นางพยาบาลที่อยู่ในห้องจ่ายยาพูดด้วยน้ำเสียงมาดมั่น รวมถึงแววตาสะใจของเพื่อนร่วมงานโดยรอบ ทำให้อู๋อู๋ยิ่งรู้สึกแย่
แต่ในเมื่อเธอสบประมาทออกไปแล้ว หากถอนคำพูดจะไม่ขายหน้าเองหรอกหรือ
อย่างไรเสียก็เคยขายหน้าครั้งใหญ่ไปแล้ว เธอจะไม่มีทางให้เื่แบบนั้นเกิดขึ้นอีกเป็อันขาด
“ตกลง ฉันจะไปหาท่านคณบดี”
“ไม่ต้องไปหรอกค่ะ ท่านมาพอดี”
อู๋อู๋หันไปตามสายตาของนางพยาบาลที่มองไปทางหน้าประตูของห้องโถงใหญ่ คณบดีจางที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินเข้ามา
สีหน้าโกรธเคืองของอู๋อู๋พลันเปลี่ยนเป็ยิ้มประจบ เร็วยิ่งกว่าการแสดงเปลี่ยนหน้ากากเสียอีก พวกนางพยาบาลที่อยู่ในห้องจ่ายยาถึงกับเบะปาก
“ท่านคณบดีจาง~”
เสียงหวานของอู๋อู๋สั่นเครือเล็กน้อย ทำเอาผู้ชายที่กำลังมาลงทะเบียนมองด้วยแววตาหื่น
คณบดีที่สามารถคิดนโยบาย “กองทุนสำรองค่ารักษาพยาบาล” ซึ่งไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แต่เพื่อผู้อื่น ช่างเป็ความสมบูรณ์แบบที่ไร้จุดด่างพร้อย ตัวเขาเองเมื่ออายุมากขึ้นจึงไม่ค่อยสนใจเื่ใต้ร่มผ้า แต่ก็อดตื่นตัวไม่ได้
“เสี่ยวอู๋แผนกผู้ป่วยหนักนี่ ในที่สุดก็มาทำงานแล้วหรือ คราวนี้ถือว่าช่างมัน แต่ต่อไปอย่าขาดงานโดยไม่มีเหตุผลอีก”
คณบดีจางกล่าวอย่างมีเมตตา
ทว่าสีหน้าของอู๋อู๋เปลี่ยนไป เมื่อวันจันทร์เธอออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ได้ลา ความหมายร้ายแรงก็คือขาดงาน
เป็หลักฐานชัดเจนที่ตอกอยู่บนกระดาน ไม่อาจปฏิเสธได้
เมื่อสงบใจได้แล้ว สำหรับข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง อู๋อู๋ยอมรับผิดอย่างกล้าหาญ
“ตอนนั้นฉันมีบางอย่างที่ตั้งรับไม่ทัน ท่านคณบดีจางวางใจเถอะ หลังจากนี้ฉันจะกลับมาเหมือนเดิม ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงพยาบาลอย่างเคร่งครัดค่ะ”
คณบดีจางรู้สาเหตุของเื่นี้ดีไม่ต่างจากคนอื่นๆ ในโรงพยาบาล แต่เขาเป็คนปากหนักมาแต่ไหนแต่ไร บางเื่ไม่ควรเปิดเผย แม้แต่กับภรรยาที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายปี เขาก็แทบจะไม่ปริปาก
เพราะเขารู้ และเขาก็เข้าใจอู๋อู๋
“ขอเพียงตั้งใจทำงาน ศึกษาค้นคว้าด้านการแพทย์ โอกาสย่อมมีเข้ามาเสมอ เอาละ ไปทำงานกันเถอะ”
ในขั้นแรกเื่จบลงเช่นนี้ แต่อู๋อู๋เข้ามาขวางคณบดีจางไว้เสียก่อน
“ท่านคณบดีคะ ฉันจำเป็ต้องแจ้งให้ท่านทราบสถานการณ์ค่ะ”
“หือ?”
“มีคนละเมิดกฎระเบียบของโรงพยาบาลค่ะ” อู๋อู๋มองพยาบาลที่อยู่ในห้องจ่ายยา “มีคนถอนเงินออกจากบัญชีกองทุนสำรองค่ารักษาพยาบาลของฉัน โดยที่เ้าตัวไม่ยินยอมค่ะ”
“มีเื่แบบนี้ด้วยหรือ”
กองทุนสำรองค่ารักษาพยาบาลนี้จัดตั้งขึ้นโดยคณบดีจาง ความตั้งใจเดิมเพื่อให้ความเป็อยู่ของบุคลากรในโรงพยาบาลดีขึ้น แต่นโยบายนี้มีภัยซ่อนอยู่หลายชั้น ภัยใหญ่ที่สุดคือการสมอ้าง ด้วยเหตุนี้เขาจึงจัดประชุมหารือหลายครั้งใน่เริ่มต้น อันดับแรกต้องเป็เ้าของบัญชีมาชำระด้วยตัวเองเท่านั้นโดยใช้บัตรประจำตัวประชาชน ต่อให้เป็คนในครอบครัวหรือแม้แต่เพื่อนสนิทที่มีเอกสารยืนยันครบถ้วนก็เกรงว่าจะไม่สามารถดำเนินการ
และในวันนี้เื่ที่เป็กังวลก็เกิดขึ้นจนได้
คณบดีจางขมวดคิ้ว เขาเดินไปที่หน้าต่างห้องจ่ายยาก่อนจะถาม “มีเื่แบบนี้ด้วยหรือ”
“คุณหมออู๋เข้าใจผิดแล้วค่ะ”
นางพยาบาลที่เข้าเวรพูด ทำให้คิ้วที่ขมวดเป็ปมของคณบดีจางคลายลง
ลางสังหรณ์ของอู๋อู๋ทวีความรุนแรง เธอกำมือแน่นและเกิดความลังเล “เธอว่ามา ที่บอกว่าเข้าใจผิดหมายความว่ายังไง”
ตอนที่เปลี่ยนกะ นางพยาบาลที่เข้าเวรก่อนหน้านี้ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังแล้ว นางพยาบาลที่เข้าเวรในขณะนี้จึงอธิบายซ้ำอีกครั้ง
“คนที่เข้าเวรเมื่อคืนคือพี่จางค่ะ ลูกสาวของคุณหมออู๋ไข้ขึ้นสูง เพื่อนร่วมชั้นเป็คนพามาส่ง เพราะรีบจึงไม่ได้เตรียมค่ายามาด้วย เด็กนักเรียนที่พามาคือลูกสาวของคุณหมอหยาง พี่จางรู้จักและรู้เื่จากเธอ จึงเสนอให้หักเงินจากบัญชีของคุณหมออู๋ค่ะ”
“ก็เลยหักเงินจากบัญชีของฉัน เงินของฉันถูกหักโดยที่ฉันยังไม่ได้อนุญาตงั้นหรือ”
“อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปค่ะคุณหมออู๋ ดิฉันยังพูดไม่จบ”
นางพยาบาลคนนั้นหันไปมองคณบดีจาง ก่อนจะมองอู๋อู๋ด้วยสายตาหยั่งเชิงรอดูสถานการณ์
“พี่จางบอกก็จริง แต่ที่พูดไปแบบนั้นก็เพื่อให้ลูกสาวของคุณหมอหยางใจเย็นลงค่ะ ต่อมาพี่จางโทรศัพท์ไปที่บ้านคุณหมออู๋ พอคุณหมออู๋ฟังจบก็ตัดสายทิ้ง ไม่สนใจลูกสาวของตัวเอง พี่จางไม่มีทางเลือก จึงไม่สามารถละเมิดกฎระเบียบของโรงพยาบาล ทำได้เพียงเอาเงินของตัวเองจ่ายไปค่ะ และคิดว่ารอให้คุณหมออู๋มาทำงานแล้วจะเล่าให้ฟัง และหารือว่าจะจัดการเื่นี้ยังไง”
พี่จางใช้แซ่เดียวกับคณบดีจาง นับเป็หลานสาวคนหนึ่งของเขา เมื่อทำงานที่เดียวกัน คณบดีจางย่อมให้ความสนใจมากกว่าปกติ และเขารู้ว่าหลานสาวเป็คนจิตใจดี เป็ไปได้ที่จะทำแบบนั้น
“เป็แบบนี้นี่เอง เสี่ยวอู๋ เธอเข้าใจผิดแล้ว”
ลางสังหรณ์ของเธอเกิดขึ้นจริงๆ อู๋อู๋ได้แต่ก้มหน้า คราวนี้เธออับอายอีกแล้ว
“แต่ว่า…”
นางพยาบาลที่เข้าเวรพูดเสียงเบา เบามาก จนคณบดีจางแทบไม่ได้สังเกต แต่อู๋อู๋สังเกต จึงอดไม่ได้ที่จะเกิดประกายความหวังสุดท้าย
“แต่ว่าอะไร”
“หลังจากที่ลูกสาวของคุณหมออู๋ให้น้ำเกลือเสร็จ และถามเื่ต่างๆ ก็บอกว่าจากผลดีเอ็นเอเธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ จึงไม่สะดวกใจใช้เงินของคุณ แล้วเธอก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง ก่อนที่พี่จางจะเลิกงาน ได้กำชับว่าหากคุณหมออู๋ทราบเื่และมาทวงเงินก็ให้ดิฉันบอกไปว่ามีการชำระเงินแล้ว ไม่จำเป็ต้องจ่ายอีกค่ะ”
ลูกสาวมีไข้ขึ้นสูง เพื่อนร่วมชั้นมาส่งที่โรงพยาบาล เพื่อนร่วมงานหวังดีโทรไปแจ้ง แต่ถูกตัดสายทิ้ง รวมถึงตัดขาดความสัมพันธ์กับซูอิน…
ทุกสิ่งทุกอย่างโยนใส่เหมือนกับอู๋อู๋โดนตบหน้า
นอกจากไม่ห่วงลูกสาวที่กำลังป่วย ยังไม่รู้เื่ต่างๆ แน่ชัดก็รีบมาประณามผู้อื่น อีกทั้งยังดึงคณบดีจางเข้ามายุ่ง
อู๋อู๋มองไปรอบๆ เพราะการมาของคณบดีจางทำให้เพื่อนร่วมงานหลายคนไม่รีบไปที่แผนกของตัวเอง แต่กลับยืนดูเื่สนุกอยู่ตรงทางเดิน สีหน้าของทุกคนแสดงความดูถูก
แววตาเยาะเย้ยที่มองมา เธอรู้สึกเหมือนโดนเข็มหลายเล่มทิ่มแทงใบหน้าจนแทบไม่เหลือช่องว่าง
เธอทำเื่งี่เง่าเช่นนี้ได้อย่างไร
“เสี่ยวอู๋ เื่ราวชัดเจนแล้วนะ”
คณบดีจางเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดี แต่อู๋อู๋กลับชะงัก เธอััได้ถึงความเ็าและไม่พอใจ จึงพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“เป็เพราะฉัน…”
“ไม่ได้ตรวจสอบเื่ราวให้ชัดเจนก่อนก็รีบมา…ทุกคนเป็เพื่อนร่วมงานกันทั้งนั้น ไม่ควรต้องโกรธเคืองกัน ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ โตๆ กันแล้ว ต่อไประวังหน่อยล่ะ”
อู๋อู๋พยักหน้า
ประโยคถัดมาที่คณบดีพูดกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนตกนรก
“เอาละ เื่เข้าใจผิดครั้งนี้ เมื่อได้คุยกันรู้เื่แล้วก็ถือว่าเข้าใจกัน เสี่ยวอู๋ เธอไม่ได้มาทำงานหลายวัน คงมีงานค้างหลายอย่าง รีบไปจัดการเถอะ”
เอ่ยจบคณบดีจางก็มองไปรอบๆ “รวมถึงพวกเธอ ใกล้เวลาเข้างานแล้ว มาสุมหัวกันอยู่ที่นี่ทำไม รีบกลับไปที่แผนกของตัวเอง มีอะไรก็ไปทำ”
้าให้เธอไปทำงานงั้นหรือ
เกิดเื่น่าอายติดกันเป็ครั้งที่สอง อู๋อู๋โกรธจนอยากซ่อนตัว หนีไปให้ไกลจากโรงพยาบาล จะให้อยู่ทำงานต่อหรือ อู๋อู๋เดาได้เลยว่า ต่อจากนี้จนถึงเลิกงาน ทุกนาที ทุกวินาที สำหรับเธอแน่นอนว่าคงเป็่เวลาที่ทุกข์ทรมาน