เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ว่าสำหรับการค้าส่งเสื้อผ้าในอนาคต การสลับเปลี่ยนแบบเสื้อผ้าสักหน่อยไม่ใช่เื่เสียหายอะไร ผู้ค้าส่งสามารถคืนแบบที่ขายไม่ออกให้โรงงานได้ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าการดูแลต่อผู้ค้าปลีกจะแย่กว่า เพราะผู้ค้าปลีกสามารถทำได้เพียงแลกเปลี่ยนเสื้อผ้าประจำฤดูกาลได้เท่านั้น ฤดูใบไม้ผลิแลกฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนแลกฤดูร้อน ไม่สามารถคืนสินค้าเหมือนดั่งผู้ค้าส่งได้
ทว่าในยุค 80 เสื้อผ้าคือสินค้าที่มีความ้าสูง ธุรกิจอิสระได้เสื้อผ้าแบบใหม่ล่าสุดมาก็ไม่เลวแล้ว ยังอยากจะแลกเปลี่ยนแบบเสื้อผ้าอีกหรือ? ขนาดรับจากแผงค้าส่งถาวรยังเรียกว่าคาดหวังมากเกินไป ผู้ค้าส่งบางรายค้าขายอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง คราวหน้ามาอีกครั้งอาจตามหาแผงค้าส่งไม่พบแล้ว ใครจะเปลี่ยนแบบเสื้อผ้าให้คุณกันเล่า?
เซี่ยเสี่ยวหลานถือว่าชนะใจเฉินซีเหลียงแล้ว นักธุรกิจล้วนมีเล่ห์เหลี่ยมกันทั้งนั้น อีกทั้งเฉินซีเหลียงเป็ถึงผู้ริเริ่มเปิดร้านค้าส่งเสื้อผ้ารุ่นบุกเบิกเสียด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานจะปฏิเสธเื่ดีๆ แบบนี้ได้อย่างไร
แม้คราวนี้เธอไม่มีอะไรจะเปลี่ยน ไม่ได้หมายความว่าแบบเสื้อผ้าที่เธอรับในทุกครั้งจะขายดีทั้งหมด—โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือตอนหลี่เฟิ่งเหมยและหลิวเฟินลงสนามเลือกสินค้าเอง อาจเกิดเื่ผิดพลาดโดยไม่คาดคิด การที่เฉินซีเหลียงบอกว่าสามารถสับเปลี่ยนแบบเสื้อผ้าได้ เป็การช่วยเหลือเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างมากจริงๆ
“ครั้งนี้ยังไม่มีอะไรจะเปลี่ยนหรอก เสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิกำลังขายดิบขายดีเลย คราวหลังค่อยรบกวนคุณก็แล้วกัน”
ไม่รีรอให้เซี่ยเสี่ยวหลานซักไซ้ เฉินซีเหลียงก็เล่าเื่ที่ตนเองไปปักกิ่งให้เธอฟัง เขาไปไม่เสียเที่ยว เนื่องจากได้ร่วมรับประทานอาหารกับบรรณาธิการของ 《สมัยนิยม》และ《ภาพยนตร์ดัง》 แล้วด้วย บรรณาธิการใหญ่รับประทานอาหารกับคนทำธุรกิจอิสระอย่างเขา เฉินซีเหลียงที่เป็นักอ่านผู้เลื่อมใสของ 《สมัยนิยม》ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาตื่นเต้นขนาดไหน
เขาไม่ได้บอกว่าตนเองคือคนทำธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้า แต่บอกว่าตนมาจากโรงงานผลิตเสื้อผ้าเฉินอวี่ ยินดีจัดหาเสื้อผ้าให้นิตยสาร 《สมัยนิยม》โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ผลิตภัณฑ์ของเฉินอวี่ไม่ใช่สินค้าแผงลอย เสื้อผ้าออกจากโรงงานก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะมีเสื้อนอกขนแพะค้างคลังอยู่มูลค่ากว่าหนึ่งล้านหยวน จำเป็ต้องขอร้องนิตยสารพิมพ์โฆษณาเสียที่ไหน
สินค้าตัวอย่างหลายชิ้นที่เฉินซีเหลียงนำติดตัวไป บรรณาธิการของ 《สมัยนิยม》ชื่นชอบทีเดียว ส่วนบรรณาธิการของ 《ภาพยนตร์ดัง》ไม่ได้พิชิตง่ายดายขนาดนั้น 《สมัยนิยม》คือนิตยสารแฟชั่น ส่วน 《ภาพยนตร์ดัง》ทรงอิทธิพลมากก็จริง ทว่าเป็สิ่งพิมพ์ที่มีความจำเพาะเจาะจงสูง
เฉินซีเหลียงไม่ย่อท้อ หนึ่งรอบไม่สำเร็จก็ไปเพิ่มสักสองรอบ เขายังรอให้บรรณาธิการ 《สมัยนิยม》แนะนำนักแสดงชายให้เขารู้จักอีกด้วย
“ถ้าเสื้อผ้าแบบไหนของโรงงานขึ้นปก 《สมัยนิยม》ได้ ฉันจะบอกเธอคนแรกแน่นอน!”
เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมเห็นด้วยอยู่แล้ว
เธอเตรียมวางโซฟาไว้ในร้านสักตัว ตั้งชั้นหนังสือ เวลาลูกค้าลองเสื้อผ้าเสร็จก็สามารถนั่งพักแข้งผ่อนขาได้ นั่งพักพลางดูนิตยสารแฟชั่น มีวิถีแบบร้านเสื้อผ้าทันสมัยชั้นสูงอยู่ไม่น้อย หากเสื้อผ้าแบบเดียวกับที่โมเดลบนปกนิตยสารใส่จัดจำหน่ายในร้าน ปริมาณขายจะไม่ดีขึ้นเชียวหรือ?
พอเซี่ยเสี่ยวหลานรับสินค้าจากแผงของเฉินซีเหลียงเสร็จ ก็เลือกเสื้อผ้าอีกเล็กน้อยจากร้านอื่น และส่งสินค้ากลับซางตูทันที
ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานค่อนข้างคุ้นเคยกับระบบขั้นตอนของรถไฟแล้ว ไม่ต้องคอยติดตามสินค้าทุกครั้ง เธอมาหยางเฉิงหนนี้ ตอนส่งโทรเลขก็แจ้งเพียงไป๋เจินจูกับศิษย์พี่หลี่
ศิษย์พี่หลี่มีนามว่าหลี่ต้งเหลียง
เมื่อหลี่ต้งเหลียงพบว่ามีแค่ตนที่ไปรับเซี่ยเสี่ยวหลานยังสถานีรถไฟ ก็เข้าใจสถานการณ์ นี่คือคุณผู้หญิงเซี่ยได้คัดศิษย์พี่ว่านออกแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดจะขัดแย้งกับศิษย์พี่ว่าน นั่นเป็เพียงศิษย์พี่ของไป๋เจินจู และต่อให้เป็พี่ชายแท้ๆ ของไป๋เจินจูเธอก็ไม่มากความอยู่ดี ทว่าเธอจ่ายเงินจ้างคน มันไม่สมเหตุสมผลสักนิดที่ผู้จ่ายเงินอย่างเธอต้องคอยเฝ้าดูอารมณ์ของ ‘คนคุ้มกัน’ ศิษย์พี่ว่านคิดว่าตนเองสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ถ่วงรั้งอนาคตของใครเขา
รับเงินของเธอ อีกทั้งคิดว่าเธอโง่ การกระทำเช่นนี้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางทำเด็ดขาด
แม้ไม่ได้จ้างงานอย่างจริงจัง แต่การไม่แจ้งศิษย์พี่ว่านก็คือการปลดอีกฝ่ายออกนั่นเอง
เธอถามหลี่ต้งเหลียงว่ายังมีศิษย์ร่วมสำนักน่าไว้ใจคนอื่นที่เขาแนะนำได้หรือไม่ เธอจะต้องเดินทางไปเผิงเฉิงอีกรอบ หลี่ต้งเหลียงจึงแนะนำคนแซ่เก่อให้ ชื่อเก่อเจี้ยน ร่างกายสูงใหญ่เหมือนกัน รูปลักษณ์แบบชาวหยางเฉิงตามมาตรฐาน ผิวดำเข้ม ก่อนหลี่ต้งเหลียงจะเจอเขา เก่อเจี้ยนกำลังรับจ้างหามสัมภาระให้ผู้อื่นอยู่
หามสัมภาระหนึ่งวันได้เงินแค่เท่าไรเชียว?
ถ้าติดตามเซี่ยเสี่ยวหลาน ค่าแรงที่ได้จากไม่กี่วันมากกว่าเงินเดือนทั้งเดือนเสียอีก และกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะมาหยางเฉิงครั้งหนึ่งก็ครึ่งเดือนกว่า ไม่รบกวนพวกเขาทำงานจิปาถะหาเงินในเวลาปกติ เก่อเจี้ยนรู้จักวางตัวมากกว่าศิษย์พี่ว่าน ท่าทีต่อเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ต่างจากหลี่ต้งเหลียงแม้แต่น้อย
เซี่ยเสี่ยวหลานไปเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงอีกรอบในครั้งนี้ เธอมีหนังสือข้ามแดนอย่างเป็ทางการแล้ว
ไป๋เจินจูวิ่งหาเส้นสายมากมาย ในที่สุดก็ช่วยเซี่ยเสี่ยวหลานทำหนังสือข้ามแดนสำเร็จ เธอไม่ต้อง ‘ลักลอบ’ เข้าสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษอีกต่อไป
เธอนำของฝากท้องถิ่นมาไม่น้อย ส่วนหนึ่งให้เฉินซีเหลียง อีกส่วนหนึ่งส่งถึงมือคุณย่าของไป๋เจินจู และแน่นอนว่าส่วนที่เหลือคือนำมาให้ทังหงเอินโดยเฉพาะ เมื่อถึงเผิงเฉิง เซี่ยเสี่ยวหลานหาตู้โทรศัพท์สาธารณะและต่อสายถึงคนขับรถหวัง เมื่ออีกฝ่ายรับสาย ก็มีอาการใมาก เงียบงันอยู่นานสองนานกว่าจะพูด
“ฉันขอถามเ้านายก่อน สิ่งที่เธอนำมาคือของฝากท้องถิ่นจริงๆ หรือ?”
“เป็ของดีท้องถิ่นที่ฉันนำมาจากมณฑลอวี้หนานค่ะ ฉันอยากให้คุณอาทังลองชิม”
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปคนขับรถหวังถึงได้ต่อสายกลับมาหาเซี่ยเสี่ยวหลาน ถามตำแหน่งของเซี่ยเสี่ยวหลานจนแน่ชัด และบอกให้เธอยืนอยู่ที่เดิมอย่าขยับไปไหน เขาจะขับรถมารับของเอง
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงรออยู่บริเวณใกล้ๆ ตู้โทรศัพท์สาธารณะ นายเก่อและนายหลี่ทั้งสองต่างเป็คนพูดน้อย คุณผู้หญิงเซี่ยยังรอได้ ทำไมพวกเขาจะรอไม่ได้กัน? ศิษย์พี่ว่านอดทนรอไม่ได้ งานนี้ย่อมหลุดมือไปแล้ว
ใช้เวลาส่งของฝากท้องถิ่นสุดพิเศษเล็กๆ น้อยๆ อย่างยาวนาน เซี่ยเสี่ยวหลานรอคอยรวมทั้งหมดสองชั่วโมง
คนขับรถหวังยังคงขับรถคันเดิมนั้น “หัวหน้ากำลังประชุมอยู่ ฉันเลยมารับของเอง”
คนขับรถเสี่ยวหวังระมัดระวังเป็อย่างมาก เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ใส่เงินในกล่องเสียหน่อย มีอะไรที่ดูไม่ได้กัน เธอจึงชิงแนะนำให้เสี่ยวหวังรู้ก่อน “ซานเย่ากับพุทราที่อวี้หนานผลิต ไม่มีราคาค่างวดมาก แค่ให้คุณอาทังลองชิมเท่านั้นค่ะ”
เสี่ยวหวังมีสีหน้าพิลึกพิลั่นขึ้นทันที
แม้ทังหงเอินมิใช่คนอวี้หนาน ทว่าก็เคยอาศัยที่อวี้หนานอยู่นานหลายปี อวี้หนานถือได้ว่าเป็บ้านเกิดแห่งที่สองของทังหงเอิน
ถ้าไม่ใช่เพราะเื่นี้มีแค่คนสนิทชิดเชื้อรอบกายที่รู้ เสี่ยวหวังต้องนึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจประจบแน่นอน แต่แทบเป็ไปไม่ได้ที่เซี่ยเสี่ยวหลานจะรู้อดีตของทังหงเอิน เสี่ยวหวังบอกได้เพียงว่าเซี่ยเสี่ยวหลานโชคดียิ่งนัก
อย่างไรเสียพอหัวหน้าเห็นของฝากท้องถิ่นไม่มีราคามากมายสองกล่องนี้ อารมณ์คงชื่นมื่นทีเดียว
เสี่ยวหวังอดซักถามเพิ่มเติมไม่ได้
“กลางคืนเธอมีที่อยู่ไหม?”
เผื่อหัวหน้าดีใจแล้ว้าจะพบเซี่ยเสี่ยวหลานสักหน่อย เสี่ยวหวังก็ต้องทราบว่าเขาสามารถไปหาตัวเธอได้ที่ไหน
เซี่ยเสี่ยวหลานบอกที่อยู่ของบ้านพักไป อีกทั้งส่งนามบัตรพิมพ์เองใหม่เอี่ยมให้เสี่ยวหวัง “ฉันอยู่ในเผิงเฉิงแค่คืนเดียว นี่คือหมายเลขโทรศัพท์สาธารณะใกล้บ้านฉัน ถ้าคุณอาทังมีอะไรจะสั่ง รบกวนพี่หวังแจ้งฉันทันทีนะ”
พอเสี่ยวหวังจากไปพร้อมซานเย่าและพุทรา เซี่ยเสี่ยวหลานถึงวกกลับไปตลาดสะพานเหรินหมินทันที
โอกาสที่ทังหงเอินจะพบเธอนั้นน้อยมาก และเธอไม่รีบร้อนพบกับทังหงเอินด้วยเช่นกัน การมีตัวตนอยู่ในใจของผู้อื่นไม่ได้กระทำเช่นนั้น พบเจอบ่อยครั้งเกินควรจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกอึดอัดได้ เมื่อมิใช่ญาติสนิทมิตรสหาย การมอบของมีค่ายิ่งไม่เหมาะสม ทว่าของดีท้องถิ่นย่อมแตกต่างออกไป นั่นหมายถึงความใส่ใจที่มีต่อทังหงเอิน แถมทำให้ทังหงเอินรับไว้ได้อย่างไร้ความกดดัน
เธอจะรีบไปใยเล่า หาก้าให้ทังหงเอินแนะนำงานตกแต่งภายใน ก็ต้องรอให้ลุงหลิวหย่งของเธอฝึกฝนฝีมือจนสมบูรณ์ก่อน
เมื่อพบไป๋เจินจูอีกครั้ง การค้าขายที่แผงของเธอยังคงคึกคักดั่งเดิม
ประเภทเสื้อผ้าบนแผงของไป๋เจินจูมีหลากหลายขึ้นแล้ว และเธอยังนำเสื้อผ้าสตรีมาวางขายอีกด้วย
พอเจอเซี่ยเสี่ยวหลานไป๋เจินจูเองก็รู้สึกดีใจ เธอดึงเซี่ยเสี่ยวหลานไปอีกทางพลางกระซิบกระซาบ
“โชคดีที่พวกเรารับซื้อแค่วิทยุล็อตนั้น ่นี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไร ปริมาณการถ่ายเทสินค้าเยอะเป็พิเศษ ตอนนี้กำไรต่ำลงมาก ผู้ค้าคนกลางของหยางเฉิงไม่ยอมรับซื้อสินค้าจำนวนมากอีกแล้ว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้