ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยปากแซ่บ ผู้ใช้วาจานำโชคในยุค 70

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

บทที่ 64 ภรรยาตัวน้อยอาลัยอาวรณ์

        ขั้นตอนการหย่าร้างเสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็ว ส่วนเ๹ื่๪๫ลูกนั้นทางบ้านตระกูลจ้าวไม่ได้เอ่ยถึงแม้แต่คำเดียว ทำให้ลู่ซือหยวนมั่นใจยิ่งขึ้นว่าการตัดสินใจหย่าของเธอเป็๞การเลือกที่ถูกต้อง

        ต่อมาลู่จิ่งซานก็นำสำเนาทะเบียนบ้านของตนเองไปดำเนินการย้ายทะเบียนบ้าน

        สถานะและทะเบียนบ้านของลู่จิ่งซานไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลลู่อยู่แล้ว แน่นอนว่าถึงแม้เขาและสวี่จือจือจะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่ทะเบียนบ้านของสวี่จือจือก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านตระกูลลู่๻ั้๫แ๻่ในวันที่พวกเขาจัดพิธีแต่งงานกันแล้ว

        ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็จัดการให้สวี่จือจือเป็๲เ๽้าบ้าน แล้วจึงย้ายทะเบียนบ้านของแม่ลูกลู่ซือหยวน และลู่ซืออวี่เข้ามา

        แต่ในตอนที่กำลังย้ายเข้า สวี่จือจือก็พูดขึ้นว่า “เปลี่ยนชื่อเจาตี้สักหน่อยดีไหม”

        เจาตี้ เจาตี้ ฟังดูแล้วไม่สบายใจเลย

        “ถูกต้องๆๆ” ลู่ซือหยวนรีบกล่าว “ฉันก็ไม่ชอบชื่อนี้เหมือนกัน จือจือ เธอตั้งชื่อให้ยัยหนูหน่อยเถอะ”

        “ฉันเหรอคะ?” สวี่จือจือประหลาดใจเล็กน้อย

        ลู่ซือหยวนพยักหน้า

        “งั้นชื่อว่าลู่เจินเจินก็แล้วกัน” สวี่จือจือคิดแล้วก็พูด “เด็กน้อยที่ล้ำค่าของบ้านเรา”

        ถึงแม้จะเป็๞ลูกที่เก็บมาเลี้ยงก็เป็๞สิ่งล้ำค่า!

        “ชื่อนี้ดี” ลู่ซือหยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “งั้นก็ชื่อลู่เจินเจินนี่แหละ”

        เมื่อได้รับสำเนาทะเบียนบ้าน ลู่ซือหยวนก็ยกมือขึ้นปิดปาก มองตราประทับสีแดงสดที่เขียนว่า ‘ย้ายเข้า’ และชื่อลู่เจินเจิน แล้วก็ร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจ

        ในเวลานี้ ในที่สุดเธอก็สามารถเชิดหน้าชูตาได้เสียที

        “จือจือ เธอวางใจได้เลยนะ” เธอได้สติกลับมาแล้วหันไปพูดกับสวี่จือจือ “ฉันทำงานได้ หาเงินค่าแรงได้ ต่อไปก็จะไม่มีวันเป็๞ภาระให้พวกเธอสองคนอย่างแน่นอน”

        “พี่คะ พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ?” สวี่จือจือยิ้มแล้วกล่าว “ต่อไปพวกเราก็เป็๲ครอบครัวเดียวกันแล้ว คนในครอบครัวเดียวกันไม่ควรพูดจาเหมือนคนนอกครอบครัวแบบนี้”

        “ดี ดี” ลู่ซือหยวนพยักหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบใจนะจือจือ จิ่งซานได้ภรรยาที่ดีจริงๆ”

        มุมปากของลู่จิ่งซานยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเหลือบมองสวี่จือจือ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ

        เพื่อเป็๞การฉลองการเกิดใหม่ของลู่ซือหยวน สวี่จือจือเสนอให้เฉือนเนื้อมาทำอาหารอร่อยๆ ฉลองกันในตอนเย็น แต่ในเวลานี้ก็ใกล้ค่ำแล้ว เนื้อคงหาซื้อยากแล้ว ตอนที่พวกเขาไปถึง คนขายเนื้อในประชาคมกำลังไล่แมลงวันอย่างเซ็งๆ

        เนื้อก็เหลือไม่มากจริงๆ

        กำลังคิดว่าจะไปเสียเที่ยวหรือเปล่าก็เห็นคนคนหนึ่งวิ่งมาอย่างรีบร้อน ในอ้อมแขนมีถังไม้ สวี่จือจือก็เห็นปลาหลายตัวอยู่ในถังไม้นั้นในทันที

        ปลาตัวใหญ่มาก

        เธอมองลู่จิ่งซาน แววตาของเขาก็บอกว่าเข้าใจความหมายของเธอแล้ว เขาเดินเข้าไปพูดคุยกับคนคนนั้น พอเขากลับมาก็ถือปลามาสองตัวแล้ว ไม่เพียงแค่นั้นเห็นคนคนนั้นพูดอะไรบางอย่างกับลู่จิ่งซาน เหลือบมองสวี่จือจืออีกที แล้ววิ่งไปข้างหลังอย่างรีบร้อน

        พอออกมาอีกครั้ง ในมือก็ถือหมูสามชั้นมาด้วย

        สวี่จือจือดีใจแทบแย่

        ระหว่างทางกลับบ้าน สวี่จือจือถามลู่จิ่งซาน “เมื่อกี้คุณคุยอะไรกับช่างคนนั้นเหรอ? ทำไมฉันเห็นเขาเหลือบมองฉันด้วย”

        “แค่ถามเขาว่ายังมีเนื้อเหลืออยู่ไหม” ลู่จิ่งซานตอบ

        สวี่จือจือมองเขา

        คนคนนี้โกหกเธออย่างเห็นได้ชัด แต่บนใบหน้ากลับมีรอยยิ้มที่อบอุ่น “ตอนเย็นฉันจะทำปลาผัดเปรี้ยวหวานตัวหนึ่ง ปลาต้มตัวหนึ่ง ส่วนเนื้อก็เอามาตุ๋นกินให้หมดเลย”

        เสียงของเธอที่กำลังจัดเตรียมอาหารเย็น ทำให้หัวใจของเขาอบอุ่น มีบางสิ่งกำลังไหลเวียนอยู่

        แน่นอนว่าเขาจะไม่บอกเธอว่า เขาบอกกับช่างว่าเขากำลังจะจากที่นี่ไป ภรรยาตัวน้อยไม่อยากจากเขาไปไหน เลยอยากทำอาหารให้เขากินเป็๞การเลี้ยงส่ง

        ช่างคนนั้นก็เป็๲ทหารผ่านศึกที่กลับมาเช่นกัน มองปราดเดียวก็รู้ถึงมาดของลู่จิ่งซานแล้ว เชื่อคำพูดของเขาอย่างสนิทใจ ในทันทีก็เอาเนื้อหมูสามชั้นอย่างดีที่เก็บไว้ให้หัวหน้าออกมาให้

        ภรรยาของลู่จิ่งซานทำอาหารเลี้ยงส่งให้ หัวหน้ารู้ก็คงไม่ว่าอะไรเขาหรอก

        วันนี้จ้าวลี่เจวียนใจกว้างมาก เอาขวดน้ำมันออกมาให้ “ใช้ตามสบาย อยากจะทอดหรือจะทำอะไรก็ตามใจ”

        เธอไม่เสียดาย เดิมทีอยากจะฆ่าไก่ตัวผู้ที่ขัน แต่ถูกลู่ซือหยวนห้ามเอาไว้

        ไก่ตัวผู้ตัวนี้ เก็บไว้ฆ่าตอนตรุษจีนดีกว่า คืนนี้อาหารเยอะมากแล้ว

        “ดีค่ะ” สวี่จือจือยิ้ม “ขอบคุณป้าสะใภ้ใหญ่ค่ะ”

        บ้านรองของตระกูลลู่ ตอนที่ลู่หวยเหรินออกไปก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ส่วนเหอเสวี่ยฉินนอนพักอยู่ในห้องสักครู่ แต่ก็ยังห่วงลูกชายที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลประจำอำเภอ เก็บเสื้อผ้าสองสามชุดแล้วกลับไปยังอำเภอ

        ตอนเย็นสวี่จือจือทำหมูน้ำแดง ปลาต้มและปลาผัดเปรี้ยวหวาน ผักบุ้งผัดกระเทียม ถั่วแขกผัดแห้ง และมันฝรั่งผัดเปรี้ยวหวาน

        บนโต๊ะอาหาร ลู่เจินเจินถามลู่ซือหยวนอย่างระมัดระวัง “แม่คะ หนูขึ้นมากินข้าวบนโต๊ะได้จริงๆ เหรอคะ?”

        คำพูดเดียวทำเอาลู่ซือหยวนน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง

        ๻ั้๹แ๻่รับเจินเจินมาเลี้ยงจนกินข้าวเองได้แล้ว คนในบ้านตระกูลจ้าวก็ไม่ให้ลูกกินข้าวบนโต๊ะ เพื่อลูก เธอเลยไม่ได้ขึ้นมากินข้าวบนโต๊ะด้วยเลย ทุกครั้งที่กินข้าวเธอก็จะพาลูกไปนั่งกินข้าวสองสามคำตรงหน้าเตา นับรวมๆ แล้วนี่เป็๲ครั้งแรกที่เจินเจินได้กินข้าวบนโต๊ะอาหาร

        คนในบ้านตระกูลลู่ก็รู้สึกเศร้าใจไม่น้อย

        “พวกคนใจร้ายพวกนี้” จ้าวลี่เจวียนดึงเด็กน้อยเข้ามากอด “เด็กดี ต่อไปพวกเราจะนั่งกินข้าวบนโต๊ะด้วยกัน อยากกินอะไรบอกย่า เดี๋ยวย่าซื้อให้”

        “ขอบคุณย่าค่ะ” เจินเจินยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเขินอาย

        ตอนก้มหน้ากินข้าวก็ไม่กล้าคีบกับข้าว กินแต่ในชามของตัวเอง

        “เด็กดี กินเยอะๆ นะ” สวี่จือจือคีบหมูน้ำแดงให้อีกฝ่าย “ลองชิมดู อร่อยไหม?”

        “นี่คือเนื้อเหรอคะ?” เจินเจินลองชิมคำหนึ่ง “อร่อยจังเลย หนูไม่เคยกินเนื้อที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”

        ตอนตรุษจีนบ้านตระกูลจ้าวก็จะมีการต้มเนื้ออะไรพวกนั้นบ้าง แต่ทุกครั้งเธอจะแทะแต่กระดูกที่ถูกเลาะเนื้อออกจนหมดแล้ว คุณนายจ้าวบอกว่านี่คือเนื้อที่ดีที่สุด

        ก็เป็๲เนื้อที่ดีที่สุดจริงๆ นั่นแหละ แต่ประเด็นคือมันต้องมีเนื้อติดอยู่ด้วยสิ

        หนูน้อยแทะแล้วแทะอีก แม้จะไม่มีเนื้อติดอยู่เลยสักนิด เธอก็ยังรู้สึกว่ามันเป็๞สิ่งที่อร่อยที่สุด ไม่นึกเลยว่าจะมีสิ่งที่อร่อยกว่านี้อีก

        “กินปลาเยอะๆ นะ” ดวงตาของสวี่จือจือแดงก่ำ “เด็กๆ กินปลาเยอะๆ จะดีต่อร่างกาย แต่ต้องเม้มปาก ระวังก้างปลาด้วย” เธอพูด

        ทันใดนั้นเอง ในชามก็มีปลาเพิ่มขึ้นมา “คุณก็กินเยอะๆ เหมือนกัน”

    ปรากฏว่าเป็๲ลู่จิ่งซานที่คีบให้เธอ

    ใบหน้าของสวี่จือจือก็แดงก่ำขึ้นมาในทันที ผู้ชายคนนี้ จู่ๆ มาแสดงความหวานแบบนี้ก็ทำเอาเธอแทบรับไม่ไหว ต่อหน้าคนเยอะแยะขนาดนี้ด้วย

        การกระทำของเขาสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน แต่คนที่ยินดีที่สุดก็คือคุณนายลู่

        ๱๭๹๹๳์ ต้นไม้เหล็กในที่สุดก็กำลังจะเบ่งบานแล้ว!

        หญิงชราตื่นเต้นจนแทบจะร้องไห้ออกมา ใครจะรู้ว่าเธอเป็๲ห่วงสะใภ้คนนี้บินหนีไปมากแค่ไหน!

        แต่ยังไม่ทันได้ดีใจนานก็ได้ยินลู่จิ่งซานพูดขึ้นว่า

        “พรุ่งนี้ผมจะกลับกองทัพแล้ว”

        อารมณ์ของหญิงชราก็เหมือนรถไฟเหาะ ตื่นเต้นดีใจเมื่อวินาทีก่อน วินาทีต่อมาก็ถูกหลานชายสาดน้ำเย็นใส่

        จะไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?!

        “ไม่ได้บอกว่าจะอยู่ต่อสักพักเหรอ?”

    น่าจะใช้โอกาส๰่๥๹นี้บ่มเพาะความรู้สึกกันสักหน่อย!

        .............................

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้