เด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้ามีอาการอ้ำอึ้งไปราวกับถูกคำพูดก่อนหน้านั้นของผมทำให้เขารู้สึกเหมือนคนโง่เมื่อผ่านไปครู่ใหญ่จึงเดินมาด้านหน้าสองก้าว จากนั้นเขาก็ยื่นมือมากอดเอวผมเอาไว้อย่างไม่คาดคิดศีรษะเล็กแนบชิดกับตัวผม เมื่อมองลงมาจาก้าก็เห็นเพียงกลุ่มผมสีดำสนิทเท่านั้นผมตัวแข็งทื่อ พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ผ่านไปครู่ใหญ่ ขณะที่ผมกำลังจะทำลายสถานการณ์อันน่าอึดอัดใจนี้ลงเด็กน้อยก็กลับชิงปล่อยมือออกไปเสียก่อน แล้วมองมาที่ผมอย่างแน่วแน่ยื่นสองนิ้วขึ้นจรดบนหน้าผาก พร้อมกับทำสีหน้าจริงจังและเคร่งขรึมอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“ฉียวนขอสาบานต่อ์ ว่าต่อจากนี้ไปจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายท่านอาจารย์ได้อีกแม้แต่ปลายเล็บ!”
จากนั้นเขาก็เดินผ่านเฉียดตัวผมไปแล้วก้าวเท้าเข้าไปในสระโลหิตอสูรอีกครั้งอย่างมีสติแน่วแน่ หลังจากนั่งขัดสมาธิเรียบร้อยแล้วก็พูดกับผมว่า “ท่านอาจารย์โปรดทำต่อเถอะขอรับ”
ผมรู้สึกแน่นที่ทรวงอกขึ้นมาชั่วขณะเพราะนี่เป็ครั้งแรกที่มีคนพูดว่าจะปกป้องผม และยังคงเป็เพียงเด็กน้อยแสนซนคนหนึ่งที่คอยอยู่เป็คู่หูอารมณ์ของผมตอนนี้อ่อนไหวไปพอสมควรเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองเฉวียงฉีที่กำลังร้องครวญครางแวบหนึ่ง ผมจึงส่ายหน้าไปมาแล้วถอดเสื้อตัวนอกออก ก่อนจะย่ำเท้าเข้าไปในสระโลหิตอสูรเช่นเดียวกัน
เมื่อนั่งลงตรงข้ามกับซ่งฉียวนแล้วผมจึงปล่อยพลังปราณแผ่ออกมาเพื่อยับยั้งการรุกรานของเืในสระเพราะตอนนี้ผมมีาแบนร่างกาย และยังจำต้องสงบสติอารมณ์เพื่อช่วยเขาอีกผมจะติดเชื้อจากปราณสังหารเหล่านี้ไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นของดีสำหรับซ่งฉียวนที่จะต้องแลกกับผมก็คงเป็ได้แค่ตัวปัญหา
เมื่อเห็นผมและซ่งฉียวนเข้าไปในสระโลหิต เฉวียงฉีที่อยู่บนอากาศก็ยิ่งคำรามอย่างเกรี้ยวกราดมากขึ้นผมกลัวว่าหูของซ่งฉียวนจะรับไม่ไหว จึงพูดขึ้นมาว่า “หลับตาซะแล้วจินตนาการว่าตัวเองมีจุดตันเถียน จากนั้นก็เพ่งสมาธินึกถึงขั้นตอนการไหลเวียนของพลังปราณก่อนหน้านี้ซ้ำวนไป!”
เมื่อพูดจบก็สะบัดมือปิดผนึกการได้ยินของเขาอีกครั้งส่วนตัวเองก็เริ่มรวบรวมวิถีของพลังปราณทั้งหมดในร่างกายส่งผ่านไปยังฝ่ามือแล้วทาบไปบนหน้าอกของเขาเป็ระยะสองชุ่น [1] ในเวลาเดียวกันก็กระตุ้นเือสูรที่ไหลเวียนอยู่ภายในสระให้ลอยพุ่งขึ้นมาที่ตัวซ่งฉียวนและโอบล้อมรอบตัวเขาเอาไว้จนเกือบจะเป็วงกลม
พลังปราณไหลเข้าสู่ภายในร่างกายของเขา ไปรวมเข้ากับปราณดวงจิตของเือสูรเพื่อกระตุ้นพลังการรักษาของผลคืนิญญาในร่างกายของเขาไปพร้อมกันแล้วชำระล้างเส้นลมปราณอันหม่นหมองราวปุถุชนของเขาอย่างต่อเนื่องขั้นตอนนี้ดูเหมือนง่าย ทว่าแสนจะอันตราย หากพลังปราณของผมควบคุมปริมาณได้ไม่ดีแม้แต่นิดเดียวเส้นลมปราณอันเปราะบางของเขาก็จะแตกหักอีกครั้งพร้อมกับผลร้ายแรงอันเหนือความคาดหมายที่จะตามมา
ซ่งฉียวนมีสีหน้าแดงก่ำพลางกัดฟันจนแน่นแต่เขากลับไม่ส่งเสียงร้องออกมาเลยแม้แต่น้อย
ผมหลับตาลง แล้วปลดปล่อยจิตสำนึกขนาดย่อมของตัวเองเข้าไปในร่างของซ่งฉียวนเพื่อเสริมเข้ากับเส้นลมปราณของเขาด้วยพลังปราณที่ผมส่งผ่านเข้าไปในร่างกายของเขา
ร่างกายของคนเรานั้นซับซ้อนมากเส้นลมปราณจึงเปรียบเสมือนกับอวนจับปลาที่หนารุงรัง และมากมายจนนับไม่ถ้วนผมตั้งสมาธิเสริมพลังทีละเส้นอย่างอดทน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรนานจนผมได้ยินเสียงคำรามของเฉวียงฉีไม่ค่อยชัดเจนแล้วเมื่อเห็นว่าเส้นลมปราณส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็สีทองพร้อมกับแผ่กลิ่นอายอันทรงพลังออกมาอย่างเบาบาง ผมจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ในวินาทีถัดมาเส้นประสาทกลับตึงเครียดยิ่งขึ้นเพราะต่อไปก็จะถึงจุดที่สำคัญที่สุดแล้ว
จุดที่จะต้องสร้างจุดตันเถียนให้กับซ่งฉียวนใหม่อีกครั้ง
ผมดึงฝ่ามือกลับมาก่อนจะนำสองมือประสานกันเป็ค่ายกลอย่างรวดเร็วทำให้เืภายในสระเริ่มพลิกตลบอย่างรุนแรง แล้วพากันคลุมทับไปบนรูปค่ายกลตามการเคลื่อนไหวของมือผมทันใดนั้นผมก็ลืมตาขึ้นมา แล้วเค้นเสียงต่ำก่อนจะส่งผ่านรูปค่ายกลบนมือเข้าไปในร่างของซ่งฉียวนอย่างรวดเร็วและทันใดนั้นก็เห็นร่างของเด็กคนนี้ะเิแสงโลหิตออกมาจากนั้นแสงโลหิตก็หลอมรวมกับปราณสังหารลอยขึ้นไปบนอากาศ แล้วค่อยๆ ก่อตัวเป็เงาร่างของอสูรร้ายที่มีความสูงห้าเมตรมีรูปร่างคล้ายเสือ และบนตัวมีปีกขนาดใหญ่มหึมาอยู่คู่หนึ่ง หากไม่ใช่เฉวียงฉีแล้วเป็ใครกัน?
“ฮาก————”
ยังไม่ทันรอให้ผมได้ตื่นสงสัยเงาร่างของเฉวียงฉีที่ราวกับมีชีวิตก็ส่งเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นสู่ยอดถ้ำอย่างดุดัน
ผมรู้สึกปีติยินดีในใจ ผมรู้ว่านี่คือความสำเร็จในที่สุดซ่งฉียวนก็ได้รับร่างกายที่แข็งแกร่งแล้ว!
เมื่อจิตผ่อนคลายลงพลังปราณทั่วร่างที่นำมาใช้ป้องกันเือสูรก็สลายหายไปจากนั้นปราณสังหารก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของผมอย่างไม่รีรอสีหน้าพลันซีดเผือดขึ้นมาทันใดความรู้สึกอึดอัดที่หน้าอกก่อนหน้านี้ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วผมกระอักเืออกมาครั้งหนึ่งโดยอัตโนมัติ และสาดกระเซ็นไปโดนหินสีเขียวก้อนนั้นที่ห้อยอยู่บนหน้าอกของเด็กคนนี้เข้าพอดีจากนั้นก็ได้เห็นก้อนหินที่ไม่เคยมีปฏิกิริยาพิเศษอะไรมาก่อนทว่าตอนนี้กลับเริ่มเปล่งแสงซ้ำยังดูดซับเืบนพื้นที่ผมกระอักออกมาจนหมดสิ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
ขณะที่อยากจะเบิกตากว้างมองหินก้อนนั้นอย่างละเอียดทว่าสายตากลับพร่ามัว โดยก่อนที่จะหมดสติไป ผมก็เหมือนจะได้ยินเสียงอุทานของอาจิ่วแว่วมา
ม่านพลังที่ปากถ้ำคงจะสลายตัวไปแล้วเป็แน่ ผมไม่รู้จริงๆว่าถ้าอาจิ่วเข้ามาเห็นผมในสภาพนี้แล้วเขาจะรู้สึกอย่างไร?
แต่ตอนนี้ผมไม่อยากคิดอะไรแล้ว เพราะรู้สึกเหนื่อยมามากแล้วปล่อยให้ตัวเองนอนหลับไปดีกว่า
......
เชิงอรรถ
[1] ชุ่น คือหน่วยมาตราวัดแบบจีนโบราณ โดย 1 ชุ่น มีค่าเท่ากับ 3.33300 เิเ