เดิมนางคิดเข้ามาดูว่าซูเฟยซื่อเสียชีวิตอย่างไร ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรเช่นนี้
“กราบบังคมทูลฝ่าากับท่านอ๋องเก้าพันปีทรงโปรดทราบความนัย ถ้าไม่ใช่พระสนมทรงสัญญาให้ผลประโยชน์แก่ข้าน้อย ทั้งยังทรงรับประกันว่าไม่ให้ครอบครัวของข้าน้อยเข้ามาพัวพัน ต่อให้ข้าน้อยมีขวัญเป็สิบก็มิกล้าลบหลู่บุตรสาวของจวนอัครมหาเสนาบดีพ่ะย่ะค่ะ” ชุยเผิงเฉิงไม่สนซูจิ้งโหยวอีก ยังขอความเมตตาจากซ่งหลิงซิวกับอวี้เสวียนจี
ซูจิ้งโหยวโกรธจนสั่นไปทั้งตัว “ฝ่าา ทรงอย่าเชื่อเื่ไร้สาระของคนคนนี้ นี่เขาเป็สุนัขบ้าจนตรอกกัดคนไปทั่ว หม่อมฉันจะหามือสังหารมาลอบสังหารพระองค์ได้อย่างไรเพคะ? ต่อให้ลอบสังหารจริง ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะโง่เขลาถึงขนาดเลือกเอาจวนอัครมหาเสนาบดีนะเพคะ!”
นางเลือกจวนอัครมหาเสนาบดีเดิมคิดจะให้ทั้งครอบครัวได้ผลงานมีคุณูปการช่วยพิทักษ์ฮ่องเต้ แต่ไม่คิดว่าตอนนี้กลายเป็ข้ออ้างของนางให้ดิ้นหลุดไปแล้ว
คิ้วของอวี้เสวียนจีเลิกขึ้นเบาๆ “คุณชายชุย พูดจาต้องมีหลักฐาน”
“หลักฐาน? ใช่แล้ว ข้าน้อยมีหลักฐาน” ได้รับการเตือนสติจากอวี้เสวียนจี ชุยเผิงเฉิงรีบดึงถุงเครื่องหอมใบหนึ่งออกจากอก สองมือประคองส่ง
นี่เป็สิ่งที่เวลานั้นเขาถามเอาจากซูจิ้งโหยว บนนั้นยังปักชื่อของนาง เพื่อป้องกันซูจิ้งโหยวแปรพักตร์ไม่ยอมรับ
ซูจิ้งโหยวเกือบจะเป็ลมเมื่อเห็นถุงเครื่องหอม เกือบลืมไปว่ายังมีสิ่งนี้ ทำอย่างไร ถุงเครื่องหอมเป็สิ่งที่อยู่ในเรือนหญิงสาว หรือครั้งนี้นางต้องหักพังในมือของอวี้เสวียนจีจริงๆ?
อวี้เสวียนจีรับถุงเครื่องหอมมาดูคราหนึ่ง ส่งให้ซ่งหลิงซิวทันที “สิ่งของของพระสนมมอบให้ฝ่าาทอดพระเนตรเถิด”
“พระสนม เ้าจะอธิบายอย่างไร” ซ่งหลิงซิวขว้างถุงเครื่องหอมไปตรงหน้าซูจิ้งโหยวอย่างแรง ในดวงตาแทบจะพ่นไฟ
ซูจิ้งโหยวเย็บปักถุงเครื่องหอมให้เขาไม่น้อย ดังนั้นเทคนิคเย็บปักถักร้อยนี้ เขาย่อมคุ้นเคยกว่าผู้ใด มองปราดเดียวก็รู้ว่าถุงเครื่องหอมนี้มาจากฝีมือของซูจิ้งโหยวไม่ผิดแน่ ไม่ต้องพูดว่าบนนั้นยังปักชื่อของนาง
“ฝ่าา หม่อมฉัน...” ซูจิ้งโหยวเค้นความคิดอยู่ทั่วท้อง จนในที่สุดก็คิดเหตุผลข้างๆ คูๆ ข้อหนึ่งออกมาได้ “ฝ่าา ถุงเครื่องหอมนี้หม่อมฉันได้ทำหายไปนานแล้ว ไม่คิดว่าจะถูกคนขโมยออกนอกวังไป ยังขอฝ่าาทรงโปรดพระปรีชา จับขโมยในวังให้หม่อมฉันเถิดเพคะ”
ช่างเป็ละครไร้ยางอายชุดหนึ่ง โจรเรียกจับโจร น่าเสียดายมีคนมากน้อยเท่าไรที่จะเชื่อ?
ในวังเฝ้าคุ้มกันเข้มงวด ถุงเครื่องหอมเป็ของติดตัวของซูจิ้งโหยว ก็นับว่ามีคนขโมยของจากวังไปขาย ทำไมไม่ขโมยสมบัติล้ำค่าเงินทอง ดันเลือกขโมยถุงเครื่องหอมน้อยๆ ที่ไร้ค่า?
ซ่งหลิงซิวถลึงตาจ้องซูจิ้งโหยวคราหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของนาง ซูจิ้งโหยวเห็นเช่นนี้รีบทำน้ำตาคลอส่ายหน้า ดูคล้ายจะทั้งอ้อนวอนและอธิบายต่อไป
ซูเฟยซื่อเห็นปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาที่ต่างส่งสายตากัน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเ็าในใจ ซูจิ้งโหยวเป็บุตรสาวของอัครมหาเสนาบดีในเวลานี้ ยิ่งเป็หมากตัวหนึ่งที่ซ่งหลิงซิวนำมาใช้ปราบอวี้เสวียนจี
ทว่าตอนนี้คนที่เผยแผนการชั่วร้ายของซูจิ้งโหยวกลับเป็อวี้เสวียนจี เช่นนั้นจะเป็ไปได้อย่างไรที่ซ่งหลิงซิวจะกดดันบารมีของซูจิ้งโหยว แล้วเชิดชูศักดิ์ศรีของอวี้เสวียนจี
ดังนั้นแม้ว่าคำอธิบายของซูจิ้งโหยวจะมีช่องโหว่มากมาย เกรงว่าจุดจบของเื่นี้ยังต้องให้ซุยเผิงเฉิงกับหยานเอ๋อร์ต้องเป็ผีตายแทน ผลลัพธ์นั้นคงเขย่าซูจิ้งโหยวให้ะเืไปไม่มาก
ดูเหมือนอวี้เสวียนจีจะดูจุดนี้ออกเช่นกัน โบกสะบัดแขนเสื้อทันที “ทหาร ชุยเผิงเฉิงลอบสังหารฝ่าาก่อน แล้วดูิ่เหยียดหยามพระสนมในตอนหลัง ลากออกไปตัดหัวทันที รวบบริพารในจวนชุยทั้งตระกูลไว้จองจำ สามวันให้หลังจึงตัดหัว ส่วนนังสาวใช้คนนี้ถลกให้ล่อนจ้อนลากออกไปประจานตามถนน ให้สาวรับใช้ทั้งหมดได้เห็นถึงจุดจบของการไม่จงรักภักดีไร้คุณธรรม ทรยศหักหลังเ้านายว่าเป็อย่างไร”
วาจานี้ของเขาจงใจกล่าวให้คนรับใช้ของจวนอัครมหาเสนาบดีฟัง เตือนพวกเขาอ้อมๆ ว่าอย่าทำเื่ทรยศซูเฟยซื่อให้เห็น
เป็ไปไม่ได้ที่จะใช้ซุยเผิงเฉิงลากซูจิ้งโหยวลงน้ำ แต่จะใช้ซุยเผิงเฉิงเป็ตัวอย่างเชือดไก่ให้ลิงดู ยังมีประโยชน์ใช้ได้บ้าง
เขากลับจะดูว่ายังมีใครกล้าพอจะทรยศซูเฟยซื่อในอนาคต
ถึงแม้ซ่งหลิงซิวจะไม่พอใจอวี้เสวียนจีที่ไม่เอ่ยปากถามเขาสักนิด ก็สั่งตัดหัวตระกูลชุยทั้งตระกูลโดยตรง แต่เขาก็ไม่อาจพูดอะไรมาก
ทั้งนี้อวี้เสวียนจีได้ให้เขาลงได้ขั้นหนึ่ง มิฉะนั้นถ้าต้องสอบสวนเื่นี้อย่างจริงจัง ซูจิ้งโหยวต้องมีความสัมพันธ์อย่างดิ้นไม่หลุดแน่ๆ
เดิมคิดว่าเื่วุ่นวายนี้คงจบลงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าอวี้เสวียนจีจัดการชุยเผิงเฉิงกับหยานเอ๋อร์เสร็จ ได้เบนสายตาไปมองซูจิ้งโหยวอีก มองจนแผ่นหลังของนางเย็นะเื กระทั่งลมหายใจก็กลายเป็กระชั้นถี่ขึ้นหลายส่วน
“ฝ่าา แม้ว่าพระสนมจะถูกดูิ่ แต่นางปกครองวังหลังจนเกิดเื่ขโมยไก่ลักสุนัขแบบนี้ขึ้นแล้ว ถ้าข่าวแพร่ไป บารมีของราชวงศ์จะอยู่ที่ใด?” น้ำเสียงของอวี้เสวียนจีเนิบเบา ทว่าเน้นชัดทุกพยางค์ แน่นอนว่าหากไม่ให้ซูจิ้งโหยวตกเืบ้างคงไม่สะใจนัก
สีหน้าของซ่งหลิงซิวพลันดิ่งวูบ “พระสนมโหยวบกพร่องในการปกครองวังหลัง เป็เหตุให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินในวัง ปลดพระยศของพระสนม ลดเป็นางสนมโหยว”
“ฝ่าาทรงพระปรีชา แต่เื่ในวังหลังซับซ้อนมากมาย พระสนมโหยว อ่าไม่สิ ดูเหมือนเป็ไปไม่ได้ที่นางสนมโหยวคนเดียวจะจัดการเองได้ ข้าได้ยินว่าเมื่อเร็วๆ นี้ฝ่าาทรงโปรดปรานพระสนมหวินที่เข้าวังมาใหม่ ก็แบ่งเป็วังตะวันออกกับวังตะวันตก ให้สนมทั้งสองดูแลจัดการในเวลาเดียวกันดีกว่าไหมพ่ะย่ะค่ะ”
ลดตำแหน่งไม่เพียงพอ! ยังให้แบ่งอำนาจ
นี่กระไร? จะให้นางกับสนมหวินนังสารเลวดูแลจัดการวังหลังพร้อมกัน?
เช่นนั้นวันข้างหน้าบารมีของนางในวังจะอยู่ที่ใด นางยังจะได้รับสถาปนาขึ้นเป็ฮองเฮาอย่างไรได้
ซูจิ้งโหยวร้อนใจจนน้ำตาแทบไหลริน แค้นจนเกือบจะก้าวไปตบหน้าอวี้เสวียนจีสักสองฉาด
แต่นางไม่กล้า ได้แต่มองซ่งหลิงซิวด้วยสายตาคาดหวัง หวังใช้แผนหญิงงามกู้สถานการณ์คืน
แม้ซ่งหลิงซิวจะชื่นชอบเื่นี้ ทว่ากลับเห็นความสำคัญของแผ่นดินมากกว่าสิ่งใด เขาจงใจให้ความสำคัญแก่พระสนมหวินเพื่อปรับสมดุลของวังหลัง ให้ซูจิ้งโหยวไม่ต้องโดดเดี่ยว
วันนี้ข้อเสนอของอวี้เสวียนจีประจวบเหมาะกับเจตนาของเขา ยังสามารถเอาเื่ทั้งหมดไปโทษใส่ศีรษะของอวี้เสวียนจี ตนเองไม่ได้ล่วงเกินจวนอัครมหาเสนาบดีสักนิด กล่าวได้ว่าดีงามสมบูรณ์ทั้งสองฝ่าย ไหนเลยจะไม่ยินดีเล่า?
ซ่งหลิงซิวไม่สนใจแววตาของซูจิ้งโหยวทั้งสิ้น เอ่ยปากโดยตรง “ถ้าเช่นนั้นก็เอาตามข้อเสนอของท่านอ๋องเก้าพันปี ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป สนมโหยวดูแลจัดการวังตะวันออก พระสนมหวินดูแลจัดการวังตะวันตก ถ้าวังด้านไหนเกิดเหตุอีก ข้าต้องลงอาญา”
ซูจิ้งโหยวฟังคำเตือนในวาจาของซ่งหลิงซิวออก ยิ่งรู้ว่าโอรส์เอ่ยพระโอษฐ์ย่อมเป็พระมหาบัญชา เช่นนั้นแล้วเื่นี้ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลง
อำนาจที่ยิ่งใหญ่ซึ่งกว่าจะจับไว้ได้ กลับถูกแบ่งไปง่ายๆ เช่นนี้ นางปวดใจจนแทบจะร้องไห้เป็สายเื
เป็ซูเฟยซื่อ ล้วนต้องตำหนิซูเฟยซื่อนังสารเลวคนนี้ ถ้าไม่ใช่นางละก็ เื่จะกลายเป็แบบนี้ได้อย่างไร ยังมีอวี้เสวียนจีเ้าขันทีน่าตายคนนี้อีก ต้องมีสักวันที่นางต้องให้ทั้งสองคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิตจากนาง
งานเลี้ยงฉลองมื้อหนึ่งที่ไม่น่าอภิรมย์ต้องเลิกรากันไป เดิมซูเต๋อเหยียนคิดจะอาศัยเวลานี้ให้ซูจิ้งเถียนได้เข้าสู่ตำแหน่ง แต่ตอนนี้ซูจิ้งโหยวถูกลากลง เขาจะยังมีความหวังอะไร
ความหวัง? ประกายในดวงตาของซูเต๋อเหยียนพลันวาวโรจน์ รีบหันไปมองซูเฟยซื่อ
ไม่ เขายังมีความหวังอีกหนึ่ง ซูเฟยซื่อเพิ่งแสดงออกได้ดีเป็พิเศษเมื่อครู่ ถ้าอบรมดีๆ อาจจะยังประสบความสำเร็จได้
“เฟยซื่อเอ๋ย พ่อรู้ว่าเ้าต้องไม่ทำเื่เลวร้ายทรยศแบบนั้นแน่ๆ ข้าทำให้เ้าใกลัวแล้ว โชคดีที่ท่านอ๋องเก้าพันปีสายตาเฉียบแหลม จัดการหยานเอ๋อร์นังหนูน่าตายคนนั้นแล้ว” ซูเต๋อเหยียนก้าวไปจับมือซูเฟยซื่อแน่น ทั่วใบหน้าเต็มไปด้วยความรักฉันบิดา ลืมไปหมดสิ้นแล้วว่าเมื่อสักพักเป็ใครจะตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกให้เด็ดขาด