาวประชาของตน มิใช่มัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับอิสตรี ต่อให้คนผู้นี้จะเป็ภรรยาที่ตบแต่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามจารีตประเพณีก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ในยามที่นางแต่งให้โอวหยางเทียนหัวจึงไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะเขียนคิ้วสางผมให้นาง กระทั่งยามที่นางตื่นขึ้นมาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เพราะคำอธิบายเดียวที่เขามีให้ คือเขาเป็องค์ชาย เป็รัชทายาทของแผ่นดิน เื่ที่จำเป็ต้องทำย่อมมีมากมาย
ตอนนั้นนางหวังเพียงว่า ตนจะเป็ภรรยาที่เพียบพร้อม เป็มารดาที่แสนดี ดังนั้น ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร นางก็ล้วนรู้สึกว่าถูกต้อง และอยากจะสนับสนุนเขาทั้งสิ้น แต่ในตอนนี้นางกลับได้ค้นพบความจริงที่ว่า โอวหยางเทียนหัวรักและหวงแหนในชื่อเสียงของตนมากจนเกินไป
บุรุษผู้หนึ่งที่ไม่ยอมสละอะไรแม้สักกระผีก ไม่นับว่าเป็บุรุษที่รักใครได้จริง
จวินเหยียนแค่นเสียงเ็า “ข้าเพียงแต่เขียนคิ้วสางผมให้ภรรยาข้า นี่ถือเป็เื่ปกติธรรมดายิ่ง ดังนั้น ใครหน้าไหนจะกล้าว่าอะไรข้าได้ หรือหากกล้าทำเช่นนั้นจริง แล้วตัวข้าได้ยินเข้าละก็ อย่าได้หวังว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดอยู่อีกต่อไปเลย”
จวินเหยียนในตอนนี้พูดด้วยท่าทีที่ราวกับกำลังจะบอกว่า ที่นี่ถิ่นข้า ข้าเป็ใหญ่ ใครกล้าพูดอะไร ข้าจะจัดการผู้นั้นเสีย
เมื่ออวิ๋นซีเห็นก็อดโค้งริมฝีปากไม่ได้ “เช่นนั้นก็ตามใจท่านเถิด แต่หากว่าไม่น่ามอง ข้าเองก็จะไม่ปล่อยท่านไว้แน่” ต่อให้จะเคียดแค้นตระกูลโอวหยางแค่ไหน นางก็ไม่สามารถเอาความโกรธแค้นเ่าั้มาลงที่ตัวเขาได้
จวินเหยียนสางผมให้นางพลางเอ่ยคำ “อาซี ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเ้าจึงต้องเคียดแค้นตระกูลโอวหยาง โดยเฉพาะโอวหยางเทียนหัว...”
เขายังพูดไม่ทันจบ นางก็รีบแทรกขึ้นมาเสียก่อน “พูดจาเหลวไหล”
จวินเหยียนยิ้มบางๆ “หากเ้าคิดว่าข้าพูดจาเหลวไหล เช่นนั้นก็ช่วยฟังๆ ไปหน่อยเถิด เพราะไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะพูด ข้าอยากให้เ้ารู้ว่า ไม่ว่าในใจเ้าจะมีความโกรธความแค้นมากเพียงใด ขอให้เ้าเชื่อมั่นในตัวข้า เพราะในโลกใบนี้คนที่ข้าจะไม่มีทางทำร้ายก็คือเ้าและหวานหว่าน ดังนั้น นับแต่นี้อย่าได้ไล่ข้าไปไหนอีกเลย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้