หมี่หลันเยว่ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ต่อความประหลาดใจของรองรัฐมนตรีหลี่ สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้คือ พยายามแสดงความจริงใจอย่างชัดเจนที่สุด และพยายามได้รับการยอมรับจากรองรัฐมนตรีหลี่ ส่วนจะได้บ้านสี่ประสานมาหรือไม่ ก็คงต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว
“คุณลุงหลี่ รบกวนคุณลุงแล้วค่ะ วันนี้อุตส่าห์สละเวลามาพบพวกเราที่ยังเด็กขนาดนี้ แต่หนูก็มีความตั้งใจจริงนะคะ บ้านของคุณลุงตรงกับความ้าของหนูมาก ดังนั้น ถ้าเป็ไปได้ หนูก็อยากจะซื้อมันมา หวังว่าจะตกลงกันได้ด้วยดีค่ะ”
หมี่หลันเยว่รู้ว่ารองรัฐมนตรีหลี่มีเวลาน้อย เธอจึงไม่พูดอ้อมค้อม เพราะนี่ไม่ใช่การขอความช่วยเหลือ แต่เป็เพียงการซื้อขายที่มีวันจบ หมี่หลันเยว่ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับคุณลุงอีกต่อไป สำหรับผู้นำระดับนี้ หมี่หลันเยว่ตัดสินใจที่จะอยู่ห่างๆ อย่างเคารพ เพราะพวกเธอไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
การเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากเกินไปไม่ได้มีประโยชน์อะไร แถมยังทำให้คุณลุงคิดว่าเธอมีเจตนาแอบแฝง ซึ่งจะเป็ผลเสียต่อเื่ในวันนี้ สู้ตัดบทเข้าเื่โดยตรง เปิดเผยทุกอย่างออกไปจะดีกว่า
“คุณลุงลองพิจารณาดูนะคะ ในเมื่อคุณลุงก็อยากขาย พวกเราก็อยากซื้อ หวังว่าเราจะให้โอกาสซึ่งกันและกันค่ะ”
ความไม่หยิ่งผยองของหมี่หลันเยว่ ทำให้รองรัฐมนตรีหลี่สนใจเด็กสาวคนนี้มากขึ้นไปอีก
“สาวน้อย เธอเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมว่าทำไมถึงอยากซื้อบ้านหลังนี้ ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็ไรนะ แต่ถ้าพูดได้ ฉันก็อยากจะฟัง ยังไงซะ ครอบครัวเราก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มานาน ถึงฉันจะไม่ค่อยได้กลับไปอยู่ แต่พ่อแม่ของฉันก็อยู่ที่นั่น จะว่าไปมันก็มีความผูกพันอยู่บ้าง ฉันก็อยากจะรู้ว่าบ้านหลังนี้จะถูกนำไปใช้ทำอะไรต่อไป เผื่อว่าเมื่อฉันกลับมาที่เมืองนี้อีกครั้ง อาจจะแวะกลับไปดูบ้าง”
รองรัฐมนตรีหลี่อธิบายเหตุผลที่ถามออกไป คนที่ติดตามคุณลุงมาด้วยต่างแอบมองเขาด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนว่าเด็กสาวคนนี้จะมีความพิเศษในสายตาของรองรัฐมนตรีหลี่จริงๆ ด้วยความเย่อหยิ่งของผู้มีอำนาจ รองรัฐมนตรีหลี่ไม่ค่อยจะปูพื้นก่อนถามใคร
“ไม่มีอะไรพูดไม่ได้ค่ะ คุณลุงหลี่ คืออย่างนี้ค่ะ หนูและพี่ชายสอบเข้ามหาวิทยาลัยชิงหวาได้ในปีนี้ แต่บ้านไม่ได้อยู่ในเมืองปักกิ่ง ก็เลยอยากจะมีที่พักที่สะดวกสบาย ส่วนเหตุผลที่อยากจะซื้อบ้านใหญ่ก็คือ หนูมีห้องแถวอยู่ในตัวเมือง หนูเลือกบ้านใหญ่เพราะอยากจะมีที่สำหรับผลิตเสื้อผ้าค่ะ”
รองรัฐมนตรีหลี่ไม่คิดว่าเด็กสาวจะไม่มีความระแวดระวังเลย
“เธอพูดเื่พวกนี้กับฉันหมดเลยเหรอ ไม่กลัวว่าฉันจะฉวยโอกาสขึ้นราคา ทำให้เธอเสียเงินเปล่าๆ หรือไง ในเมื่อตอนนี้เรายังไม่ได้ตกลงกันเลยนะ”
หมี่หลันเยว่ยิ้ม
“ถ้าคุณลุงไม่พูด หนูคงจะกังวลไปแล้ว แต่ตอนนี้คุณลุงพูดออกมา หนูสบายใจแล้วค่ะ ที่จริงความคิดของหนูไม่มีอะไรพูดไม่ได้ เพราะระหว่างเราไม่มีความขัดแย้งกัน”
“การที่หนูเปิดโรงงานกับการที่คุณลุงได้ขายบ้าน ไม่ได้มีความขัดแย้งกันเลยสักนิด ดังนั้นหนูจึงไม่กลัวว่าคุณลุงจะรู้ และคุณลุงก็ไม่ใช่คนที่ไม่รักษาสัญญา หนูเชื่อมั่นในคุณธรรมของคุณลุงมากค่ะ ในโทรศัพท์ เราได้ข้อตกลงเบื้องต้นกันแล้ว หนูคิดว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
“อีกอย่าง หนูไม่กลัวว่าคุณลุงจะขึ้นราคา เพราะหนูสามารถให้ได้แค่ราคานี้เท่านั้น ตอนแรกหนูไม่ได้ต่อราคาของคุณลุง เพราะหนูคิดว่าราคาที่คุณลุงบอกนั้นสมเหตุสมผล ในเมื่อคุณลุงมีความจริงใจ หนูก็ต้องแสดงความจริงใจออกมา แต่ถ้าคุณลุงเปลี่ยนคำพูดจริงๆ หนูก็คงไม่มีอะไรจะพูดแล้วค่ะ”
รองรัฐมนตรีหลี่มองรอยยิ้มที่ฉลาดแกมโกงของหมี่หลันเยว่ เขาก็ยิ้มออกมา เด็กสาวคนนี้ไม่ได้แค่มีอะไรน่าสนใจ แต่มีอะไรน่าสนใจมากจริงๆ คนที่กล้าพูดกับเขาแบบนี้ มีไม่มากนัก แต่คำพูดของเด็กสาวไม่ได้ทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองเลยแม้แต่น้อย
“ในเมื่อเธอมีความจริงใจขนาดนี้ แน่นอนว่าฉันก็ต้องมีความจริงใจเหมือนกัน”
รองรัฐมนตรีหลี่ส่งคำพูดของหมี่หลันเยว่คืนให้ หมี่หลันเยว่ยิ้ม เธอรู้ว่าคุณลุงนี้จะไม่เปลี่ยนใจ ดูจากการที่คุณลุงไม่ได้จัดการกับผู้เช่าบ้านของคุณลุงอย่างง่ายดาย ก็รู้ว่าคุณลุงมีเส้นแบ่งในการใช้ชีวิต
“แต่ว่านะ เสี่ยวหลันเยว่ เธอมีความตั้งใจที่จะซื้อบ้านของฉันมากขนาดนี้ ฉันก็มีเื่ที่ต้องบอกให้เธอรู้เหมือนกัน เธอเคยไปบ้านสี่ประสานหลังใหญ่ของฉันแล้ว ไม่รู้ว่าเธอรู้หรือเปล่าว่าพ่อแม่ของฉันปล่อยเช่าบ้านหลังนั้น ตอนนี้น่าจะมีผู้เช่าอาศัยอยู่ประมาณสิบกว่าครอบครัว”
หมี่หลันเยว่พยักหน้า แสดงว่าเธอรู้เื่นี้
“เธอก็น่าจะรู้ว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะย้ายออก บ้านหลังนี้ของฉันประกาศขายมานานแล้ว บอกให้พวกเขาย้ายออกไปหลายครั้งแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อน”
“เพราะงั้น ถ้าเธอซื้อบ้านหลังนี้ ผู้เช่าพวกนี้อาจจะทำให้เธอปวดหัวหน่อย แต่สถานะของเธอจัดการได้ง่ายกว่าฉัน ฐานะของฉันไม่อนุญาตให้เอารัดเอาเปรียบประชาชน ดังนั้นถึงฉันจะเป็ฝ่ายถูก แต่ก็จัดการกับพวกเขาไม่ได้”
หมี่หลันเยว่ไม่คิดว่าคุณลุงหลี่จะบอกเื่ทั้งหมดนี้ให้เธอฟังอย่างชัดเจน โดยไม่ได้ปิดบังอะไรเลย เธอยิ่งเคารพคุณลุงคนนี้มากขึ้นไปอีก คนคนนี้ไม่ว่าเื่อื่นจะเป็ยังไง แต่แน่นอนว่าเป็ผู้นำที่ดีที่ทำเพื่อประชาชน ผู้คนภายใต้การปกครองของคุณลุง ถือว่ามีบุญแล้ว
รองรัฐมนตรีหลี่เห็นว่าหมี่หลันเยว่ยังคงมีสีหน้าสงบ ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าในใจ เด็กสาวคนนี้มีความอดทนจริงๆ เขาพูดเื่นี้ออกมา เธอไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย ถ้าไม่ได้เห็นหน้าตาของเธอ คงไม่มีใครเชื่อว่าเธอจะอายุยังน้อยขนาดนี้ กลับดูเหมือนคนที่ผ่านเื่ราวมามากมาย
“หลันเยว่ เธออย่าคิดว่าเื่นี้เป็เื่เล็ก ถึงเธอจะแจ้งความกับตำรวจได้ แต่ฉันก็ยังหวังว่าจะแก้ไขด้วยสันติวิธีได้ดีที่สุด ยังไงซะ การที่เื่ราวบานปลายจนถึงขั้นต้องแจ้งความ ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับทั้งสองฝ่าย ถ้าไม่ใช่เพราะเื่นี้ ฉันคงแจ้งความไปนานแล้ว”
“ถึงเธอจะไม่ใช่ข้าราชการ เป็แค่ประชาชน แต่เธอก็ต้องทำธุรกิจ การมีเื่วุ่นวายให้น้อยลงจะเป็ผลดีต่อเธอในอนาคต ตอนนี้เธอยังเด็ก อาจจะกังวลเื่พวกนี้น้อย แต่พอเธอโตขึ้นเธอจะรู้ว่าหลายๆ เื่ ในอีกหลายปีข้างหน้า อาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเธอได้”
“โดยเฉพาะ ตอนที่เธอประสบความสำเร็จ เื่เล็กๆ น้อยๆ ในอดีต จะถูกขุดคุ้ยขึ้นมา เื่เล็กน้อยเพียงนิดเดียว จะถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน จะไม่มีใครคิดว่าตอนนั้นเธอเป็แค่คนธรรมดาที่ไม่มีใครรู้จัก และจะไม่มีใครคิดว่าสิ่งที่เธอทำในตอนนั้นไม่ได้ผิดอะไร แต่พวกเขาจะมองว่าเธอไม่มีน้ำใจ สนใจแต่ผลประโยชน์”
“แต่ถึงเธอจะคับแค้นใจแค่ไหน ก็ไม่สามารถโต้แย้งได้ เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว เธอได้ตัดสินใจไปแล้วจริงๆ ดังนั้น ก็ถือว่าฉันในฐานะผู้าุโให้คำแนะนำเธอแล้วกัน ถ้าหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับคนอื่นได้ ก็ให้หลีกเลี่ยงให้มากที่สุด ไม่มีใครรู้ว่าใครจะเดินไปได้ไกลและสูงแค่ไหน”
หมี่หลันเยว่ลุกขึ้น โค้งคำนับให้รองรัฐมนตรีหลี่ด้วยความเคารพ
“ขอบคุณคุณลุงหลี่ค่ะ คำพูดของคุณลุงในวันนี้ หมี่หลันเยว่จะจดจำไว้ นี่คือคำแนะนำที่เป็ประโยชน์อย่างยิ่งค่ะ หมี่หลันเยว่จะจดจำมันไว้ในใจอย่างแน่นอน”
การแสดงออกของหมี่หลันเยว่ ทำให้รองรัฐมนตรีหลี่รู้สึกว่า คำพูดของคุณลุงไม่ได้เสียเปล่า คุณลุงไม่ได้ใจดีขนาดที่จะต้องคอยแนะนำใครต่อใคร คุณลุงแค่รู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้มีศักยภาพที่ประเมินค่าไม่ได้จริงๆ ตอนนี้คุณลุงพูดอะไรไปสองสามคำ อาจจะช่วยให้เธอเดินไปได้มั่นคงขึ้น แล้วทำไมคุณลุงจะไม่ทำ ในเมื่อมันเป็เพียงการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
“เอาล่ะ ถ้าเธอไม่รังเกียจว่าฉันพูดมาก ก็ถือว่าเธอตัดสินใจที่จะซื้อบ้านหลังนี้แล้วใช่ไหม”
หมี่หลันเยว่พยักหน้า
“ใช่ค่ะ คุณลุงหลี่ บ้านสี่ประสานหลังนี้เป็บ้านที่หนูพอใจค่ะ”
รองรัฐมนตรีหลี่ทำท่าทางให้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ คุณลุง
“เหล่าหวัง เอาสัญญาและโฉนดที่ดินออกมาให้เธอดูสิ”
ชายที่อยู่ข้างๆ เปิดกระเป๋าเอกสารทันที นำเอกสารข้างในออกมา ยื่นไปตรงหน้าหมี่หลันเยว่
“สหายหมี่หลันเยว่ นี่คือโฉนดที่ดินของบ้านสี่ประสานของรองรัฐมนตรีหลี่ นี่คือสัญญาซื้อขาย ถ้าคุณไม่มีข้อโต้แย้ง ก็เซ็นชื่อได้เลย สัญญาจะมีผลบังคับใช้ทันที”
หมี่หลันเยว่รับเอกสารมา ดูอย่างละเอียด ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ จึงส่งให้เจิ้งซวี่เหยา
สายตาของรองรัฐมนตรีหลี่เป็ประกาย ดูเหมือนว่าหลานชายของเลขานุการเจิ้งจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเด็กสาวคนนี้ ไม่ได้เป็แค่คนกลางที่ติดต่อประสานงานเท่านั้น เด็กสาวคนนี้ให้ความไว้วางใจเขาอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น รองรัฐมนตรีหลี่จึงรู้สึกว่าคำแนะนำของเขาเมื่อสักครู่คุ้มค่าอย่างยิ่ง
“เอ่อ คุณลุงหลี่ หนูขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
ขณะที่หมี่หลันเยว่กำลังจะเซ็นชื่อ ก็เงยหน้าขึ้นถาม รองรัฐมนตรีหลี่รีบพยักหน้า
“ถามมาสิ มีอะไร”
“คืออย่างนี้ค่ะ คุณลุงหลี่ ผู้เช่าที่อยู่ในบ้านสี่ประสานของเรา ตอนที่เช่าบ้านก็ต้องมีสัญญาด้วยใช่ไหมคะ แล้วตอนนี้สัญญาพวกนั้นอยู่ที่ไหน หนูต้องใช้สัญญาพวกนั้นทำเื่กับพวกเขาค่ะ”
การเชิญผู้เช่าเ่าั้ออกไป ถึงจะรู้ว่าพวกเขาเตรียมตัวย้ายบ้านแล้ว แต่กระบวนการก็คงไม่ง่าย เพราะการเช่าก็ต้องมีสัญญา หากมีสิ่งนี้ การที่จะเชิญพวกเขาออกไปก็ถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว
“เื่นั้นเธอไม่ต้องกังวล สัญญาของพวกเขาหมดอายุไปนานแล้ว แค่ดื้อดึงจะอาศัยอยู่ในบ้านของเราต่อ ไม่ยอมย้ายออก พวกเขาอยากจะต่อสัญญา แต่ครอบครัวเราคงไม่ยินยอม เพราะงั้นถึงพวกเขาจะมีสัญญาอยู่ในมือ ก็เป็สัญญาที่หมดอายุไปแล้ว ไม่เป็ภัยคุกคามต่อเธอแน่นอน ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่บอกว่าเหตุผลอยู่ข้างเรา”
เมื่อได้ยินว่าผู้เช่าเ่าั้ไม่มีสัญญา หมี่หลันเยว่ยิ้มจนปากแทบจะผิดรูป ต้องบอกว่าชาวบ้านเหล่านี้กล้ามากจริงๆ ถ้าเจอผู้นำที่แข็งกร้าว ไม่ต้องถึงกับไม่สมเหตุสมผล แค่เจอคนที่สมเหตุสมผลหน่อย พวกเขาก็ไม่มีโอกาสชนะเลยสักนิด ถือว่าพวกเขาโชคดีที่เจอคนที่ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขา
“เรียบร้อยค่ะ เซ็นเสร็จแล้ว คุณลุงหลี่ งั้นเราไปทำเื่เปลี่ยนชื่อใน่บ่ายเลยดีไหมคะ ไม่ทราบว่าคุณลุงสะดวกไหม ถ้าสามารถจัดการได้ใน่บ่าย หนูจะจ่ายเงินให้คุณลุงตอนนี้เลย ถือว่าจบเื่กันไปเลยค่ะ ง่ายดี”
หมี่หลันเยว่คิดว่าจะจัดการเื่ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด การผัดวันประกันพรุ่งไม่ได้เป็ผลดีต่อเธอ
“ได้สิ ยัยหนูคนนี้เป็คนตรงไปตรงมาดี เหล่าหวัง เอาโฉนดที่ดินให้เธอไป ถือติดตัวไว้ นายไปกรมที่ดินกับเธอใน่บ่าย จัดการเื่ให้เรียบร้อย”
เมื่อโฉนดที่ดินเข้าไปอยู่ในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กของเธอ หมี่หลันเยว่ก็ยกนิ้วทำสัญลักษณ์ตัววีในใจ บ้านสี่ประสานหลังนี้ ถือว่าได้มาแล้ว
