ก่อนที่ไก้อู๋ซวงจะปรากฏตัวขึ้น คนที่อูอวิ๋นเซียนถ่ายทอดทุกอย่างให้ก็คือเกาอวิ๋นเหลิ่ง
คนที่มีความสามารถจนทำให้อูอวิ๋นเซียนเห็นความสำคัญและถ่ายทอดทุกอย่างให้ได้อย่างเกาอวิ๋นเหลิ่งต้องมีความพิเศษแน่ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีชื่อเสียงโด่งดังเป็ที่รู้จักมาั้แ่แรก อูอวิ๋นเซียนคงพบว่าร่างของเขามีบางอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่นจึงได้สร้างวิชายุทธ์พิเศษที่มีเพียงเกาอวิ๋นเหลิ่งเท่านั้นที่จะฝึกฝนได้ขึ้นมา และมันก็คือการแปลงร่างกายเป็ดาบ
วิชาลึกลับนี้มีความพิเศษมาก
เมื่อใช้แล้ว ร่างกายของเกาอวิ๋นเหลิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงที่มหัศจรรย์มาก นั่นก็คือเขาจะกลายเป็อาวุธวิเศษที่ไม่มีอาวุธไหนในโลกเทียบได้
พลังของเขาส่งออกมาจากตัวดาบพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจนก้อนเมฆต้องแหวกทางให้
อากาศที่อยู่รอบกายของเขาภายในรัศมีสามสิบจั้งมีดาบปรากฏขึ้นมากมายราวกับเป็ทะเลดาบ
พลังดาบที่น่าสะพรึงกลัวดังกล่าวทำให้เหล่ยเจิ้นจื่อ ชางจื่อเฟิง และเยาวชนที่แข็งแกร่งหลายคนต้องขมวดคิ้วแล้วถอยหนี พวกเขาไม่ได้ลงมือต่อต้าน เพราะการทำแบบนั้นจะส่งผลต่อท่าทีของเกาอวิ๋นเหลิ่ง
“กายดั่งดาบ และดาบก็ไร้เทียมทาน!”
“ดาบหนึ่งเล่มทำให้โลกตกตะลึง ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะขวางทางข้าได้!”
เกาอวิ๋นเหลิ่งยกมือขึ้นเล็กน้อย
ดาบรอบกายของเขาในรัศมีสามสิบจั้งที่ลอยอยู่ในอากาศส่งเสียงเสียดสีกับอากาศจากนั้นมันก็พุ่งลงมาเพื่อสังหารหลัวเลี่ย
นี่เป็การโจมตีที่มีวงกว้างและไม่สามารถหลบหลีกได้
เป็การโจมตีที่รุนแรงมาก
และมันยังถือว่าเป็การโจมตีที่ธรรมดาในวิชาลับ
ท่าทีของหลัวเลี่ยที่มีต่อไก้อู๋ซวงนั้นแม้เขาจะแสดงออกว่าสามารถจัดการได้อย่างสบายๆ แต่จริงๆ แล้วเขาหนักใจมาก แต่กับเกาอวิ๋นเหลิ่งผู้นี้ หลัวเลี่ยจัดการได้สบายจริงๆ เขาไม่ได้หนักใจกับเกาอวิ๋นเหลิ่งเลย
จะว่าเขาจะหยิ่งยโสหรืออวดดีก็ได้ แต่เขาไม่คิดว่ามันเป็เื่ที่น่าหนักใจจริงๆ
“หากเ้ายังไม่ยอม ข้าจะทำให้เ้ายอมเอง”
หลัวเลี่ยก็ยกมือขึ้นเช่นกัน
ตราประทับมหาหลุนิ!
นี่ก็เป็หนึ่งในวิชาลับของเขา
เมื่อหลัวเลี่ยใช้ตราประทับนี้ ทุกอย่างที่จะพุ่งเข้ามาโจมตีเขาก็ถูกทำลายจนสลายไปกลายเป็เพียงปราณดาบแ่เบาไร้รูปร่างลอยไปรอบๆ
อย่างไรก็ตามตราประทับของหลัวเลี่ยก็ไม่ได้หายไป เขายังคงส่งแรงออกไปอย่างต่อเนื่อง
ตูม!
เกิดการะเิพลังอย่างรุนแรง
หลัวเลี่ยโจมตีเกาอวิ๋นเหลิ่งอย่างทรงพลัง
“พลังดาบทะลวงูเา!”
เกาอวิ๋นเหลิ่งคำรามออกมาเสียงดังราวกับว่าเขาจะกลายเป็ดาบที่ไร้เทียมทาน คมดาบเสียดสีกับอากาศจนเกิดเป็ประกายไฟ
ตูม!
ตราประทับมหาหลุนิถูกดาบของเกาอวิ๋นเหลิ่งโจมตีจนกระเด็นออกไป
เกาอวิ๋นเหลิ่งก็ใเช่นกัน เขาล้มลงไปข้างหลัง
มันดูก้ำกึ่ง
ในความเป็จริงก่อนหน้านี้หลัวเลี่ยได้ถอดรหัสการโจมตีด้วยดาบจำนวนนับไม่ถ้วนของเกาอวิ๋นเหลิ่ง ซึ่งเป็การโจมตีหนึ่งครั้งต่อการที่เกาอวิ๋นเหลิ่งรับการโจมตีจากเขาสองครั้ง จากการคำนวณนี้จะเห็นได้ชัดว่าเกาอวิ๋นเหลิ่งด้อยกว่าหลัวเลี่ย
“ลองอีกครั้ง!”
หลัวเลี่ยลงมืออีกครั้ง
เขายังคงใช้ตราประทับมหาหลุนิ
เพียงแค่ครั้งนี้ไม่มีปราณดาบมากมายมาขัดขวางเขาไว้แล้ว เพราะเขาได้กำจัดมันไปทั้งหมดแล้ว
ตูม!
เพียงฝ่ามือเดียว เกาอวิ๋นเหลิ่งที่ลอยอยู่ก็ถูกอัดลงไปยืนที่พื้นแล้ว
หลัวเลี่ยไม่รอให้เกาอวิ๋นเหลิ่งได้ตอบโต้ เขาใช้ตราประทับมหาหลุนิอีกครั้ง
ตูม!
ครั้งนี้ร่างของเกาอวิ๋นเหลิ่งที่ถูกกดก็ทรุดลงจนเขาแนบพื้น
“เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านตฤณชาติ!”
เกาอวิ๋นเหลิ่งเปล่งเสียงคำราม จากนั้นพลังที่กระจัดกระจายก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แล้วเงาของหญ้าสีเขียวที่โค้งงอก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา
มหาสรรพฟ้าดินด้านตฤณชาติดูต่ำต้อยและเปราะบางมาก
แต่ความจริงแล้วหนึ่งในเคล็ดวิชาสรรพฟ้าดินที่น่ากลัวก็คือด้านตฤณชาติ
หญ้าจะทำให้คนรู้สึกว่าก็แค่หญ้า เราสามารถเหยียบหรือฉีกมันเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ แต่ตราบใดที่มีโอกาสมันจะลุกขึ้นอีกครั้ง และภายใต้สายลมฤดูใบไม้ผลิ มันก็จะเติบโตขึ้นอีกครั้ง
กล่าวได้ว่าเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนี้เป็ด้านที่ไม่มีใครเทียบได้ เพราะมันไม่ตายง่ายๆ นั่นเอง
“เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนที!”
หลัวเลี่ยก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอใดๆ ออกมาเช่นกัน
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายต่างมีพลังในเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินอยู่ในระดับทองแดงเหมือนกัน แต่ทั้งคู่ก็มีลักษณะพิเศษเป็ของตัวเองที่แตกต่างกัน
พลังของทั้งสองเพิ่มขึ้นมากกว่าพลังภายในแต่เดิมที่ตัวเองมีอยู่ถึงหกเท่า
จากพลังที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวทำให้ตราประทับมหาหลุนิที่หลัวเลี่ยปล่อยออกมาทรงพลังมากขึ้น เขาค่อยๆ ปลดปล่อยมันออกมา
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
เกากวิ๋นเหลิ่งที่กำลังจะลุกขึ้นมาจากการช่วยเหลือของพลังในเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านตฤณชาติกลับต้องถูกพลังของหลัวเลี่ยกดดันจนล้มลงไปที่พื้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนแรกเริ่มจากเข่าที่แตะพื้น จากนั้นก็ตามมาด้วยบั้นท้าย เอว และสุดท้ายก็เหลือเพียงศีรษะเท่านั้นที่ยังไม่แตะพื้น
พื้นดินที่จัตุรัสเหยียนหลงถูกสั่นะเืจนแตกระแหงและเต็มไปด้วยร่องรอยแตกร้าว
จากนั้นหลัวเลี่ยก็คลายพลังลงเล็กน้อย เกาอวิ๋นเหลิ่งจึงส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะอายมาก แต่เขาก็ยังไม่ยอมล้มลงและยังคงเต็มไปด้วยความอยากต่อสู้ “ข้าก็ยังไม่ยอม!”
“ไม่ยอมหรือ? ได้ เช่นนั้นก็ทำต่อ”
หลัวเลี่ยลงมืออีกครั้ง
ปัง ปัง ปัง...
ทันใดนั้นตราประทับมหาหลุมินับสิบก็ปรากฏขึ้นและโจมตีไปที่เกาอวิ๋นเหลิ่งจนทำให้เขาล้มลงอีกครั้ง
การล้มลงติดต่อกันสองครั้งเช่นนี้ ต่อให้ร่างกายของเกาอวิ๋นเหลิ่งจะแข็งแกร่งเพียงใดหรือเขาจะมีวิชาลับและอาวุธวิเศษใดๆ คอยช่วยเหลือก็ไม่สามารถต้านทานกำลังของหลัวเลี่ยได้แล้ว ร่างกายของเกาอวิ๋นเหลิ่งค่อยๆ มีรอยแผลปรากฏขึ้นและมีเืไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
เกาอวิ๋นเหลิ่งยังคงคำรามและะโขึ้นไปอีกครั้ง
“อ๊าก!”
ทันใดนั้นบริเวณด้านหลังของหลัวเลี่ยก็มีปีก์เลี่ยหยางปรากฏขึ้น
พรึ่บ! พรึ่บ!
ปีก์เลี่ยหยางทั้งด้านซ้ายและด้านขวาปรากฏขึ้นพร้อมกับเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ
ตูม! ตูม!
เกาอวิ๋นเหลิ่งตัวสั่นทันที ความเ็ปเสียดแทงเข้ามาลึกถึงภายในจิตใจของเขา พลังที่น่ากลัวของหลัวเลี่ยได้สลายพลังที่เขาเพียรรวบรวมมากทำให้วิชาลับที่เขาจะใช้สลายไปโดยทันที เกาอวิ๋นเหลิ่งล้มลงพร้อมๆ กับกระอักเืออกมา เขาเวียนหัว จิตใจสับสน และหมดแรงสู้ต่อไปแล้ว
“ถ้ากล้าก็ฆ่าข้าเสียสิ” เกาอวิ๋นเหลิ่งกล่าวพร้อมกับกระอักเืออกมา
ปีก์เลี่ยหยางที่อยู่บนหลังของหลัวเลี่ยสลายไปแล้ว หลัวเลี่ยกลับมายืนอยู่บนแท่นเยียนซินแล้วกล่าวว่า “ข้าจะไม่ฆ่าเ้า ข้อแรกข้าไม่ใช่ฆาตกรและข้าไม่ชอบฆ่าคน ข้อสองข้าอยากเก็บเ้าไว้ เผื่อในอนาคตมีคนอยากจะมาประลองกับข้า มันเสียเวลาที่ข้าจะไปต่อสู้กับทุกคน ดังนั้นหากมีใครอยากประลองกับข้าเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองก็ขอให้เอาชนะเกาอวิ๋นเหลิ่งให้ได้ก่อน ถ้าแม้แต่เกาอวิ๋นเหลิ่งก็ยังเอาชนะไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่ามากวนเวลาของข้า”
“หา!”
เกาอวิ๋นเหลิ่งตะลึงจนหยุดหายใจไปชั่วขณะจากนั้นเขาก็เป็ลมล้มพับไป
การต่อสู้กับไก้อู๋ซวงและเกาอวิ๋นเหลิ่งติดต่อกันทำให้เหลัวเลี่ยถอนหายใจออกมา
ในที่สุดการต่อสู้แบบเอาเป็เอาตายในครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว
แม้ว่าจะมีบางคนที่ไม่เต็มใจจะปล่อยให้จบลงเช่นนี้
ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้สำนักอูอวิ๋นเซียนไม่สะดวกที่จะเคลื่อนไหว ดังนั้นสุดท้ายอูอวิ๋นเซียนจึงยอมรับผลในการต่อสู้อย่างยุติธรรมระหว่างหลัวเลี่ยและไก้อู๋ซวง เพราะหากเขาลงมือหรือให้ผู้าุโในสำนักลงมือก็อาจทำให้เขากลายเป็ตัวตลกจนถูกคนอื่นเยาะเย้ยเอาได้
แต่กับชาวเมืองในแคว้นเหยียนหลงนั้นต่างกัน เพราะความหวังทั้งหมดของพวกเขาอยู่ที่ไก้อู๋ซวง
กล่าวได้ว่าการมีอยู่ของไก้อู๋ซวงอาจจะทำให้พวกเขามีศักยภาพที่จะขึ้นเป็อาณาจักรใหญ่ลำดับที่สามได้
แต่ตอนนี้ความหวังที่มีได้ดับสิ้นลงไปแล้ว ฉะนั้นพวกเขาจะไม่คลั่งได้อย่างไร
ปรมาจารย์เฒ่าคนหนึ่งในราชวงศ์เหยียนหลงที่มีพลังวรยุทธ์อยู่ในระดับทลายยุทธ์กรีดร้องออกมา ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาเพื่อสังหารหลัวเลี่ย
ตอนนี้ทุกคนต่างตกอยู่ในความวุ่นวาย
หลัวเลี่ยไม่กลัวหากเขาได้เผชิญหน้ากับคนรุ่นใหม่ แต่กับปรมาจารย์าุโนั้น ถือได้ว่าเขายังตามหลังท่านอยู่มาก มันเป็ไปไม่ได้เลยที่เขาจะต้านทานพลังจากผู้าุโกว่าได้
แม้แต่ข่งไท่โต้วผู้าุโแห่งตระกูลข่งที่ซ่อนตัวลอบมองเหตุการณ์อยู่ก็อดไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหว แต่เมื่อเห็นว่าหลัวเลี่ยไม่ได้เขาจัดการ เขาก็ขมวดคิ้วและพึมพำกับตัวเอง หรือว่าหลัวเลี่ยจะไม่อยากให้เขาออกหน้าจริงๆ ?
หลัวเลี่ยพูดอย่างใจเย็นว่า “หากผู้าุโมีเื่อื่นใดอีก ก็เชิญกล่าวกับผู้ติดตามของข้าเถิด”
หลังจากที่หลัวเลี่ยพูดจบประโยคนั้น เยี่ยนอวิ๋นหวู่ก็ปรากฏตัวขึ้นทำให้ทุกคนตกตะลึง นางปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าผู้าุโที่มีพลังอยู่ในระดับทลายยุทธ์ราวกับิญญา
เยี่ยนอวิ๋นหวู่ยกมือขึ้นและตบลง
ตูม!
แล้วผู้าุโที่มีพลังอยู่ในระดับทลายยุทธ์ก็ถูกตบจนมีเลือกซึมออกมาทันที
ฉายาปักษาคลั่งนั้นเป็ฉายาที่เหมาะสมกับนางที่สุดแล้ว