โจวเฉิงรู้สึกอาลัยอาวรณ์
เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้สึกว่า่เวลาที่อยู่ด้วยกันนั้นสั้นเกินไป เธอกำลังทบทวนตนเอง จะปฏิเสธความดีของโจวเฉิงเพียงเพราะความแตกต่างในแิเื่ความรักและการแต่งงานไม่ได้
รอพบกันคราวหน้าเธอค่อยสนทนาอย่างละเอียดกับโจวเฉิงอีกครั้ง การอยู่ด้วยกันของคนสองคน ก็คือการประนีประนอมและโอนอ่อนผ่อนตามทั้งสองฝ่าย
ระหว่างทางกลับที่พักจากหน่วยงานของโจวเฉิง คังเหว่ยแก้ต่างแทนโจวเฉิงด้วยความระมัดระวัง “คนอย่างต่งลี่ลี่น่ะ รู้สึกกับพี่เฉิงจื่ออยู่ฝ่ายเดียว มีคางคกอยากกินเนื้อหงส์ถมเถไป คนที่พี่เฉิงจื่อชอบคือเธอนะพี่สะใภ้ เขาไม่แม้แต่จะมองผู้หญิงพวกนั้นด้วยซ้ำ! โจวอี๋ก็ด้วย เป็แค่ลูกพี่ลูกน้อง จะตัดสินใจแทนพี่เฉิงจื่อได้เชียวหรือ?”
คังเหว่ยเปรียบเทียบต่งลี่ลี่ว่าเป็คางคก เพื่อเย้าแหย่ให้เซี่ยเสี่ยวหลานหัวเราะ
อันที่จริงใครๆ ล้วนทราบดี ไม่ว่าอย่างไรต่งลี่ลี่ก็ไม่ถือว่าเป็คางคก
เซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิด “ธรณีประตูบ้านโจวสูง [1] เธอช่วยบอกฉันหน่อย สูงขนาดไหนกัน?”
คำถามพวกนี้ไม่ควรถามโจวเฉิง เซี่ยเสี่ยวหลานจึงถามคังเหว่ยและเส้ากวงหรงเสียเลย ลุงของเส้ากวงหรงทำงานที่เทศบาลเมืองซางตู ทว่าเส้ากวงหรงอยู่ต่อหน้าโจวเฉิงก็มิได้มีท่าทีจองหอง เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเดาว่าครอบครัวโจวเฉิงอาจน่ายำเกรงกว่าตระกูลเส้า หรืออย่างน้อยก็เท่าเทียมเสมอกัน
คังเหว่ยกับเส้ากวงหรงผลัดกันส่งผลัดกันรับ แนะนำคนในครอบครัวโจวเฉิงเสียยกใหญ่
ต่อให้ชาติก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานเป็ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทข้ามชาติ คาดว่าก็ยังไม่ตรงกับมาตรฐานการเลือกลูกสะใภ้ของบ้านโจวอยู่ดี และไม่สงสัยเลยที่ต่งลี่ลี่จะหยิ่งผยองมั่นใจเสียขนาดนั้น ถ้าว่ากันด้วยความเหมาะสมทั้งสถานะทางสังคมและฐานะทางการเงิน อันที่จริงกระทั่งต่งลี่ลี่ก็ยังถือว่าบกพร่อง
นับประสาอะไรกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ถ้ายึดเกณฑ์ความเหมาะสมกันทุกอย่าง เธอทำได้เพียงลบบัญชีทิ้งแล้วลงเล่นใหม่ คอยชมว่าเลือกเกิดดีๆ ได้หรือเปล่า?
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ยี่หระเท่าไร
ยังคงคำไหนคำนั้น เธอไม่ได้ร้องขอจะเข้าตระกูลโจวเสียหน่อย คนตระกูลโจวคิดอย่างไรต่อเธอก็ไม่ต้องนำมาใส่ใจ เมื่อคนเรามีความ้า ย่อมใคร่ครวญมากขึ้น เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยคิดถึงเื่จะแต่งงานกับโจวเฉิง เมื่อไม่ใส่ใจแล้วทำไมต้องนำเื่ของอนาคตมาเป็ปัญหาล่วงหน้าเล่า?
เซี่ยเสี่ยวหลานสอบถามเกี่ยวกับวงศ์ตระกูลของโจวเฉิง และอยากถามถึงวิถีการปฏิบัติตนของครอบครัวโจวเฉิงด้วย
“หากฉันไม่เลิกกับโจวเฉิง คนบ้านโจวจะมาหาเื่ครอบครัวฉันไหม?”
คังเหว่ยรู้ทัศนคติของกวนฮุ่ยเอ๋อ คิดๆ แล้วทัศนคติของคนอื่นในตระกูลโจวคงไม่ต่างกันมากนัก ไม่พอใจคนรักของโจวเฉิง อย่างมากก็แค่ไม่ยอมรับ แสร้งว่าไม่เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานคนนี้เท่านั้น หรือกดดันโจวเฉิง ทำให้โจวเฉิงขอเลิกราเอง
ข้ามหน้าโจวเฉิงไปสร้างความวุ่นวายแก่ครอบครัวฝ่ายหญิง?
คังเหว่ยวิเคราะห์นิสัยของเหล่าผู้าุโตระกูลโจวในใจอยู่พักหนึ่ง คิดว่าการทำเช่นนั้นไม่สมกับวิสัยในการจัดการธุระของตระกูลโจว
เส้ากวงหรงก็รับประกันอีกแรง “พี่สะใภ้ ครอบครัวอย่างพวกเรานี้ คนมีเหตุผลมากกว่าพวกไม่มีอยู่แล้ว พูดถึงเื่ของเธอกับพี่เฉิง ถ้าบ้านโจวไม่พอใจ ก็ทำได้แค่กดดันพี่เฉิงให้ขอเลิกกับเธอ คนสองคนคบกันปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังนะ มาก่อกวนเธอจะมีประโยชน์อะไร?”
ก่อกวนฝ่ายหญิงไปจะมีประโยชน์อะไรเล่า แถมนิสัยแบบโจวเฉิงนั่น ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
ถ้าครอบครัวไม่พอใจ ก็ต้องควบคุมลูกชายบ้านตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน
คังเหว่ยและเส้ากวงหรงล้วนพูดเช่นนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงสบายใจขึ้น
ตราบใดที่ตระกูลโจวไม่ก่อความวุ่นวายกับครอบครัวเธอ การคบหาดูใจกับโจวเฉิงนี่นะ เธอจะต้องกลัวใครอีก?
คนที่เธอหวั่นกลัวมากที่สุด ก็คือคนประเภทมุทะลุเหมือนติงอ้ายเจิน ไม่ชอบเซี่ยเสี่ยวหลานจนถึงขั้นใช้วิธีสกปรกคอยขัดแข้งขัดขา! เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้คิดมาก ตอนนี้เธอคิดว่าเธอกับโจวเฉิงเกิดความเห็นที่ขัดแย้งกันในด้านจังหวะของความรักและการแต่งงาน ดังนั้นแค่แก้ไขปัญหานี้ก็พอแล้ว
โจวเฉิงชอบเธอเสียขนาดนั้น แถมคิดดีแล้วว่าจะพาเธอกลับบ้านเพื่อพบผู้ใหญ่ ปีหน้าพออายุถึงเกณฑ์ก็แต่งงาน แม้แิของเขาจะต่างจากเซี่ยเสี่ยวหลาน ทว่าหลังความร้อนรนในตอนแรกของเธอผ่านไป ความรู้สึกที่ค่อยๆ ลอยเข้ามาในใจก็ยังคงเป็ความยินดี
เซี่ยเสี่ยวหลานนอนหลับสบายยิ่งนัก
แต่คืนนี้ รวมโจวเฉิงแล้ว มีคนมากมายต้องนอนไม่หลับ!
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าเธอและโจวเฉิงจำเป็ต้องแก้ไขปัญหาแิในด้านการแต่งงานที่ไม่ลงรอยกัน
แต่ในสายตาของใครหลายคน เธอคือสิ่งที่จำเป็ต้องโดน ‘แก้ไข’ ต่างหาก พอเธอออกจากห้องอาหาร ‘อู่เหรินไป่ซิ่ง’ โจวเฉิงก็ตามออกไปด้วย ส่วนคังเหว่ยและเส้ากวงหรงไม่อยู่ต่อเช่นกัน โจวเฉิงปกป้องเซี่ยเสี่ยวหลานเสียเหลือเกิน ไม่ไว้หน้าต่งลี่ลี่แม้แต่น้อย คนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“ลี่ลี่ ตอนนี้พวกเราจะไปไหน?”
“ลี่ลี่ เธออย่าเสียใจไปเลย ตอนนี้โจวเฉิงหน้ามืดตามัว...”
ไม่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะสวยขนาดไหน แต่คนกลุ่มนี้สนิทสนมกับต่งลี่ลี่มากกว่าอยู่ดี มิตรภาพที่ทุกคนเล่นด้วยกันั้แ่เล็กจนโต จะแปรพักตร์ไปยืนข้างเซี่ยเสี่ยวหลานเพียงเพราะว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวยได้เสียที่ไหน? แต่หลักๆ คือเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่ให้โอกาสทีมพวกเขาเช่นกัน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ประจบประแจงพวกเขา ต่อให้น้ำเสียงอ่อนโยนแล้วอย่างไร เธอไม่คิดเอาพวกเขามาใส่ใจด้วยซ้ำ
โจวเฉิงไม่ใช่ธรรมดา
ทว่าทุกคนก็ไม่ถึงกับต้องอาศัยโจวเฉิงกินข้าว
ตอนนี้โจวเฉิงปกป้องเซี่ยเสี่ยวหลาน พวกเขาคิดว่าไม่เห็นเป็อะไร
แน่นอนว่าถ้าโจวเฉิงเก่งกาจกว่านี้ หรือเซี่ยเสี่ยวหลานเลื่อนสถานะจากแฟนสาวกลายเป็ลูกสะใภ้ตระกูลโจว คนพวกนี้ไม่มีทางสนความขัดเคืองเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ในใจ และไม่สนว่าจะสนิทสนมกับต่งลี่ลี่มากเพียงใดด้วย พวกเขาคงจะเสนอตัวไปมาหาสู่กับเซี่ยเสี่ยวหลานเองแน่นอน
ต่งลี่ลี่กลับอดกลั้นไม่ตามออกไป วันนี้เธออับอายพอแล้ว ยังจะวิ่งออกไปรอโดนโจวเฉิงหักหน้าอีกหรือ?
คนมากมายขนาดนี้มาเพื่อสนับสนุนเธอ พฤติกรรมของพวกเขาทำให้ทางห้องอาหารไม่พอใจอย่างหนักแล้ว พอมีคนถามว่าจะไปไหน ต่งลี่ลี่ก็โบกมือ
“ไม่ไปไหนทั้งนั้น คืนนี้ฉันเลี้ยง เชิญทุกคนลองกินอาหารญี่ปุ่นนี่ดู!”
ห้องอาหารเปิดทำการได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนเต็ม ต่งลี่ลี่เองก็ไม่เคยมารับประทานเหมือนกัน
คนจำนวนสิบกว่า อาหารญี่ปุ่นจานเล็กๆ แม้ไม่ได้รับประทานอย่างตะกละตะกลาม แต่ใบเสร็จสุดท้ายก็ทำเอาต่งลี่ลี่หน้าเขียวเลยทีเดียว
เธอไม่มีเงินมากขนาดนี้!
ใครจะพกเงินสดมากขนาดนี้ติดตัวกัน?
หากทั้งกลุ่มรับประทานอาหารที่เหล่าโม่ [2] รวมค่าสุราแล้ว ในกระเป๋าพกเงิน 200 หยวนนั้นก็เพียงพอแล้ว อาหารญี่ปุ่นนี่แพงกว่าเหล่าโม่เสียอีก ตัวต่งลี่ลี่ไม่มีเงินสดติดตัวมากขนาดนั้น รวมเงินของโจวอี๋ก็ยังไม่พอ สุดท้ายหลายคนยังคงต้องควักเงินลงขันอยู่ดี ไม่มีใครพูดอะไร ทว่าตอนต่งลี่ลี่เดินออกจากโรงแรมปักกิ่งเธอแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีให้ได้
คืนนี้มันเลวร้ายเหลือทนจริงๆ !
“ลี่ลี่ โจวอี๋ ไว้เจอกันนะ”
“เจอกันใหม่นะลี่ลี่”
ไว้พบกันใหม่เถอะ รีบไปกันเสียให้หมด ตอนนี้เธอไม่อยากพบใครทั้งสิ้น
โจวอี๋ฝืนทนไม่ไหวแล้ว พอคนไปกันหมดถึงได้ประคองต่งลี่ลี่ ต่งลี่ลี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่นานสองนาน “โจวอี๋ กินข้าวมื้อเดียวที่นี่มันแพงแบบนี้ จิ้งจอกนั่นต้องอาศัยโจวเฉิงกว่าจะได้ปรากฏตัวในโรงแรมปักกิ่งไม่ใช่หรือ? เด็กบ้านนอกแบบยายนั่น ทำไมกินของเหมือนพวกเราได้ แถมเสื้อผ้าที่หล่อนใส่อยู่นั่น คงไม่พ้นโจวเฉิงซื้อให้ทั้งตัวสินะ หล่อนกำลังสูบเืโจวเฉิงแน่!”
โจวอี๋คิดว่าต่งลี่ลี่พูดถูก ถ้าไม่มีโจวเฉิง เด็กสาวชนบทคนหนึ่งจะโผล่มาเข้าๆ ออกๆ สถานที่แบบเดียวกับพวกเธอได้ที่ไหน?
แต่คำกล่าวนี้โจวอี๋ลำบากใจที่จะพูดต่อ ไม่ว่าสูบเืโจวเฉิงหรือไม่ คนนอกเห็นแล้วโกรธเคืองก็จริง แต่ไม่อาจหักห้ามความยินยอมของโจวเฉิงเองได้
ยังไม่ทันพูดอะไร จู่ๆ ต่งลี่ลี่ก็ร้องไห้ออกมา
เมื่อครู่มีคนมากเธอจึงเสียหน้าไม่ได้ ตอนนี้เหลือกันแค่สองคน ต่งลี่ลี่อดกลั้นไม่ไหวแล้ว! ระหว่างโจวอี๋กับต่งลี่ลี่มิใช่มิตรภาพเพียงผิวเผิน ปกติต่งลี่ลี่เป็คนลำพองอวดดียิ่งนัก เวลานี้ร่ำไห้อย่างสุดแสนน่าสงสาร โจวอี๋พลอยทนไม่ได้ไปด้วย
เธอกัดฟัน “อย่าร้องไห้เลย ฉันจะช่วยเธออีกครั้ง”
เชิงอรรถ
[1]门槛高 ธรณีประตูสูง เมื่อธรณีประตูยิ่งสูง เวลาก้าวข้ามเข้าบ้านก็จะยิ่งใช้แรงมากขึ้น นำมาเปรียบเทียบว่า ตั้งเกณฑ์ของการทำบางสิ่งบางอย่างไว้สูง เช่น การเข้าทำงาน การเข้ามหาวิทยาลัย ในที่นี้คือ เกณฑ์ของการเป็สะใภ้ตระกูลโจว
[2]老莫 เหล่าโม่ เป็ชื่อเล่นของ 莫斯科餐厅 ซึ่งแปลว่า ห้องอาหารมอสโก เป็ห้องอาหารที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ปักกิ่ง ให้บริการอาหารรัสเซียเป็หลัก ยังมีอาหารแบบอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และอิตาลีด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้