Chapter 7
“ผมชอบคุณมากเลยนะ”
ใบหน้าและแววตาของเอเดนมองมาอย่างหลงใหลเคลิบเคลิ้ม เสียงทุ้มผสมปนกับเสียงลมหายใจ ััอ่อนโยนบนฝ่าเท้าตราตรึงทุกอณูร่างกายและหยุดเวลาให้นิ่งงัน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองดวงตาสีเฮเซลเป็ประกายนิ่งอยู่หลายวินาที กระทั่งหัวใจของเทพที่เต้นช้าและแ่เบากลับสั่นไหวรุนแรงราวกับหัวใจของมนุษย์
โจไซอารีบกระดกเครื่องดื่มในแก้วจนหมด วางทิ้งไว้ด้วยความตั้งใจว่าจะเลิกสนใจเหล้า และสนใจเอเดนแทนเสียที มือสวยจับคางของเอเดนให้เงยหน้าขึ้น ลูบขนคิ้วเข้มที่ยุ่งเหยิงเพราะเพิ่งขึ้นจากน้ำ ช่วยเสยผมไปไว้ด้านหลังแล้วมอบจุมพิตที่หน้าผาก
มุมปากของเอเดนยกยิ้ม ร่างกายกำยำขยับถอยแล้วจูบไล่ั้แ่ข้อเท้าขึ้นมาที่น่อง เขาทำแบบเดียวกับครั้งก่อน และช้อนตามองโจไซอาเป็ระยะเพื่อสังเกตสีหน้าว่าอีกฝ่ายกำลังสุขสมอยู่หรือไม่ จากนั้นก็เริ่มการปรนนิบัติเอาอกเอาใจครึ่งหนึ่ง และเพื่อตามใจความ้าของตนเองอีกครึ่งหนึ่ง
เขาจับขาสองข้างให้แยกออกจากกันและแทรกตัวตรงกลาง แหวกสาบเสื้อคลุมออกจนเห็นแก่นกายที่ยังสงบ ลูบไล้ตามแนวความยาวเชื่องช้าและใจเย็น สลับกับบีบนวดต้นขา ซุกจมูกฟัดผิวเนื้อน่ามันเขี้ยว แล้วขบดูดผิวเนื้อนวลเนียนที่หน้าท้องใต้สะดือจนขึ้นรอยสีกลีบกุหลาบ
“นี่คือสีที่ผมชอบครับ” เขามองรอยจูบ และช้อนตามองโจไซอา
“ขึ้นมาสิ ฉันจะได้ทำให้เธอบ้าง” แต่เอเดนส่ายหน้าปฏิเสธคำขอ เพราะเขามีอย่างอื่นที่อยากทำมากกว่า
ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนลงซุกจุดกึ่งกลางลำตัวของโจไซอา กดจูบส่วนหัวของแก่นกายที่เริ่มแข็งจากการปลุกเร้าด้วยฝ่ามือ ละเลงลิ้นเลียวนส่วนหัวจนได้ยินเสียงครางพึงพอใจ แล้วเลียตามความยาวจนชุ่มน้ำลายทั้งแก่นกาย เพื่อให้ชักรูดฝ่ามือขึ้นลงเน้นย้ำจังหวะมากขึ้นโดยไม่ติดขัด ฝ่ามือใหญ่กำส่วนโคนเอาไว้ แก่นกายส่วนหัว ช่วยปรนเปรอให้โจไซอาจนร่างเพรียวบางบิดเร่า
เอเดนผงกหัวขึ้นลง ไม่สนใจว่าแก่นกายจะเข้ามาในโพรงปากลึกเกือบสุดลำ เขาช้อนตามองอีกฝ่ายและพบว่าใบหน้าสวยกำลังขมวดคิ้ว เผยอปากเพื่อร้องคราง ขบงับริมฝีปากล่างแ่เบา ดวงตาปรือล่องลอย มือทั้งสองข้างช่วยค้ำยันตัวเองอยู่ด้านหลังกำแน่นระบายความเสียวซ่าน เป็การกระทำที่ชัดเจนว่าเอเดนช่วยปรนเปรอให้อีกฝ่ายสุขสมได้ดี
หน้าท้องโจไซอาหดเกร็ง เขาใกล้จะปลดปล่อย หวีดร้องครางเต็มเสียงเริ่มอยู่ไม่นิ่ง มือสวยวางลงบนกลุ่มผมสีดำสนิทเปียกน้ำ ขยำเส้นผมนั้นเพื่อระบายอารมณ์แทนพร้อมกับช่วยควบคุมจังหวะเล็กน้อย จนกระทั่งน้ำสีขุ่นสัญลักษณ์ของจุดสูงสุดในอารมณ์ตัณหาได้ปลดปล่อยในโพรงปากเอเดน
โจไซอาหอบหายใจจนอกไหวตามแรง ลืมตาฉ่ำน้ำมองใบหน้าหล่อเหลาที่มีคราบน้ำเลอะริมฝีปากบาง เขายิ้มให้เอเดนเป็รางวัลแด่คนช่างเอาอกเอาใจ ลูบที่กรอบหน้าของอีกฝ่ายแ่เบา จ้องมองการกระทำชวนให้ร่างกายกระตุกวูบไหวอีกครั้ง
ราวกับการปลดปล่อยเมื่อครู่เป็แค่การเริ่มต้นเท่านั้น เอเดนคายน้ำสีขุ่นออกมาใส่ฝ่ามือของตัวเอง แล้วใช้มันละเลงรอยจีบที่ขมิบตอดรัดอากาศของโจไซอาจนชุ่ม และเริ่มกดนวดคลึงโดยรอบ เสียงหวานคราง เชิดหน้าจนสุดมองเพดานสูงที่มีโคมไฟคริสตัลห้อยประดับ แต่ภาพดวงไฟกลับพร่าเลือนเพราะม่านน้ำความกระสันได้บดบังดวงตา
ความโหยหาการัักันและกันไม่อาจจางหายไปจากความรู้สึกของโจไซอาและเอเดนได้ ยังคงกอดจูบลูบไล้หลายต่อหลายครั้ง โดยไร้บทสนทนา ราวกับใช้ภาษากายในการพูดคุยกัน และได้สนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น เอเดนหลงใหลในตัวโจไซอาจนโงหัวไม่ขึ้น ลืมทุกภาระหน้าที่และปัญหาของตัวเองหมดสิ้น เพียงเพราะอีกฝ่ายอยู่ตรงหน้า
เอเดนถอดถอนนิ้วชื้นแฉะออกจากช่องทางด้านหลังของโจไซอาเชื่องช้า แล้วดันตัวขึ้นจากน้ำกระทั่งนั่งอยู่บนขอบสระข้างอีกฝ่าย มือเรียวกอบกุมใบหน้าให้เอเดนหันมารับจุมพิตจากตนอีกครั้ง และแย้มยิ้มดั่งดอกไม้ผลิบานช่วยชโลมความบอบช้ำในจิตใจของเอเดนจนกลับมามีชีวิตชีวา
เอเดนอุ้มร่างเพรียวบางแนบอก ค่อย ๆ วางบนเก้าอี้เอนหลังริมสระว่ายน้ำ เริ่มพรมจูบตามลาดไหล่ ซุกจมูกที่ซอกคอดมกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้สีขาวจากผิวกายนวลเนียน โดยมีมือเรียวเสยผมสีดำที่เปียกน้ำไปด้านหลังให้ ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความไวต่อััยามหยดน้ำเย็น ๆ จากเอเดนหยดลงบนแผ่นอกของเขา
เสื้อคลุมสีเข้มบนตัวโจไซอาไม่ได้ช่วยปกปิดเรือนร่างอีกเมื่อเอเดนปลดปมเชือก มีแต่กองไว้ที่แขนและร่วงลงไปที่ข้อศอก เพราะเอเดนอยากจูบหัวไหล่มนอย่างหลงใหลคลั่งไคล้ทุกตารางนิ้วของโจไซอา เอเดนกำลังปรนเปรอ พร้อมกับดื่มด่ำความสุข ตักตวงความโหยหาอันไม่รู้จบที่เกิดขึ้นเมื่อโจไซอาอยู่ใกล้ แต่เขาต้องอดกลั้นความรู้สึกในเวลาเดียวกันไม่ให้ทั้งคู่จับมือกันลอยละล่องกลางอากาศของห้วงอารมณ์จนยากจะถอยกลับ
เอเดนกดจมูกที่แผ่นอกข้างขวา และหยุดนิ่ง โอบแขนรอบกายบาง นอนซบอกของโจไซอาอย่างหักห้ามใจ พยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกเชื่องช้า จับมือเรียวที่ลูบเส้นผมตนเองขึ้นมาจูบหลังมือ ไล่ตามนิ้วทุกนิ้ว พร้อมกับฟังเสียงหัวใจเต้นในอกของอีกฝ่ายที่ช้าและเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“เป็อะไรไป” โจไซอากระซิบปนเสียงหอบ เพราะเอเดนปลุกเร้าอารมณ์จนเกือบถึงขีดสุดและหยุดเสียดื้อ ๆ
“ไม่ได้เอาถุงยางมาด้วยน่ะครับ”
เอเดนเงยหน้าสบตาเ้าของแผ่นอกบาง และตอบอย่างจริงจัง แต่ช่างขัดอารมณ์ของเทพแห่งการร่วมประเวณี โจไซอาแทบหลุดปากออกไปว่าของแบบนั้นไม่จำเป็สำหรับเทพ แต่ต้องขบกัดริมฝีปากล่างเพื่อยั้งตัวเองเอาไว้ มือเรียวลูบเส้นผมสีดำของเอเดนจนกลายเป็ความเคยชิน ก่อนจะเริ่มคิดหาคำโกหกให้อีกฝ่ายช่วยสอดใส่เข้ามาโดยไม่ต้องใช้เครื่องป้องกัน
“กลับห้องผมกันดีไหมครับ” เอเดนเสนอ แต่โจไซอาส่ายหัวปฏิเสธทันที เขาชอบบรรยากาศตรงนี้ และอยากทำมันเดี๋ยวนี้อย่างเอาแต่ใจ
“ทำเลยเอเดน ไม่เป็ไรหรอก” เอเดนมีแววตาของความไม่แน่ใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่โจไซอาไม่ได้คาดหวังให้เอเดนตามใจเขาทุกอย่าง ความแปลกหน้าของพวกเขาที่รู้เพียงชื่อและหน้าตาไม่มากพอให้มนุษย์อย่างเอเดนไว้ใจ
“คุณทนไม่ไหวแล้วสินะ”
แต่การกระทำหลังจากนั้นของเอเดนกลับเหนือความคาดหมาย ใบหน้าหล่อเหลาเหยียดยิ้มเ้าเล่ห์และดูขำขันในความใจร้อนของโจไซอา ดวงตาสีเฮเซลจ้องร่างกายโจไซอาอยู่นาน หลุบมองแก่นกายที่แข็งขืนอีกครั้งและแตะนิ้วบนรอยจีบชื้นแฉะที่ขมิบตอดรัดอากาศเป็ระยะ เอเดนจงใจมองเพื่อให้เขารู้สึกเขินอายกับร่างกายตนเองที่ตอบสนองการกระทำปลุกเร้า
ความเขินอายที่ก่อขึ้นในตัวเทพอายุหลักร้อยไม่ได้แสดงออกมาเป็ใบหน้าขึ้นสีแดงจางดูน่าเอ็นดูไร้เดียงสา แต่โจไซอาแย้มยิ้มกว้างจนตาปิด แล้วโอบรอบลำคอเอเดนมาจูบให้อีกฝ่ายหยุดมอง ก่อนจะร้องครางเสียงหลงเมื่อมือหนาจับรวบสองแก่นกายเข้าด้วยกันและชักรูดขึ้นลง
“เฮเซล” เสียงทุ้มหอบกระเส่า แสดงถึงอารมณ์มากล้นที่ไม่สามารถอดกลั้นได้อีก
“หืม”
“หนีบขาแน่น ๆ นะครับ”
โจไซอารู้สึกขัดใจที่เอเดนไม่ยอมสอดใส่ แต่ทำอะไรไม่ได้ในเมื่ออีกฝ่ายยังคิดว่าเขาเป็มนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่เทพที่ไม่มีทางติดโรค เขาจึงทำตามคำขอและการจับขาบังคับทิศทางด้วยมืออุ่น แต่ช่างน่าแปลกที่การสอดใส่ภายนอกกลับทำให้ความกระสันอยากพุ่งขึ้นสูงได้ มือหนาชักรูดแก่นกายของเขาขึ้นลงเป็การปลุกเร้า และสอบสะโพกเป็จังหวะจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันประสานเสียงครางของโจไซอา
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนปรือปรอยมองเพดานอีกครั้งเพราะใกล้ถึงห้วงอารมณ์สูงสุด เอเดนก็เริ่มสอดใส่ระรัว เร่งจังหวะการชักรูดแก่นกายกระทั่งปลดปล่อยน้ำสีขุ่น และเสียงทุ้มครางยาวพร้อมกัน หน้าท้องของโจไซอาจึงเปรอะเปื้อนไปด้วยร่องรอยของตัณหาเต็มหน้าท้อง ซึ่งเขาไม่ได้รังเกียจกลับอ้าแขนรอคอยให้เอเดนโน้มตัวลงมากอดและจูบข้างโหนกแก้มระหว่างที่เอเดนหอบหายใจ ปรับห้วงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงของตนเองให้ลดต่ำลง
“ชอบใช่ไหม” เสียงหวานเอ่ยถามคนที่นอนซบบนอก
“ครับ” เอเดนแตะริมฝีปากของตนเองที่ข้างแก้มโจไซอา เขาไม่ยอมผละถอย คลอเคลียอยู่ในความใกล้ชิดเช่นนั้นด้วยสายตาที่แสดงอารมณ์ความ้าอย่างเดิม และไม่ลดน้อยลงเลย
“ผมอยากไปที่ที่มีแค่เราจัง”
“ที่ห้องของเธอเหรอ”
“ไม่ครับ ที่ที่ไกลกว่านี้ ไกลจนไม่มีใครรู้จักผม และมีแค่เราสองคน”
โจไซอาจ้องลึกเข้าไปในแววตาสีเฮเซลชวนให้ค้นหาความคิดภายในที่ซ่อนอยู่ใต้ถ้อยคำออดอ้อนเสียงทุ้ม เขารับรู้ความเ็ปบางอย่างของคนที่ถูกกักขังในกรง คนที่ต้องเดินตามเส้นทางที่ตนไม่ได้เลือก คนที่มีโซ่ตรวนอยู่ที่ข้อเท้า เมื่อััถึงความรู้สึกนั้นจากเอเดนยิ่งทำให้ภายในกายโจไซอาร้อนรุ่มเพราะความโกรธต่อทุกสิ่งที่ทำให้เอเดนไม่มีความสุข
เขาคิดถึงสถานที่หนึ่งที่ห่างไกลจากที่นี่ ที่ที่สวยงามและไม่มีใครรู้จักเอเดน ที่นั่นเอเดนจะได้เป็อิสระ และที่นั่นจะมีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อโจไซอานึกอะไรดี ๆ ออก จนได้รับแววตาสงสัยจากคนที่นอนทับ้า
“ยิ้มอะไรเฮเซล”
“เปล่า”
“ผมเห็นคุณยิ้ม” ยิ่งเอเดนจับผิดคาดคั้นจะเอาคำตอบ รอยยิ้มยิ่งชัดเจนและกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนดวงตากลมเฉี่ยวยิ้มตามริมฝีปาก โจไซอาหัวเราะเสียงแ่เบา โอบกอดรอบลำคอเอเดนแน่นขึ้นให้อีกฝ่ายนอนซบอกเช่นเดิม
“เพราะฉันชอบเธอ” การเอ่ยคำตอบเื่อื่นแทนสาเหตุรอยยิ้มที่แท้จริงคือการโกหกที่แเีที่สุดเท่าที่โจไซอาจะทำได้ ถึงอย่างนั้นความชอบพอจนต้องพูดออกไปก็เกิดจากความจริงที่ก่อขึ้นในหัวใจไม่ต่างจากที่เอเดนรู้สึก
ร่างหนาลุกขึ้นจากการคร่อมทับด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ เดินอวดหุ่นเปลือยเปล่าของตัวเองให้โจไซอาเห็นชัดเต็มสองตา เพื่อไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวม ก่อนจะวิ่งพุ่งตรงมาอุ้มโจไซอาแนบอก หมุนเหวี่ยงสร้างความหวาดเสียวเล็ก ๆ น้อย ๆ จนโจไซอาร้องโวยวายเสียงหลงให้หยุด แต่เอเดนยังคงไม่หยุดแกล้ง เขาเดินไปที่ขอบสระทำท่าจะโยนร่างเพรียวบางในอ้อมแขนลงน้ำ โจไซอาจึงคล่องแขนรอบลำคอเอเดนเสียแน่น
เมื่อได้แกล้งจนพอใจแล้วเอเดนจึงยอมวางร่างเพรียวบางให้ยืนบนพื้น กระชับเสื้อคลุมให้ปกปิดร่างกาย เช็ดร่องรอยน้ำสีขุ่นที่หน้าท้องอย่างลวก ๆ และผูกปมเชือกเพื่อจะกลับไปที่ห้องนอนของเอเดน มือหนาจับจูงมือเรียวเพราะความรู้สึกบอกเขาให้ทำเช่นนั้น แม้ไม่เคยจับมือใครสักคนเดินราวขาดกันไม่ได้เช่นนี้มาก่อน
“เดี๋ยว เอเดน”
“ครับ”
“ขอเอาไปด้วยได้ไหม” นิ้วเรียวชี้ไปที่ขวดเหล้าคอนญัก แววตาขอร้องอ้อนวอนช้อนมองเอเดนจนเขาหัวเราะและเดินไปหยิบมันมาถือไว้ให้
แต่ขวดเหล้าและแก้วทรงเตี้ยกลับวางทิ้งไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาเดี่ยวชิดริมกำแพงกระจกบานใหญ่ปิดทับด้วยม่านสีเข้ม ส่วนโจไซอานั้นดึงมือเอเดนเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำพร้อมกันที่ใช้เวลามากเกินพอดี เพราะมัวแต่กอดจูบและให้เอเดนสอดใส่แก่นกายเข้ามาในช่องทางด้านหลัง ท่ามกลางเสียงน้ำอุ่นจากฝักบัวขนาดใหญ่ที่ไหลตกกระทบพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ
“อ๊ะ อะ”
เสียงครางของโจไซอาขาดห้วงเมื่อเอเดนขยับบดจูบริมฝีปากสีแดงสดบวมเจ่อ สองแขนบอบบางโอบกอดรอบลำคอเอเดนไว้แน่น ขาข้างหนึ่งเกี่ยวรอบเอวหนา ช่องทางด้านหลังโอบรับแก่นกายใหญ่อุ่นร้อน ตอดรัดถี่ระรัว รับแรงกระแทกเป็จังหวะจากเอเดนจนขาข้างเดียวที่ค้ำยันทั้งร่างกายอยู่อ่อนแรงแทบล้มลงไป หากไม่ได้สองแขนแข็งแรงกอดรอบเอวเอาไว้
เสียงครางยาวของทั้งคู่ดังประสานกันพร้อมการปลดปล่อย เอเดนจับขาอีกข้างเกี่ยวรอบเอวอุ้มโจไซอาขึ้น วางร่างกายอีกฝ่ายที่อ่างล้างมือหินอ่อนสีเข้ม แล้วเริ่มขยับแก่นกายเข้าออกอีกครั้งเพราะความ้าของเขายังไม่ลดน้อยลง
เวลาล่วงเลยเป็ชั่วโมงในห้องน้ำ ทั้งสองจึงได้อาบน้ำล้างร่างกายกันจริง ๆ ทีแรกโจไซอาไม่อยากสวมเสื้อผ้านอนเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเพียงแค่คิดว่าจะได้รับกอดอุ่น ๆ จากเอเดนโดยตรงไม่ผ่านเนื้อผ้าใด ๆ ก็รู้สึกดีแล้ว แต่เอเดนคัดค้านและหยิบชุดนอนผ้านิ่มแขนยาวตัวใหญ่ให้โจไซอาสวมซึ่งยาวจนปิดหน้าขา กับกางเกงขาสั้นเอวหลวมโพลกจนต้องพับเอวขึ้นหลายทบ เนื่องด้วยมนุษย์ผู้นี้ไม่รู้ว่าโจไซอาไม่ได้เจ็บป่วยง่ายแค่เจอน้ำฝนหรืออากาศเย็นอย่างคนทั่วไป
“แน่ใจนะครับว่าอยากดื่มต่อ”
“ฉันอยากผ่อนคลายน่ะ” เอเดนตามใจโดยไม่มีข้อแม้ เขาย้ายขวดเหล้าคอนญักมาไว้ข้างหัวเตียง รินใส่แก้วในปริมาณพอเหมาะและส่งให้อีกฝ่าย จึงได้รับจุมพิตที่คางเป็คำขอบคุณจากโจไซอา
เรียวขายาวขาวเนียนพาดที่ตักเอเดน เขาวางมือบนต้นขาอีกฝ่าย ลูบไล้อย่างเพลิดเพลินสนุกมือ และพึงพอใจที่โจไซอาไม่ห้ามเลยสักคำ ให้เขาได้บีบนวดคลึงท่อนขาตามอำเภอใจ ขณะมองอีกฝ่ายจรดริมฝีปากที่ขอบแก้วใสเพื่อดื่มเหล้าทีละน้อย สลับกับการโน้มใบหน้ากดจมูกหอมตามผิวเนื้อข้างแก้ม ซอกคอ หรือลาดไหล่โจไซอาบ้างเป็บางครั้ง เพราะบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวโจไซอากระตุ้นให้เอเดนขยับเข้าใกล้ ร้องเรียกเขาให้ัั
“เธอโตที่บ้านหลังนี้เหรอ”
“ครับ”
“แล้วได้ออกแบบห้องอื่น ๆ ด้วยไหม”
“ไม่ครับ แค่ห้องนี้ที่ผมทำ”
“รสนิยมดีเหมือนกันนะ” โจไซอาถูนิ้วกับริมฝีปาก แล้วกวาดตามองรอบห้อง มืออีกข้างที่โอบแก้วทรงโค้งหมุนเบา ๆ ให้ของเหลวสีน้ำตาลใสไหลไปมาที่ก้นแก้ว
“ห้องอื่น ๆ ไม่ดีเหรอครับ”
“เหมือนหลงยุคมากกว่า” เอเดนหัวเราะเสียงทุ้มเมื่อโจไซอาพูดความจริงโดยไม่กลั่นกรองเพราะแอลกอฮอล์เริ่มทำให้มึนเมา
“เป็ความคิดของปู่ พ่อก็ชอบเหมือนกันเลยไม่ได้เปลี่ยน”
“คงยึดติดกับอะไรเก่า ๆ น่าดู ฉันนึกว่ากลับไปยุครีเจนซี ตอนนั้นฉันยังไม่เกิดเลย”
ความใสซื่อของมนุษย์นามว่าเอเดน กริฟฟินช่วยให้โจไซอาพ้นจากกฎเทพเื่การห้ามเปิดเผยตัวตนกับมนุษย์ เพราะเอเดนคิดว่าเป็การเล่นตลกสร้างเสียงหัวเราะจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ หารู้ไม่ว่าโจไซอากำลังชะงักนิ่งเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าตนเผลอพูดอะไรออกไป ก่อนจะหัวเราะตามอีกฝ่ายเพื่อกลบเกลื่อนแต่กลับออกมาเป็เสียงหัวเราะแห้ง ๆ ดูฝืนเต็มที จึงเปลี่ยนเป็กระดกเหล้าที่เหลืออยู่รวดเดียวหมด และตั้งสติบอกตนเองให้หยุดดื่ม
“แล้วเธอออกแบบหมดนี่ได้ยังไง”
“ผมเรียนออกแบบภายในตอนปริญญาตรีครับ”
“แสดงว่าเธอก็มีส่วนที่ชอบมันด้วยหรือเปล่า” โจไซอาไม่สามารถยั้งปากตัวเองได้ เขาเผยออกไปอย่างไม่รู้ตัวว่าตนเองรู้ชีวิตของเอเดนที่ถูกพ่อแม่ขีดเส้นกำหนดไว้
“ั้แ่ถูกบังคับให้ทำนั่นทำนี่ เื่นี้น่าจะเป็เื่เดียวที่ผมเห็นด้วย แต่ก็ไม่เท่าเลือกเองอยู่ดี”
แต่น่าแปลกที่เอเดนกลับสบายใจที่จะพูดความรู้สึกเื่นี้ออกมาโดยไม่อึดอัด หรือแปลกใจกับคำถามถึงเื่ส่วนตัวจากโจไซอาเลย เขากลับเปิดเผยเบื้องลึกของจิตใจที่ไม่เคยมีใครรับรู้อย่างง่ายดายด้วยแววตาเรียบนิ่งแฝงความเ็ปเพียงเล็กน้อยยากจะสังเกตเห็นมัน
“แล้วถ้าเลือกเองล่ะ”
“อืม… ไม่รู้สิ” แม้แต่เอเดนยังไม่เคยถามตัวเองด้วยคำถามนี้มาก่อน เขาลูบข้อเท้าเรียวบาง เอนคอพิงหัวเตียงระหว่างใช้ความคิด
“คงไม่เรียนต่อครับ ความจริงแล้วผมไม่ชอบการเรียน”
“แต่เธอเรียนจบโทนะเอเดน” เอเดนเหยียดยิ้มมุมปาก หันมองคนข้างกายด้วยความปลงตกกับชีวิตอย่างเช่นที่โจไซอาเคยเห็นหนึ่งครั้งเมื่อเอเดนเห็นซากรถที่ตนรักถูกทำลาย
“ผมเรียนเพื่อซื้อเวลาหนีความจริง”
โจไซอาเข้าใจเอเดนอย่างแจ่มแจ้งเมื่ออีกฝ่ายไขข้อสงสัยอย่างตรงไปตรงมา ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นทำให้โจไซอาขยับเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อจุมพิตริมฝีปากอีกครั้ง เอเดนหลับตารับมันอย่างเต็มใจแล้วโอบแขนกอดเอวบาง
“ไม่ง่วงเหรอ” เสียงหวานเอ่ยถามในเื่อื่นหลีกหนีความเ็ปของเอเดน
“มีคุณนั่งอยู่ตรงนี้ผมหลับไม่ลงหรอกครับ” เอเดนซุกไซ้ซอกคออีกครั้ง เพราะชื่นชอบกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้สีขาวที่ติดอยู่บนผิวของโจไซอาเสมอ
ร่างเพรียวบางขยับเปลี่ยนท่านั่ง คว้าไหล่กว้างแล้วดันตัวลุกขึ้นคร่อมทับตักของเอเดน วางสะโพกลงบนจุดกลางลำตัวพอดีและดูดดึงริมฝีปากบางที่บวมเจ่อไม่ต่างจากเขา โจไซอาขบงับริมฝีปากล่างของอีกฝ่าย ดึงมันเบา ๆ หยอกล้อ แล้วประกบจูบสอดลิ้นสำรวจ บดสะโพกหมุนควงเล็กน้อยอย่างเย้ายวน
“ส่วนคุณคงไม่ง่วงเหมือนกันใช่ไหมเฮเซล”
“อือฮึ” ทั้งสองสบตากันในระยะใกล้ แสงไฟจากหัวเตียงตกกระทบใบหน้างดงามทำให้เอเดนมองเห็นริ้วสีแดงจางที่พาดบนแก้มของโจไซอา สัญลักษณ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มไปหลายแก้ว
“อีกรอบดีไหมเอเดน” โจไซอากระซิบเสียงหวานข้างหู จูบติ่งหูของเอเดนแ่เบาพร้อมส่ายสะโพกให้จุดอ่อนไหวเสียดสีกันจนมือหนาต้องจับยึดเอวให้หยุดนิ่ง
“ไม่ครับ คุณเมาแล้วเฮเซล”
“เมาแล้วเธอจะไม่มีเซ็กซ์กับฉันเหรอ”
“ไม่ครับ” โจไซอาขมวดคิ้ว ทำปากคว่ำแววตาแสดงความเสียดายจนเอเดนยิ้มหัวเราะ
“เธอเป็มนุษย์ที่ดีที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลยรู้ไหม” เอเดนขมวดคิ้วเพราะการใช้คำแปลก ๆ ของเขา โจไซอาจึงต้องเปลี่ยนเื่ดึงความสนใจ
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องนอนเอเดน ฉันนั่งมองเธอทั้งคืนโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้หรอก” มือเรียวทั้งสองข้างวางทาบที่แผ่นอกแน่นกล้ามเนื้อ เพื่อดันตัวเองออกห่างจากใบหน้าอีกฝ่าย
“แข่งกันไหมครับ”
“อะไร”
“ใครจูบก่อนแพ้” โจไซอาเหยียดยิ้ม แล้วรีบประกบริมฝีปากจูบอย่างดูดดื่มราวกักตุนอยู่หลายวินาทีก่อนจะผละออก
“ตกลง”
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นในทันที โจไซอาลุกจากตักของเอเดนแล้วล้มตัวลงนอนบนหมอนใบข้างกัน เอเดนจึงหรี่ไฟให้เหลือเพียงแค่มองพอเห็นเท่านั้น แต่ยังคงนั่งพิงหัวเตียงอย่างเดิมไม่ยอมทิ้งหัวลงหมอน เพราะเขาหลับไม่ได้หากมีโจไซอานอนอยู่ใกล้ชิดเช่นนี้ ผนวกกับความกลัวเบื้องลึกในหัวใจว่าอีกฝ่ายจะหายไปหากเขาหลับ
โจไซอาเป็คนชอบการเอาชนะมาั้แ่เด็ก เขาพลิกตัวนอนหงายชันเข่าขึ้นจนชายเสื้อยาวกับกางเกงขาสั้นร่นตามปกปิดเพียงิ่เหม่ มือเรียวลากนิ้วตามขาของตนเองั้แ่หัวเข่าเชื่องช้าโดยที่สบตาเอเดนไม่ละเพื่อรอดูปฏิกิริยาอีกฝ่าย เสื้อนอนแขนยาวเลิกขึ้นตามเรียวนิ้วจนเห็นหน้าท้องเนียนมีเนื้อนิ่มน่ารักเล็กน้อย แต่เอเดนยังคงมองตามเรียวนิ้วนิ่งไม่ขยับ โจไซอาจึงพยายามยั่วมากกว่าเดิม
เขาปลดกระดุมเสื้อนอนไล่จากบนสุด ต่ำเรื่อย ๆ แล้วจึงหยุดที่เม็ดตรงกลาง ก่อนจะปลดกระดุมเม็ดล่างสุดไล่ขึ้นมา กระทั่งเหลือเพียงกระดุมเม็ดเดียวที่รั้งเสื้อนอนเอาไว้ให้ปกปิดผิวกาย เอเดนเห็นรอยจูบสีกลีบกุหลาบผลงานของตนเองที่หน้าท้องใต้สะดือโจไซอา มันยิ่งทำให้เรือนร่างงดงามน่ามองกว่าเดิม ปลุกความรู้สึกที่เพิ่งดับให้ตื่นอีกครั้ง
แต่เอเดนเลื่อนสายตาสบมองโจไซอา และเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น
จุ๊บ
โจไซอาลุกขึ้นจูบริมฝีปากของเอเดนเสียเอง
“ฉันแพ้แล้ว เลิกแข่งกันเถอะ”
ความเ็ปที่ศีรษะราวมีเส้นไหมรัดแน่นรอบหัวปลุกให้โจไซอาตื่น แม้อ้อมกอดอุ่น ๆ ของเอเดนทำให้หลับสบายแค่ไหนก็ตาม เปลือกตากะพริบเชื่องช้าพร้อมกอดท่อนแขนแข็งแรงที่โอบเอวจากด้านหลังเสียแน่น เขาปรับสายตาในเวลาอันสั้นจนมองเห็นขวดคอนญักที่วางอยู่หัวเตียงเป็สิ่งแรก จึงรับรู้ว่าความเ็ปรอบศีรษะเกิดจากอะไร
ไม่ใช่เพราะอาการเมาค้างหลังดื่มแอลกอฮอล์อย่างที่พวกมนุษย์เป็กัน แต่เป็เพราะคำมั่นสัญญาที่โจไซอาให้ไว้กับพ่อว่าจะไม่ดื่มเหล้าคอนญักอีก และเขาทำผิดสัญญา ความเจ็บที่ศีรษะจึงเป็บทลงโทษของเขา มันไม่รุนแรงมากนักและจะหายไปเมื่อโจไซอาเก็บสะสางร่องรอยของเทพที่ตนเผลอสร้างเื่หลังดื่มเหล้า เมื่อคืนนี้โจไซอาหลุดพูดอะไรแปลก ๆ ให้เอเดนได้ยินหลายประโยค แต่อีกฝ่ายไม่ได้ติดใจสงสัยเขาจึงไม่มีอะไรต้องสะสาง ความเ็ปจะหายไปในไม่ช้า
ภายในห้องแทบมืดสนิท มีเพียงแสงแดดจากด้านนอกเล็ดลอดมาจากใต้ผ้าม่านเท่านั้น โจไซอาพยายามลุกขึ้นและจับแขนของเอเดนออกจากเอวตัวเองจนสำเร็จ มองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับสนิทด้วยรอยยิ้มแล้วยืดแขนบิดี้เีรอคอยให้ความเ็ปรอบศีรษะหายไป แล้วเดินวนในห้องนอนยืดเส้นยืดสาย
เขา้าััแสงสว่างเพราะไม่ชอบความมืดเท่าไรนัก แต่การเปิดผ้าม่านอาจรบกวนเอเดนที่ยังไม่ตื่น เขาจึงเดินออกไปนอกห้องนอน เปิดบานประตูและปิดลงอย่างเงียบที่สุด แล้วเริ่มฮัมเพลงแจ๊สของนักร้องในบาร์่ต้นศตวรรษที่ 20 ที่ชื่อเสียงของเพลงนี้ได้ตายจากไปพร้อมเ้าของบทเพลง เพราะผู้ค้นพบเสียงไพเราะของเธอตายจากโลกนี้ไปหมดแล้วยกเว้นเพียงโจไซอา
อ้อมแขนอบอุ่นจากผิวกายมนุษย์ที่ร้อนกว่าผิวกายของเทพทำให้โจไซอาหลับสบาย และตื่นมารับแสงอาทิตย์ของวันใหม่ด้วยอารมณ์ที่สดใส เขามองออกไปนอกหน้าต่างบ้านหลังใหญ่ เห็นแสงอาทิตย์เจิดจ้าในวันท้องฟ้าโปร่งส่องกระทบใบไม้สีเขียวสดที่ปลูกรอบคฤหาสน์ โจไซอาอารมณ์ดีเสียจนลืบสนิทว่าพลังวิเศษที่ทำให้คนในบ้านหลังนี้หลับใหล จะหมดอำนาจเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น
แต่กว่าเทพผู้งดงามจะรู้ตัว เขาก็มาถึงห้องโถงที่ชั้นสองเสียแล้ว
“เอเดนต้องแต่งงานกับหนูเจนภายในปีนี้”
“คุณไม่เห็นเหรอคะว่าหนูเจนยังเป็ผู้เยาว์ ถ้าข่าวออกไปเรามีแต่เสียหน้า”
“งานประมูลของวูดเฮาส์จะจัดขึ้นแล้ว เราต้องรีบทำอะไรสักอย่างให้พวกเขามั่นใจว่าเอเดนจะไม่หนี ไม่อย่างนั้นเราก็ชวดกันพอดี คุณคิดเหรอว่าพวกเขาจะเปิดประมูลอย่างใสสะอาด มีแต่คนยัดใต้โต๊ะทั้งนั้น ดีแค่ไหนแล้วที่หนูเจนชอบเอเดนเราถึงมีข้อได้เปรียบมากกว่าคนอื่น”
โจไซอายืนนิ่ง นึกน่ารำคาญทั้งคู่ที่ตะคอกใส่กันแต่เช้า และกำลังหลบไปยืนแอบหลังกำแพง แต่สายตาของทั้งคู่รับรู้การมาถึงของเขา
“เธอเป็ใคร” หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นมาก่อน ในขณะที่ชายตัวสูงหน้าคล้ายเอเดนและมีรอยย่นที่หน้าผากชัดเจนยกมือกุมขมับและสบถคำหยาบอย่างหัวเสีย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอเดน กริฟฟินพาแขกแปลกหน้ามาที่บ้าน แต่ครั้งนี้วิลเลียม กริฟฟินโมโหมากกว่าครั้งไหน ๆ เพราะเอเดนต้องแต่งงานกับเจน วูดเฮาส์ เพื่อเป็ข้อแลกเปลี่ยนให้บริษัทของกริฟฟินชนะการประมูลบริษัทส่งออกสินค้าที่วูดเฮาส์จัดขึ้น ขืนลูกชายคนเดียวของวิลเลียมยังพาคนแปลกหน้ามานอนค้างที่บ้านเช่นนี้ พวกวูดเฮาส์คงไม่ยอมให้เอเดนแต่งงานกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน
“จะเป็ใครก็ช่าง ไสหัวออกไปซะ!” จากที่ตั้งใจจะสงบเสงี่ยม แต่เมื่อชายกลางคนตะคอกใส่เทพอายุหลักร้อย โจไซอาจึงเริ่มโกรธขึ้นมาบ้าง เขาเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ยกมือเสยผมพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นจนไม่เผลอทำอะไรบ้า ๆ กับมนุษย์คนนี้
“หุบปากไปเถอะ พวกโง่” แต่หลุดปากด่าไปจนได้
“นี่แกพูดว่าอะไรนะ!”
โจไซอาต้องสะกดจิตอีกครั้ง แน่นอนว่าผิดกฎเทพ และไม่ใช่แค่คำเตือนจากเทพอารักษ์อีกแล้วที่จะส่งมาถึงบ้านของเขาที่เมืองเทพ แต่จะเป็การพิจารณาโทษก่อนตัดสินจำคุกเทพห้าสิบปีเป็อย่างน้อย และอาจถูกห้ามไม่ให้ผ่านประตูเชื่อมมาที่โลกมนุษย์อีกห้าสิบปี เขารู้ดีทุกอย่าง แต่เลือกที่จะทำมันในความเสี่ยงราวเดินบนเส้นด้าย
เขาจะสะกดจิตด้วยประโยคสั้น ๆ อย่างครั้งก่อนไม่ได้อีกต่อไป เพราะมันดูไร้เหตุผลในสายตาเทพอารักษ์กฎ ทำให้เขาหาข้ออ้างมาต่อสู้ในการพิจารณาโทษยากขึ้น โจไซอาจึงต้องสะกดจิตแบบสร้างเื่ราวขึ้นมาใหม่ เขาต้องทำทุกอย่างให้แเี ต่อเนื่อง และมีเหตุผลรองรับจนไม่มีใครสงสัย ซึ่งนั่นคือสิ่งที่โจไซอาไม่ถนัดที่สุด
“รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่ฉันจะให้คนมาลากแกออกไป” เสียงแหลมของหญิงวัยกลางคนเร่งให้ความสามารถอันน้อยนิดในการปั้นน้ำเป็ตัวอ่อนแอลงอีกขั้น เขาถอนหายใจด้วยความโมโห อยากสาปทั้งคู่ให้หลับตลอดกาลจะได้สิ้นเื่
“มีใครอยู่ไหม! พามันออกไปจากบ้านหลังนี้!”
“หุบปาก”
tbc.
#เฮเซลอาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้