หลี่ต้งเหลียงนึกไม่ถึงเช่นกัน
เมื่อรับเงินผู้อื่นแล้วก็ต้องทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ เขาถูกพาตัวไปยังสถานีตำรวจ ไม่พาดพิงเื่ราวถึงร้านเสื้อผ้าหรือเซี่ยเสี่ยวหลานแม้แต่น้อย เขาบอกเพียงแต่ว่าคนพวกนั้นคือโจร และได้ขโมยกระเป๋าเงินของเขา เขาเพียงตามไปรั้งตัวคนพวกนั้นไว้ จึงชนคนจนล้มลง
เหล่าชายหนุ่มาเ็ไปทั้งกาย คำให้การย่อมไม่เหมือนกันเป็ธรรมดา บอกว่าตนเองแค่ดูเสื้อผ้าในร้านพักใหญ่ เถ้าแก่ร้านเสื้อผ้าก็ไล่พวกเขาออกไป แถมยังส่งคนมาทำร้ายพวกเขาอีก
จั๋วเว่ยผิงคิดว่าอุบายนี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยมาก
พอตรวจอาการาเ็ของพวกชายหนุ่ม เนื้อหนังมังสาสมบูรณ์ดี ทว่าตามร่างกายบวมแดงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็รอยช้ำด้วยซ้ำ ได้รับาเ็ที่ไหนกัน? จั๋วเว่ยผิงมองออกแล้ว พวกคนเสเพลไปที่หลายเฟิ่งหวงเพื่อสร้างความวุ่นวาย เซี่ยเสี่ยวหลานขอให้เธอช่วยดูแลร้านหน่อยไม่ใช่หรือ เมื่อนึกถึง ‘คนพาล’ จากเขตเหอตงที่มาข่มเหงคนอื่นถึงเมืองมณฑล เ้าหน้าที่จั๋วจึงคิดที่จะจัดการเหล่าชายหนุ่ม ‘มิจฉาชีพ’ ชุดใหญ่สักยก
ทางสถานีสนับสนุนการกระทำของจั๋วเว่ยผิง
หัวหน้าหยางไปร่วมงานตัดริบบิ้นมาแล้ว พวกคุณไปก่อความวุ่นวายที่ไหนก็ไม่ไป ดันไป ‘หลานเฟิ่งหวง’ เสียได้ เป็การทำให้ใครเสียหน้ากันเล่า?
เป็การทำให้สถานีตำรวจเสื่อมเสียนั่นเอง ทำให้หัวหน้าหยางคิดว่าทุกคนปฏิบัติหน้าที่ย่ำแย่!
ต้องจัดการ จัดการให้สาสม!
บนตัวก็ไม่มีรอยช้ำจ้ำเขียวเสียหน่อย ยังมาแสดงละครถึงสถานีตำรวจอีก คิดแล้วก็น่าโมโห เหล่าชายหนุ่มเ็ปแสนสาหัส น้ำตาน้ำมูกพรั่งพรู กลับไม่มีใครยอมเชื่อพวกเขา หลี่ต้งเหลียงถูกสถานีตำรวจปล่อยตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนเหล่าชายหนุ่มยังถูกขังไว้อยู่
หลี่เฟิ่งเหมยกลับมาพร้อมกัน อีกทั้งเ้าหน้าที่จั๋วยังปลอบเธอด้วย ถ้าเกิดมีคนร้ายเหมือนในวันนี้ ก็ส่งคนมาแจ้งที่สถานีตำรวจเสีย
“มาเดี่ยวก็จับเดี่ยว มาคู่ก็จับคู่ จะไม่ปล่อยคนร้ายหนีไปแม้แต่คนเดียว!”
คนอื่นๆ เห็นแก่การที่หัวหน้าหยางร่วมงานเปิดกิจการร้าน ในขณะที่จั๋วเว่ยผิงเกลียงชังความเลวร้ายดุจศัตรูตัวฉกาจจริงๆ
หลี่เฟิ่งเหมยกลับเข้าร้าน ก็พบว่าโจวเฉิงมาแล้ว
พอทราบสถานะของโจวเฉิง ทำให้เธอสนทนากับโจวเฉิงด้วยท่าทีระมัดระวังมากขึ้น
โจวเฉิงได้ฟังว่าเมื่อครู่มีคนจำนวนหนึ่งมาสร้างความวุ่นวาย
จากนั้นก็สอบถามเื่ราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ของหลิวฟางอีกที ่เวลาที่หลิวฟางกับลูกสาวปรากฏตัวช่างเหมาะเจาะเกินไป ลักษณะนี้ไม่ค่อยเหมือนที่เขาสืบเสาะเกี่ยวกับฝานเจิ้นชวนด้วย เขาคาดการณ์ว่าคนบ้านเหลียงกำลังก่อความไม่สงบ สาเหตุไม่พ้นเพื่อสร้างปัญหาเพิ่ม ดูลาดเลา ตลอดจนระบายอารมณ์โกรธ
โจวเฉิงเก็บเอาไว้ไม่พูดออกไป หม่าเวยอยู่เฝ้าร้าน เขาพาหลิวเฟินกับหลี่เฟิ่งเหมยไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารรัฐ รวมถึงหลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยนด้วย หลี่ต้งเหลียงและเก่อเจี้ยนเป็คนไม่พูดมากทั้งคู่ โจวเฉิงบอกเพียงว่ากินข้าวเสร็จจะพาพวกเขาไปมหาวิทยาลัยซางตู จะได้ทำความคุ้นเคยกับขอบเขตกิจกรรมในทุกๆ วันของเซี่ยเสี่ยวหลาน
“ความตั้งใจของคุณผู้หญิงเซี่ย คือให้พวกเราอยู่ในซางตูระยะหนึ่ง...”
หลี่ต้งเหลียงลังเล ในเมื่อคนรักของคุณผู้หญิงเซี่ยมาแล้ว ซางตูยัง้าเขากับเก่อเจี้ยนอีกหรือ? หลี่ต้งเหลียงไม่รู้ว่าโจวเฉิงมีพื้นเพเป็มาอย่างไร ทว่าน่าจะพอมีอิทธิพลอยู่บ้าง เมื่อก่อนเคออีสยฺงวางก้ามเสียขนาดไหน ศิษย์เลื่องชื่อของสำนักตระกูลไป๋ยังข่มเคออีสยฺงไม่ได้ แต่ตอนนี้เคออีสยฺงกลับซุกหัวหาเงินนิดหน่อยจากการหลอกลวงผู้อื่นอยู่ในสถานีรถไฟหยางเฉิงอย่างว่านอนสอนง่ายไม่ใช่หรือไร
“ถ้าอย่างนั้นก็ว่าตามเสี่ยวหลานเถอะ”
แน่นอนว่าสุนัขยังคงต้องเลี้ยงอยู่ดี แต่เวลาออกนอกบ้านคงไม่สะดวกจะจูงสุนัขหรือเปล่า? มีผู้ชำนาญวิทยายุทธสองคนอยู่ด้วย โจวเฉิงก็ไม่กลัวว่าฝานเจิ้นชวนจะโต้กลับมา
รับประทานอาหารที่ภัตตาคารเสร็จสิ้น โจวเฉิงก็ได้สั่งอาหารสองอย่างที่เซี่ยเสี่ยวหลานชอบ ก่อนจะพาทั้งสองคนตรงไปซางต้าทันที พอเขาปรากฏตัวที่ห้องสมุด ไม่ต้องพูดถึงว่านักศึกษาดีเด่นกี่คนที่ใจสลายไปแล้ว เขาวานคนเข้าไปบอกเซี่ยเสี่ยวหลาน เซี่ยเสี่ยวหลานจึงวางหนังสือและเดินออกมาจากห้องสมุด
“ไม่ได้บอกว่ากลางวันจะไม่มาหรอกหรือ?”
โจวเฉิงแกว่งถุงในมือ “กลัวเธอกินไม่ดี กระทบต่อประสิทธิภาพในการเรียนน่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีว่านี่คือข้ออ้าง ผิวรองเท้าของโจวเฉิงเปรอะฝุ่นหนาเป็ชั้น ตลอดเช้านี้เขาเดินทางตั้งเท่าไรกันนะ? คงเจียดเวลามาซางตูเพื่อเจอเธอ เซี่ยเสี่ยวหลานรับประทานอาหารที่โจวเฉิงนำมาให้เรียบร้อย ทั้งสองคนสนทนากันอีกนิดหน่อย โจวเฉิงถึงเล่าเื่รับประทานอาหารพร้อมกับหลิวเฟินและหลี่เฟิ่งเหมยเมื่อกลางวันให้เซี่ยเสี่ยวหลานฟัง
“อีกอย่างสองคนที่เธอเรียกมาจากซางตูมาถึงแล้วนะ ฉันให้พวกเขารออยู่นอกมหาวิทยาลัย ตอนเธอกลับไปตอนเย็นก็จะเห็นเอง เื่นี้เธอทำได้ถูกต้องมากจริงๆ ไม่ว่าเวลาไหน ความปลอดภัยของเธอควรมาเป็อันดับหนึ่ง เมื่ออยู่รอดปลอดภัยดี พวกเราจึงจะค่อยๆ แก้ไขปัญหาได้ ตอนเย็นฉันไม่มารับเธอนะ เดี๋ยวยังต้องไปพบอีกหลายคน”
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้า
การที่เธอแจ้งหลี่ต้งเหลียงและเก้อเจี้ยน มิใช่เพราะไม่เชื่อมั่นในตัวโจวเฉิง ทว่าความเฉพาะเจาะจงของอาชีพโจวเฉิงทำให้เขาอาจไม่มีทางหนทางมาซางตูได้ทันท่วงที
โจวเฉิงไม่โกรธ แถมโจวเฉิงยังเห็นด้วยเป็อย่างยิ่ง
หากโจวเฉิงทะนงตน คิดว่าเขาสามารถจัดการปัญหาได้ทุกอย่าง คิดว่าจะไม่เกิดความเพลี่ยงพล้ำแม้แต่น้อย เช่นนั้นเป็ไปไม่ได้แน่นอนที่เขาจะมีชีวิตรอดจากแนวหน้า คนเราต้องรู้จักตนเองอย่างชัดเจนทุกเวลา ข้อดีและข้อเสีย ทำอะไรไหวและทำอะไรไม่ไหว ถ้ามีบางเื่ที่ไม่เชี่ยวชาญ ก็ต้องส่งมอบให้คนเชี่ยวชาญไปจัดการแทน!
ถ้าไม่นับการหยิบยืมอาวุธ เขาต่อสู้ไม่เก่งกาจเท่าไป๋จื้อหย่งด้วยซ้ำ ไป๋จื้อหย่งต่างหากที่คือผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ตัวจริง
ไป๋จื้อหย่งมีนิสัยหุนหันพลันแล่น ทำโอกาสเลื่อนขั้นหลุดลอยไปหลายต่อหลายครั้ง ตำแหน่งปัจจุบันของเขายังต่ำกว่าโจวเฉิง โจวเฉิงไม่ได้อาศัยกำปั้นกับลูกเตะ แต่เป็สมอง ยามที่เขาต้องใช้สมอง และต่อสู้ให้น้อย คนของสำนักตระกูลไป๋เติมเต็มข้อบกพร่องนี้ของโจวเฉิงได้อย่างพอดิบพอดี สองหมัดยากจะเอาชนะสี่มือ โจวเฉิงกลัวว่าจะเกิดความผิดพลาดที่ไม่คาดคิดขึ้นในสถานที่เล็กๆ เช่นกัน
สนทนากับเซี่ยเสี่ยวหลานไปได้สักพัก อารมณ์กระวนกระวายของโจวเฉิงก็บรรเทาลงมาก
ข้อมูลที่เขาสืบหามาใน่เช้า ทำให้เขาเกิดความอยากเอาชีวิตคน ถ้ามิใช่เพราะเด็กสาวบ้านเหลียงคนนั้นปกปิดเื่ราวไม่อยู่ เปิดเผยเื่นี้ล่วงหน้าเสียก่อน และโดนทางฝานเจิ้นชวนโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว เสี่ยวหลานจะมีโอกาสบอกเขาหรือ? ฝานเจิ้นชวนคือคนชั่วช้า ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาปฏิบัติตัวเผด็จการในเขตเหอตงมานานขนาดนั้นได้อย่างไร แค่ด้านความสัมพันธ์ชู้สาว ก็เพียงพอที่จะทำให้ฝานเจิ้นชวนถูกตั้งข้อหา ‘ความผิดฐานอันธพาล’ จนโดนสำเร็จโทษสิบครั้งแล้ว—ขอเพียงเป็ผู้หญิงที่เขาถูกใจ ไม่มีใครสักคนหนีไปได้ ถึงขนาดมีกรณีถูกตาต้องใจภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ของผู้อื่น แยกสามีภรรยาออกจากกัน ลากฝ่ายหญิงไปทำแท้งและค่อยบังคับขืนใจอีกด้วย
ฝ่ายชายเสียสติ ส่วนฝ่ายหญิงะโแม่น้ำปลิดชีพตนเอง
เื่นี้เป็ที่โจษจันในเขตเหอตงอยู่่หนึ่ง ภายหลังไม่มีหลักฐานแท้จริง เบื้องบนจึงไม่สามารถจัดการกับฝานเจิ้นชวนอย่างจริงจังได้
หลักๆ คือฝานเจิ้นชวนใช้ผลประโยชน์ปิดปากครอบครัวฝ่ายหญิง บุตรชายคนเดียวของครอบครัวฝ่ายชายก็วิกลจริตแล้ว พวกเขาไม่กล้าร้องเรียนอีกต่อไป
เื่ราวคล้ายคลึงกันมิได้มีเพียงครั้งเดียว โจวเฉิงได้ยินคำบอกเล่าอันน่าขันอีกอย่างด้วย มีคนคิดว่านอกจากฝานเจิ้นชวนจะไม่ชัดเจนด้านความสัมพันธ์ชู้สาวแล้ว เขามีน้ำยาในการกระทำสิ่งอื่นทีเดียว ถือว่าเป็บุคคลเปี่ยมไปด้วยความสามารถ ทว่าคนผู้นี้ไม่้าจากเขตเหอตงไป การรับตำแหน่งในพื้นที่ สูงสุดก็นั่งได้เพียงตำแหน่งปัจจุบันของเขาเท่านั้น หากยินดีไปรับตำแหน่งงานต่างถิ่น ฝานเจิ้นชวนย่อมเลื่อนขั้นได้ไปนานแล้ว
แน่นอนว่าเพราะทำใจจากเขตเหอตงไปไม่ได้ เนื่องจากรักทั้งอำนาจและตัณหา เมื่อออกจากเขตเหอตงไปเขาจะควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ แล้วจะเล่นสนุกกับผู้หญิงตามใจชอบได้อย่างไร?
ต้องอยู่ในสถานที่เล็กๆ อย่างเขตเหอตง ฝานเจิ้นชวนถึงจะเป็ผู้ทรงอำนาจประจำถิ่นได้!
บ้านเหลียงอยู่ในเขตเหอตงเหมือนกัน ฝานเจิ้นชวนมีกิตติศัพท์เช่นไร จะไม่แจ่มแจ้งเชียวหรือ? กลับกระตือรือร้นทำหน้าที่แม่สื่อแม่ชัก ยกเสี่ยวหลานให้แต่งงานกับฝานเจิ้นชวน เพียงเพื่อประโยชน์ของตนเองเท่านั้น การเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างภรรยาของเขาและคนอย่างฝานเจิ้นชวนแม้เพียงเล็กน้อย คือการดูิ่ภรรยาของเขา ในใจโจวเฉิงเกิดความอยากฆ่าคนขึ้นมาจริงๆ