โจวอ้าวเสวียนยกยิ้มพอใจ
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ที่แท้ไม่ได้มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่อุ้มเด็กไม่เก่ง เ้าเด็กชุนเทียนยิ่งอุ้มได้ไม่ดีนี่นา
คนบางคนที่หาสิ่งที่ทำให้รู้สึกเท่าเทียมแล้ว อารมณ์จึงดีขึ้นมาทันที
“เหตุใด เ้าไม่ฟังคำพูดของข้าแล้วหรือ หืม!”
เสียงเย็นเยียบนี้ทำให้ชุนเทียนใจนหางหด เขารับคำด้วยเสียงคล้ายจะร้องไห้ “ขอรับคุณชาย”
อู่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านล่าง ยังไม่กล้าหายใจแรง
เ้าโง่ชุนเทียน เ้ากล้าแสดงท่าทางไม่พอใจออกมาต่อหน้าคุณชายได้อย่างไร ตอนนี้จึงต้องมาลำบาก สมน้ำหน้า
“อู่เอ๋อร์ ที่ข้าให้เ้าหาคน หาเจอหรือไม่?”
หลังจากทั้งสองคนสลัดชุนเทียนทิ้งไปแล้ว เริ่มปรึกษาเื่สำคัญกัน
ครั้นพูดเื่เกี่ยวกับสายลับเสร็จแล้ว อู่เอ๋อร์เริ่มรายงานเื่การค้าของเฉินเนี้ยนหราน
“อ๋อ ไม่เลวเลยนะ ทำการค้าที่เปียนโม่นี่ ย่อมมีประโยชน์ต่อชีวิตที่พวกเรา้าออกมาใช้ชีวิตกันเอง”
“ใช้ชีวิตกันเอง?” อู่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้นจึงสูดลมหายใจเย็นเยียบ “คุณชายขอรับ ท่านพยายามทำภารกิจให้สำเร็จไม่ใช่หรือขอรับ เหตุใดจะแยกตัวออกมาจากต้นสกุลเล่าขอรับ?”
โจวอ้าวเสวียนหลับตาลง มือเคาะที่ปลายเก้าอี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ
ผ่านไปนานจึงหัวเราะเสียงเย็นออกมา
“ต้นไม้ยิ่งใหญ่ แมลงยิ่งเยอะ สกุลโจวน่ะ…”
เขาส่ายหน้า แล้วไม่ได้พูดต่อไป
อู่เอ๋อร์ฟังแล้วรู้สึกสับสนมาก แต่เขาเองก็รู้ว่า สกุลโจวในยามนี้เป็สกุลที่ใหญ่มาก
แม้สกุลโจวที่หนานฮวายจะเป็สกุลใหญ่ แต่ยิ่งสกุลใหญ่เท่าใด เื่ยุ่งยากยิ่งมาก
อีกทั้ง สกุลสาขาในตอนนี้ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ สกุลโจวที่เขตปาเจียวเองก็มีสาขาแยกออกมามากมายเช่นกัน
หากพูดถึงสกุลหลัก เกรงว่าเื่วุ่นวายจะยิ่งเยอะ
เื่คุณชายกับนายหญิง คงยิ่งยุ่งยากมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเรียบเรียงเหตุผลแล้ว อู่เอ๋อร์พลันเข้าใจเื่ที่จะเกิดขึ้นต่อไป เกรงว่าจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้น
แต่หากถึงวันที่พวกเขาจะออกจากสกุลจริงๆ คิดว่าคุณชายคงจัดการเื่ไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยเฉพาะนายหญิงคนนี้ยังเป็คนฉลาด แม้จะแยกตัวออกไป พวกเขาย่อมสามารถทำการค้ากันได้
แต่ ไม่ถึงขั้นนี้ ผู้ใดย่อมไม่ยอมออกจากสกุล
จะต้องรู้ว่าการออกจากครอบครัวไป นั่นหมายความว่าเ้าจะไร้คนดูแลไปทั้งชีวิต
แม้เ้าจะมีเงิน แต่สุดท้ายมักจะถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ ลูกหลานย่อมจะถูกคนรังแกได้อย่างง่ายดาย
ในยุคสมัยนี้ เดิมทีก็เป็ยุคที่ให้ความสำคัญกับครอบครัว และเป็ยุคที่รวมครอบครัวเข้าด้วยกัน
ครอบครัวใดมีลูกชายมากที่สุด นั่นหมายถึงตำแหน่งและทรัพย์สิน...
หลังจากจัดการเื่ราวได้ดีแล้ว โจวอ้าวเสวียนจึงปลีกตัวจากไป
เื่องค์หญิงแคว้นผีข่า เขาสืบมาได้พอสมควรแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงหาหลักฐาน นั่นคือของที่พวกหนอนบ่อนไส้ในราชวงศ์ต้ารั่วและคนของแคว้นผีข่าเห็นพ้องต้องกัน
หลังจากฮ่องเต้รู้ถึงสาสน์ลับฉบับนี้ ก็้าค้นหาให้พบมาโดยตลอด อย่างไร หนอนบ่อนไส้พวกนี้ก็ซ่อนตัวได้มิดชิดมากนัก
พอมาถึงจวนองค์หญิงสาม ผู้ดูแลสกุลเข้ามาทำความเคารพ แต่สายตาของเขาแฝงไปด้วยการครุ่นคิดอย่างละเอียด
เมื่อคืนคนที่เขาส่งไปได้คลาดกันกับเ้านายคนใหม่นี้อย่างน่าประหลาด เขารู้สึกว่า สถานะของเ้านายใหม่คนนี้มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน
“องค์หญิงกล่าวว่าอีกสามวันจะกลับมา หลายวันนี้ คุณชายสามารถทำสิ่งใดก็ได้อย่างอิสระ” บนใบหน้าของผู้ดูแลแฝงไปด้วยรอยยิ้มสอพลอ
ทว่าในแววตากลับซ่อนความเหยียดหยามไว้ไม่มิด
เหล่าบุรุษบำเรอ แม้จะมีความเย่อหยิ่งสูงเพียงใด แต่สุดท้ายเขายังเป็เพียงแค่บุรุษบำเรอเท่านั้น
“อืม ข้ารู้แล้ว”
หลังจากโจวอ้าวเสวียนตอบกลับด้วยความเ็า จึงลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก
“เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกคลายเครียดเสียหน่อย”
ผู้ดูแลรีบส่งคนตามไป “พวกเ้าจะต้องปกป้องคุณชายให้ดี หากเกิดอุบัติเหตุกับคุณชาย ระวังหนังของพวกเ้าเอาไว้ให้ดี”
โจวอ้าวเสวียนหัวเราะเสียงเย็น ภายนอกดูเหมือนส่งมาปกป้องเขา แต่เื้ั เกรงว่าจะกำลังเตือนคนพวกนี้ว่าอย่าให้เขาหายตัวไปอีก
ในวันนี้ เขาแค่มาเดินเล่นบนถนนเท่านั้น ไม่ได้ไปที่อื่น
เพียงแต่ ที่คนเหล่านี้ไม่รู้คือ ตอนที่เขากำลังเดินเล่นอยู่นั้น มีสตรีที่กำลังอุ้มลูกคนหนึ่งมองเขาจากที่ไกลๆ มองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังเขา คิ้วของนางขมวดเข้าหากันเป็ปม
บุรุษของนาง กลับเหมือนถูกกักขัง จะคิดอย่างไรย่อมรู้สึกไม่สบายใจ
หลังจากกลับไปวันนั้น นางนั่งทานข้าวเงียบๆ ตลอดอย่างหาได้ยาก หนิงเซียงเห็นนางเป็เช่นนี้ จึงไปถามสาวใช้สีว่าเกิดเื่ใดขึ้น
“จะเป็อะไรไปได้อีกเล่าเ้าคะ ทั้งหมดเป็เพราะพ่อของถวนถวนกลับมา จิตใจจึงว้าวุ่นเ้าค่ะ คิดๆ ไปแล้วก็สมเหตุสมผล พ่อของถวนถวนอยู่ที่นั่นกับสตรีอื่น จะอย่างไรนางคงจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าใดนัก”
พอพูดถึงเื่นี้ หนิงเซียงจึงคิดถึงเื่ของโจวอ้าวเสวียนดวงตาของนางกลอกไปมา ก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ที่ตัวของตู้ซินถง สุดท้ายมองไปทางเฉินเนี้ยนหราน
ทันใดนั้นรอยยิ้มเ้าเล่ห์พลันปรากฏขึ้นมา ก่อนจะดึงแขนของเฉินเนี้ยนหราน “เฮ้ อยากให้บุรุษของเ้ากลับมาเปิดกิจการด้วยกันในวันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่?”
เฉินเนี้ยนหรานที่กำลังหงุดหงิด หลังจากได้ยินประโยคนี้ สายตากลับมีความไม่เป็ตัวของตัวเอง
“อะแฮ่ม ผู้ใดคิดกันเล่า ไม่คิด ทานข้าวๆ”
แต่หนิงเซียงมีหรือจะปล่อยนางไป นางจงใจลากเสียงยาว
“ไม่คิดจริงๆ หรือ? เฮ้อ...”
“ข้ายังคิดเลยนะว่าไม่เช่นนั้น ข้าจะนึกหาวิธีให้คนบางคนกลับมาอยู่กับลูกเมียสักสองสามวัน ดูเหมือนว่าคงไม่จำเป็แล้วล่ะ!”
มือที่คีบกับข้าวชะงักไป มองตาสายตาของหนิงเซียง หลังจากเห็นตู้ซินถงที่นั่งทานข้าวด้วยท่าทางเกียจคร้านอยู่นั้น สายตาของนางพลันเปล่งประกายขึ้นมา
“เ้าสามารถคุยกับเขาได้หรือ?”
หนิงเซียงพยักหน้า “อืม ได้สิ บุรุษคนนี้ไม่มีสิ่งใดให้ทำ ตอนนี้เริ่มจะเกลียดการแต่งตัวเป็สตรีแล้วด้วย สู้เ้าให้เขาแต่งกายเป็บุรุษของเ้า แล้วไปลักพาตัวโจวอ้าวเสวียนมาที่นี่ ไม่แน่นะ ตู้ซินถงอยู่ที่นั่น ยังสามารถเข้าคู่กับองค์หญิงแคว้นผีข่าได้ด้วยเชียว โฮะๆ ...”
นางมองไปยังตัวของตู้ซินถงด้วยสายตาหลากหลาย ซึ่งคนถูกมองคล้ายไม่ได้ยินที่พวกนางพูดอย่างไรอย่างนั้น
เ้าคนี้เี
เฉินเนี้ยนหรานเองก็ไม่แกล้งโง่ นางยื่นหน้าไปตรงหนิงเซียง
“ได้ท่านพี่ เ้าสามารถทำได้จริงๆ หรือ? หากได้ เช่นนั้นพูดกับเขาได้หรือไม่ ให้เขาช่วยไปแทนสักหน่อย พรุ่งนี้ข้าจะทำของอร่อยให้เ้าทาน วางใจได้ ครั้งนี้จะทำเค้กก้อนใหญ่จริงๆ ไม่ก็ ไม่เช่นนั้นตอนฤดูร้อนข้าจะทำของเย็นๆ ให้ดื่ม วางใจได้ รับประกันว่าจะเป็แบบที่เ้าชอบ”
“เครื่องดื่มเย็นๆ ทั้งหน้าร้อน!” หนิงเซียงถือโอกาสนี้เสนอของที่้า
“ไม่ได้นั่นมากเกินไปแล้ว ข้ายังมีสิ่งอื่นต้องทำ อีกอย่าง สถานที่ท่องเที่ยวทางเกษตรของพวกเรายังมีการค้าอย่างอื่นที่ข้าจะต้องทำไม่ใช่หรือ? น้อยลงมาสักหน่อยเถิด”
“ไม่สามารถให้น้อยลงได้มากกว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นต่อไปเ้าก็มีลูกให้ข้าคนหนึ่งมาเล่น ครั้งนี้ ข้าจะต้องเลี้ยงเด็กคนนี้ั้แ่ต้น”
เฉินเนี้ยนหรานหันหน้าไปทางอื่น “เป็บ้าหรือเปล่า! ทั้งๆ ที่เ้าสามารถคลอดเองได้ ยังจะให้ข้าคลอดลูกให้เ้าเล่นอีก ข้าจะบอกเ้าให้นะ ลูกไม่ใช่ของเล่น จะต้องเลี้ยงดูด้วยความเอาใจใส่นะ”
ทั้งสองคนต่อรองกันอยู่นาน สุดท้ายเป็เฉินเนี้ยนหรานที่ต้องทำเครื่องดื่มเย็นๆ ให้หนิงเซียงหนึ่งเดือน
ส่วนหนิงเซียงจะไปตะล่อมตู้ซินถงได้หรือไม่นั้น ไม่ใช่ปัญหาที่นางจะต้องมานั่งกังวลใจ
นางแค่ต้องให้อู่เอ๋อร์ส่งจดหมายไปให้โจวอ้าวเสวียน หลังจากพูดเื่หาคนมาเปลี่ยนตัวได้แล้ว ค่อยให้เขาหาเวลาว่างมาสัก่หนึ่ง และส่งต่อข้อมูลของภารกิจให้เสร็จก็พอ
เื่เกี่ยวกับการส่งต่อข้อมูล เฉินเนี้ยนหรานคิดเอาไว้แล้ว พยายามให้อู่เอ๋อร์หาเวลาว่างมาพูดกับตู้ซินถงสักรอบ
อย่างไรสองคนนี้หน้าตาคล้ายกันมากจริงๆ หากยืนอยู่ด้วยกัน เกรงว่าจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็พี่น้องกัน แต่ที่ยุ่งยากคือ จะทำอย่างไรจึงจะสามารถทำให้ตู้ซินถงแสดงให้เหมือนกับโจวอ้าวเสวียน
วันต่อมา สิ่งที่ทำให้เฉินเนี้ยนหรานแปลกใจคือ ตู้ซินถงกลับตอบรับด้วยความดีใจ
“บุรุษคนนี้ให้เขาทำสิ่งใดยามนี้ เขาล้วนยินดีทำทั้งสิ้น วางใจเถิด เขารู้ว่าเื่นี้เกี่ยวข้องกับชีวิต ไม่มีทางทำอะไรส่งเดช”
หนิงเซียงพูดกล่อมนางด้วยใบหน้าแดงก่ำ ทั้งยังดึงเสื้อผ้าให้ตู้ซินถงโดยเฉพาะด้วย ไม่ต้องพูดถึงสีผิวของตู้ซินถงในวันนี้ที่ถูกทำให้คล้ำขึ้นมาเล็กน้อย
บรรยากาศรอบข้างไม่ได้อ่อนนุ่มเหมือนกับยามปกติอีกแล้ว มีความแข็งแกร่ง เอาแต่ใจขึ้นมาหลายส่วน
พอมองไปเช่นนี้ แม้จะเป็ตัวของเฉินเนี้ยนหรานเอง ยังสับสนอยู่เล็กน้อย ว่าบุรุษคนนี้เขาเป็ผู้ใดกันแน่?
เป็โจวอ้าวเสวียนหรือตู้ซินถง?
ตอนนั้นเองที่ตู้ซินถงเงยหน้าขึ้นมา สายตาเ็ามองมายังนาง
เฉินเนี้ยนหรานใจนตัวสั่น “ไอ๊หยามารดา พวกเ้าเหตุใดถึงได้เหมือนกันเช่นนี้? ดูแล้วเหมือนกันเสียจริง”
หนิงเซียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงใช่หรือไม่ ข้าบอกแล้ว เสี่ยวถงถงของพวกเราจะต้องเก่งที่สุด ทำภารกิจสำเร็จแล้วพี่สาวจะตบรางวัลเ้านะ”
ตู้ซินถงกวาดตามองมาที่นาง สายตาของเขามองไปยังตำแหน่งหน้าอก เมื่อถูกมองเช่นนี้ ตัวของหนิงเซียงพลันแข็งทื่อ นางคิดถึงเมื่อคืนที่บุรุษคนนี้นอนพาดอยู่บนหน้าอกของนาง...
แม้จะยังไม่ได้ทำขั้นตอนต่อไปอื่นๆ แต่เขาได้คิดว่าหน้าอกของนางเป็เหมือนหน้าอกของมารดาตนเองไปแล้วอย่างชัดเจน โดยเฉพาะตอนท้ายเขายังดูดไปหลายทีอีก แม้ยามนั้นจะพยายามควบคุมเอาไว้ก็เถิดนะ
แต่อดจะยอมรับไม่ได้ว่า ตัวนางในตอนนั้นมีความรู้สึกอยู่บ้างเล็กน้อย...
“กลับมารางวัลของข้าจะต้องเพิ่มขึ้นนะ” ตู้ซินถงเผยรอยยิ้มมีเลศนัยออกมาตอนนี้ถึงได้ตามอู่เอ๋อร์ไปที่ร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง
“เขายอมฟังแผนของพวกเราจริงๆ หรือ?”
มองส่งสองคนนั้นออกไป เฉินเนี้ยนหรานยังถามหนิงเซียงอย่างไม่อยากเชื่อ
นางรู้สึกว่า บุรุษคนหนึ่งไม่สมควรจะทำสิ่งใดก็ได้เช่นนี้
ให้แต่งเป็สตรี เขาก็ทำ
ให้แต่งกายเป็คนอื่น เขาก็ยอม
เขา ยังสามารถมีชีวิตเป็ของตนเองหรือไม่?
หนิงเซียงในยามนี้ได้กลับมาเป็ปกติแล้ว มองไปยังร่างนั้นที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เ้ารู้หรือไม่ คนบางคนจะใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงาไปตลอดชีวิต ก่อนจะก้าวออกไป ชีวิตของเขาจึงเหมือนศพเดินได้มาโดยตลอด”
พอหันกลับมามองก็เห็นหนิงเซียงขมวดคิ้ว เฉินเนี้ยนหรานจึงคิดถึงภาพที่ทั้งสองกอดกันกลม
นางจับมือของอีกฝ่ายเบาๆ “หนิงเซียง เ้าไม่เคยคิดจะหาบุรุษสักคนหรือ? ข้ารู้สึกว่าเ้ากับตู้ซินถงต่างเป็คนที่มีเื่ราวในอดีต เหตุใดไม่ให้โอกาสซึ่งกันและกัน เดินออกมาจากอดีต แล้วค้นหาชีวิตที่เป็ของตนเอง? เ้าคือิญญาของยุคปัจจุบัน ไม่จำเป็ต้องเหมือนกับสตรีในยุคนี้ที่จะต้องผูกมัดตนเอง ตู้ซินถงมีอดีต เ้าสามารถช่วยให้เขาเดินออกมาจากอดีตได้ และทำให้ตนเองได้รับการเปลี่ยนแปลงสิ ข้าไม่้าให้เ้ามีชีวิตที่สวมหน้ากากเช่นนี้ไปตลอด แม้เ้าจะไม่เหมือนกับตู้ซินถงที่ปล่อยให้ผู้ใดทำอย่างไรก็ได้ แต่ในความเป็จริงแล้ว เ้ากับเขาเป็คนประเภทเดียวกัน...”
