เมื่อก่อนผมไม่เคยสนใจที่จะดูทีวีหรืองานเขียนของตัวเองเลยความจริงแล้วผมไม่ค่อยเชื่อเนื้อเื่เกี่ยวกับที่พอสะบัดมือแล้วกระอักเืได้รับาเ็ก็ต้องกระอักเือะไรแบบนั้นเลยรู้สึกเพียงว่ามันค่อนข้างน่าตื่นตาก็เท่านั้น พอตอนนี้ถึงตาผมเจอกับตัวเองแล้ว ถึงได้พบว่าเอาเข้าจริงแล้วเนื้อเื่เ่าั้ไม่ได้ล้อเล่นเลยด้วยซ้ำ
เพราะผมรู้สึกปวดแสบไปทั้งร่าง มิหนำซ้ำั้แ่แผ่นหลังไปจนถึงหน้าอกก็รู้สึกเจ็บแปลบเช่นกันกรงเล็บของเ้าเฉวียงฉีนั่นทำให้ผมรู้สึกไม่สู้ดีเอามากๆอวัยวะภายในถูกกระแทกจนได้รับาเ็ การที่ร่างกายถูกเือสูรสะท้อนกลับมา บวกกับพลังปราณและจิตสำนึกที่ถูกใช้จนเกินกำลังทำให้คราวนี้คงต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวไม่น้อยกว่าสองถึงสามปี
ผมคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าการฟื้นฟูเส้นลมปราณให้กับซ่งฉียวนจะทำให้ผมาเ็จนน่าอนาถได้ถึงเพียงนี้...
หรือว่าที่ตอนนั้นเยี่ยวั่งจืออาศัยอยู่ที่นี่เป็เพราะได้รับาเ็หนักจนเกินไป? หากเป็แบบนี้การที่พวกเขาสองคนอยู่ที่นี่มาเป็เวลาสองปีก็ฟังดูสมเหตุสมผลแล้ว
ผมไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานเท่าไรกันแน่รู้สึกว่าสมองกำลังง่วงนอน แม้ว่าจิตสำนึกจะไม่ได้ว่องไวเหมือนก่อนหน้านี้แล้วทว่าเวลามีคนอยู่รอบกายผมก็ยังสามารถรับรู้ได้อยู่ดี
ผมลืมตาขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ ภายในห้องนี้มีแสงไฟสีอบอุ่นสาดส่องลงมาส่วนด้านนอกเป็สีท้องฟ้าอันยาวนานยามค่ำคืน เมื่อหันไปด้านข้างก็เห็นซ่งฉียวนนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ตัวหนึ่งกำลังฟุบอยู่บนมือของผม เขาสวมเสื้อคลุมสีเทาสีหน้ามีความอิดโรย ขนตาเรียวยาวแผ่ปรกลงมายังใต้ตาเป็เงาเล็กๆดูแล้วน่าเอ็นดูเสียจนทำให้รู้สึกสงสาร
ผมเอื้อมมือไปลูบผมสีดำของเขาไปมาสภาพเส้นผมของซ่งฉียวนนั้นแข็งกระด้าง เมื่อก่อนเคยได้ยินแม่ผมบอกว่าคนที่ผมแข็งกระด้างเป็คนดื้อรั้นมาั้แ่กำเนิดขอเพียงมีเื่ที่ตัดสินใจว่าจะทำ ต่อให้ใช้วัวเก้าตัวดึงไว้ก็ไม่สามารถดึงกลับมาได้ช่างเหมาะกับเด็กคนนี้เหลือเกิน
มือผมััไปบนศีรษะของเขาได้ไม่ทันไรเด็กคนนี้ก็ตื่นแล้ว ดวงตาดำขลับของเขาดูราวกับความมืดยามค่ำคืนจากภายนอกมาก เขาเอาแต่จ้องมองมาที่ผมจากนั้นจู่ ๆ ก็พลิกมือผมมากุมเอาไว้โดยที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว ต่อมาไม่นานก็ขยับเข้ามาใกล้แล้วกอดผมไว้อีกครั้ง
เขาซบศีรษะลงมาบนไหล่ของผมตามสัญชาตญาณ แต่ฟังจากน้ำเสียงที่เขาพูดนั้นกลับดูไม่มีความสุขเหมือนกำลังเศร้าโศกเสียมากกว่า ก่อนจะพึมพำอย่างเนิบนาบว่า “ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ท่านอาจารย์...”
เมื่อได้ยินคำพูดติดๆกันที่เหมือนกับเรียกิญญาของเขาก็ทำให้ผมขนลุกซู่ หรือว่าอาการาเ็ของผมจะทำให้เด็กน้อยใกลัวไปแล้ว?
ร่างกายของผมแข็งทื่อไปทั้งตัวก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาตบหลังเขาเพื่อปลอบใจ พร้อมกับกระแอมไอเบาๆผมใคร่ครวญหาคำพูดพลางถามออกไปว่า “ฉียวน เ้าเป็อะไรไป? ”
เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของผมเอียงศีรษะไปมาทำให้ปากและจมูกจรดกับใบหูของผมพอดี จนััได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่เป่ารดออกมาผมควบคุมอารมณ์อยู่นานก็ยังไม่หายอึดอัด
“ท่านอาจารย์ข้าตามหาท่านมานานแล้วขอรับ” เขากระชับแขนที่โอบเอวของผมแน่นแล้วถูไถใบหน้ากับไหล่และลำคอของผมอีกครั้ง ก่อนจะถามอย่างนุ่มนวลว่า “ต่อไปนี้ท่านอาจารย์อย่าจากฉียวนไปได้หรือไม่ขอรับ? ”
???? อะไรนะ ???
เด็กคนนี้เพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า? พูดเื่อะไรออกมา? ผมทิ้งเขาไปตอนไหน? ่ที่ผมได้รับาเ็โลกมันเปลี่ยนไปแล้วหรือเปล่า?
ผมถูกคำพูดไม่กี่คำนี้ของเขาทำให้พูดอะไรไม่ออกไปเลยได้แต่เกร็งคอและพยายามเมินเฉยต่ออาการจั๊กจี้ที่คออย่างเอาเป็เอาตายโดยตั้งใจว่าจะนิ่งเงียบไปจนจบ
ซ่งฉียวนไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากผมอยู่นาน จนเขาต้องเงยหน้าขึ้นมาในที่สุดแล้วเบ้ริมฝีปากอยู่อย่างนั้น ทำให้ทั้งใบหน้ายิ่งดูน่าสงสาร “เหตุใดท่านอาจารย์จึงไม่ตอบคำถามของข้าเล่าขอรับ? ”
“เ้าปล่อยมือก่อนเถิด”
ผมเติบใหญ่มาจนขนาดนี้แล้วหากไม่พูดถึง่วัยเด็ก ก็ยังไม่เคยให้ใครกอดผมนานขนาดนี้ เส้นขนบนร่างกายในตอนนี้พากันลุกชันขึ้นมาหมดแล้วเกรงว่าหากยังให้เขากอดต่อไป ผมคงต้องเก็บความคิดอันดำมืดทิ้งไป
จากนั้นเด็กน้อยจึงปล่อยมือออกอย่างไม่เต็มใจและลุกออกจากเตียงไป ทว่าดวงตายังคงทอดมองตามผมอยู่แบบนั้น ไม่ยอมให้คลาดสายตาไปแม้แต่วินาทีเดียว
เมื่อหลุดพ้นจากพันธนาการแล้วผมจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะพูดต่อว่า “ข้าเป็อาจารย์ของเ้า ย่อมต้องสั่งสอนเ้า และอยู่กับเ้าเ้าไม่ต้องคิดมากหรอก วางใจเถอะ”
จากนั้นจึงกวาดสายตามองซ่งฉียวนที่เผยสีหน้าดีใจออกมาแม้จะเห็นว่าสีหน้าของเขาดูซีดเซียวลงไปบ้างแต่ก็สามารถััได้ถึงพลังปราณแต่ละเส้นที่กำลังไหลเวียนอยู่ภายในร่างของเขา “ข้าเห็นว่าลมหายใจของเ้ามั่นคงแสดงว่าร่างกายคงจะสมบูรณ์แล้ว วันนี้เ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด เมื่อถึงพรุ่งนี้ข้าจะถ่ายทอดวิชาใหม่ให้แก่เ้า”
เดิมทีแล้วคิดว่าซ่งฉียวนจะตอบตกลงอย่างเชื่อฟังแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ข้าอยากนอนกับท่านอาจารย์ ข้าอยากดูแลท่านอาจารย์ขอรับ” เด็กน้อยขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อย บริเวณขอบตาก็เริ่มแดงก่ำ “ท่านอาจารย์ ท่านหลับไปห้าวันเต็มๆ เลยขอรับ ข้ากลัวมากว่าท่านจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกจึงเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอด ตอนนี้ท่านฟื้นขึ้นมาได้แล้วแต่สิ่งแรกที่อยากทำคือการไล่ข้าออกไปหรือขอรับ? ”
????? เป็เพราะเส้นหยักในสมองของผมไม่เพียงพอหรืออะไรกันแน่? นะ นะ นี่พูดเื่อะไรกัน? ทันใดนั้นเนื้อเื่แนวประโลมโลกมากมายก็ฉายแวบเข้ามาในหัวของผมประมาณว่า ภรรยาเด็กที่น่าสงสารถูกสามีระยำข่มเหงเด็กชายผู้รู้ความพยายามอย่างสุดความสามารถแต่กลับไม่ได้รับความรักจากผู้ใหญ่อะไรแบบนั้น...
“ข้าไม่ได้อยากไล่เ้าออกไป” เมื่อมองไปยังเด็กน้อยที่มีหยดน้ำตาร่วงเผาะลงมาจากั์ตาอีกครั้งผมก็ได้แต่ถอนหายใจ “หากเ้าอยากจะอยู่ก็อยู่เถิดข้าไม่สนใจเ้าเสียก็สิ้นเื่”
เมื่อได้ยินคำพูดของผมใบหน้าเล็กที่นองไปด้วยคราบน้ำตาของซ่งฉียวนก่อนหน้า ก็ยิ้มหน้าบานเป็ดอกไม้ทันทีต่างจากท่าทางน่าสงสารเมื่อครู่ราวกับเป็คนละคน
“ขอบคุณท่านอาจารย์ขอรับ! ”
ผมเอนตัวกลับลงไปบนเตียงอีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ถึงสิ่งเล็กๆ ก้อนหนึ่งที่กำลังนอนอยู่ข้างหลังผมก็อดเริ่มสงสัยไม่ได้ว่าหนังสือที่ตัวเองเขียนนั้นอาจจะผิดเล่มเยี่ยวั่งจือกับซ่งฉียวนเข้ากันได้แบบเฉยเมย? สองปีพูดกันได้ไม่กี่คำ?
ไร้สาระสิ้นดี!หากถูกซ่งฉียวนผู้ตอแยคนนี้ตามตอแยไม่หยุด ผมคาดการณ์ได้เลยว่าใน่เวลาสองปีนี้ต้องผ่านไปอย่างไม่ราบรื่นแน่
จากนั้นก็นึกถึงซ่งฉียวนคนก่อนที่จะฟื้นฟูเส้นลมปราณขึ้นมาซ่งฉียวนคนนั้นที่เวลาตกมาอยู่ในอ้อมกอดของผมโดยไม่ได้ตั้งใจก็จะอายจนหน้าแดง ซ่งฉียวนคนที่เอาแต่เงียบขรึมและพูดน้อยอยู่ทุกวันซ่งฉียวนที่เวลาผมบอกให้ไปทางตะวันออก เขาก็จะไม่ไปทางเหนือ...
หรือว่าตอนที่ผมฟื้นฟูเส้นลมปราณให้เขาจะพลอยฟื้นฟูสมองใหม่ไปด้วย?
ซ่งฉียวนคงจะเฝ้าผมอยู่ห้าวันห้าคืนจริงๆเลยเหนื่อยจนทนไม่ไหว ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงได้ไม่นานก็หลับไปแล้วเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่อยู่ด้านหลัง ก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกอุ่นใจเสียอย่างนั้น
หรือว่านี่ผมกำลังเหงาอยู่อย่างนั้นหรือ?
ผมสะบัดหน้าไปมาเพื่อกำจัดความคิดอันยุ่งเหยิงของตัวเองออกไปแล้วลืมตาทอดมองออกไปยังท้องฟ้าอันมืดมิดยามค่ำคืนด้วยจิตใจที่อ่อนล้า เดิมทีแล้วเป็ผู้ฝึกตนที่ไม่ค่อยได้นอนสักเท่าไรเมื่อนอนไปแล้วห้าวันเต็ม หากตอนนี้ยังหลับลงอีกก็คงจะได้เป็หมูแล้วแน่ๆ
“นายท่าน นายท่าน นายท่าน! ”
ตอนนั้นเองเสียงเรียกของอาจิ่วก็ดังขึ้นในห้วงแห่งจิตสำนึก ผมอึ้งไปครู่หนึ่ง จึงสงสัยว่าก่อนหน้านี้ที่เคยถามซ่งฉียวนว่าอาจิ่วไปอยู่ที่ไหน เขาก็บอกว่าไม่รู้ บอกเพียงว่าอาจิ่วออกไปั้แ่เช้าตรู่แล้วตอนนี้หากอาจิ่วกลับมาแล้ว ทำไมถึงไม่เข้ามาในเรือน?
แม้จะครุ่นคิดอยู่แบบนี้ ทว่าการเคลื่อนไหวของผมกลับไม่เชื่องช้าอีกต่อไปก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป เดินไปข้างหน้าสักระยะหนึ่งจึงได้เห็นอาจิ่วแต่สิ่งที่ทำให้ผมคาดไม่ถึงก็คือเขาได้รับาเ็ภายใต้ขนนกอันยุ่งเหยิงนั้นยากที่จะปกปิดรอยเืที่เป็ทางยาวได้
เมื่ออาจิ่วเห็นผม ดวงตาเรียวยาวก็แดงขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวแล้วโผเข้ามาในอ้อมกอดของผม ผมจึงรีบกระชับอ้อมแขนกอดเขาเอาไว้ในใจนั้นเ็ปจนแทบจะทนไม่ไหว “เหตุใดเ้าจึงาเ็จนเป็เช่นนี้ได้? ”
“ฮือฮือฮือ นายท่านในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว! ” อาจิ่วร่ำไห้โอดครวญอยู่นานจึงตอบว่า “ข้า ข้าไปแก้แค้นให้ท่านมา...”
เขาพูดประโยคนี้ยังไม่ทันจบคิ้วผมก็ขมวดเข้าหากัน แล้วสวนกลับไปว่า “แล้วหลังจากนั้น เ้าก็ถูกเฉวียงฉีโจมตีจนมีสภาพเช่นนี้ใช่หรือไม่? ”
“เอ่อ อย่ามองข้าเช่นนั้นสิเฉวียงฉีตนนั้นน่าสังเวชกว่าข้ามากนะขอรับ! ” เมื่อถูกผมเปิดโปงเ้าเด็กน้อยก็รีบแก้ต่างให้ตัวเองทันที โดยที่น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความลำพองใจ
ผมจิ้มไปบนจะงอยปากของเขาจากนั้นก็หัวเราะอย่างขุ่นเคือง “เ้านี่ เ้านี่นะ ต่อไปห้ามไปยั่วโมโหเฉวียงฉีอีกเด็ดขาดแม้ข้าจะผนึกมันไว้แล้ว แต่ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่ามันจะไม่บุกออกมาอีก ข้าต่อกรกับมันยังเสียพลังไปตั้งมากแล้วนับประสาอะไรกับเ้า อีกอย่างก่อนหน้านี้แม้แต่ภาพนิมิตของเฉวียงฉีเ้าก็ยังกลัวไม่ใช่หรือแล้วตอนนี้เ้ามีความกล้ามากขึ้นได้อย่างไร? กล้าดีอย่างไรถึงได้ไปสั่งสอนมัน? ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ อาจิ่วก็รีบยืดอกเล็กๆขึ้นมา แล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าไม่กลัวมันหรอก! ใครใช้ให้มันทำร้ายนายท่านเล่า! หากเพื่อนายท่านแล้วไม่ว่าจะเป็ใครก็ตามข้าก็กล้าสู้! ”
สุดท้ายแล้วอาจิ่วก็เป็คนที่ผมสนิทที่สุด และคำพูดนี้ก็ทำให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งหัวใจของผม
“นายท่าน...”
“หืม? ”
อาจิ่วกระพือปีกบินออกมาจากในอ้อมกอดของผมก่อนจะบินไปยังจุดที่อยู่ระดับเดียวกับสายตาผม แล้วจึงหยุดบินตรงจุดนั้นพร้อมกับทำสีหน้าประหลาด “เ้าผีน้อยผู้นั้นอยู่ในห้องของท่านใช่หรือไม่? ”
“อืม มีอะไรหรือ? ”
“นายท่านท่านคิดว่าเ้าผีน้อยนั่นดูมีบางอย่างแปลกไปบ้างไหม? ” อาจิ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดข้าถึงได้กลัวเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น”
เมื่อได้ฟังอาจิ่วพูดแบบนี้ผมก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เด็กน้อยนั่นดูผิดปกติไปจริงๆ ทว่าทำให้อาจิ่วรู้สึกกลัวอย่างนั้นหรือ? มันไม่ฟังดูเกินจริงไปหน่อยหรือ? ซ่งฉียวนที่ยังออดอ้อนผมเมื่อไม่นานมานี้จะทำให้คนกลัวได้อย่างไร?
ผมดึงอาจิ่วที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้งแล้วลูบขนที่ยุ่งเหยิงของเขาไปมา ก่อนจะหงายข้อมือขึ้นแล้วหยิบขวดยารักษาแผลขวดหนึ่งออกมาจากในแหวนหยก มาเทรดลงบนปากแผลใต้ขนนกของเขาจากนั้นผมจึงพูดปัดไปว่า “เ้าคงจะคิดมากเกินไปแล้ว เด็กคนหนึ่งจะมีอะไรที่ทำให้อาจิ่วผู้เก่งกาจของข้ารู้สึกกลัวได้”
“ก็น่าจะเป็เช่นนั้น”
อาจิ่วเชิดหน้าน้อมรับคำยกยอของผมโดยไม่ถ่อมตัวเลยสักนิด