บรรยากาศอึมครึมในตระกูลหลิงยังคงดำเนินต่อไป
รุ่งเช้า ขณะที่อู๋อู๋ซ่อนตัวอยู่ชั้นบนเพื่อสนทนากับโจวกุ้ยฮวา หลิงจื้อเฉิงก็กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
ท่าทีของหลิงจื้อเฉิงขาดชีวิตชีวาต่างจากสัปดาห์ก่อน ดวงตาของเขาในวันนี้แดงก่ำ หนวดเคราไม่โกน หมดสภาพทั้งภายในและภายนอก
หลิงจื้อเฉิงเป็คนกลุ่มแรกในยุค 90 ที่หันมายึดอาชีพค้าขาย เหตุผลนั้นก็ง่ายมาก เขาทำเพื่อให้อู๋อู๋มีชีวิตที่ดี เมื่อใกล้เข้าปีที่สิบ อาศัยนโยบายในประเทศที่เอื้ออำนวย รวมถึงความพยายามอย่างไม่ลดละ ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ
โรงแรมหลิงกวงซึ่งอยู่ใจกลางเมืองถือเป็ก้าวสำคัญในอาชีพของเขา ขอเพียงสามารถยื่นเื่ขอเป็โรงแรมห้าดาว ธุรกิจของเขาก็จะก้าวหน้ามากอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
แต่กลับเกิดข้อผิดพลาดใน่รอยต่อที่สำคัญที่สุด
หลายวันมานี้เขาแทบไม่ได้นอน เร่งแก้ไขตามข้อเสนอของทางมณฑล และหารือกับลูกน้องเื่แผนงาน รวมแล้วสองสามวันมานี้นอนไม่ถึงหกชั่วโมงด้วยซ้ำ
และในเวลานี้เมื่อเขาอ่านหนังสือพิมพ์
หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว อวี๋หรงกรุ๊ปเข้ายึดพื้นที่ใจกลางเมืองแล้ว
หลายปีมานี้ตระกูลอวี๋คือศัตรูคู่อาฆาตของเขา แค่คิดก็รู้ว่าอีกฝ่าย้าที่ผืนนี้ไปทำอะไร
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลิงจื้อเฉิงก็หัวแทบะเิ
เขาอดคิดไม่ได้ว่าประเด็นสำคัญของเื่นี้คือซูอิน
ขณะนั้นเองอู๋อู๋ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินลงมา โดยพยายามซ่อนใบหน้าที่หม่นหมอง
หลิงเมิ่งซึ่งนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหารรีบเงยหน้า สีหน้าซับซ้อนที่มองอู๋อู๋เปลี่ยนเป็ปีติยินดีผสมกันอย่างลงตัว
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณแม่”
“อรุณสวัสดิ์”
อู๋อู๋ตอบกลับแบบขอไปที หากเป็เมื่อก่อนเธอคงดูออกว่าหลิงเมิ่งอารมณ์ไม่ดี แต่ในตอนนี้เธอเองก็อารมณ์เสียกับเื่งานที่มีปัญหาจนไม่มีเวลาใส่ใจเื่อื่น
หลิงจื้อเฉิงวางหนังสือพิมพ์แล้วมองอู๋อู๋ “อรุณสวัสดิ์ ทางอินอิน…”
อู๋อู๋ขมวดคิ้ว
วันนั้นหลิงเมิ่งกลับมาและเห็นน้ำนองในบ้านจึงถามด้วยความแปลกใจ อู๋อู๋ที่อารมณ์ไม่ดีจึงเหมาว่าการที่บุตรสาวของเธอต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากมาตลอดสิบหกปีทั้งหมดเป็เพราะซูอิน ความเกลียดชังจึงก่อตัวเพิ่มขึ้น รวมกับสิ่งที่หลิงเมิ่งเจอหลายต่อหลายครั้งเมื่อไม่นานมานี้ พฤติกรรมต่อต้านและดื้อรั้นของซูอิน ทำให้ความเกลียดชังของเธอที่มีต่อซูอินมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
“เมื่อวานตอนเช้าที่พวกเราไปโรงเรียนมัธยมทดลอง สิ่งที่เธอพูดตอนอยู่หน้าโรงเรียน คุณก็ได้ยินหมดแล้วนี่ ตอนนี้คุณยังอยากให้เธอกลับมาอีกหรือ”
“สมมุติว่านั่นเป็เื่จริง…”
“ไม่มีการสมมุติอะไรทั้งนั้น!”
เื่ที่ช่วยชีวิตคนเป็เพียงความเข้าใจผิด หลายวันมานี้หลิงจื้อเฉิงได้ตรวจสอบดูแล้ว พบว่าเด็กที่จมน้ำและได้รับการช่วยเหลือเป็เพียงเด็กธรรมดา แต่สิ่งนี้ไม่ทำให้เขาคลายสงสัย ปกติตัวตนของสมาชิกในครอบครัวถือเป็ความลับสุดยอด จึงเป็เื่ง่ายที่จะปลอมประวัติเพื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตามการที่ครอบครัวของเขาเลี้ยงดูซูอินโดยให้มีที่พักอาศัย อาหารการกินไม่ขาด แล้วยังไงล่ะ
การอยู่ในวงการธุรกิจมาหลายปีทำให้หลิงจื้อเฉิงเข้าใจความหมายของคำว่า ความละเอียดอ่อน สุขุมรอบคอบ จึงกุมเรือหมื่นปีได้อย่างลึกซึ้ง
แต่เห็นได้ชัดว่าอู๋อู๋กำลังทำตัวไม่มีเหตุผล หลิงจื้อเฉิงตามใจภรรยามาตลอด ในตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงยอมโอนอ่อน
“อันที่จริงพวกเราเลี้ยงเธอมาตั้งสิบหกปี ตอนนี้ต้องไปอยู่ข้างถนน ไม่มีบ้านให้กลับ อู๋อู๋ เมืองผิงกว้างใหญ่ คนที่ติดต่อกับพวกเราก็มีแต่คนมีหน้ามีตา หากพวกเขารู้ ลับหลังจะมองครอบครัวเรายังไง”
อู๋อู๋เป็พวกรักษาหน้าตา คำพูดนี้จึงแทงจุดสำคัญได้ตรงเผง
ขณะที่เธอกำลังจะขยับ หางตาก็หันไปเห็นแววตาที่ไม่อยากเชื่อของหลิงเมิ่ง รวมถึงรอบดวงตาข้างขวาที่เขียวช้ำซึ่งยังไม่หายดี
อาการาเ็นี้เกิดจากที่เมื่อวานเธออารมณ์ไม่ดีจนโยนแก้วแตก
เมื่ออินอินไปจากที่นี่แล้ว คนที่มีความสุขที่สุดก็คือเมิ่งเมิ่ง อู๋อู๋ไม่คิดว่าบุตรสาวของเธอใจแคบ เพราะหากเป็เธอที่ต้องเจอเื่เช่นนี้ ก็คงอดไม่ได้ที่จะไล่เด็กร้ายกาจที่ครองรังนกกางเขนออกไป แต่นี่ไม่ถึงสองวัน พวกเขาก็จะไปรับตัวอินอินกลับมา เมิ่งเมิ่งจะรู้สึกเสียใจมากแค่ไหน
“เธออยากไปเองนี่ โทษพวกเราไม่ได้ คนอื่นอยากพูดอะไรก็ช่าง!”
เมื่อพูดไปแล้ว อู๋อู๋ก็ไม่สนใจกินอาหารเช้า เธอเดินไปเปลี่ยนรองเท้าและออกจากบ้านทันที โดยกระแทกประตูคุณภาพดีที่นำเข้าจากเยอรมนีจนทำให้คฤหาสน์ทั้งหลังสั่นะเื
“เฮ้อ~”
หลิงจื้อเฉิงถอนหายใจยาว วางหนังสือพิมพ์แล้วลุกขึ้น
เหลือเพียงหลิงเมิ่งที่อยู่ในคฤหาสน์ เธอกรองใจความที่ได้ฟังเมื่อครู่
เมื่อวานพ่อกับแม่ไปหาซูอินเพื่อขอให้เธอกลับมางั้นหรือ
ซูอินไม่ยอมกลับ แต่คุณพ่อยังคงไม่ยอมลดละ
เมื่อได้รู้สองประเด็นนี้ ความสุขของเธอที่ซูอินออกจากบ้านหลังนี้ก็หายไป
ทั้งที่รู้ว่าที่พวกเขาทำไปเพราะมีเหตุผล แต่ในหัวของเธอยังคงวนเวียนอยู่กับประโยคที่ว่า “อันที่จริงพวกเราเลี้ยงเธอมาตั้งสิบหกปี”
สิบหกปี…ความเกลียดชังแวบขึ้นมาในดวงตาข้างขวาของเธอที่มีรอยช้ำทันที
แก้วนมอยู่ในมือ เธอยกขึ้นดื่ม แต่วินาทีที่ไหลลงคอ
“ร้อน…”
เธอหันไปทางห้องครัวด้วยดวงตาเบิกกว้างเช่นเดียวกับแววตาชั่วร้ายของอู๋อู๋ คุณแม่เคยบอกว่าถึงซูอินจะอยู่ที่นี่ต่อ แต่ก็ไม่มีทางได้รับสิ่งต่างๆ แบบเดียวกับที่เธอได้ กินอยู่ที่บ้านของพวกเธอ ก็ต้องทำงานหนักตอบแทน
ต้องทำงาน….คงเหมือนกับป้าสวี่สินะ
ประตูครัวแง้มไว้เล็กน้อย มองไม่ออกว่าใครอยู่ข้างใน หลิงเมิ่งจินตนาการว่าคนที่กำลังง่วนอยู่ด้านในคือซูอิน
“ทำอะไรให้กินเนี่ย ยังร้อนอยู่แบบนี้ก็ยกมาได้ ไม่มีสมองเหรอ การที่ครอบครัวของเราให้อาหาร ให้เงินใช้ เพื่อจะให้เธอเอาของร้อนๆ แบบนี้มาให้ฉันงั้นหรือ!”
ป้าสวี่รีบออกมา แม้ว่าตอนที่ยกไปเสิร์ฟเธอจะเตือนแล้วว่าร้อน ให้ดื่มหลังจากกินข้าวเสร็จ แต่ในเมื่อรับเงินจากพวกเขา จะแบกรับความผิดสักหน่อยคงไม่เป็ไร เธอจึงรีบก้มศีรษะขอโทษ
เมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่มีความคล้ายคลึงกับซูอินเลยสักนิด หลิงเมิ่งก็รู้สึกผิดหวัง
อีกด้านหนึ่ง อู๋อู๋รีบเดินทางไปโรงพยาบาลด้วยจิตใจฮึกเหิม
แววตาประหลาดใจของเพื่อนร่วมงานที่มองเธอ รวมถึงเสียงซุบซิบนินทาลับหลังยิ่งกระตุ้นไม่ให้เธอเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด แต่กลับเดินตรงไปที่ห้องจ่ายยาชั้นหนึ่งของห้องโถงใหญ่
“ได้ยินว่าพวกเธอยังไม่ได้รับการยินยอมจากฉัน แต่หักเงินส่วนตัวจากบัญชีกองทุนสำรองค่ารักษาพยาบาลของฉันงั้นหรือ”
พนักงานประจำทุกคนของโรงพยาบาลมีประกันสุขภาพ และมีอัตราการเบิกจ่ายค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามหลายครอบครัวที่มีรายได้ทางเดียวมักจะมีเงินออมไม่มากพอ เมื่อเผชิญกับโรคร้ายจึงไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้า คณบดีเข้าใจเื่นี้ดี จึงจัดตั้งบัญชีกองทุนสำรองค่าสำหรับรักษาพยาบาลให้พนักงานทุกคน โดยมีปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ตำแหน่ง ค่าประกันสุขภาพที่แบ่งเป็หลายเกรด แต่ละเกรดมีจำนวนค่าใช้จ่ายที่แน่นอน
นี่คือสิทธิพิเศษในโรงพยาบาลประชาชนประจำเมือง แม้ว่าจะไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบ แต่บัญชีสนับสนุนนั้นก็ไม่ได้สร้างผลกระทบ จึงไม่มีใครใส่ใจนัก
อู๋อู๋ทำงานที่โรงพยาบาลมาหลายปี แน่นอนว่าเธอมีบัญชีเช่นนี้เหมือนกัน เมื่อนึกถึงสิ่งที่โจวกุ้ยฮวาบอกทางโทรศัพท์ว่า เพื่อนร่วมงานเหล่านี้พูดว่าร้ายอะไรเธอลับหลังบ้าง อู๋อู๋ก็อดไม่ได้ที่จะโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ ในเมื่อจับได้แล้ว แน่นอนว่าเธอต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อเขย่าูเาข่มขวัญเสือ[1]
“เงินของฉันหายไปโดยที่ตัวเองไม่รู้ พวกเธอทำชั่วอย่างไม่ละอายเกินไปหรือเปล่า ฉันจะไปหาท่านคณบดีเพื่อตัดสินว่าใครถูกใครผิด”
พยาบาลที่เข้ากะในห้องจ่ายยาตอนนี้ไม่ใช่นางพยาบาลชุดเดียวกับเมื่อคืน แต่หลังจากที่เข้างานก็ได้ยินเื่นี้ ทีแรกพวกเธอ้าอธิบาย ครั้นเห็นท่าทีเย่อหยิ่งของอู๋อู๋ และนึกถึงความผยองของอีกฝ่ายที่หลายปีมานี้ตระกูลหลิงทำเงินมหาศาล นางพยาบาลจึงบอกด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
“เอาสิ ไปหาเลยค่ะ”
-----------------------------------------------------------------------------
[1] เขย่าูเาข่มขวัญเสือ หมายถึง จงใจทำเพื่อตักเตือน