เวลานี้ชุดของเขาเปิดออก เส้นผมดุจน้ำหมึกสยายเต็มหัวไหล่กระดูกไหปลาร้าขาวนวลสวยงาม ท่าทางเ็าทว่ากลับดูยั่วยวนมีเสน่ห์ช่างเป็ปีศาจน้อยจริงๆ! ตอนนี้เขาอายุยังน้อย หากโตขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะไปทำร้ายใครบ้าง
กงอี่โม่คลี่ยิ้มหวานพร้อมเอ่ยขึ้น “หากเ้ากล้าจั๊กจี้ข้าอีกข้าจะรื้อเรือนหานชุนของเ้าทิ้ง ทำให้เ้าไม่มีที่ไป”
เมื่อััความร้อนผ่าวจาก่ขาของนาง กงเจวี๋ยพลันหรี่ตาเขายิ้มน้อยๆ พร้อมเอ่ยขึ้น “หากเป็เช่นนี้ ข้าคงต้องนอนเบียดบนเตียงเดียวกันกับเสด็จพี่แล้วเสด็จพี่ต้องรับข้าไว้ด้วยล่ะ”
“ได้สิ ข้าเบื่อนอนกอดผ้าห่มอยู่พอดี กอดแล้วไม่สบายมือเลย” ใครจะรู้ว่ากงอี่โม่ไม่เกรงกลัวเลยสักนิด
ประโยคนี้ของนางทำให้กงเจวี๋ยไม่รู้จะกล่าวตอบเช่นไรแม้เขาจะเฉลียวฉลาดเหนือคนธรรมดา ทว่าเขาอายุยังน้อย จึงไม่สามารถทำตัวหน้าหนาได้เหมือนกงอี่โม่
เมื่อหยอกล้อกันระยะหนึ่งแล้วตอนที่กงอี่โม่ลุกขึ้นมาก็เป็เวลากลางวันแล้วกงเจวี๋ยรู้สึกอ่อนใจกับเื่นี้จริงๆ แต่เขาทำอะไรนางไม่ได้เลย
เวลานางล้างหน้า นางใช้เพียงน้ำเปล่าสาดอย่างไม่ใส่ใจ หยดน้ำบนใบหน้าขาวนวลไหลลงมาผิวพรรณขาวใสจริงๆ เด็กคนนี้ค่อยๆ เติบโตขึ้นแล้วตอนนี้เริ่มมองเห็นเค้าโครงรูปหน้าในอนาคตแล้ว
ไม่มีการรอให้กงเจวี๋ยได้ตั้งสติกงอี่โม่เห็นว่าแอปเปิลในสวนสุกแล้ว นางยังไม่ทันทานข้าวก็โวยวายแล้วขึ้นไปเด็ดผลของมันเสียงหัวเราะของนางและเสียงห้ามปรามอย่างนุ่มนวลแ่เบาของซินเอ๋อร์ถือเป็บรรยากาศที่สดใสที่สุดในตำหนักเย็นแห่งนี้กงเจวี๋ยที่กำลังฝึกเขียนตัวอักษรอยู่ในสวนจึงได้แต่ส่ายศีรษะอันที่จริงเขาไม่้าถูกรบกวนการเขียนตัวอักษรหนึ่งจบก่อนทานอาหารทว่ามุมปากของเขากลับยกขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม บางครั้งเขาคิดว่าหากตอนนั้นเขาไม่เจอกงอี่โม่ บางทีเขาอาจมีชีวิตรอดอยู่ในตำหนักเย็นแห่งนี้ทว่าเขาคงกลายเป็คนเืเย็นไร้ความรู้สึกหรือเปล่า?
ก่อนพบนาง กงเจวี๋ยคิดว่าทุกคนบนโลกนี้ต่างติดค้างเขาต่อไปหากเขามีอำนาจแล้ว ผู้คนเหล่านี้ต้องชดใช้หนี้แค้นด้วยเืทว่าเมื่อได้พบนางแล้ว อารมณ์รุนแรงเช่นนี้กลับถูกเก็บซ่อนไว้ในใจ
นางอยากให้เขามีลักษณะแบบไหนถ้าเช่นนั้นเขาก็จะเปลี่ยนเป็คนลักษณะแบบนั้นหากนางไม่ชอบให้เขามีอารมณ์รุนแรงโหดร้าย ถ้าอย่างนั้นเขาก็ปล่อยมันทิ้งไปเหตุผลก็เรียบง่ายเช่นนี้เอง
กงเจวี๋ยเขียนอักษรตัวสุดท้ายด้วยจิตใจสงบนิ่ง
ทว่าน่าเสียดาย วันคืนอันเงียบสงบกลับอยู่ได้ไม่นานกงเจวี๋ยไม่รู้ตัวเลย เพราะญาติของเขากำลังมาถึง ภยันตรายต่างๆจึงบีบเข้ามาอย่างช้าๆ
ชีวิตของเขาถูกลิขิตไว้แล้ว เขาต้องเดินอยู่บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเืและการสังหารเพียงแต่หากเส้นทางนี้มีกงอี่โม่เดินร่วมทางเขาจะมองสิ่งเหล่านี้เป็วิวทิวทัศน์ที่ต้องเดินผ่านไป
“เหนียงเหนียงเพคะ ท่านอัครเสนาบดีส่งคนมาแจ้งข่าวว่าอ๋องแดนประจิมส่งหลี่ฉางเฟิงบุตรชายของเขาให้มาอวยพรเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระพันปี(ไทเฮา) ตอนนี้อยู่ระหว่างทางแล้วเพคะ”
สตรีสูงศักดิ์คลุมด้วยชุดลายหงส์ศีรษะประดับด้วยปิ่นอันวิจิตรงดงาม นางเอนกายพักผ่อนอยู่บนตั่งหงส์เมื่อได้ยินเสียงของนางกำนัลาุโรู้ใจข้างกายแล้ว นางจึงลืมตาอย่างช้าๆ ชั่ววินาทีที่ลืมตานั้นประกายเย็นเฉียบพลันสะท้อนขึ้น
“หลายปีมานี้อ๋องแดนประจิมถือว่ามีความตั้งใจไม่เลวเลยเขาส่งคนมาตั้งมากมาย แต่กลับถูกข้าขวางเอาไว้หากอ๋องแดนประจิมสามารถกลับเมืองหลวงด้วยตนเองครั้งนี้ผู้ที่มาคงไม่ใช่บุตรชายของเขา”
นางกำนัลาุโด้านข้างไม่กล้ากล่าวตอบฮองเฮาพลันคิดถึงเื่บางอย่าง จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง“เ้าเด็กที่อยู่ในตำหนักเย็นคนนั้นเป็อย่างไรบ้าง?”
หลายปีมานี้ไม่มีรายงานเื่การตายของเด็กคนนั้นคิดว่าเขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่ แต่คงเป็เพียงคนขี้ขลาดคนหนึ่ง ตอนนี้ถือเป็โอกาสอันดีที่จะได้ใช้งานเขาแล้ว
นางกำนัลาุโลังเลอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยตอบ “สองสามปีก่อนเมื่อองค์หญิงน้อยพระองค์นั้นตื่นขึ้นมา นางทำตัวอวดดียิ่งนักอีกทั้งได้ยินมาว่านางจับองค์ชายเก้าไปเป็คนรับใช้มีคนจำนวนไม่น้อยได้ยินว่าองค์หญิงน้อยพระองค์นั้นทั้งดุด่าทั้งทำร้ายองค์ชายเก้ามักจะเห็นองค์ชายเก้ามีาแเต็มร่างกาย ตามปกติตำหนักเย็นไม่มีคนคอยกำกับดูแลเกรงว่าคงมีชีวิตไม่ค่อยดีนักเพคะ”
สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือกงอี่โม่ตั้งใจสร้างสถานการณ์ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดในขณะเดียวกันนางก็ใช้วิธีนี้ฝึกทักษะการต่อสู้จริงให้กงเจวี๋ย
ฮองเฮาได้ยินแล้วจึงเม้มริมฝีปาก นางหัวเราะอย่างเ็าสองสามครั้งั์ตาหงส์เรียวยาวคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย “เกือบลืมบุตรสาวของเสวี่ยเฟยแล้วตอนนี้เ้าเด็กสองคนนี้ คนหนึ่งทำตัวเหิมเกริมไร้สมอง คนหนึ่งขี้ขลาดไร้ความสามารถพวกเขายังคงมีประโยชน์อยู่บ้าง”
“เพียงแต่บุตรชายของอ๋องแดนประจิมกำลังเดินทางมาแล้วเกรงว่าเสียนเฟยจะอยู่นิ่งไม่ได้แล้วไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะมีชีวิตรอดจากครั้งนี้ได้หรือเปล่า”
ถึงแม้จะกล่าวเช่นนี้ ทว่าสายตาของฮองเฮากลับสะท้อนประกายดุดันไม่มีความปรานีแม้แต่น้อยเกรงว่ากำลังคิดว่าจะใช้ประโยชน์จากการตายขององค์ชายน้อยในการเล่นงานหลิ่วเสียนเฟยได้อย่างไรนางกำนัลาุโเหลือมองชั่วครู่แล้วจึงก้มหน้าลง จากนั้นนางจึงไม่กล้าเหลือบมองอีก
ตอนนี้ภายในวังหลังแห่งนี้ ผู้ที่ได้รับโปรดปรานมากที่สุดก็คือหลิ่วเสียนเฟย
เวลานี้หลิ่วเสียนเฟยก็ทราบข่าวนี้แล้วเช่นกันคิ้วงามขมวดมุ่นเล็กน้อย ผ่านไปนานพอสมควรจึงเอ่ยขึ้น“เด็กคนนั้นช่างน่าสงสารเสียจริง ถูกองค์หญิงน้อยทรมานจนตายข้าเสียดายแทนอ๋องแดนประจิมเสียจริง ชีวิตนี้ยังไม่เคยได้พบหน้าหลานชายคนนี้แม้สักครั้ง”
ขณะที่กล่าวนั้น นางแสดงท่าทางให้ส่งยอดฝีมืออันดับหนึ่งของนางไปจัดการเื่นี้เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดความผิดพลาดใดๆ
ผู้ที่นั่งอยู่ด้านล่างจึงรีบออกไปปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็วคาดไม่ถึงว่าหลิ่วเสียนเฟยจะรอบคอบระมัดระวังถึงเพียงนี้ ใช่หากนางไม่รอบคอบระมัดระวัง นางคงปีนไม่ถึงตำแหน่งนี้อย่างแน่นอน
ยามค่ำคืน กงอี่โม่กำลังสอนหนังสือกงเจวี๋ยอยู่ เนื่องจากตื่นสายกงอี่โม่จึงกลายเป็นกฮูกเต็มตัว ต้องค่ำมืดดึกดื่นจึงจะเข้านอนอีกทั้งยิ่งมืดเท่าไร นางก็ยิ่งตาสว่างมากเท่านั้น กงเจวี๋ยจึงได้แต่อยู่เป็เพื่อนนาง
สามปีมานี้กงเจวี๋ยเกิดความรู้สึกราวกับถูกจับกรอกวิชาความรู้อยู่บ่อยครั้งเขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพี่จึงมีความรู้มากมายขนาดนี้ทว่าสิ่งที่เขามั่นใจก็คือ แม้จะเป็อาจารย์ที่มีความรู้ที่สุดในสำนักศึกษาหลวงก็ยังมีความรู้ไม่เหมือนที่เสด็จพี่สอนเขาเลย
ทว่าเขาไม่มีทางไปสอบถามเสด็จพี่ว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สิ่งเหล่านี้บางทีนางอาจไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาก็เป็ได้
เมื่อเห็นว่าเป็เวลาดึกแล้วกงอี่โม่จึงเตรียมปล่อยอีกฝ่ายกลับไปพักผ่อน ทว่ากงเจวี๋ยยังคงดูสดใสส่วนซินเอ๋อร์กลับยกขนมเปี๊ยะมงคลเข้ามา ถือเป็อาหารว่างยามดึก
“ขนมเปี๊ยะเหล่านี้ได้มาจากที่ไหนหรือ?” กงอี่โม่กัดขนมชิ้นหนึ่งอยู่ในปาก นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“ได้ยินมาว่าพระสนมลี่ผินที่เพิ่งถวายตัวเข้าวังคลอดพระโอรสนางเป็พระญาติใกล้ชิดของฝ่าา ผูกพันกันมาั้แ่เด็กอีกทั้งใกล้จะถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระพันปีแล้วจึงถือเป็เหตุการณ์มงคลสองงานพร้อมๆ กัน ฝ่าาทรงพอพระทัยมากจึงพระราชทานรางวัลมากมาย แม้กระทั่งตำหนักเย็นของพวกเราก็ยังได้รับบางส่วนนะเพคะ” ซินเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ
ตอนนี้เวลาซินเอ๋อร์เอ่ยปากก็ยังคงใช้น้ำเสียงนุ่มนวลแ่เบาเหมือนเช่นเคยทว่าในตำหนักเย็นแห่งนี้นางมีมนุษยสัมพันธ์ไม่เลวเลยมีคนไม่น้อยอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับกงอี่โม่และกงเจวี๋ยผ่านนางนางจึงแอบสอบถามข้อมูลกลับมาบ้าง จากนั้นจึงมารายงานให้กงอี่โม่ฟัง
เมื่อได้ยินว่าเสด็จพ่อมีพระโอรสอีก สีหน้าของกงเจวี๋ยจึงเคร่งขรึมมากขึ้นเขาอยู่ที่นี่เป็ตายร้ายดีอย่างไรไม่มีใครรู้เลยทว่าทางนั้นกลับมีพระโอรสพระธิดาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กงอี่โม่ตบบ่าเขาเบาๆ เป็การปลอบใจ นางเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม“ปล่อยวางเถอะนะ บางทีเด็กคนนี้อาจมีปัญหาก็ได้”
กงอี่โม่ไม่ใช่คนที่ชอบสาปแช่งผู้อื่นกงเจวี๋ยจึงเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างอดไม่ได้
กงอี่โม่ถอนหายใจพร้อมเอ่ยขึ้น “ลี่ผินเป็ลูกพี่ลูกน้องของฝ่าาซึ่งก็เป็พระญาติใกล้ชิดปกติบุตรที่เกิดจากการแต่งงานระหว่างญาติใกล้ชิดมีโอกาสผิดปกติแต่กำเนิดสูงมาก”
คำพูดของนางทำให้กงเจวี๋ยนิ่งงันไปชั่วครู่เวลานี้ซินเอ๋อร์จึงกล่าวแทรกขึ้น
“เป็เช่นนี้จริงๆ หรือเพคะ? ก่อนข้าเข้าวัง ท่านป้าที่ดีกับข้ามากคลอดบุตรออกมาเป็เด็กปัญญาอ่อนนางเป็ลูกพี่ลูกน้องของสามีนางเช่นกัน” ขณะที่กล่าวนั้นเหมือนนางคิดถึงเื่บางอย่าง สีหน้าดูเ็ป
ตอนนี้กงเจวี๋ยจึงขมวดคิ้ว “นั่นก็หมายความว่าหากเป็การแต่งงานระหว่างญาติใกล้ชิดจึงไม่ควรมีบุตร”เขาเชื่อมั่นในคำพูดของกงอี่โม่เสมอ ทว่าดูเหมือนเขากำลังคิดถึงเื่บางอย่างจากนั้นจึงเอ่ยถาม “หากไม่มีบุตรล่ะ?”
“เหตุใดจึงต้องลำบากถึงเพียงนั้นบนโลกนี้มีสตรีมากมาย แล้วทำไมจึงต้องเลือกญาติใกล้ชิดเท่านั้นล่ะ” กงอี่โม่คลี่ยิ้มพร้อมตบบ่าของเขา
คำพูดของนางทำให้กงเจวี๋ยสั่นสะท้านอยู่ในใจเขามองรอยยิ้มที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมพร้อมคิดอย่างอดไม่ได้แล้วหากจำเป็ต้องเป็ญาติใกล้ชิดเท่านั้นล่ะ?