ยิ่งอวี๋เหลียงเต้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ความกังวลใจของคนบนกำแพงเมืองก็ยิ่งสูงขึ้นจนเครียดเกร็ง
สวี่ตี้ยืนอยู่บนกำแพงหลบอยู่ด้านหลังกำแพงที่ยื่นออกมา มองอวี๋เหลียงเต้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในใจก็เริ่มคำนวณระยะทาง แต่ในตอนนี้มีทหารม้าเริ่มขี่ม้าเดินขึ้นจากอวี๋เหลียงเต้าพุ่งมายังกำแพงเมือง
เพราะปัญหาเื่ระยะห่าง มีทั้งคนและม้าหล่นลงไปด้านล่างกำแพง บางครั้งก็พุ่งไปถึงบนกำแพงเมืองแล้ว แต่ต่อมาก็ถูกคนบนกำแพงฆ่าตาย
สถานการณ์ยิ่งอนาถมากขึ้น ล้วนเป็ชีวิตคนเหมือนๆ กัน แต่ว่าฝ่ายหนึ่งทำเพื่อความปรารถนาส่วนตัว ให้ประชาชนของตนเองตายอยู่ที่บ้านเมืองอื่น อีกฝ่ายก็เพื่อปกป้องแคว้นของตนเอง ปกป้องเพื่อนพ้องไม่ให้ถูกผู้รุกรานรังแก มีทั้งทุ่มเททำเื่ไม่ดี มีทั้งทุ่มเททำเื่ยิ่งใหญ่ ก็จะถูกเพื่อนพ้องจารึกลงในความทรงจำตลอดไป
ม้าศึกทีละตัวๆ พาคนเป่ยตี้พุ่งจากอวี๋เหลียงเต้าขึ้นมา บางคนก็ล้มลงไปบนกำแพงทั้งคนและม้า หลังจากลุกขึ้นมาจากพื้นดินอีกครั้งก็เริ่มขึ้นไปบนกำแพงเมืองต่อสู้กับทหารต้าเหลียง ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ต่างมีเสียงร้องของคนและม้า สวี่ตี้รู้สึกว่าตรงหน้าของตนเองล้วนเป็สีเื เขาข่มความรู้สึกพะอืดพะอมในใจลงไป มือกำกระบวยแน่น รอจนกระทั่งอวี๋เหลียงเต้ามาถึงตรงหน้าประตูเมือง ก็ะโออกไปสุดกำลัง “ปล่อยน้ำมัน!”
เพราะว่าตะเบ็งเสียงเต็มที่ เส้นเืสีเขียวที่คอถึงกับแตกออก ตามมาด้วยตักน้ำมันดิบในมือราดลงไปด้านล่างกำแพงเมือง น้ำมันดิบสีดำถูกสาดลงไปบนอวี๋เหลียงเต้ากระบวยใหญ่ ก่อนนักธนูด้านหลังจะยิงลูกธนูไฟไปที่อวี๋เหลียงเต้า ทันทีที่ธนูไฟเจอกับน้ำมันดิบ เพียงชั่ววินาทีก็ลุกไหม้ขึ้นมา พร้อมกับควันสีดำที่ลอยโขมงและเสียงร้องโหยหวนที่ทำให้จิตใจสั่นไหว
น้ำมันดิบเจอไฟสามารถทำให้ไฟลุกได้ แต่ว่าจะทำให้เกินควันสีดำหนาแน่น จึงอาศัยใน่ที่มีควันดำหนาแน่นพวกนี้ปกคลุม คนบนกำแพงรีบพุ่งเข้าไปกำจัดคนเป่ยตี้ที่อยู่บนกำแพงทิ้ง จากนั้นก็จัดการสนามรบอย่างรวดเร็ว
สวี่เหราได้แบ่งงานให้กับเ้าหน้าที่ก่อนที่จะทำามีทั้งเฝ้าเมือง ขนส่งยุทโธปกรณ์ ช่วยเหลือคนาเ็ จัดการทำความสะอาดสนามรบ ไม่ว่าจะเป็ตอนไหน ขอแค่คนสั่งการไม่ได้สั่งงานลงมา จะต้องปกป้องตำแหน่งงานของตัวเองให้ดี นี่คือความ้าพื้นฐานที่สวี่เหรามีต่อทุกคน
เื่ราวต่างๆ ถูกจัดการอย่างเป็ระเบียบมีแบบแผน รอจนกระทั่งควันดำหายไปจนหมด สวี่ตี้ก็เห็นคนเป่ยตี้จำนวนมากยังคงดันอวี๋หลียงตี้มาด้านหน้า ด้านหลังยังมีทหารขี่ม้าเตรียมตัวที่จะบุกข้างหน้าต่อ
สวี่ตี้เรียกให้คนราดน้ำมันไปที่อวี๋เหลี่ยงเต้าต่อไป จากนั้นก็ยิงธนูไฟ จนกระทั่งอวี๋เหลียงเต้าพังไม่เป็ท่าแล้ว แต่ก็ยังคงมีทหารม้าของเป่ยตี้มุ่งหน้ามาที่กำแพงเมือง
าจึงเป็เช่นนี้ต่อไป ทางด้านหนึ่งจะพุ่งเข้ามา อีกทางหนึ่งก็ปกป้องถิ่นของตัวเองอย่างเหนียวแน่น อวี๋เหลียงเต้าใช้ไม้อวี๋มู่ที่แข็งแรงมาทำ ถึงแม้จะถูกเผา ก็ไม่มีทางเผาไม้นั้นได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่ว่าตอนนี้สิ่งเดียวที่สามารถเอาชนะไม้ได้ก็ต้องใช้ไฟ จนกระทั่งหลังอาหารกลางวัน ทางเป่ยตี้ก็ถอยทัพ เหลือทิ้งไว้แต่ความเละเทะ
ด้านล่างกำแพงยังมีประชาชนที่โชคดีรอดตายมาได้ สวี่เหราจึงสั่งให้คนเปิดประตูเล็กของประตูเมือง แต่ว่าพวกเขาต้องถูกผู้คุมเรือนจำขังเอาไว้ในคุกของสำนักงานว่าการเขตเสียก่อน
มีคนะโออกมา “ใต้เท้า ให้พวกเราออกไปเถิด พวกเรามีความแค้นกับคนเป่ยตี้ พวกเราเองก็อยากจะฆ่าคนเป่ยตี้นะขอรับ”
ผู้คุมเรือนจำที่จับพวกเขามาส่งในนี้เอ่ยขึ้นว่า “พวกเ้าเป็ใครพวกเราก็ยังไม่รู้แน่ชัด จึงทำได้แค่ใช้วิธีนี้ รอคนเป่ยตี้ถูกไล่ออกไปจนหมดแล้ว จะปล่อยพวกเ้าออกมาอย่างแน่นอน จากนั้นก็พากลับไปส่งที่เรือน พวกเ้าวางใจเถิด พวกเ้าอยู่ที่นี่พวกข้าจะทำอาหารมาให้สามมื้อ ไม่มีเงื่อนไขอะไรอย่างอื่น ขอแค่พวกเ้าสามารถอยู่กันอย่างสงบ ไม่ก่อเื่เป็พอ”
ถึงแม้จะสวมชุดประชากรของต้าเหลียง แต่ตอนนี้ผู้ใดก็ไม่สามารถพิสูจน์สถานะของตนเองได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ด้านในมีสายลับของเป่ยตี้ปลอมตัวมา จึงทำได้แค่ปฏิบัติเช่นนี้ อีกทั้งไม่เพียงจะมีอาหารให้กับคนพวกนี้โดยเฉพาะ ด้านนอกยังจัดทหารม้าอยู่กลุ่มหนึ่ง เมื่อหากด้านในมีสายสืบของเป่ยตี้อยู่ ถึงตอนนั้นก่อเื่ขึ้นมาก็สามารถจับตัวได้
ทั่วทั้งตัวของสวี่ตี้เต็มไปด้วยสีดำ เขาพยุงตัวลงมาจากกำแพงเมือง รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างเหมือนกับเส้นบะหมี่ อ่อนๆ นุ่มๆ ไร้เรี่ยวแรง ในอากาศมีกลิ่นของน้ำมันดิบเผาไหม้แสบจมูก เขารู้สึกว่ารูจมูกทั้งสองข้างของตนเองดำไปหมด
คนที่ตายมีจำนวนมาก บ้านหลังหนึ่งด้านใต้กำแพงเมืองถูกใช้มาเป็สถานพยาบาลช่วยเหลือคนาเ็ ตอนที่สวี่ตี้มาถึงก็เห็นจางจ้าวฉือท้องโย้สวมชุดผ้าฝ้ายสีขาวที่ผูกโบอยู่ด้านหลัง บนหัวใส่หมวกหนึ่งใบ ที่ปากยังใช้ผ้าปิดปากที่ทำจากผ้าเนื้อละเอียด ผู้าเ็ทุกคนที่ถูกหามเข้ามาก็ผ่านจางจ้าวฉือตรวจสอบเป็คนแรก จากนั้นก็ทำตามคำสั่งของจางจ้าวฉือให้ส่งคนป่วยไปทางแพทย์ทหาร แพทย์ทหารเหล่านี้ล้วนเป็จางจ้าวฉือสอนมาเองกับมือ ผู้ใดถนัดอะไร ผู้ใดมีจุดแข็งอะไรยามที่เรียนในใจของจาวจ้าวฉือย่อมรู้ดี มีสองคนที่ฝีมือดีก็ดำเนินการผ่าตัดง่ายๆ ในห้องผ่าตัด
ทางด้านสถานพยาบาลถูกจัดการอย่างมีระเบียบ พอเห็นสวี่ตี้เข้ามา จางจ้าวฉือก็รีบเข้ามาหา ถามออกมาด้วยความร้อนใจ “สวี่ตี้ เ้าไม่ได้รับาเ็ใช่หรือไม่? แผลที่บ่าไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?”
สวี่ตี้ส่ายหน้า พูดเสียงเบา “ท่านแม่ ข้าไม่เป็อะไรขอรับ แค่ในใจรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
จางจ้าวฉือฟังแล้วก็ถอนหายใจ แต่ก็ยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ให้แม่กอดเ้าดีหรือไม่?”
สวี่ตี้ฟังแล้วก็มองท้องโตๆ ของจางจ้าวฉือ พลางถอนหายใจ “ท่านแม่ อย่าเลยขอรับ ข้าโตขนาดนี้แล้ว คนอื่นเขาจะหัวเราะเยาะเอาได้นะขอรับ”
จางจ้าวฉือโอบสวี่ตี้เข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง มีท้องโตๆ คั่นกลาง จนถึงขั้นทำได้แค่โอบสวี่ตี้มาไว้ที่ด้านข้างของตัวเอง นางหัวเราะแล้วก็เอ่ย “เ้าจะโตแค่ไหนก็เป็ลูกของข้า ข้าคือแม่ของเ้า ใส่ใจลูกของตัวเองนั้นคือเื่ที่ฟ้าดินได้กำหนดเอาไว้ ผู้ใดอยากจะหัวเราะก็ให้หัวเราะไป อย่างไรข้าก็ไม่กลัว”
สวี่ตี้โอบเอวมารดาของตัวเองเบาๆ พร้อมเอาหัวพิงเข้าไปที่บ่าของจางจ้าวฉือ “าน่ากลัวเกินไปขอรับ”
ถึงแม้สวี่ตี้จะเคยผ่านการฝึกมาอย่างไร แต่ก็ไม่เคยเข้าร่วมภารกิจจริง จึงไม่รู้ว่าการที่ทหารทั้งสองฝั่งฆ่าฟันกันเป็เื่ที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้ถึงขนาดนี้ สวี่ตี้ที่เกิดในยุคสมัยที่สงบสุข ความลำบากอะไรก็ไม่เคยเจอ นี่เป็ครั้งแรกที่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ในใจจะรู้สึกทุกข์ใจก็ย่อมเป็ธรรมดา เพราะว่าในสายตาของสวี่ตี้ ด้านในหรือด้านนอกกำแพงก็ล้วนเป็ชีวิตคน ในใจรู้ดีว่าด้านนอกกำแพงคือผู้รุกราน แต่พอเห็นพวกเขาถูกฆ่าตายเืสาดอยู่ด้านล่างกำแพง ถึงแม้ในใจจะสามารถรับมือได้ แต่จิตใจนั้นรับไม่ไหวแล้ว
จางจ้าวฉือตบบ่าสวี่ตี้เบาๆ “เอาล่ะ เ้าทำดีมากแล้ว ทุกคนต่างบอกว่าเ้ากล้าหาญมาก มีหลายคนาเ็ถูกหามมาจาก้า พอเห็นข้าก็ยังยกนิ้วโป้งให้ พวกเขาบอกว่าเ้าเก่งมาก แม่ภูมิใจในตัวเ้า”
สวี่ตี้พยักหน้า “ท่านแม่ ท่านจะต้องพักผ่อนให้มากนะขอรับ อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ข้าเป็หมอนะ จะไม่รู้สภาพร่างกายตัวเองหรือ? เป็เ้าสิ รู้สึกไม่สบายใจก็มาพูดกับแม่ อย่าเก็บมันเอาไว้ในใจคนเดียว”
สวี่ตี้รู้ว่าสาเหตุที่ตัวเองไม่สบายใจคืออะไร แต่ว่าตอนนี้ายังอยู่ในสภาวะน่ากังวล ยังมีอีกหลายเื่ที่จำเป็ต้องให้เขาไปทำ เขาไม่อยากจะให้อารมณ์ของตัวเองมากระทบกับเื่อื่น
หลังจาการอบแรกจบไป เว่ยหลางก็ขี่ม้ามาหา หลังจากปิดห้องคุยกับสวี่เหราและสวี่ตี้อยู่นาน สวี่เหราก็รีบร้อนออกไปที่สำนักงาน แล้วเรียกทุกคนที่อยู่ด้านในมารวมตัวกัน ให้ทุกคนจับกลุ่มคนในเมืองแล้วเริ่มอพยพ
เว่ยหลางรู้ว่าครั้งนี้องค์ชายห้าของเป่ยตี้นำทัพมาเอง อีกทั้งไม่ได้พาทหารม้ามาแค่สองหมื่นนาย จึงตัดสินใจล่อศัตรูเข้ามาด้านในเมือง ทำการปิดประตูตีสุนัข
ในตอนแรกสวี่เหราไม่เห็นด้วย ถึงแม้เมืองนี้จะไม่ใหญ่ แต่ก็เป็เมืองที่เขาค่อยๆ สร้างมาจนเป็อย่างทุกวันนี้ ถ้าหากล่อคนเป่ยตี้เข้ามาในเมือง ไม่รู้ว่าจะถูกพวกเขาทำลายไปขนาดไหน แต่ว่าเว่ยหลางกลับโน้มน้าวเขา ถ้าหากครั้งนี้สามารถจับองค์ชายห้าได้ อย่างน้อยชายแดนที่นี่ก็สามารถมั่นคงได้อีกหลายสิบปี คนที่องค์ชายห้าอู่ลี่จี๋ของเป่ยตี้พามาในครั้งนี้เป็ทหารม้าที่เก่งกาจที่สุด เพื่อทำเื่นี้ให้สำเร็จ ด้านนอกด่านเยี่ยนเหมินก็ได้ส่งองค์ชายใหญ่มา เว่ยหลางมั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับด้านนอกด่านเยี่ยนเหมินทั้งหมดได้
สวี่ตี้กลับสนใจมาก เพราะว่าเขาอยากจะลองดูว่าเส้นทางใต้ดินที่เขาขุดในเมืองพวกนั้นจะได้ผลอย่างไร จึงช่วยเว่ยหลางโน้มน้าวสวี่เหรา สุดท้ายสวี่เหราก็ถูกเด็กทั้งสองคนพูดโน้มน้าวจนสำเร็จ ถ้าหากทุ่มเทตอนนี้แล้วได้รับผลงาน โดยการจัดการกับพวกเป่ยตี้อย่างหนัก ทำให้ภายในสิบปีนี้พวกเขาจะไม่เข้ามารุกรานอีก เช่นนั้นก็จะเหลือเวลาให้กับเหอซีอีกมาก เวลาสิบปีนี้ถ้าหากเอามาใช้สร้างเมืองเหอซี สวี่เหรามั่นใจว่าตัวเองจะสามารถขยายเมืองให้กว้างขึ้นหนึ่งเท่า จากนั้นก็เพิ่มความสูงความแข็งแรงของกำแพง ถึงตอนนั้น ถ้าหากเป่ยตี้อยากจะมาโจมตีเมืองอีก ดูจากอาวุธของพวกเขาในตอนนี้แล้ว เป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้เลย
พนักงานทำงานเบ็ดเตล็ดกับข้าราชการถูกสั่งงานไปแล้ว สวี่เหรากับอาลักษณ์หลี่ ผู้ช่วยเฉียนนั่งอยู่ในห้องทำงานของสวี่เหรา
ทุกฤดูหนาวคนในครอบครัวของผู้ช่วยเฉียนจะกลับไปอยู่ที่ก่านโจว ฤดูใบไม้ผลิมาถึงก็ค่อยกลับมา ปีนี้ก็ไม่ยกเว้น ตอนนี้ในเมืองเหอซีมีแค่ผู้ช่วยเฉียนอยู่คนเดียว
สวี่เหรากับอาลักษณ์หลี่ต่างมีลูก อีกทั้งตอนนี้ทั้งสองคนก็ยังเกี่ยวดองกันทางลูกชายลูกสาว สำหรับการจัดการลูกๆ ของตัวเอง พวกเขาต่างมีความคิดที่เหมือนกัน คือให้พวกลูกๆ ไปก่อน ตนเองอยู่ที่นี่แล้วฝากความหวังเอาไว้ที่พวกลูกๆ
ผู้ช่วยเฉียนมองสวี่เหรากับอาลักษณ์หลี่แล้วหัวเราะเสียงเย็น “พวกเ้านี่จริงๆ เลยนะ ถึงขั้นทำลายเมืองนี้ไปได้ ถ้าหากคนเป่ยตี้พวกนั้นเข้ามาเห็นว่าในเมืองไม่มีคนจะต้องเผาเมืองนี้ทิ้งแน่นอน เสียเงินไปตั้งมากเพื่อสร้างเมืองขึ้นมา แล้วบอกว่าจะทิ้งก็ทิ้งเลยอย่างนั้นหรือ”
สวี่เหราอธิบายอย่างอดทน “พวกเรามองในระยะยาวถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้ ใต้เท้าเฉียน ตอนนี้สำหรับเหอซีแล้ว เงินนั้นสำคัญมาก แต่ว่าเวลานั้นย่อมสำคัญกว่า เมืองนี้ทุกปีก็จะถูกคนเป่ยตี้มาก่อกวน อยากจะสร้างมันให้ใหญ่กว่าเดิมดีกว่าเดิมจำเป็ต้องใช้เวลา ขอแค่ให้เวลาข้า ข้าจะต้องสร้างมันให้ดีกว่าเดิมแน่นอน”
อาลักษณ์หลี่ไม่ชอบผู้ช่วยเฉียนมาก “ใช่ขอรับ ใต้เท้าเฉียน ที่ใต้เท้าสวี่พูดมาไม่ผิดเลย ซื่อจื่อสกุลเว่ยก็พูดแล้วไม่ใช่หรือ พวกเราขอแค่ให้เขาทำลายที่นี่ ต่อไปก็จะเป็เื่ดีแล้ว รอจนทำลายคนเป่ยตี้ได้แล้ว พวกเรากลับมาอยากจะใช้คนก็ไปหาเว่ยซื่อจื่อ ทางนั้นจะไม่ยอมส่งคนมาช่วยพวกเราหรือ?”
ผู้ช่วยเฉียนเอ่ย “ตอนนี้ลูกของพวกเ้าก็จะแต่งงานกันนี่ เช่นนั้นความสัมพันธ์ก็คงจะแน่นแฟ้นน่าดู ข้าจะพูดกับพวกเ้านะ อย่างไรข้าก็จะออกจากเมืองนี้ไปที่ก่านโจว ต่อไปพวกเ้าอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”
สวี่เหราไม่มีความอดทนอะไรอีกแล้ว ด้านนอกยังมีเื่ราวอีกมากมายจำเป็ให้เขาออกไปประสานงาน เขาไม่มีเวลาไม่มีกะจิตกะใจที่จะมาต่อปากต่อคำกับผู้ช่วยเฉียน จึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย “ใต้เท้าเฉียน ถ้าหากเ้าไม่ให้ความร่วมมือกับแผนการของพวกเราแล้วเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง เกิดเื่ขึ้นมาพวกเราจะไม่รับผิดชอบ ด้านนอกเมืองทั้งสี่ด้านต่างถูกคนเป่ยตี้ล้อมเอาไว้ เ้าอยากจะไปก่านโจวเ้าก็คิดหาวิธีเอาเองเถิด ตอนนี้คนทางนี้งานเต็มมือ ข้าไม่มีทางส่งคนไปปกป้องเ้าโดยเฉพาะหรอก พูดจบกันแค่เท่านี้ ข้ายังมีเื่อีกมากที่ต้องไปทำ เอาตามนี้ก็แล้วกัน”
อาลักษณ์หลี่มองแผ่นหลังของสวี่เหรา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยกับผู้ช่วยเฉียนว่า “ใต้เท้าเฉียน เ้าพูดสิ เ้าเองก็เป็คนฝ่ายปกครองของสำนักงานว่าการเขตเหอซี เหตุใดในเวลานี้ถึงได้ไปที่ก่านโจวล่ะ? ท่านหนีไปในเวลาแบบนี้ คิดกันตามกฎหมายแล้วจะถูกตำหนิได้นะขอรับ”
ผู้ช่วยเฉียนมองสองคนที่เดินออกจากห้องไป หัวเราะเสียงเย็นสองที ก่อนจะเอ่ย “พวกเ้ายังไม่รู้ว่าครั้งนี้เมืองหลวงร่วมมือกับเป่ยตี้สินะ พวกเ้ารอไปเถิด ไม่รีบหนีในตอนนี้ ก็ไม่มีผลลัพธ์ที่ดีให้พวกเ้าหรอก”
ผู้ช่วยเฉียนยืนอยู่ในห้องทำงานของสวี่เหรา มองของในห้องสีหน้าก็เต็มไปด้วยความชั่วร้าย สุดท้ายก็หัวเราะเสียงเย็นก่อนจะเดินออกไป
หลังจากออกมาจากสำนักงานว่าการเขต สวี่เหราก็ไปที่สถานพยาบาล จางจ้าวฉือยังคงทำงานอยู่ในนั้น พอเห็นสวี่เหรามาก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก พลางเอ่ยถาม “เ้ามาได้อย่างไร?”
สวี่เหราลากจางจ้าวฉือมาที่มุมห้อง “เมื่อครู่เว่ยหลางมาแล้ว บอกว่าจะล้อมเป่ยตี้แล้วจัดการให้หมดทีเดียว ข้าได้สั่งคนให้ไปบอกคนในเมืองให้อพยพออกไป เ้ารีบกลับไปก่อน แล้วเก็บของในเรือนของพวกเราเอาไปเท่าที่จำเป็ ข้าคาดว่าพวกเรากลับมาอีกทีเรือนนั้นคงจะไม่อยู่แล้ว”
จางจ้าวฉือชะงักไป ก่อนจะถาม “ไม่ปกป้องเมืองแล้วหรือ?”
สวี่เหราเอ่ย “เว่ยหลางพูดว่าด้านนอกเมืองแค่ทหารม้าพวกนั้น คาดว่ามีประมาณสองหมื่นกว่านาย ด้านหลังจนถึงเขตแดนระหว่างต้าเหลียงกับแคว้นเยี่ยนยังไม่พบคนของเป่ยตี้ ดูท่าทางแล้วที่ยืมเส้นทางแคว้นเยี่ยนเข้ามาคงให้เข้ามาแค่คนพวกนี้ เวลาไม่คอยท่า ที่นี่เ้าอย่าเพิ่งไปสนใจ ก่อนหน้านี้ข้าสั่งให้คนพาคนเจ็บในสถานพยาบาลไปส่งที่ด่านเยี่ยนเหมินแล้ว
จางจ้าวฉือเอ่ย “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะกลับไปจัดการ เ้ากับสวี่ตี้จะต้องระวังตัวให้ดีนะ ถึงตอนนั้นจริงๆ จะต้องรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ให้ได้ ขอแค่มีชีวิตอยู่ อะไรก็ไม่กลัวทั้งนั้น”
สวี่เหราลูบใบหน้าของจางจ้าวฉือ เช็ดขี้เถ้าที่ติดอยู่บนใบหน้าออก ก่อนจะลูบที่ท้องนูนใหญ่ของจางจ้าวฉือเบาๆ แล้วเอ่ย “ข้ารู้ พวกเ้าจะต้องระวังความปลอดภัยให้ดีนะ ข้าได้สั่งสองพี่น้องสกุลหลี่เอาไว้แล้ว ให้พาพวกเ้าไปที่ด่านเยี่ยนเหมินก่อน ตอนนี้ท้องของเ้าโตแล้ว อย่ากลัวว่าคนอื่นจะมองเ้าอย่างไร ตอนที่ควรให้คนยกก็ให้คนยกนะ”
จางจ้าวฉือฟังแล้วก็หัวเราะแล้วเอ่ย “ดูเ้าพูดเข้า ข้าแย่ขนาดนั้นเลยหรือ? เอาล่ะๆ เ้ารีบไปทำงานของเ้าไป ข้าก็จะรอชิงเหมี่ยวกับชิงซุยให้พากลับเรือน”
ในเรือนยังมีของอีกมากมาย หลายปีมานี้ของที่สกุลจางส่งมา แล้วก็ของที่จางจ้าวฉือซื้อเก็บไว้เตรียมเป็สินสอดสินเดิมของสองพี่น้องสวี่ตี้กับสวี่จือ ล้วนเป็ของดีทั้งนั้น บางอันเป็ของที่มีเพียงชิ้นเดียว จะทิ้งเอาไว้เช่นนี้ก็เสียดาย
ดังนั้นจะเอาของไปซ่อนที่ไหนจางจ้าวฉือได้คิดเอาไว้แล้ว ซ่อนเอาไว้ในเรือนหลังเล็กข้างๆ กัน ในเรือนหลังนั้นเป็เรือนที่สวี่ตี้ออกแบบมาโดยเฉพาะ มีห้องลับที่เอาไว้ซ่อนของโดยเฉพาะ ในเมื่อมีห้องลับ นั่นก็คือสถานที่ที่คนอื่นจะหาเจอไม่ได้ง่ายๆ นางคิดว่าถ้าหากคนเป่ยตี้เข้ามาแล้ว เรือนที่ตนพักอยู่ตอนนี้ก็จะถูกคนพวกนั้นเข้ามาปล้นเป็ที่แรก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้