มู่หรงฉือพูด “ไม่ต้องมากพิธี” นางเอ่ยให้พวกเขาลุกขึ้น ก่อนจะถามด้วยความร้อนใจ “ตอนนี้เสด็จพ่อเป็อย่างไรบ้าง?”
หมอหลวงเสิ่นคือหัวหน้าสำนักหมอหลวง มีทักษะทางการแพทย์สูงส่ง เขาโค้งตัวตอบ “ฝ่าาหมดสติไปยังไม่ฟื้นเลยพ่ะย่ะค่ะ...”
“พวกเ้าไม่ใช่หมอที่มีความสามารถที่สุดหรอกหรือ? เสด็จพ่อทรงประชวรด้วยโรคอะไร เหตุใดจึงยังไม่ฟื้น? พวกเ้าพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วจริงหรือ?”
นางต่อว่าหมอหลวงด้วยน้ำเสียงโกรธจัดเพียงเพราะเป็กังวลมากเกินไป
หมอหลวงเสิ่นใจนเหงื่อผุดพรายบนหน้าผาก เอ่ยตอบมู่หรงฉือ “เตี้ยนเซี่ยทรงอย่าร้อนใจ พวกกระหม่อมกำลังหารือกัน ที่ฮ่องเต้กระอักเืแล้วหมดสติไปในครั้งนี้เป็เพราะว่าอวัยวะภายในอ่อนล้า หัวใจอ่อนแอ...”
ในความเป็จริงแล้ว ร่างกายของฮ่องเต้ได้ถูกยาอายุวัฒนะที่ว่ากันว่าทำให้มีอายุยืนยาวไม่แก่เฒ่ากัดกินจนกลวงไปแล้ว ร่างกายอ่อนแออย่างยิ่ง จะสามารถรอดพ้นจากความตายนี้ได้หรือไม่คงต้องแล้วแต่ลิขิต์
“ไร้ความสามารถ! ไม่ได้เื่!”
มู่หรงฉือโกรธมากกว่ายามปกติ เสียงตวาดของนางดังราวกับสายฟ้าฟาด
หมอหลวงทั้งหกต่างพากันคุกเข่าก้มหน้า “พวกกระหม่อมไร้ความสามารถพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวกุ้ยเฟยคอยมองอยู่ด้านข้าง ก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทางน่ารักน่าชัง “องค์รัชทายาทอย่าได้ทรงพิโรธไปเลย พวกเขาได้ทำการช่วยเหลือฝ่าาอย่างสุดความสามารถแล้วเพคะ”
มู่หรงฉือจ้องนางด้วยสายตาเ็า สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินเข้าไปในห้องบรรทม
เซียวกุ้ยเฟยไม่ได้เก็บการกระทำนั้นมาใส่ใจ นางยกยิ้มเย็น อย่างไรเสียองค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพาผู้นี้ก็เป็บุคคลไร้ความสามารถที่แสนขี้ขลาด ไม่มีทางที่จะมาขัดขวางนางให้เสียเื่ได้
หรูอี้ที่ติดตามเตี้ยนเซี่ยเดินมาตรงหน้าเตียง เห็นหยวนซุ่นข้าหลวงที่ดูแลข้างกายฮ่องเต้ยืนอยู่ จึงเข้าไปสะกิดเขาแล้วพูดคุยกันเสียงเบา
มู่หรงฉือมองพระบิดาที่นอนดวงหน้าขาวซีด ไร้สีสันของการมีชีวิตอยู่ หยดน้ำตาร้อนที่เอ่อคลออยู่พลันไหลออกมา
“เสด็จพ่อ…”
ความจริงแล้วในใจของนางก็รู้ดี ร่างกายของเสด็จพ่อย่ำแย่ลงทุกวัน สิ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะพวกนั้นทำให้ร่างกายของเสด็จพ่อว่างเปล่า แต่นางพูดโน้มน้าวไปก็ไม่มีประโยชน์ เสด็จพ่อไม่มีทางฟังนาง
ไม่รู้ว่าเซียวกุ้ยเฟยให้เสด็จพ่อดื่มยาเสน่ห์อะไร เหตุใดเสด็จพ่อจึงอยากมีอายุยืนยาวไม่แก่เฒ่า คอยตามหานักพรตที่หลอมยาอายุวัฒนะที่ทำให้อายุยืนได้ เมื่อสี่ปีก่อน ไม่รู้ว่าเซียวกุ้ยเฟยไปเสาะหานักพรตจากไหนมาให้เสด็จพ่อ ชายผู้นี้เรียกตนเองว่านักพรตเทียนเฟิง เขามาหลอมยาอายุวัฒนะให้เสด็จพ่ออยู่เป็ประจำ
ั้แ่ตอนนั้นเสด็จพ่อก็ลุ่มหลงอยู่กับยาอายุวัฒนะ วันทั้งวันเอาแต่ขลุกอยู่กับเซียวกุ้ยเฟย ฝันหวานว่าอายุของตนจะยืนยาวไม่แก่เฒ่า
เสด็จพ่อไม่สนใจราชสำนัก เลอะเลือนไร้ความสามารถ ทั้งยังลุ่มหลงในกามารมณ์ คำตำหนิมากมายถูกพูดต่อกันไปอย่างลับๆ ท่ามกลางเหล่าขุนนางในราชสำนัก หากไม่มีผู้สำเร็จราชการแทนที่ควบคุมอำนาจทั้งหมด แคว้นต้าเยี่ยนคงจะตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว
มู่หรงฉือไม่รู้ว่าเสด็จพ่อจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไร แต่ว่านางไม่มีทางปล่อยให้เสด็จพ่อเป็เช่นนี้ต่อไปเป็แน่
“องค์รัชทายาท ก่อนที่ฝ่าาจะกระอักเื ฝ่าาได้ทานยาอายุวัฒนะของนักพรตเทียนเฟิงลงไป บอกว่าเป็กุยหยวนตัน” หยวนซุ่นกล่าวเสียงเบา
“ตอนนั้นเซียวกุ้ยเฟยก็อยู่ด้วยหรือ?” นางถามเสียงเย็น
“กุ้ยเฟยก็อยู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ นักพรตเทียนเฟิงบอกว่า ขอแค่เสวยกุยหยวนตันเข้าไปก็จะมีกำลังวังชาดุจัพยัคฆ์ แข็งแกร่งเหนือคนหนุ่มพ่ะย่ะค่ะ”
“หลังจากนั้นเล่า?”
“หลังจากฝ่าาเสวยกุยหยวนตันเข้าไป ก็อุ้มกุ้ยเฟยขึ้นเตียง... จากนั้นหนูฉายจึงถอยออกมาจากตำหนักใหญ่พ่ะย่ะค่ะ” หยวนซุ่นก้มหน้าลงอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“เป็เช่นนี้นี่เอง” แววตาของมู่หรงฉือทอประกายสังหาร
หรูอี้เห็นองค์รัชทายาทแผ่ไอสังหารออกมาก็รีบปลอบ “เตี้ยนเซี่ยอย่ากริ้วไปเลยเพคะ เราจะประมาทไม่ได้นะเพคะ”
มู่หรงฉือเดินออกไปด้านนอกด้วยความเร็วราวกับสายลม เมื่อมาถึงด้านนอกตำหนักใหญ่ก็ตวาดออกมา “องครักษ์อยู่ที่ใด?”
ตอนนั้นเอง กลุ่มองครักษ์ที่คอยเฝ้ารักษาการณ์อยู่ด้านนอกก็พากันพุ่งเข้ามา คนที่เป็หัวหน้าเอ่ยถาม “องค์รัชทายาท้ารับสั่งสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“นักพรตเทียนเฟิงมีเจตนาชั่ว วางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อ จิตใจชั่วช้าคิดแผนการร้าย ปะาเขาเสีย! เซียวกุ้ยเฟยใช้เสน่ห์ยั่วยวนทำให้เสด็จพ่อทอดทิ้งราชสำนัก พระองค์ทำลายกฎหมายของราชสำนักก็เพราะกุ้ยเฟยผู้นี้ ความผิดนี้ใหญ่หลวงนัก ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ ปะานางเสีย!”
เสียงดังฟังชัดขององค์รัชทายาททำให้ใบหน้าหล่อเหลาราวถูกฉาบไว้ด้วยความมืดครึ้มอึมครึม
ทุกคนต่างใจนหน้าถอดสี องค์รัชทายาทที่แสนขี้ขลาดมาั้แ่เยาว์วัย ตอนนี้กลับแสดงอำนาจออกมาแล้ว
ในกลุ่มองครักษ์ของตำหนักชิงหยวน มู่หรงฉือได้ส่งคนของตัวเองเข้ามาด้วย ดังนั้นองครักษ์เหล่านี้จึงฟังคำสั่งของนาง
องครักษ์ครึ่งหนึ่งรับคำสั่งแล้วไปจับกุมนักพรตเทียนเฟิงมา อีกครึ่งหนึ่งก็เข้าไปยังตำหนักใหญ่จับกุมเซียวกุ้ยเฟย
เซียวกุ้ยเฟยในคราแรกยังตื่นตระหนก แต่เพียงไม่นานนางก็สงบลง แล้วเดินออกมาจากตำหนักใหญ่ “องค์รัชทายาทมีสิทธิ์อะไรมาสั่งปะาเปิ่นกง?”
“ก็ใช้สิทธิ์ที่เปิ่นกงเป็องค์รัชทายาทอย่างไรเล่า” มู่หรงฉือหมุนตัวกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึง
“เปิ่นกงยังเป็กุ้ยเฟยอยู่” เซียวกุ้ยเฟยยกริมฝีปากแย้มยิ้มเย็น แอบครุ่นคิดว่า วันนี้องค์รัชทายาทผู้นี้ไม่เหมือนแต่ก่อนเลยจริงๆ ราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคน
“เอาตัวนางไป!” มู่หรงฉือออกคำสั่งเสียงเข้ม สตรีผู้นี้จิตใจโเี้ชั่วร้าย ไม่อาจเก็บนางเอาไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้! หากพวกเ้ากล้าแตะต้องตัวเปิ่นกงเพียงปลายเส้นผม รอฝ่าาทรงฟื้นขึ้นมาแล้ว เปิ่นกงจะทำให้หัวของพวกเ้าไม่เหลืออยู่ที่บ่า!”
เซียวกุ้ยเฟยตวาดออกมาด้วยท่าทีดุดัน ทำให้บรรยากาศรอบข้างเครียดขึง
องครักษ์เ่าั้ไม่กล้าเดินขึ้นไปด้านหน้า มองหน้ากันไปมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
หลายปีมานี้ ในบรรดาเฟยผิน คนที่ฝ่าาโปรดปรานเพียงคนเดียวก็คือเซียวกุ้ยเฟย ถึงแม้วังหลังจะไม่มีฮองเฮา แต่นางก็คือฮองเฮาที่คอยดูแลวังหลัง กุมชีวิตของเฟยผินทุกคน คอยปรนนิบัติฝ่าาให้เกษมสำราญ ฝ่าาเองก็ทรงปกป้องนาง คอยตามใจและเอาอกเอาใจนาง ไม่เคยให้นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเลยสักนิด หลายครั้งคำสั่งของนางก็คือคำสั่งของฝ่าา ปากของนางก็คือพระโอษฐ์ของฮ่องเต้
ใบหน้าเล็กของมู่หรงฉือโกรธจนเริ่มดำ “เอาตัวนางไป!”
เซียวกุ้ยเฟยหัวเราะเสียงเย็น “ในวังนี้ใครๆ ก็รู้ว่าฝ่าาไม่โปรดองค์รัชทายาท พระองค์อ่อนแอไร้ความสามารถ ไม่เอาจริงเอาจัง ไม่อาจรับผิดชอบตำหนักบูรพาได้ ช้าเร็วอย่างไรฝ่าาย่อมต้องจัดการพระองค์”
ทุกคนตรงนั้นต่างตกตะลึงจนตัวชา เซียวกุ้ยเฟยกล้าหาญชาญชัยเกินไปแล้วหรือไม่ ถึงกับกล้าพูดประโยคที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดินออกมาเช่นนี้
เซียวกุ้ยเฟยผู้นี้เองก็กล้าจัดกับการองค์รัชทายาทงั้นหรือ?
จะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินแล้วอย่างนั้นหรือ?
แต่ว่า หลายปีมานี้ความสัมพันธ์ของฮ่องเต้กับองค์รัชทายาทย่ำแย่มาโดยตลอด สองพ่อลูกทะเลาะกันหลายครั้ง คนในวังต่างก็เคยได้เห็นได้ยิน การที่ฝ่าาจะจัดการกับองค์รัชทายาทก็ใช่ว่าจะเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้
หรูอี้เองก็โกรธจัด รู้สึกน้อยใจแทนองค์รัชทายาท
แต่มู่หรงฉือกลับไม่โกรธ ทั้งยังพูดด้วยท่าทางเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “หากเซียวกุ้ยเฟยคลอดโอรสสักคนก็คงจะดี จะได้หลอกล่อให้เสด็จพ่อมอบตำแหน่งองค์รัชทายาทให้กับบุตรชายของเ้า แต่น่าเสียดายนัก เพราะดูเหมือนท้องของเ้าจะไม่ได้เื่สักเท่าไร”
เซียวกุ้ยเฟยอายุมากกว่านางเจ็ดปี ฝีมือและความคิดของนางย่อมจัดการไม่ได้ง่ายๆ
เซียวกุ้ยเฟยตอกกลับ “หากเปิ่นกงได้เื่ขึ้นมา องค์รัชทายาทก็คงจะกินไม่ได้นอนไม่หลับแล้วกระมัง”
เสียง ‘ชิ้ง’ ดังขึ้น เป็เสียงของกระบี่แหลมถูกชักออกจากฝัก
มู่หรงฉือชักกระบี่ออกมาจากเอวทันที แล้วตวัดปลายแหลมไปยังหน้าผากของเซียวกุ้ยเฟย
คนที่ถูกกระบี่จ่อหน้าผากถึงกับใตาค้าง ราวกับไม่กล้าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกระทำเช่นนี้จริงๆ นางกรีดร้องเสียงแหลมออกมา “กรี๊ด…”
ตอนที่ปลายกระบี่ห่างจากหน้าผากของนางเพียงแค่คืบ พลันมีมีดเล็กเล่มหนึ่งที่ไม่รู้บินมาจากไหนโจมตีเข้าที่ปลายกระบี่ของมู่หรงฉือ
เสียงดังเคร้ง ทำให้ปลายกระบี่สั่นไหว
มีดเล่มนั้นแฝงไว้ด้วยกำลังภายในอันแข็งแกร่งจนมู่หรงฉือไม่อาจจับกระบี่ยาวเอาไว้ ได้แต่ปล่อยให้มันร่วงหล่นลงพื้น
วินาทีแห่งความเป็ความตาย อันตรายเหลือเกิน
เมื่อเก็บชีวิตน้อยๆ ของตนกลับมาได้ เซียวกุ้ยเฟยถึงกับหอบหายใจอย่างแรง ดวงหน้างามเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
มู่หรงฉือถลึงตามองด้วยความโมโห ผู้ที่กล้ามาขวางนางสังหารคน อีกทั้งยังสามารถทำได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
เป็อย่างที่นางคิดจริงๆ เป็เขา!
มู่หรงอวี้เดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยด้วยท่าทีนิ่งสงบแต่ทรงอำนาจ
“ถวายบังคมท่านอ๋อง”
ข้าราชบริพารทั้งหมดและองครักษ์พากันคุกเข่าลง หมอหลวงทั้งหกโค้งตัวคำนับ แสดงความเคารพแก่มู่หรงอวี้
ที่วังหลวง ในราชสำนักทั้งนอกใน ณ ตอนนี้ไม่มีใครกล้าไม่ให้ความเคารพแก่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน
สีหน้าของมู่หรงฉือห่อเหี่ยว นางพยายามอย่างมากที่จะสะกดกลั้นความเกลียดชังที่ปะทุขึ้นมาให้กลับลงไป
เซียวกุ้ยเฟยมองบุรุษแสนองอาจผู้นั้นด้วยสายตาหลงใหล
มู่หรงอวี้โบกมือให้ทุกคนลุกขึ้นยืน จากนั้นถามหมอหลวงเสิ่นเสียงต่ำ “ฝ่าาเป็อย่างไรบ้าง?”
“ฝ่าายังไม่ฟื้นขึ้นมาเลยพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงเสิ่นเหงื่อแตกพลั่ก ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อด้วยความหวั่นวิตก
“ชายชราผู้นี้คือหมอเทวดาเสวี่ย” มู่หรงอวี้แนะนำชายชราที่อยู่ด้านหลังอย่างให้เกียรติ “ลำบากหมอเทวดาเสวี่ยแล้ว”
มู่หรงฉือดีใจ ชายชราท่านนี้ก็คือหมอเทวดาเสวี่ยผู้เป็หมอที่เก่งกาจที่สุดในตอนนี้น่ะหรือ?
ข่าวลือบอกว่า ไม่มีใครที่หมอเทวดาเสวี่ยช่วยชีวิตไว้ไม่ได้ เว้นแต่คนที่เขาไม่อยากช่วย
ข่าวลือบอกว่า หากเขาไม่อยากรักษาใคร ถึงจะฆ่าเขาให้ตายเขาก็ไม่รักษาให้
ข่าวลือบอกว่า ทุกปีเขาจะรักษาคนแค่สามคนเท่านั้น อีกทั้งล้วนเป็คนที่ป่วยหนักใกล้ตายทั้งสิ้น
“หมอเทวดาเสวี่ย โปรดช่วยเสด็จพ่อของเปิ่นกงด้วย” หัวใจของนางเริ่มมีประกายแห่งความหวังขึ้นมา
“เชิญพวกท่านรอด้านนอก กระหม่อมจะเข้าไปดูอาการของฮ่องเต้” หมอเทวดาเสวี่ยเดินช้าๆ เข้าไปในตำหนัก
เซียวกุ้ยเฟยมองไปทางมู่หรงอวี้ด้วยสายตาหลงใหล อ่อนโยนจนแทบจะมีน้ำหยดลงมา
มู่หรงฉือเห็นภาพนี้แล้วก็ครุ่นคิด ดูเหมือนว่าข่าวลือจะไม่ผิด มู่หรงอวี้กับเซียวกุ้ยเฟยแอบมีความสัมพันธ์กันจริงๆ
หาไม่แล้ว เขาก็คงไม่มีทางมาช่วยชีวิตเซียวกุ้ยเฟยเป็แน่
“ท่านอ๋อง องค์รัชทายาทจะสังหารเปิ่นกงเพคะ”
เซียวกุ้ยเฟยพูดเสียงน้อยอกน้อยใจ ออดอ้อนเสียจนมู่หรงฉือขนลุกขนชัน
นางกลอกตาอย่างหมดคำจะพูด นี่ เสด็จพ่อยังไม่ตาย เ้าก็มายั่วยวนบุรุษอื่นแล้วงั้นหรือ?
“องค์รัชทายาท เหตุใดเ้าถึงจะฆ่าเซียวกุ้ยเฟย?” มู่หรงอวี้ถามเสียงเรียบ
“เสด็จพ่อกระอักเืจนหมดสติไป เป็เพราะนางกับนักพรตเทียนเฟิง” นางเล่าเื่ก่อนที่เสด็จพ่อจะหมดสติไปอย่างง่ายๆ ให้เขาฟังรอบหนึ่ง “เซียวกุ้ยเฟยกับนักพรตเทียนเฟิงร่วมมือกัน วางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อ เจตนาที่วางแผนชั่วร้ายของพวกเขาปรากฏชัดเจน กระทำความผิดใหญ่หลวงเช่นนี้ยังไม่สมควรตายอีกหรือ?”
“ท่านอ๋อง เปิ่นกงจะไปวางแผนลอบปลงพระชนม์ฝ่าาได้อย่างไร? ฝ่าาเป็พระสวามีของเปิ่นกง เปิ่นกงถูกใส่ร้ายเพคะ” เซียวกุ้ยเฟยพูดเสียงอ่อน ทำกิริยาใสซื่อน่าสงสารดั่งผู้ถูกกระทำ “แต่ก่อนฮ่องเต้ก็ทรงเสวยยาอายุวัฒนะเช่นกัน ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้ฝ่าากระอักเืหมดสติไป ก็ไม่รู้ว่าสาเหตุคืออะไรเช่นกัน เปิ่นกงกังวลใจแทบแย่เลยนะเพคะ”
“องค์รัชทายาท เื่นี้คงจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเซียวกุ้ยเฟยอย่างที่เ้าเข้าใจ” มู่หรงอวี้เอ่ยเสียงเรียบ
มู่หรงฉือโกรธจนแทบกระอักเลือก แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย
หากเขายืนกรานจะปกป้องคนผู้หนึ่งแล้ว วันนี้ไม่ว่าอย่างไรนางก็ลงมือสังหารคนผู้นั้นไม่ได้
ในตอนนั้นเองที่องครักษ์จับตัวนักพรตเทียนเฟิงมา เมื่อเห็นเซียวกุ้ยเฟย ลูกตาของนักพรตเทียนเฟิงพลันกลอกไปมาก่อนจะเอ่ยวิงวอน “กุ้ยเฟย พระองค์จะต้องช่วยกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะวางแผนลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ได้อย่างไร? กระหม่อมซื่อสัตย์ต่อฝ่าามาโดยตลอด มีใจเพียงจะหลอมยาอายุวัฒนะให้ฝ่าาเท่านั้น…”
“ยาอายุวัฒนะที่เ้าหลอมมาทำให้ฝ่าากระอักเืจนหมดสติไป ยังจะกล้าแก้ตัวอีกหรือ?” เพื่อแสดงตัวว่าตนไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเขา เซียวกุ้ยเฟยจึงต่อว่าเขา “เ้าเติมสิ่งใดลงไปในยาอายุวัฒนะให้ฝ่าาเสวย?”
“ไม่ได้เติมอะไรที่ผิดแปลกเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมใส่ส่วนผสมตามปกติพ่ะย่ะค่ะ” เขารู้ว่าเขากลายเป็แพะรับบาปแล้ว และรู้ว่านางไม่มีทางสนใจความเป็ความตายของตนเป็แน่ จึงคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนให้ไว้ชีวิต “ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตผู้น้อยด้วย องค์รัชทายาทไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย กระหม่อมไม่ได้ลอบปลงพระชนม์จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ…”
แน่นอน เขารู้ว่าช้าเร็วอย่างไรฝ่าาก็จะต้องกระอักเื เพราะว่าเขาค่อยๆ ปรุงยาอายุวัฒนะเพื่อกัดกร่อนร่างกายของฝ่าา เดิมทีเขาวางแผนออกจากวังั้แ่เมื่อวาน อย่างไรเสียก็ได้เงินทองมามากพอแล้ว แต่เขาคิดว่าวันนี้จะเข้ามาถวายยาอายุวัฒนะเม็ดสุดท้ายให้ฝ่าา นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเื่ขึ้นมาเสียก่อน อยากจะหนีก็หนีไม่พ้นเสียแล้ว
ั์ตาของเซียวกุ้ยเฟยเต็มไปด้วยความโศกเศร้า หากแต่แท้จริงแล้วนางไม่ได้สนใจผู้ใดเลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้