ทันใดนั้น ดวงตาที่หมองคล้ำของหญิงแซ่หลี่ก็เป็ประกาย นางมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความหวังและอ้อนวอนอย่างสุดซึ้ง "น้องหญิงหลิน ถ้าเ้ายินดีรักษาแม่สามีและลูกชายของข้าให้หายดีจริงๆ ข้ายินดีที่จะยกเงินสามตำลึงทั้งหมดนี้ให้เ้า!"
ฟางซื่อมองหลี่ซื่อด้วยใบหน้าที่ปวดร้าว นึกถึงเงินสามตำลึงที่นางได้มา เงินอยู่ในอ้อมแขนของนางยังไม่ทันร้อน แต่ตอนนี้มันจะกลับกลายเป็ของคนอื่นไปเสียแล้ว
หลินกู๋หยู่ยืนที่จุดเดิมเงียบๆ ดวงตาของนางจับจ้องไปที่ใบหน้าวิตกกังวลของหลี่ซื่อ นางรู้สึกถึงการจ้องมองอย่างสำรวจจากโดยรอบ เมื่อนางมองผู้คนโดยรอบทีละคน นางก็เห็นสายตาของคนเ่าั้จ้องมองมาที่นางด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด
“ข้าเองก็ไม่มั่นใจว่ารักษาให้หายได้หรือไม่” หลินกู๋หยู่หรี่ตาลงช้าๆ เสียงของนางเย็นเยียบ “อย่างไรก็ตาม ข้าจะไม่เรียกเก็บเงินจากพี่หญิง จะรักษาได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับฟ้า!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด หลี่ซื่อแสดงรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของนาง และพยักหน้าอย่างแรง "ขอบคุณเ้ามากจริงๆ ไม่ว่าเ้าจะรักษาแม่สามีและลูกชายของข้าได้หรือไม่ อย่างไรข้าก็จะขอบคุณเ้ามาก"
หลี่ซื่อก้าวไปข้างหน้า เอื้อมมือไปจับแขนของหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่ไม่ชอบให้คนอื่นมาััตัวนางมาั้แ่ไหนแต่ไรแล้ว ดังนั้นนางจึงถอยห่างออกมาอย่างไร้ร่องรอย
มือของหลี่ซื่อหยุดอยู่กลางอากาศด้วยความกระอักกระอ่วน จากนั้นก็ดึงกลับโดยไม่รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด
“ข้าเองก็เป็ไข้ทรพิษเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่หายดีมาก” หลินกู๋หยู่เม้มริมฝีปากเล็กน้อยและเอ่ยอธิบายสั้นๆ
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด หลี่ซื่อก็ตระหนักได้ว่านางเข้าใจน้องหญิงหลินผิดไปและรู้สึกผิดอยู่พักหนึ่ง
เมื่อหันสายตามอง หลี่ซื่อเห็นว่าฟางซื่อกำลังจะหนีไปขณะที่คนอื่นไม่สนใจ จึงรีบก้าวเท้าไปหาฟางซื่ออย่างว่องไว นางจับปลอกคอเสื้อของฟางซื่อ
“อย่า อย่าทำเช่นนี้” ฟางซื่อหดศีรษะ เงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลี่ซื่อด้วยความขลาด
หลี่ซื่อยื่นมือไปหาฟางซื่อ แล้วพูดอย่างเ็าว่า "เงินอยู่ไหน?"
มือของฟางซื่อกุมที่หน้าอกด้วยความเสียดาย ดวงตาของฟางซื่อมองหลี่ซื่ออย่างน่าสังเวช หลังจากนั้นไม่นาน นางก็หยิบเงินออกมาจากแขนเสื้อของนางอย่างสั่นเทา เม้มริมฝีปากเบาๆ และมองไปที่หลี่ซื่อและมองที่เงินที่อยู่ในแขนเสื้อยังไม่ทันได้อุ่นอย่างน่าสังเวชและไม่เต็มใจ "มันอยู่นี่ทั้งหมดแล้ว ให้…"
เมื่อเห็นฟางซื่อท่าทางไม่สู้ดีนัก หลี่ซื่อก็คลายเสื้อผ้าของฟางซื่ออย่างเหยียดหยาม ก่อนที่จะหันกลับมามองที่หลินกู๋หยู่
เมื่อผู้คนรอบข้างได้ยินว่าหลินกู๋หยู่สามารถรักษาไข้ทรพิษได้ แต่กระนั้นก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะก้าวไปข้างหน้า
แม้ว่าอาการป่วยของลูกชายของแม่ม่ายสูจะหายดีแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาการเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาจะหายดีได้เช่นกัน
หลี่ซื่อรีบเชิญหลินกู๋หยู่ไปที่บ้าน
ฉือหางพยุงหลินกู๋หยู่และกำลังจะเดินออกไปข้างนอก
เมื่อเห็นท่าทีของฉือหาง ใบหน้าของโจวซื่อก็มืดลง
มีอย่างที่ไหน เป็ผู้ชายร่างใหญ่คอยประคองผู้หญิงทั้งวี่ทั้งวัน เป็ผู้ชายภาษาอะไรกัน?
มือห่อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าฉือหางจะบอกว่าเขาไม่ได้ป่วย แต่อย่างไรเสียโจวซื่อก็ยังคงค่อนข้างกังวล
“ใครสั่งให้เ้าไป!” โจวซื่อพูดอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
เท้าของฉือหางหยุดก้าว หลินกู๋หยู่ก็หยุดเช่นเดียวกัน
การจ้องมองค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ เมื่อเห็นฉือหางจับแขนของนาง นางกลับไม่รู้สึกอึดอัดเช่นแต่ก่อนเลยแม้แต่น้อย
“ท่านแม่” ฉือหางยื่นมือออกและผลักมือของโจวซื่อออกไป ใบหน้าของเขาปราศจากร่องรอยของอารมณ์ความรู้สึก เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ข้าไปแล้วจะกลับมา!”
ในขณะที่โจวซื่อกำลังจะพูด จู่ๆ นางก็รู้สึกถึงสายตาเ็า หลังจากจ้องมอง นางก็เห็นหลี่ซื่อยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าที่น่าเกลียดมาก
เมื่อคิดว่าเดิมทีก็เป็ความผิดของสกุลฉือั้แ่แรก หากลูกสะใภ้รองไม่ทำเช่นนั้น เหตุการณ์เช่นนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น โจวซื่อหันหลังกลับและเข้าไปในบ้านอย่างเงียบๆ
เมื่อพวกเขามาถึงบ้านของหลี่ซื่อ หลินกู๋หยู่มองดูหญิงชราที่นอนอยู่บนกองหญ้า มีเด็กชายตัวเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ นาง หลินกู๋หยู่ตรวจดูอย่างระมัดระวัง และพบว่าทั้งคู่ป่วยเป็ไข้ทรพิษจริงๆ
ไม่รู้ทำไม่นี้ในหมู่บ้านของพวกนางมีคนป่วยเป็ไข้ทรพิษจำนวนมากถึงเพียงนั้น
หลี่ซื่อรีบยกชามสองใบมาข้างๆ ชามใบหนึ่งเต็มไปด้วยนม อีกชามเต็มไปด้วยเืสีแดง
"นี่คืออะไรหรือ?" หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองหญิงแซ่หลี่อย่างสงสัย ระหว่างเอ่ยถามอย่างลังเล
หลี่ซื่อมองลงไปที่ชามทั้งสองใบ และพูดอย่างกระวนกระวายว่า "นี่คือยาที่พี่สะใภ้รองของเ้าให้ข้า"
“นมหรือ?” หลินกู๋หยู่เอ่ยถาม
"ใช่แล้ว"
"วัวอยู่ที่ไหนหรือ?" หลินกู๋หยู่ลุกขึ้นยืนต่อหน้าหญิงแซ่หลี่ เอียงศีรษะขณะเอ่ยถาม
บ้านของหลี่ซื่อเลี้ยงวัวหนึ่งตัว สามีของนางไปทำงานนอกบ้าน ครั้งนี้เขาไม่ได้กลับบ้าน
คาดว่าแม้สามีของนางจะอยากกลับมา กระนั้นเขาก็ไม่สามารถกลับบ้านได้
หลี่ซื่อพาหลินกู๋หยู่ไปที่คอกวัว ชี้นิ้วไปที่วัวอย่างโกรธๆ ว่า "คือวัวตัวนี้"
“ช่วยข้าพยุงวัวที” หลินกู๋หยู่พูดอย่างใจเย็น
หลี่ซื่อจึงเข้าไปพยุงวัว
วัวตัวนั้นเป็วัวตัวเมียจริงๆ ด้วย
เพียงแต่…
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ยืนขึ้นและก้าวถอยหลัง นางส่ายศีรษะเบาๆ
เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่เช่นนี้ หลี่ซื่อก็ปล่อยวัวด้วยความตื่นตระหนกอยู่หลายส่วน นางถามอย่างประหม่าว่า "วัวของข้ามีอะไรผิดปกติหรือไม่?"
“ไม่มี” หลินกู๋หยู่มองดูวัวที่กำลังเล็มหญ้าแล้วพูดว่า “วัวตัวนี้ไม่มีตุ่มฝีดาษ!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด คิ้วของหลี่ซื่อก็ขมวดแน่นยิ่งขึ้น
แม่ม่ายสูที่อยู่ข้างๆ เดินตามไปด้วย เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด นางคิดอยู่ครู่หนึ่งและถามอย่างงุนงงเล็กน้อย "น้องหญิงหลินพูดถึงตุ่มที่หัวนมของวัวใช่หรือไม่?"
"ใช่" หลินกู๋หยู่หันศีรษะไปมองแม่ม่ายสู "ตุ่มฝีดาษวัวและไข้ทรพิษล้วนเป็โรคทั้งคู่ แต่คนที่เป็โรคฝีดาษอาจจะไม่ตาย แต่คนที่เป็ไข้ทรพิษจะตายอย่างแน่นอน"
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ทุกคนก็ไม่เข้าใจหลายส่วน
"เมื่อเชื้อฝีดาษวัวและไข้ทรพิษทั้งสองโรคเข้าสู่ร่างกายคน เชื้อโรคก็จะต่อสู้กับเชื้อโรค แล้วโรคของคนคนนั้นก็จะหาย”
เชื้อโรคต่อสู้กับเชื้อโรค
เมื่อทุกคนได้ยินถ้อยคำนี้ สีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไป
สิ่งที่หลินกู๋หยู่หมายความก็คือ การให้เชื้อโรคอื่นๆ แก่ผู้ป่วย เพื่อให้ไข้ทรพิษในร่างกายมนุษย์สามารถรักษาได้?
แต่มันอันตรายเกินไปจริงๆ แค่ไข้ทรพิษตัวเดียวก็ทำให้คนเ็ปเจียนตาย แล้วยังต้องใส่ฝีดาษวัวเข้าสู่ร่างกายอีก เช่นนี้จะไม่เป็การฆ่าคนหรือ?
เดิมทีแม่ม่ายสูขอให้หลินกู๋หยู่ช่วยรักษาลูกชายของนาง เพราะนางสงสารลูกชายของนางมากเกินไป เมื่อนางได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ดูเหมือนนางจะเข้าใจอย่างกระจ่างแล้ว "ดังนั้นในตอนนั้นที่เ้าพูดกับข้าว่าลูกชายของข้าอาจจะตายได้ ใช่เพราะ...."
“เป็เพราะกังวลว่าร่างกายของลูกชายของพี่หญิงจะไม่สามารถทนต่อโรคทั้งสองได้” หลินกู๋หยู่ชำเลืองมองไปยังคนรอบข้างที่กำลังสงสัย แล้วพูดต่อว่า “ตราบใดที่คนคนนั้นมีพื้นฐานร่างกายที่ดี โดยทั่วไปก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าพวกเขาไม่แข็งแรง ข้าก็ไม่อาจรับประกันได้"
เมื่อหลี่ซื่อกำลังจะพูด หลินกู๋หยู่กล่าวต่อว่า "บางคนมีพื้นฐานร่างกายไม่ดี พวกเขาไม่สามารถัับางสิ่งได้ คนเหล่านี้อาจไม่หายดี"
“ถ้าเช่นนั้น” เด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน น้ำเสียงของนางชัดแจ๋ว “ถ้าเช่นนั้น คนเช่นไรถึงจะสามารถรักษาให้หายได้”
“โอกาสที่จะหายขาดมีครึ่งหนึ่ง” หลินกู๋หยู่พูดเบาๆ “เช่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับชะตาชีวิตของแต่ละคนแล้ว”
เมื่อพูดถึงโชคชะตาก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อ
เดิมทีคนที่นี่ก็ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว
หลี่ซื่อก้าวไปข้างหน้า พูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง "ข้ายินดีที่จะให้ท่านแม่สามีและลูกชายของข้ารักษาโรคด้วยวิธีนี้"
โดยไม่รอให้คนอื่นพูด หลี่ซื่อมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยดวงตาแดงก่ำ นางพูดเบาๆ ว่า "ถ้าเ้าไม่รักษาอาการป่วยให้ท่านแม่สามีและลูกชายของข้า ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็คงไม่สามารถมีชีวิตรอดได้ สู้สักตั้งย่อมดีกว่าปล่อยให้เป็เช่นนั้นโดยไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยน้องหลินก็เคยรักษาคนป่วยหายเป็ปกติมาก่อน ข้าเชื่อในตัวเ้า!”
หลินกู๋หยู่ติดตามแม่ม่ายสูไปที่บ้าน รีดนมวัว จากนั้นนำตุ่มฝีดาษออกมาใส่ชาม
คราวนี้ฟางซื่อไม่ได้ติดตามมาด้วย เนื่องจากตอนนี้นางไม่มีหน้าที่จะตามมาด้วยแล้ว
หลี่ซื่อมองดูของเหลวขุ่นๆ ในชามของหลินกู๋หยู่ นางรู้สึกขยะแขยงเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า "วิธีนี้ใช้ได้จริงหรือ?"
“อืม” หลินกู๋หยู่เอ่ยตอบเบาๆ
หลังจากกลับมาที่บ้านของหลี่ซื่อ หลินกู๋หยู่ก็ปฏิบัติต่อทั้งสองคนตามวิธีการรักษาดังก่อนหน้า จากนั้นบอกให้หลี่ซื่อไปที่บ้านของนาง นางมอบชาชงจากหญ้าเกิดใหม่ทั้งยังให้ยาลดไข้แก่หลี่ซื่อ จากนั้นส่งหลี่ซื่อกลับไป
หลังจากเสร็จสิ้นงานนี้ หลินกู๋หยู่รู้สึกหิวเล็กน้อย รู้สึกตัวอีกทีท้องฟ้าก็มืดแล้ว
"ข้าจะทำอาหารให้" ฉือหางยืนอยู่หน้าหม้อหุงข้าว มือกำลังวุ่นอยู่กับงาน
เมื่อหลินกู๋หยู่ป่วย ฉือหางเป็คนทำอาหารเองทั้งหมด
ในเวลานั้นเนื่องจากไข้สูง หลินกู๋หยู่ไม่อยากอาหารเลยแม้แต่น้อย ทานอะไรไปนางก็ไม่สามารถรับรสชาติอะไรได้เลยแม้แต่น้อย
ต่อมาเมื่อนางหายจากอาการป่วยแล้ว นางก็กินอาหารที่ฉือหางทำ
ใบหน้าของนางก็ค่อยๆ หม่นลง อาหารที่ฉือหางทำบางครั้งปรุงไม่สุกและไม่อร่อยเท่าที่จะเป็ไปได้
"ให้ข้าทำเถอะ!" หลินกู๋หยู่เดินไปหาฉือหางอย่างรวดเร็ว ฉีกยิ้มและผลักมือของฉือหางออกไป นางรีบเตรียมทำน้ำแกงข้าว
ฉือหางยืนอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ข้าเห็นว่าวันนี้เ้าดูเหนื่อยๆ"
“ไม่เหนื่อยเลย!” หลินกู๋หยู่รีบส่ายศีรษะ ตอนนี้นางเจริญอาหารดี
ฉือหาง้าพูดอะไรบางอย่าง หลินกู๋หยู่ก็ผลักเขาออกไป พร้อมกับเอ่ยยืนยันว่าตนเองสบายดี จากนั้นก็ทำอาหารต่อไป
หลังทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ฉือหางก็เก็บจานและตะเกียบไปล้าง
เมื่อเห็นว่าฉือหางกำลังเก็บของยุ่งๆ มุมปากของหลินกู๋หยู่ก็โค้งขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
ั้แ่ข้ามภพมายังสมัยโบราณ นางเข้านอนเร็วมากทุกวัน ในขณะที่นางโยนที่นอนลงบนกล่องไม้ ทันใดนั้น ตัวนางก็เกือบจะลื่นล้มลงไปบนกล่องไม้ด้วย
น้ำร้อนบนเตากำลังเดือด ฉือหางเติมน้ำร้อนลงในอ่างไม้ที่มีน้ำเย็น เขาทดสอบด้วยมือรู้สึกว่าอุณหภูมิกำลังดี จึงดึงมือออก
"อ๊า!"
เสียงกรีดร้องของหลินกู๋หยู่ดังมาจากด้านหลัง
ฉือหางถึงกับลืมวางอ่างไม้ไว้บนพื้น วิ่งเข้าไปในห้องด้วยความตื่นตระหนก เขามองดูหลินกู๋หยู่นั่งอยู่บนกล่องไม้ข้างๆ
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความงงงวย
“กล่องแตกแล้ว!” หลินกู๋หยู่พูดด้วยเสียงอู้อี้
ฝากล่องไม้หัก นางนอนบนนั้นไม่ได้แล้ว เช่นนี้นางจะนอนได้อย่างไรหรือ?
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ กล่องไม้สมบูรณ์ที่เหลือเพียงกล่องเดียวย่อมไม่สามารถนอนได้
ดวงตาที่เป็กังวลในตอนแรกของฉือหางเป็ประกายวับ มุมปากของเขาโค้งเล็กน้อย แต่มันก็หายไปในไม่ช้า เขาพูดอย่างกังวลว่า "ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถนอนบนกล่องนั้นได้แล้ว หรือว่าเ้านอนบนเตียง ส่วนข้าก็นอนบนพื้น?"
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้น “ร่างกายของเ้ายังไม่หายดีเลย เ้าจะนอนบนพื้นได้อย่างไร?”
"หรือว่า" ฝ่ามือของฉือหางอดไม่ได้ที่จะกำอ่างไว้แน่น กลืนน้ำลายลงคออย่างกระวนกระวาย "เราสองคนนอนบนเตียงด้วยกัน!"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้