มีคนมาหาอย่างนั้นหรือ?
ใครจะมาหาเธอถึงที่โรงเรียนกัน เแม่เธอส่งของอะไรมาหรือเปล่า
เหลียงฮวนมาถึงหน้าประตูโรงเรียน พบว่าเป็หญิงสาวคนหนึ่ง แต่งกายค่อนข้างเรียบง่าย เวลายิ้มดูเป็มิตรมาก
“เธอคือนักเรียนเหลียงฮวนหรือ? ฉันเป็แม่บ้านของครอบครัวฝานหาน ฉันอยากถามบางอย่างกับเธอน่ะ”
แม่บ้านของครอบครัวฝานหาน
เหลียงฮวนไม่ทราบว่าผู้หญิงคนนี้มาหาเธอด้วยธุระอะไร
อีกฝ่ายยิ้มแย้มตลอด “พี่สาวเธอใกล้จะแต่งงานกับคุณผู้ชายฝานใช่หรือไม่? ก่อนอื่นฉันขอแสดงความยินดี เื่ราวมันเป็แบบนี้น่ะ ฉันทำงานในบ้านฝานมาหลายปี ฉันเป็แม่บ้านของบ้านฝานั้แ่ตอนคุณแม่ของฝานหานยังอยู่ นี่คุณฝานจะแต่งงานกับพี่สาวเธอแล้ว อีกหน่อยในบ้านจะมีคุณผู้หญิงคนใหม่เข้ามา ฉันอยากถามเกี่ยวกับความชอบส่วนตัวของเธอ... เตรียมพร้อมล่วงหน้า ฝึกฝนฝีมือน่ะ”
เหลียงฮวนฟังแล้วอ้าปากค้าง
บ้านเหลียงยังไม่มีอำนาจและชื่อเสียงถึงขั้นจ้างแม่บ้าน หลิวฟางเองก็ไม่ได้ทำงานประจำอะไร ดังนั้นงานบ้านทั้งหมดจึงตกเป็หน้าที่ของหลิวฟาง
แม่บ้านจำเป็ต้องตั้งใจถวายชีวิตขนาดนี้เลยหรือ ต้องสอบถามความชอบของคุณผู้หญิงล่วงหน้าด้วยหรือ
แม่บ้านย่อมจะทำงานโดยประเมินทัศนคติของเ้าบ้านอยู่แล้ว เหลียงฮวนยิ่งคิดว่าบ้านฝานให้ความสำคัญต่อพี่สาวมาก เธออยากช่วย แต่น่าเสียดายที่นานหลายปีกว่าจะได้พบหน้าหรือร่วมโต๊ะอาหารกับเซี่ยเสี่ยวหลานสักครั้ง เธอจึงไม่รู้ความชอบของเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างแน่ชัด
ทว่าจิ้งจอกเหลียงฮวนยังต้องยืมฤทธิ์เสือ [1] นี่นา จะเปิดเผยความจริงที่ตัวเธอและเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มักคุ้นกันได้อย่างไร
ตอนนี้ไม่สนิท อนาคตต้องเริ่มสนิทได้แล้ว
ทุกครั้งที่มารดาเธอเข้าเมืองก็ไม่ได้พาเธอไปด้วย เหลียงฮวนไม่ได้มีความอดทนอะไรมากนัก เธออยากรีบไปชมร้านเสื้อผ้าหลานเฟิ่งหวงที่ลุงเปิด เธอรอมารดาพาไปไม่ไหวแล้ว เมื่อครู่เพิ่งรับปากพวกเพื่อนนักเรียนหญิงว่าจะไปเที่ยวในเมืองด้วยกันตอนสุดสัปดาห์ไม่ใช่หรือ
รูปลักษณ์ภายนอกของเสียวอวี่หลอกตามาก และเหลียงฮวนไม่คิดว่าจะมีคนกล้าแอบอ้างเป็แม่บ้านตระกูลฝานในเขตเหอตง เธอจึงพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่ายด้วยความเอื้ออารี
“ความชอบของพี่สาวฉันเยอะแยะจะตาย ฉันจำได้ที่ไหนกัน คุณจะลองไปถามเธอเองไหมเล่า? สุดสัปดาห์นี้ฉันจะเข้าเมืองไปเจอเธอพอดี”
เสียวอวี่ยินดีปรีดาอย่างยิ่ง “จริงหรือ? น้องเหลียงฮวน ขอบคุณเธอจริงๆ !”
เสียวอวี่อ่อนน้อมถ่อมตนเหลือเกิน แถมกล่าวชมเชยเหลียงฮวนอีกมากมาย หว่านล้อมเหลียงฮวนจนเบิกบาน
เธออ้อนวอนให้เหลียงฮวนเก็บเป็ความลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากคนอื่นรู้เข้า โดยเฉพาะถ้าบ้านฝานรู้ อาจไม่โปรดที่เธอทำงานไม่เฉลียวพอและไล่เธอกลับบ้านเกิดได้
“น้องเหลียงฮวน ฉัน้างานนี้มากจริงๆ นะ”
น้ำเสียงของเสียวอวี่แทบสะอึกสะอื้น เหลียงฮวนรู้สึกว่าตนเองสำคัญราวกับมีอำนาจบงการชะตาชีวิตของผู้อื่นได้ จิตใจหลงตัวเองได้รับการเติมเต็มจนอิ่มเอม จึงรับปากเสียวอวี่ว่าจะรักษาความลับให้อย่างเบิกบาน
นี่จะเป็เื่ไม่ดีอะไรได้เล่า แค่พาแม่บ้านไปเอาใจเซี่ยเสี่ยวหลานเท่านั้น เหลียนฮวนยังไม่อยากเสียหน้าไปประจบประแจงพี่สาว มีคนเอาใจแทนเธอ ก็พึงพอใจกันทั้งสองฝ่ายมิใช่หรือ?
เสียวอวี่มองแผ่นหลังของเหลียงฮวน จากนั้นหลุบตาลงเพื่อซ่อนความคิดของตนเอง
ได้ยินว่าก่อนหน้านี้บ้านเหลียงอยากยกเหลียงฮวนให้ตระกูลฝาน ทว่าฝานเจิ้นชวนไม่ถูกใจ เื่ราวเลยจบลงแบบคาราคาซังอยู่ ช่างน่าเสียดายโดยแท้ หากคนที่แต่งงานคือเหลียงฮวน เสียวอวี่ยังต้องกังวลอะไรอีกหรือ?
ไม่รู้ว่าพี่สาวของเหลียงฮวนเป็คนมีปูมหลังแบบไหน
ดังนั้นเสียวอวี่จึงตัดสินใจจะไปสืบเสาะด้วยตนเอง
----------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีสายตาของพระผู้เป็เ้า เื่ราวที่เกิดขึ้นของสองตระกูลเหลียงกับฝาน เธอไม่รับรู้โดยสิ้นเชิง
ตอนนี้เธอกำลังจดจ่อกับการอ่านตำราเท่านั้น ทุกวันจะตื่นนอน 6 โมงเช้า ล้างหน้าแปรงฟันรับประทานอาหารเช้า หลังจากนั้นท่องงานวรรณกรรมจีนหรือโจทย์รัฐศาสตร์ ท่องจนกระทั่งเกือบ 7 โมง 20 เธอก็ขี่จักรยานออกไปยังมหาวิทยาลัยซางตู
เมื่อมาถึงห้องสมุดมหาวิทยาลัยซางตูเพิ่ง 7 โมง 50 นาที รอด้านนอกห้องสมุดสักครู่ นึกแบบแผนการทบทวนบทเรียนสำหรับหนึ่งวัน ไม่นานห้องสมุดก็เปิดแล้ว เธอบริหารเวลาได้ดี เื่แอบงีบหลับไม่มีอยู่ด้วยซ้ำ เธอมาเฝ้ารอหน้าประตูห้องสมุดล่วงหน้าอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้จะไม่ได้ที่นั่งได้อย่างไร
เซี่ยเสี่ยวหลานอ่านหนังสือในห้องสมุดซางต้า [2] ได้เพียงสองวัน ก็ทำเอาเหล่านักศึกษาชายของซางต้าวุ่นวายอยู่ไม่สุขแล้ว
นักเรียนมัธยมปลายปีสามมีความกดดันในการสอบเข้าเรียน แล้วนักศึกษามหาวิทยาลัยซางตูมีความกดดันอะไรหรือ? การเรียนไม่ได้สุขสบายง่ายดายก็จริง แต่ห่างชั้นจากนักเรียนเตรียมสอบไกลโข หลายคนเริ่มมีความรักในมหาวิทยาลัย เป็ไปไม่ได้ที่จะอุทิศฮอร์โมนอันพลุ่งพล่านให้แก่งานวรรณกรรมและการเรียนทั้งหมด มักมีนักศึกษาชายที่เห็นนักศึกษาสาวสวยแล้วแข้งขาอ่อนแรงอยู่ร่ำไป
และเซี่ยเสี่ยวหลานก็สวยจับใจเหลือเกิน
นักศึกษาเหล่านี้มิได้พุ่งตัวเข้าไปคุกคามทันทีที่เห็นสาวงาม พวกเขาสงวนท่าทีเป็อย่างมาก อยากใช้บทกวีกับระยะทางห่างไกลสร้างความประทับใจต่อเซี่ยเสี่ยวหลานสักหน่อย
วันที่สาม บนที่นั่งประจำของเซี่ยเสี่ยวหลาน มีคนเขียนคำกลอนให้เธอ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีเซลล์ความรู้ด้านวรรณกรรมสักเท่าไร เธอแผ่กลิ่นอายของสาวสายวิทย์ออกมาจากในกระดูกเลยทีเดียว
สำหรับบทกลอนร่วมสมัย เธอยิ่งชื่นชมไม่เป็เข้าไปใหญ่ พวกนี้มันคืออะไรกันนี่? อ่านแล้วก็ไม่ทำให้คะแนนวิชาภาษาจีนของเธอเพิ่มขึ้นเลยสักนิด ถ้ามีเวลาว่างสนทนากับคนอื่นว่าคำกลอนเขียนอย่างไร เธอท่องบทเรียนวิชาภาษาจีนเพิ่มสองบทไม่ดีกว่าหรือ! บทกลอนถูกเซี่ยเสี่ยวหลานทิ้งลงถังขยะทั้งหมด เธอมุ่งมั่นจริงจังในทุกๆ วัน อยู่ในส่วนค้นคว้าเองของห้องสมุดก็มีแต่อ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัด บางครั้งลุกขึ้นมาหาข้อมูลจากชั้นหนังสือบ้าง ชีวิตซ้ำซากน่าเบื่อ... ไม่สิ สำหรับนักเรียนหญิงจิ้มลิ้มพริ้มเพรา การกระทำเช่นนี้ไม่เรียกว่าน่าเบื่อ แต่เรียกว่าจริงจัง
ตอนทำแบบฝึกหัดก็ยังสวยเหลือเกิน
ในเมื่อไม่ได้รับจดหมายรักของใคร เช่นนั้นแสดงว่าทุกคนล้วนมีโอกาส
เนื่องจากเคยเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานสนทนากับจั๋วน่าในมหาวิทยาลัย ไม่ทันไรก็มีคนรู้เื่ราวเกี่ยวกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ที่แท้เป็รุ่นน้องเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย คลายสงสัยแล้วว่าทำไมหนังสือที่เธออ่านคือแบบเรียนมัธยมปลายทั้งหมด
รุ่นน้องก็ไม่เสียหาย เกิดเ้าตัวสอบเข้าซางต้าในปีนี้เล่า?
มาอ่านหนังสือเองถึงห้องสมุดซางต้าได้ แปลว่าคงชอบซางต้ามากทีเดียว บทกลอนใช้ไม่ได้ หน้าตาหล่อเหลาก็ไม่รอด ขัดรองเท้าหนังจนขึ้นเงา เสื้อผ้าสะอาดเรียบแปล้ ยังสู้สมองมีความรู้ไม่ได้... นักศึกษามหาวิทยาลัยต่างเคยผ่านเกาเข่ามาแล้ว ใครจะไม่รู้บ้างว่าเกาเข่าสำคัญขนาดไหน ในขณะที่ยังสอบไม่ติดมหาวิทยาลัย คาดว่ารุ่นน้องคงไม่ชายตาแลเพศตรงข้ามแม้แต่น้อย
ถึงกระนั้นเพศตรงข้ามที่ผลการเรียนดีย่อมไม่เหมือนกัน
ช่ำชองการประพันธ์เขียนคำกลอนเก่งจะมีประโยชน์อะไรเล่า ยังจำสูตรเคมีได้ไหม? ทฤษฎีบทฟิสิกส์ท่องขึ้นใจได้หรือเปล่า!
นักศึกษาใหม่ปีหนึ่งได้เปรียบที่สุด ปีสองกับปีสามลืมเลือนความรู้มัธยมปลายไปบ้างแล้ว ปีหนึ่งเพิ่งร่วมสอบเกาเข่าในปีก่อน ความทรงจำต่อสูตรและทฤษฎีต่างๆ นานาย่อมชัดเจนแม่นยำมาก ส่วนคนที่ผลการเรียนแย่? นักเรียนเรียนห่วยจะนั่งตำแหน่งข้างกายของรุ่นน้องคนสวยเพื่ออะไรเล่า!
เริ่มแรกเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่รู้สึกตัวว่าที่นั่งข้างๆ ตนต้องถูกโดยผู้มีความรู้ความสามารถเท่านั้น แค่เธอทำโจทย์ติดขัดเล็กน้อย หน้านิ่วคิ้วขมวดขบคิดอยู่สักพัก ก็มีใครเดินผ่านตัวเธอไปอย่างละมุนละม่อม
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนส่งเศษกระดาษมา
เซี่ยเสี่ยวหลานนึกว่าเป็บทกลอนไร้ที่มาที่ไปอีกแล้ว เธอไม่มีอารมณ์อ่านในเวลาแบบนี้หรอกนะ
แต่สิ่งที่เขียนบนกระดาษมันไม่ใช่กลอน กลับกลายเป็วิธีคำนวณของแบบฝึกหัด
มีแนวทางในการคำนวณ มีองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง เซี่ยเสี่ยวหลานเงยหน้ามอง ผู้คนที่ล้อมรอบกายที่มีท่าทีราวกับกำลังหงุดหงิด จะมีก็เพียงนักศึกษาชายร่างเล็กหนึ่งเดียวที่ดูภูมิใจมาก
คนคนนี้แก้โจทย์ให้เธอ?
เซี่ยเสี่ยวหลานมองเขา นักศึกษาชายร่างเล็กใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำ
เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มแย้มขอบคุณอีกฝ่าย เพียงเท่านี้นักศึกษาชายแทบลอยแล้ว
เฮอะ นายตอบคำถามได้คนเดียวหรือ โจทย์นี้พวกเราก็ทำได้ แค่แย่งโอกาสมาไม่ได้เท่านั้น!
นักศึกษาชายทั้งกลุ่มอยากจับเพื่อนร่างเล็กผู้ชิงอวดเก่งก่อนใครทุบสักยก น้องสาวเธอช่วยมองพวกเราหน่อย ฉันเก่งคณิตศาสตร์ ฉันฟิสิกส์เลิศ เคมีของฉันเป็ที่หนึ่ง... เริ่มจากเพียงกระดาษแผ่นนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานได้อาจารย์พิเศษที่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มจำนวนมาก
อาจารย์พวกนี้ไม่้าเงินทอง ที่พากันเบียดเสียดอยู่ในห้องสมุด ก็เพื่อรอให้เซี่ยเสี่ยวหลานเลือกตน
หอพักนักศึกษาหญิงเล่าเื่นี้กันเป็เื่ขำขัน พอข่าวแพร่ไปถึงหูจั๋วน่า จั๋วน่าไม่พูดไม่จาอยู่นานสองนาน—พวกทำธุรกิจค้าขายฉลาดหลักแหลมที่สุดจริงๆ เซี่ยเสี่ยวกำลังหลานวางแผนนี้อยู่แน่นอน นักศึกษาชายซางต้าก็ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย รุ่นพี่กงตกหลุมพรางเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว ตอนนี้เธอยังได้ยื่นอุ้งมือมารไปยังคนอื่นอีก!
เชิงอรรถ
[1]狐假虎威 จิ้งจอกยืมฤทธิ์เสือ เดิมหมายถึง ข่มเหงรังแกคนโดยหยิบยืมอำนาจของผู้อื่น ในที่นี้ เหลียงฮวนไม่ได้จะไปกดขี่ใคร เธอแค่ต้องพึ่งพาสถานะของเซี่ยเสี่ยวหลานหลังจากได้แต่งงานกับฝานเจิ้นชวน
[2]商大 ซางต้า คือ ชื่อย่อของมหาวิทยาลัยซางตู มาจาก 商都 (อ่านว่า ซางตู) และ 大学 (อ่านว่า ต้าเสว๋)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้